Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 212 ค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณ

ตอนที่ 212 ค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณ

 

เป็นเช่นนี้นี่เอง! มันเปิดหูเปิดตาเซี่ยวเฉินนัก อย่างไรก็ตาม,นั้นไม่ใช่หมายความว่าดาบเป็นต้นแบบของอาวุธทั้งหมดหรอก??

 

หลิวหรูเยว่อธิบายต่อ “ยังมีอีกหลายสภาวะที่ไม่สามารถนํามาใช้กับกระบี่ได้ แน่นอน,กระบี่ก็มีสภาวะเฉพาะตัวหลากหลายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม, นี่ยังเป็นเรื่องไกลตัวพวกเรา พวกเราไม่จําเป็นต้องไปพิจารณาอะไรมันตอนนี้”

 

ยังมีสภาวะอื่นสําหรับกระบี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยวเฉินได้ยินเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เป็นอย่างที่หลิวหรูเยว่กล่าว ในเวลานี้ เขายังไม่ได้แม้แต่จะเรียนถึงจุดสําคัญของฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน คิดถึงสถาวะอื่น,มันยังเป็นเรื่องไกลตัวของเขา

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ข้าเข้าใจหลักการของมันแล้ว พี่สาวหรูเยว่เมาเริ่มกันเถอะ ข้าจะเข้าสู่สภาวะแรกได้อย่างไร?”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้,เสน่ห์ของน่าเปล่งประกาย นางกล่าว “ตามจริง,ข้าก็ไม่รู้ว่าทําได้อย่างไรเช่นกัน ในตอนที่ข้ากําลังฝึกฝนกระบี่,ข้าได้เข้าสู่สภาวะนั้นขณะที่ข้าฝึกฝนประสบการณ์ของข้าจะไร้ประโยชน์สําหรับเจ้า”

 

“ดังนั้นตอนที่เจ้าขอให้ข้าสอนเจ้าถึงฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน,ข้าไม่มีทางทําได้ในตอนนั้น ตลอดหลายวันที่ผ่านมา,ข้าครุ่นคิดว่าจะสอนเจ้าได้อย่างไร จะนําเจ้าเข้าสู่สภาวะฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันได้อย่างไร”

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกกดดัน หลังจากพยายามมาอย่างหนัก,เขากลับมาที่จุดเริ่มต้น สิ่งที่เขาได้มาก็คือก็คือเขาต้องเข้าใจด้วยตัวเอง มันก็เท่ากับว่าไม่ได้สอนอะไร

 

โชคดี,ประโยคต่อมาของหลิวหรูเยว่ล้างข้อสงสัยของเขา มันทําให้เขาไม่รู้สึกกังวลจนเกินไป

 

“ตั้งแต่โบราณกาล,สภาวะนี้สามารถเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ไม่มีตัวอย่างที่สามารถบรรลุได้ด้วยความช่วยเหลือจากผู้อื่น ข้าได้ความคิดบางอย่างมาแต่ก็ไม่มั่นใจนัก ดังนั้นเจ้าต้องทําใจเอาไว้ด้วย”

 

เซี่ยวเฉินยิ้มบางเบา “ไม่มีปัญหา ไม่มั่นใจนักก็ยิ่งดีกว่าไม่มั่นใจเลย แค่ทําสิ่งที่เจ้าทําได้ หากเจ้าทําไม่ได้เข้าก็ไม่เรียกร้องอะไร”

 

หลิวหรูเยว่ถอนหายใจโล่งอก นางยิ้ม “เมื่อเป็นเช่นนั้น,ข้าก็เบาใจได้ เด็กสาวในกระบี่เงาจันทร์จะต้องสําคัญกับเจ้ามากใช่หรือไม่? มิฉะนั้นเจ้าคงจะไม่ชะลอการบ่มเพาะพลังของเจ้าเพื่อหาทางปลุกนางขึ้นมา”

 

ภาพของอวเจียวปรากฏขึ้นในใจของเซี่ยวเฉิน เขานึกถึงสัญญาที่เขาให้ไว้กับจักรพรรดิอัสนี เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างจริงจัง “สําคัญยิ่งสําคัญที่สุด พี่สาวหรูเยว่เจ้าสามารถปลุกนางขึ้นมาได้เมื่อครั้งก่อน เจ้าสามารถทํามันอีกครั้งได้หรือไม่?”

 

ก่อนหน้านี้ในตอนที่พวกเขาต่อสู้กับซ่งเฉว,หลิวหรูเยว่ปลุกอ่าวเจียวขึ้นมาได้สําเร็จ หากว่ามีทางที่จะปลุกอ่าวเจียวขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์,เช่นนั้นเซี่ยวเฉินก็ไม่ต้องพยายามถึงเพียงนี้

 

หลิวหรูเยว่ยิ้ม “มันไม่ได้ผล ถึงอย่างไร มันไม่ใช่กระบี่ของข้า นอกจากนั้น,ข้าได้ใช้ฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันฝืนปลุกนางขึ้นมา เพื่อที่จะปลุกนางขึ้นมาได้อย่างแท้จริง,เจ้าต้องพึ่งพลังของตัวเอง”

 

ยอดเขาฉิงหยุน,พื้นที่ประลอง

 

เซี่ยวเฉินนั่งลงขัดสมาธิและหลับตา เขาไม่ได้หมุนเวียนพลังปราณ,เขาเพียงนั่งอย่างนิ่งสงบ จิตใจของเขาว่างเปล่า, เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งใด

 

มีกระบี่ 500 เล่มเรียงรายรอบเป็นรูปวงแหวนรอบตัวเขา หากมองดูกระบี่แต่ละเล่มอย่างละเอียด,พวกมันมีแสงเรืองสลัว บางครั้งมีแสงเย็นวูบไหว

 

ในพริบตาเสียงม้าวิ่งนับหมื่นปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา,มีภาพลวงตาทหารนับพันกําลังโห่ร้องอย่างเกรี้ยวกราด มันรู้สึกราวกับกําลังเกิดขึ้นตรงหน้าของเขาต้นกําเนิดของกระบี่ทั้ง 500 เล่มวูบตรงมาหน้าเขา

 

กระบี่เงาจันทร์เห็บอยู่ในผัก,วางนิ่งเงียบอยู่ที่ด้านข้างของเซี่ยวเฉินมันดูธรรมดาสามัญอย่างมากเมื่อวางอยู่ตรงกลางของกระบี่นับ 500 เล่ม

 

หลิวหรูเยว่ยืนนิ่งอยู่ที่ด้านข้างขณะที่จ้องมองเซี่ยวเฉินที่นั่งสงบ รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางขณะที่พึมพํากับตัวเอง “ข้าหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์”

 

“พี่สาว,คนผู้หนึ่งจะบรรลุฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันด้วยการปักกระบี่หักๆ 500 เล่มไว้บนพื้นและนั่งอยู่ตรงกลาง? โคตรไร้สาระ!” หลิวสุยเฟิงกล่าวไม่รู้ต้องแต่เมื่อไหร่ที่เขาย่องมาด้านหลังของหลิวหรูเยว่

 

สีหน้าของหลิวหรูเยว่นิ่งสงบพร้อมกับกล่าวอย่างเฉยเมย “กระบี่หักๆ? เช่นนั้นก็ไปหากระบี่หักๆแบบนี้มาให้ข้าสัก 500 เล่มซะ กระบี่แต่ละเล่มได้มาจากค่ายกลกระบี่โบราณ”

 

“แม้ว่าระดับของพวกมันจะไม่ได้สูงนัก,พวกมันก็คงอยู่มานับหมื่นปี พวกมันทั้งหมดมีร่องรอยแห่งเต๋า เจ้ากล้าเรียกพวกมันว่ากระบี่หัก…ข้าจนปัญญากับเจ้าแล้ว”

 

ชื่อเต็มของค่ายกลกระบี่นี้ในเมืองกระบี่คือค่ายกลกระบี่สมบูรณ์โบราณ มันปรากฎมาตั้งแต่ยุคโบราณและได้ทํางานอยู่เป็นเวลาอย่างน้อยนับหมื่นปี ถึงกระนั้น,พลังของมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะลงต่ําลง

 

ไม่มีใครล่วงรู้ถึงต้นกําเนิดของค่ายกลนี้ เป็นเวลานานมาแล้วไม่มีใครเข้าสู่จุดศูนย์กลางของค่ายกลกระบี่และสามารถเห็นว่าแท้จริงแล้วมันทํางานอย่างไร

 

สิ่งที่ทําให้ค่ายกลกระบี่มีชื่อเสียงขึ้นมาก็คือหากว่ามีใครสามารถหลบหนีออกมาจากค่ายกลกระบี่ได้,พวกเขาจะสามารถได้รับกระบี่สมบัติ ยิ่งพวกเขาอยู่ในนั้นนานเท่าไหร,กระบี่ที่ได้ก็จะล้ําค่ามากขึ้นเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม ค่ายกลกระบี่อันตรายเป็นอย่างมาก มันก็อัศจรรย์แล้วที่ระดับขอบเขตนักบุญจะสามารถอยู่ข้างในนั้นได้เกินหนึ่งชั่วโมง แม้แต่ระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธก็ไม่สามารถอยู่ข้างในนั้นได้เกินครึ่งวัน

 

หากใครอยากจะได้รับกระบี่สมบัติที่คงอยู่มานับหมื่นปี และมีร่องรอยแห่งเต๋าโอกาสนั้นต่ําเตี้ย นี่แสดงให้เห็นว่ามันยากเย็นเพียงใดที่จะรวบรวมกระบี่สมบัติทั้ง 500 เหมือนกับหลิวหรูเยว่

 

หลิวสยเหิงเผยสีหน้าตกตะลึง “พี่สาว,กระบี่ 500 เล่มนี่น่าจะเป็นครึ่งหนึ่งของที่มีเก็บไว้ในศาลากระบี่สวรรค์ เจ้าทําได้อย่างไร?”

 

หลิวหรูเยว่กล่าวเสียงนุ่ม “ลู่เฉินติดค้างข้าอยู่ บังเอิญว่าเขาเป็นคนดูแลเรื่องนี้ ข้าจึงหยิบยืมมาใช้นิดหน่อย ยังไงก็ต้องส่งกลับคืนอยู่แล้ว เขาก็ตกลง”

หลิวสุยเฟิงแสดงท่าทางเจ็บปวดพร้อมกับพูดขึ้น “พี่สาว,ข้าเริ่มสงสัยว่าข้าจะไม่ใช้พี่น้องเลือดแท้กับเจ้า ทําไมข้าถึงไม่เห็นได้รับการดูแลที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้? เจ็บปวดเหลือเกิน”

 

หลิวหรูเยว่มองไปที่หลิวสุยเฟิง,รู้สึกอุ่นเคืองที่เขาไม่เป็นไปตามความคาดหวังของนาง “ข้ายังทุ่มความพยายามไม่เพียงพอ ก่อนที่เจ้าจะอายุ 132 ข้าปลูกฝังรากฐานที่ดีให้เจ้า แต่เจ้าก็ทํามันสูญเปล่า เจ้าละอายบ้างหรือไม่?”

 

หลิวสุยเฟิงหัวเราะออกมา “พี่สาวเหมือนว่าเจ้าจะกระวนกระวายเล็กน้อย ราวกับว่าเจ้าพยายามจะปิดบังอะไรอยู่ หรือว่าจะเป็นความรักที่กําลังเปล่งบาน? ข้าช่วยเป็นพ่อสื่อให้เจ้าได้นะ”

 

“มองไปที่พี่น้องเย่,เขามีศักยภาพไร้ขีดจํากัด เขาไม่มีปัญหาในการทดสอบที่จะขึ้นเป็นศิษย์แก่นกลาง นอกจากนั้น,เขาอยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ขั้นสูงที่อายุเพียง 16 ปี พรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้า เหมาะสมกันโดยแท้”

 

“ที่สําคัญยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนพี่น้องเย่จะยังไม่มีใครอยู่ในใจ บางทีเจ้าสามารถไปเติมเต็ม-

 

แอ๊ก!”

 

“ปัง!”

 

ก่อนที่หลิวสุยเฟิงจะได้ร่ายคําโปรยจนจบ,เกิดเสียงสายลมไหล ขาเรียวยาวปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาและเตะเข้าอย่างแรงที่หน้าอก

 

เกิดเสียงดังขึ้นพร้อมกับหลิวสุยเฟิงที่ลอยกลับหลังไปอย่างรวดเร็วเหมืนกับกระสอบทราย เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดในอากาศ ในที่สุดเขาก็ไปชนเข้ากับกําแพงที่ปลายอีกด้านหนึ่งของพื้นที่ประลองก่อนที่จะหล่นลงมาเสียงดังตุบ

 

หลิวสุยเฟิงค่อยๆลุกขึ้นมา เจ็บชาไปทั่วตัว เขาบ่นอุบอิบออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่มันเจ็บยิ่งกว่าปกติ ฮ่าฮ่า! ดูเหมือนว่ากําลังจะมีเรื่องดีๆมาให้ชม! ฮ่าฮ่า!”

 

เสี่ยวไป.ผู้ที่ดื่มจนกําลังเมามายได้ที่เห็นหลิวสุยเฟิง ที่ทันใดนั้นก็ร่วงลงมาใกล้ๆมัน มันร้องออกมาอย่างตื่นเต้นและทุบอุ้งมือของมันออกมา

 

เกิดลมหมุนขนาดใหญ่ขึ้นในเวลาอันสั้น,มันกลายเป็นสายลมบ้าคลั่ง สายลมนี้โยนร่างของหลิวสุยเฟิงลอยขึ้นไปในอากาศ

 

เมื่อสายลมบ้าคลั่งหยุดลง,หลิวสุยเฟิงร่วงลงมาอย่างแรงอีกครั้ง ครั้งนี้ เขาร่วงหล่นลงมาอย่างน่าสมเพชยิ่งกว่าเดิม;กระดูกของเขาเกือบหัก

 

เมื่อหลิวสุยเฟิงเห็นใบหน้าแดงกริ่มของเสี่ยวไปกําลังร้องออกมา,เขาตกตะลึง “เห้ย! เจ้าตัวน้อยนี่เมาอีกแล้ว วิ่ง!”

 

ในวันที่เซี่ยวเฉินจากไปทําภารกิจเสี่ยวไปบางครั้งจะเข้าสู่อาการหมัดเมา นอกจากนั้น มันมักจะมาลงที่หลิวสุยเฟิงทุกครั้ง,ฝังลึกในใจของเขา

 

เป็นเพราะเกรงว่าเซี่ยวเฮินจะโทษพวกเขา จึงไม่มีใครกล้าบอกเซี่ยวเฉินเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลิวสุยเฟิงหมุนเวียนพลังปราณและวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว,พุ่งตรงออกจากพื้นที่ประลอง

 

เสี่ยวไปกลายเป็นเงาสีขาว,มันรวดเร็วกว่าหลิวสุยเฟิงอย่างเห็นได้ชัด มันส่งเสียงพร้อมกับไล่ล่า

 

หลิวหรูเยว่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้ไปสนใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสี่ยวไปไล่กวดหลิวสุยเฟิง

 

แม้ว่าเสียวไปจะเล่นซุกซนแต่มันก็ไม่ได้ทําให้หลิวสุยเฟิงบาดเจ็บ ในความคิดของหลิวหรูเยว่ มันเป็นการช่วยให้หลิวสุยเฟิงฝึกฝนการตอบสนองและความสามารถในการป้องกัน ดังนั้น,นางจึงปล่อยไป

 

อีกด้านหนึ่งของพื้นที่ประลอง,เซี่ยวเฉินนักอยู่กับพื้น จิตใจของเขาว่างเปล่า ไม่คิดถึงสิ่งใด เขาเพียงนั่งอยู่เงียบเฉียบ

 

เดิมที, เมื่อหลิวหรูเยว่บอกถึงวิธีการกับเซี่ยวเฉิน,เขารู้สึกว่ามันแปลกประหลาดเช่นเดียวกับหลิวสุยเฟิง

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเลือกที่จะเชื่อหลิวหรูเยว่เขาก็จะเชื่อนางอย่างไม่มีเงื่อนไข เขาเปิดใจลองดู

 

ผ่านมาเวลานานไม่รู้เท่าไหร่,ฉากเบื้องหน้าของเซี่ยวเฉินเปลี่ยนไป เขาพบว่าเขาอยู่ในพื้นที่สีดําว่างเปล่า รอบข้างเงียบสงัด,ไร้เสียงแม้แต่น้อย

 

“คลื่น! คลื่น!”

 

ทันใดนั้น,กระบี่ 500 เล่มที่อยู่บนพื้นทั้งหมดเริ่มสั่นไหว การสั่นสะเทือนกลายเป็นรุนแรงขึ้น ทั่วทั้งพื้นที่ประลอง เริ่มสั่นไหวเล็กน้อย

 

หลิวหรูเยว่เผยสีหน้าดีอกดีใจ นางมองไปที่เซี่ยวเฉินผู้ที่นั่งอยู่ที่พื้นและพูดขึ้น “เจตนารมณ์กระบี่โบราณได้ประจบกัน ตอนนี้เป็นตาของเจ้าที่จะคว้ามันเอาไว้ได้หรือไม่ อย่าทําให้ข้าผิดหวัง”

 

ทันใดนั้นพื้นที่สีดําก็ดูเหมือนเต็มไปด้วยดวงดาวด้านนอกเมือง จุดแสงนับพันสว่างขึ้นมาในความมืดที่ไร้ขอบเขต,ราวกับพื้นนับพันหลังที่เริ่มจุดไฟในยามค่ําคืน มันค่อยๆสว่างขึ้น,เปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สวยงาน

 

เซี่ยวเฉินอุทาน “นี่มันคืออะไร? ที่นี่ที่ไหน? ข้าไม่ได้อยู่บนพื้นที่ประลองยอดเขาฉิงหยุน? ข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

 

“ฟูว! ฟูว!”

 

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังงุนงง,จุดแสงทั้งหมดก็ลอยไปมา,ปกคลุมอากาศ เมื่อพวกมันลอยเข้ามาใกล้ เขาพบว่าจุดแสงพวกนั้นคือกระบี่, กระบี่ที่กําลังเรืองแสงออกมา

 

“ฟิ้วฟิ้ว! ฟิ้วฟิว!”

 

กระบี่เรืองแสงนับไม่ถ้วนลอยมาตรงหน้าของเซี่ยวเฉิน พวกมันยังหมดทิ้งสายแสงทอดยาวเอาไว้ด้านหลัง มันสว่างเด่นชัดในพื้นที่มืดมิด

 

เร็วอีก! เร็วอีก! เร็วอีก!

 

มีเสียงกระวนกระวายกระตุ้นเซี่ยวเฉินยอ่างต่อเนื่อง,กระตุ้นให้เขาตามหากระบี่ในพื้นแห่งนี้ที่จะตกเป็นของเขา

 

“ฟู่!” กระบี่เล่มหนึ่งลอยเข้ามาหาเซี่ยวเฉินราวกับอุกกาบาต เซี่ยวเฉินตกตะลึง หากเขาถูกมันซัดเข้า,เขาอาจจะถูกแทงทะลุและตกตายคาที่ ดังนั้นเขารีบหลบอย่างรวดเร็ว

 

“ฟูว! ฟูว!” กระบี่อีกสองสามเล่มลอยเข้ามาหาเซี่ยวเฉินอย่างต่อเนื่อง มันรวดเร็วราวกับอุกกาบาต เซี่ยวเฉินตื่นตกใจ และใช้ออกมังกรฟ้าเมฆาทะยาน,เคลื่อนตัวไปมาในพื้นที่มืดมิดแห่งนี้

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset