Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 200 ร่ายรําโกลาหลพันปี

ตอนที่ 200 ร่ายรําโกลาหลพันปี

 

ภายใต้ประกายแสงสายฟ้า,ผมทั่วทั้งหัวของเซี่ยวเฉินลุกขึ้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้โดนสายฟ้าซัดเข้า,แต่สายฟ้าก็ เติมเต็มไปทั่วในอากาศผิวของเขาเต็มไปด้วยไฟฟ้าสถิต

 

ไม่นะ! เซี่ยวเฉินอุทานขึ้นในใจ พอคิดว่าสติปัญญาของงวอัสนี้สูงมากถึงเพียงนี้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนมันยิ่งสายฟ้าออกมาอย่างมั่วสุ่มไม่มีรูปแบบ,แท้จริงแล้วมันยิงออกมาอ ย่างมีจังหวะ มันทําให้สายฟ้าค่อยๆมารวมตัวกัน

 

“โซว!”

 

เส้นสายฟ้าหนาขนาดเท่าแขนเก้าเส้นรวมตัวกันในอากาศมันดูราวกับเสาเก้าตนพุ่งขึ้นไปและค่ํายันท้องฟ้าเอาไว้เส้นสายฟ้าพุ่งตรงเข้าใส่เซียวเฉิน

 

“โล่อัสนีสวรรค์!”

 

ความเร็วของสายฟ้ารวดเร็วเกินไป,นอกจากนั้นมันยังรวมเข้ามาจากทั่วทิศทาง แม้แต่ทักษะเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดก็ไม่อาจหลบพวกมันได้พันเซียวเฉินไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับ

 

“ชี ชี ชี ชี

 

เสาสายฟ้าขนาดใหญ่ทั้งเก้าต้นส่งเสียง “ชี ชี” ออกมา เมื่อมันเจอกับโลอัสนีสวรรค์ โล่อัสนีสวรรค์มีความสามารถในการดูดกลืนธาตุสายฟ้าแต่พลังของสายฟ้านี่มันมากเกินไป

 

มันกันไว้ได้ชั่วครู่หนึ่งก่อนที่จะแตกสลายสายฟ้าที่เหลืออยู่ซัดเข้าใส่ร่างของเซี่ยวเฉินร่างกายของเซี่ยวเฉินส่งเสียง “เปรี้ยะ เปรี้ยะและเสื้อผ้าของเขาทั้งหมดฉีกขาด

 

มันเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดของเขากระแสไฟฟ้ายังคงไหลกระโดดอยู่บนผิวหนังของเขา

 

ช่างโชคดี,โล่อัสนีสวรรค์ดูดซับสายฟ้าไปกว่าครึ่งพลังอํานาจของมันลดลงไปอย่างชัดเจน เซี่ยวเฉินไม่ได้บาดเจ็บจนถึงชีวิต

 

เซี่ยวเฉินอดทนต่อความเจ็บปวดพร้อมกับกระโดดขึ้นไปในอากาศและเข้ามาถึงด้านข้างของงัวอัสนี หลัง จากที่มันใช้ไพ่ตามของมันออกไป, การเคลื่อนไหวของมันก็อ่อนลง หากเขาปล่อยให้มันฟื้นกําลังกลับขึ้นมา,เขาจะเปลืองเวลาไปอีกมาก

 

“สยายปีกร่ายรําโกลาหลพันปี!”

 

แขนของเซี่ยวเฉินกวาดไปรอบๆและเปลี่ยนทักษะต่อสู้ที่ต้องใช้ดาบให้กลายเป็นใช้กําปั้นร่างของเขาเรืองแสงออกมาพร้อมกับสายลมโห่ร้องจากกําปั้นของเขาภายในพริ บตาเขาปล่อยหมักไปที่งัวอัสนีนับพันครั้ง

 

“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!” แต่ละหมักแบกพลังอย่างน้อย 2,000 กิโลกรัมเมื่อมันซัดเข้าที่ร่างของงัวอัสนี มันร้องออกมาอย่างเจ็บปวดแต่กระนั้นไม่มีอะไรที่มันสามารถทําได้เมื่อเซี่ยวเฉินเคลื่อนไหวมาด้วยความเร็วสูงสุด

 

“ตายซะ!”

 

เมื่อร่ายรําโกลาหลพันปีจบลงเซียวเฉินก็ลงมาที่ด้า นข้างของงัวอัสนีจุดปราณเฟิงหยานที่ฝ่ามือขวาของเขาเปิดออกและมังกรฟ้าที่อยู่ข้างในก็กลายเป็นลูกบอลแสงสี ฟ้าก่อนที่มันจะห่อหุ้มแขนขวาของเซียวเฉินเอาไว้

 

เซี่ยวเฉินสามารถสัมผัสได้ถึงพลังในมือของเขาเหมือนเมื่อวานในทันที

 

เสียงกรอบแกรบดังออกมาจากร่างของงัวอัสนีและอวัยวะภายในของมันทั้งหมดแหลกเหลวร่างอันใหญ่โตของมันถูกกระแทกกลับไปหลายสิบเมตร

 

เลือดสีดําทะลักออกมาจากปากของมันงัวอัสนีตกตายไป

 

เซี่ยวเฉินนั่งลงขัดสมาธิและค่อยๆสลายพลังสายฟ้าที่ตกค้างอยู่ในร่างของเขา วังวนน้ําที่จุดตันเที่ยนของเขาหมุนเวียนอย่างรวดเร็วและพลังปราณพลุ่งพล่านดูดกลืนสายฟ้าที่หลงเหลืออยู่ในเส้นปราณของเขาในทันที

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินลุกขึ้นและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ จากนั้นเขาก็ตรงไปที่สมุนไพรระดับ 6-เถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตเขาค่อยๆเก็บมันขึ้นมาและวางเอาไว้ในแหวนห้ วงจักรวาล

 

หลังจากนั้นเขาก็เหลือบไปมองงัวอัสนีก่อนที่จะค่อยๆเดินเข้าไปเขาหยิบเอามีดเล็กออกมาและเริ่มชําแหละมัน ร่างของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 เต็มไปด้วยมูลค่า,เซี่ยวเฉินไม่อาจปล่อยให้มันสูญเปล่า

 

โดยเฉพาะเขาสีเงินของงัวอัสนี มันน่าจะมีอายุมาหลายสิบปีและเต็มไปด้วยพลังสายฟ้า มันสามารถนําไปใช้ทําอาวุธกระดูกธาตุสายฟ้ามูลค่าของมันไม่ได้น้อยไปกว่าเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิต

 

เซียวเฉินหยิบเอาขวดหยกออกมาและเก็บเลือดของมันเขาดึงเอาแก่นกลางของมันออกมาและแบ่งชิ้นส่วนต่างๆของงัวอัสนีเขาจากไปอย่างพึ่งพอใจหลังจากเสร็จธุระที่นี่

 

เซี่ยวเฉินแต่เดิมคิดจะอยู่ต่อให้นานกว่านี้และไล่เก็บสมุนไพรในบริเวณโดยรอบ อย่างไรก็ตามการต่อสู่เมื่อครู่ได้ถึงดูดสัตว์อสูรวิญญาณตัวอื่นเข้ามา

 

มันเป็นเรื่องง่ายดายที่จะรับมือกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5แต่หากว่ามันเข้ามาพร้อมกันหลายตัวมันจะอันตรายเป็นอย่างมากนอกจากนั้นจากกระแสพลังที่เขาสัมผัส ได้,เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ขั้นสูงสุด

 

มันเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรวิญญาณที่เฝ้าอยู่ในส่วนกลางของทุ่งสมุนไพรแห่งนี้เซี่ยวเฉิน ได้ตรวจสอบมันแล้วเมื่อก่อนหน้านี้มันคือจุดที่มีพลังงานจิตวิญญาณหนาแน่นที่สุด มันมีกระทั่งดอกแสงดาวเรืองกําลังโตอยู่ที่นั้น

 

ดอกแสงดาวเรืองคือสุดยอดสมุนไพรล้ําค่าระดับ 7 แต่ละใบของดอกแสงดาวเรืองให้ผลรักษาเท่ากับเม็ดยาระดับ 6 นอกจากนั้นมันยังมีเม็ดยาหายากจากหนังสือบ่มเพาะพลังที่ต้องการดอกแสงดาวเรืองเป็นส่วนผสม

 

อย่างไรก็ตาม,ส่วนที่ล้ําค่าที่สุดก็ต้องเป็บดอกของมันดอกแสงดาวเรืองจะบานทุกๆ 800 ปี เพียงแค่กลีบเดียวมันสามารถเพิ่มปัญญาวิญญาณของพวกเขาขึ้นมาได้อย่า งชัดเจน

 

ปัญญาวิญญาณคือสิ่งที่นักบ่มเพาะพลังหมายถึงความสามารถในการเข้าใจรู้แจ้ง หลังจากที่กลืนกลีบดอกแสงดาวเรื่องเข้าไป,มันจะทําให้นักบ่มเพาะพลังผู้นั้นเพิ่มความสา มารถในการเข้าใจรู้แจ้งขึ้นมาผลของมัน,พวกเขาจะทําความเข้าใจกับทักษะเคลื่อนไหว,ทักษะต่อสู้และอื่นๆได้รวดเร็วกว่ามันสามารถทําให้คนที่มีพรสวรรค์แสนธรรมดากลายไปเป็นผู้ที่มากไปด้วยพรสวรรค์

 

ยกตัวอย่าง,เซี่ยวเฉินไม่เข้าใจถึงชั้นสูงสุดของสับวายุใสหากเขากลืนดอกแสงดาวเรืองนี้เข้าไปเป็นไปได้ที่มันจะทําให้เขาเข้าใจในทันที

 

แน่นอน,ทั้งหมดนี้ยังได้แต่คิด ในบริเวณใกล้เคียงของดอกแสงดาวเรือง,นอกจากสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ขั้นสูง สุดแล้วยังมีสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ตัวอื่น ที่กําลังจับจ้องไปที่ดอกแสงดาวเรืองไม่วางตาก่อนที่เชี่ยว เฉินจะทันเข้าไปใกล้,เขาคงจะตกตายลงแม้แต่ศพก็ไม่เหลือให้เห็น

 

ถอนความคิดกลับมา เซียวเฉินขับเรือสงครามสีเงินและเผ่นหนีออกไปก่อนที่สัตว์อสูรวิญญาณเหล่านั้นจะ พุ่งเข้ามาเขาหยุดลงที่ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากทุ่งสมุนไพรนัก

 

ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้สูงหลายสิบเมตรและขยายออกไปสู่ก้อนเมฆใบของมันเขียวชอุ่มและหนาแน่น เซียวเฉินแลดูตัวเล็กจ้อยเมื่อยืนเทียบกับมันมีสมบัติมากมายในทุ่งสมุน ไพรและเขาไม่มีความตั้งใจที่จะกลับออกไปในตอนนี้

 

เขาต้องใจจะทําให้ที่นี่เป็นฐานของเขา เขาจะไปที่ทุ่งสมุนไพรทุกวันและกลับมาที่นี่เพื่อบ่มเพาะพลัง

 

เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มพร้อมกับหยิบเอาเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตออกมาเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตต้นนี้จะต้องมีอายุมาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีหากเขานํามันไปยังตลาด ที่ฐานส่องสวรรค์เขาจะได้รับ 60 หินวิญญาณระดับต่ําเป็นอย่างน้อย

 

เซียวเฉินหยิบเอามีดคมออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและเปลือกเปลือกของเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิต หลังจากนั้นเขาตัดเอาชิ้นเล็กๆมาและวางลงในปากของเขา เขาขบเคี้ยวอยู่หลายครั้งก่อนที่จะกลืนลงไป

 

เถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตกลายไปเป็นพลังงานร้อนที่ไหลไปทั่วร่างของเซียวเฉินในทันที ฉีและเลือดในร่างของเขาทั้งหมดพ ลุ่งพล่านเซียวเฉินรู้สึกว่าราวกับทุกอณูในร่างของเขาถูกเผา และเติมเต็มไปด้วยพลังงาน

 

การกินสมบัติธรรมชาติโดยตรงเป็นเรื่องอันตรายครั้งล่าสุดเขาได้กินบุปผาเจ็ดกลีบและผลของมันเข้าไป,สถานการณ์ในตอนนั้นมันบังคับและเขาต้องการพลังงานอย่าง เร่งด่วน,นั้นทําให้เขาไม่ได้กลัวที่จะกลืนมันลงไป

 

ในครั้งนี้มันต่างออกไป ฉีและเลือดโลหิตของเขาเองฟูหากเขากลืนเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตเข้าไปโดยตรง,ฉีและโลหิตของเขาจะเดือดพล่านขึ้นในทันทีมันเป็นไปได้ว่าเขาสามารถกลืนไฟลงไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ

 

เซี่ยวเฉินกินเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตเข้าไปทีละชิ้นเมื่อเขากินเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตถึงชิ้นที่สาม,เขารู้สึกราวกับร่างของเขากําลังจะระเบิดเมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงหยุดลง

 

เซี่ยวเฉินนั่งลงขัดสมาธิและเริ่มหมุนเวียนพลังยามหาศาลนี้และหลอมรวมมันให้สมบูรณ์

 

พลังปราณค่อยๆไหลไปมาเส้นปราณของเซี่ยวเฉินและเป็นเหมือนตัวเร่งให้พลังยาของเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิต

 

ผ่านไปคนึ่งชั่วโมง,ในที่สุดเซียวเฉินก็สามารถหลอมรวมพลังงานยาได้อย่างสมบูรณ์ เขารู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของร้อนรุ่มและโลหิตของเขาเดือดพล่านเขารู้สึกเหมือนตัวเขาลุกเป็นไฟและเต็มไปด้วยพลังงาน

 

เขามองดูและสํารวจพื้นที่ เซี่ยวเฉินพบหินก้อนใหญ่สูงประมาณหนึ่งเมตร:แขนของเขาสามารถโอบรอบมันได้ เขาเดินตรงเข้าไปและต่อยออกอย่างเบามือ

 

“ชิ!” ก้อนหินแข็งดูราวกับโคลนนุ่มสําหรับเซี่ยวเฉิน เขาสามารถต่อยมันเป็นรูได้อย่างง่ายดายและดึงมือกลับมาพร้อมกับเสียงโซว”

 

เซี่ยวเฉินเผยรอยยิ้มบางเบา “ก่อนที่จะกลืนเถาวัลย์นิกซ์โลหิตลงไป,น้ําหนักหมัดของข้ามีพลังประมาณ 1,500 กิโลกรัมหลังจากหมุนเวียนพลังปราณไปเล็กน้อย,ข้าสา มารถทําได้มากกว่า 2,000 กิโลกรัมโจมตีแบบเต็มกําลังมัน น่าจะมากถึง 2,500 กิโลกรัม

 

“ตอนนี้,ข้ากินเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตไปเพียงบางส่วนเท่านั้น การโจมตีปกติของข้าก็มีพลังมากถึง 1,750 กิโลกรัม หากข้ากินมันลงไปทั้งหมดเรียบร้อยมันอาจจะมากกว่าการโจมตีเต็มกําลังของข้าก่อนหน้านี้”

 

เชี่ยวเฉินตื่นเต้นเป็นอย่างมากเขาจึงชกออกไปด้วยกําลังมั้งหมดและซัดเข้าหินก้อนมหึมาด้วยพลังมากถึง 2,750 กิโลกรัม ก้อนหินขนาดมหึมาแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยปลิวลอยไปทั่วทิศทางในทันที

 

เซี่ยวเฉินถูกเหยียบย่ําโดยยอดราชันซากศพในวันนั้นพลังร่างกายที่เขาภาคภูมิใจมาโดยตลอดไม่มีค่าแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าราชันซากศพ

 

สําหรับเที่ยวเอิบนั้นคือความอัปยศบันทําให้เขามีความปรารถนาร่างกายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นตอนนี้มีโอกาสอันดีเซี่ยวเฉินต้องคว้ามันเอาไว้ให้มั่นเขาเสริมสร้างร่างกายของเขาต่อไป

 

ผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่จะไม่บ่มเพาะร่างกายอย่างสุดโต่งแบบที่เซี่ยวเฉินทํา สําหรับพวกเขา,ขอบเขตการบ่มเพาะพลังคือสิ่งที่สําคัญที่สุด

 

ด้วยขอบเขตการบ่มเพาะพลังที่สูงกว่า,พลังปราณก็จะแข็งแกร่งขึ้นโดยธรรมชาติ การหมุนเวียนพลังปราณที่แข็งแกร่งก็สามารถให้ร่างกายมีแข็งแกร่งด้วยพลังหลายพันกิโลกรัมเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม,เซี่ยวเฉินไม่คิดเช่นนั้น เขามีความรู้สึกว่าการบ่มเพาะขอบเขตพลังมันต่างจากการบ่มเพาะพลังกายด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายที่ถูกดันให้ถึงขีดสุดสามารถทําให้เขาเดินไปในเส้นทางบ่มเพาะพลังได้ไกลขึ้น

 

พวกคนอย่างจีชางคว,มู่เฉิงเสวีย,ฉ่ฉาวอวิน,ฮวาหยุ นเฟย,และตวนมู่ฉิงที่มีจิตวิญญาณยุทธมาตั้งแต่กําเนิด: พวกเขามีพรสวรรค์

 

ความก้าวหน้าของพวกเขารวดเร็วเป็นอย่างมากที่รวดเร็วที่สุดในหมู่ของพวกเขาก็ไปถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลางแล้วเรียบร้อยอย่างไรก็ตาม,มันเป็นการยากสําหรับพวกเขาที่จะกาวขึ้นไปสู่ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธหรือยอดกษัตริย์ยุทธหากพวกเขาโชคดีหน่อย,พวกเขาก็อาจไปถึงระดับขอบเขตปราชญ์ยุทธอย่างไรก็ตาม,ปราศ จากร่างกายที่แข็งแกร่ง,พวกเขาไม่มีวันขึ้นไปถึงระดับขอบเขตจักรพรรดิยุทธ

 

TL:ผมน่าจะลืมบอกไปมันจะมี จักรพรรดิ จักรพรรดิยุทธสองคํานี้ต่างกันนะครับจักรพรรดิเป็นเหมือนยศหรือฉายานะครับส่วนจักรพรรดิยุทธผมจะใช้เรียกระดับขอบเข ตพลังอย่างเดียวนะครับ

 

ในสองวันต่อมา, เซียวเฉินฝึกฝนสับวายุใสเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เขาพยายามที่จะเข้าใจถึงขั้นตอนที่สามของสับวายุใส,ที่จะเห็นเพียงสายลมมิใช่คมกระบี่ เขาฝึกฝนอย่างไม่หยุดยั้งและเอื้อมมือไปแตะขอบประตูขั้นที่สามของสับวายุใส

 

ที่เขาต้องการก็เพียงเวลาและเขาจะสามารถทะลวงขึ้นสู่ระดับสมบูรณ์ขันยอดเยี่ยม

 

เมื่อดึกดึก,เซี่ยวเฉินก็ดูดซับพลังของเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตต่อ หลังจากที่เขากลั่นสกัดมัน,ฉีและเลือดโลหิตของเขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเพิ่มความแข็งแกร่งโดยรวมของเขา

 

ในวันนี้ เซียวเฉินวางเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตชิ้นสุดท้ายเข้าปากและขบเคี้ยวมัน เมื่อเขารู้สึกถึงพลังร้อนที่พลุ่งพล่าน,เขานั่งลงขัดสมาธิและกลั่นสกัดมันทันที

 

เซี่ยวเฉินค่อยๆหมุนเวียนพลังปราณของเขา เมื่อพลังงานยาส่วนสุดท้ายของเถาวัลย์ฟินิกซ์โลหิตถูกกลั่นสกัดโดยสมบูรณ์,เถาวัลย์ที่หลอมรวมเข้ากับร่างกายของเขาตลอดสามวันที่ผ่านมาทันใดนั้นก็พลุ่งพล่าน

 

เลือดโลหิตและฉีของเซี่ยวเฉินเดือดพล่านอย่างต่อเนื่องหมอกควันสีขาวถูกปล่อยออกมาจากหัวของเซียวเฉิน

 

“บูม!” ผ่านไปครู่หนึ่งเซียวเฉินรู้สึกราวกับโลหิตและในร่างของเขากําลังระเบิด

 

“ปะ! ปะ! ปะ! ปะ! ปะ!”

 

เสียงแตกหักดังออกมาจากกระดูกทั่วร่างของเขาจุดปราณทั้ง 361 จุดที่ครอบคลุมร่างของเขาเปิดออกทั้งหมดลําแสงสีฟ้าถูกปลดปล่อยออกมาจากจุดปราณของเขา

 

หากมีใครผ่านมาและเห็นเซี่ยวเฉินจากระยะไกลพวกเขาอาจจะพบว่ามันเป็นร่างภาพมังกรฟ้าที่กําลังขดตัวและห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์

 

อย่างไรก็ตามเซี่ยวเฉินไม่ได้ตกใจที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน กลับกัน,เขารู้สึกคุ้นเคยกับมัน,ราวกับว่าเขาได้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset