Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 218 ยอดเขาเทียนเยว, จางเลี่ย

ตอนที่ 218 ยอดเขาเทียนเยว, จางเลี่ย

ภายในปาบนเทือกเขาหลิงหยุน,ยอดเขาเทียนเยว่ะ

มีผู้บ่มเพาะพลังหนุ่มแต่งกายในชุดเครื่องแบบของยอดเขา เทียนเยว่กําลังฝึกฝนกระบี่ของเขา คมกระบี่หวีดร้องและเรืองแสงออกมาพร้อมกับที่มันสร้างเสียงสายลมรุนแรงออกมา

 

คนผู้นี้เริ่มร่ายรําไปรอบๆราวกับผีเสื้อโบยบิน,งามสง่าและปราดเปรียว จากนั้นเขาก็ราวกับเป็นเหยี่ยวที่กําลังทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ทุกสิ่งอย่างที่แสงกระบี่สัมผัสถูกทํา ลาย, พืชพันธุ์ส่ายไปส่ายมา, ต้นไม้ถอนรากและใบไม้บนพื้นพร้อมกับลําต้นลอยไปทั่วทุกที่

 

“ปลุกเมฆานิรันดร์!”

 

ทันใดนั้น,ชายหนุ่มตะโกนออกมาและสับออกไปด้วยกระบี่ของเขา กระบี่แสงควบแน่นขึ้นมาเป็นเส้นบางและยิงออกไปพร้อมกับเสียง “เสี้ยว” กระบี่แสงเส้นตรงค่อยๆรีดบาง,และในที่สุด,มันก็บางเสียจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น,ราวกับว่ามันสลายหายไป

 

ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มพึงพอใจ เขาเก็บกระบี่กลับเข้าฝึกพร้อมกับ เสียง “แว่ง” ในทันทีที่กระบี่กลับเข้าฝัก…

“บูม!”

 

ต้นไม้ทุกต้นในระยะ 500 เมตรตรงหน้าของเขาถูกฟันขาดกลางที่ลําต้น ต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่าล้มครืน

 

อย่างไรก็ตาม,มันยังลงจบลงแค่นี้ มีกระบี่ฉีเรียวบางทันใดนั้นก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของเขา กระบี่แสงนั้นที่ดูเหมือนจะหายลับไป เมื่อครู่ระเบิดออกในจังหวะที่ต้นไม้ล้มลง

มันราวกับน้ําตกที่ระเบิดออก มีละลอกคลื่นในอากาศ และทุกที่ มันมันวาดผ่านไป,ต้นไม้สลายกลายเป็นฝุ่นผง ฝุ่นผงที่เติมเต็มไปในอากาศ,ลอยปลิวไปทั่วทุกที่

 

“ทักษะกระบี่ยอดเยี่ยม!” ชายชราในชุดคลุ้มสีเทา ค่อยๆเดินออกมาจากต้นไม้ นั้นคือผู้อาวุโสสามแห่งยอดเขาเทียนเยว่ผู้รับหน้าที่ชี้นํา

 

เมื่อชายหนุ่มมองเห็นชายชรา,เขาทําความเคารพอย่างสุภาพ “ผู้อาวุโสสาม, ท่านสุภาพเกินไปแล้ว”

 

ผู้อาวุโสสามเผยรอยยิ้มเบาบางพร้อมกับพูดขึ้น “จางเลี่ย,ข้าไม่ได้สุภาพอะไรเจ้าเป็นคนแรกที่สามารถฝึกฝนมันจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยมและบรรลุกระบวณท่าที่สิบหกได้ด้วยตัวเอง”

“แม้ว่าเจ้าจะถูกรับเข้ามาสู่ยอดเขาเทียนเยว่ของข้าในกลางปี,ในความคิดเห็นของข้า,ความสามารถในการเข้าใจและพรสวรรค์ของเจ้าสามารถจัดได้อยู่ในสิบอันดับแรกของศาลากระบี่สวรรค์ นอกจากนั้นเจ้าไม่ได้หย่อนยานในการบ่มเพาะพลังแม้แต่น้อย,ไม่ใช้พรสวรรค์ของเจ้าไปอย่างเปล่าประโยชน์

 

คนผู้นี้คือผู้ที่แย่งเก้าอี้ของเซี่ยวเฉินในตอนนั้น,บุตรชายของตระกูลจางจากมณฑลหยุนหยาง,จางเลี่ย เมื่อเขาได้ยินคําเยินยอของชายชรา,จางเลี่ยเผยรอยยิ้มออกมา อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงรักษาน้ําเสียงต่ําต้อยเอาไว้ “ผู้อาวุโสสามก็กล่าวไป…มันยังมีอีกหลายอย่างที่ข้าต้องพัฒนาตัวเอง”

 

TLคนที่แย่งเก้าอี้ของเซี่ยวเฉินเข้าศาลากระบี่สวรรค์มาก็มีคนเดียวจึงคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกันในตอนที่ 140 แต่ในตอนที่ 140 มันชื่อจางเย่ คนละชื่อกับในตอนนี้ จางเลี่ย 5% ถ้ารู้อะไรเพิ่มเดียวบอกครับ

 

ผู้อาวุโสสามพยักหน้าของเขาอย่างพึงพอใจและกล่าวขึ้น “การถ่อมตนเป็นเรื่องดี อย่างไรก็ตาม ผู้บ่มเพาะพลังอาจไร้ซึ่งความหยิ่งยโส,แต่จะต้องไม่ขาดความภาคภูมิใจ ข้าอยากจะให้เจ้าได้ที่หนึ่งในการทดสอบศิษย์แก่นกลางเพื่อยอดเขาเทียนเยว่ เจ้าทําได้หรือ ไม่?”

 

จางเลี่ยกล่าวด้วยน้ําเสียงห้าวหาญ “ศิษย์ผู้นี้จะต้องทําให้สำเร็จอย่างแน่นอนและนําความรุ่งเรืองมาสู่ยอดเขาเทียนเยว”

 

“ดีมาก,ปลุกเมฆานิรันดร์นี้ยังมีพื้นที่ให้เติบโต อีกเจ็ดวันก่อนที่จะถึงการทดสอบศิษย์แก่นกลาง ไม่จําเป็นที่เจ้าจะต้องเข้าร่วมการฝึกพิเศษของยอดเขาเทียนเยว่ จดจ่อไปที่การบรรลุปลุกเมฆานิรันดร์ไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม จากนั้นจะไม่มีใครในระดับขอบเขตเดียวกันมาเทียบเคียงกับเจ้าได้” ผู้อาวุโสสามกล่าวพร้อมกับเขามองไปที่จางเลี่ย

 

เมื่อจางเลี่ยได้ยินเช่นนั้น,เขาเผยสีหน้าเป็นสุข เขาเพียงบรรลุปลุกเมฆานิรันดร์มาได้ไม่นาน หากเขาต้องการที่จะฝึกฝนมันจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,เขายังต้องใช้เวลา สิ่งที่ผู้อาวุโสสามกล่าวเป็นตัวช่วยเขาอย่างมาก”

 

“ขอบคุณท่าผู้อาวุโสสาม ข้าจะไม่ทําให้ท่านผิดหวังเมื่อเวลานั้นมาถึง

 

ภายในปา,ที่ภูเขาด้านหลังของยอดเขาฉิงหยุน,เซี่ยวเฉินเก็บกระบี่ลงฝัก ต้นไม้ทุกต้นในรัศมี 1000 เมตรด้านหน้าของเขาหักครึ่งที่ลําต้นอย่างเป็นระเบียบพร้อมกับเสียง “เฟียว”

 

แสงกระจายออกไปราวกับกระแสน้ําพลุ่งพล่าน,ทําให้ต้นไม้โดยรอบเปลี่ยนกลายเป็นฝุ่นผง,เติมเต็มและร่องลอยไปในอากาศ

 

“ที่กษะหระบี่หลิงหยุน…มันเป็นความจริงที่ว่ามันเคยเป็นทักษะระดับปฐพีขั้นสูง พลังอํานาจของมันไม่ได้ไกลจากทักษะต่อสู่ระดับสวรรค์ หากข้าได้บรรลุถึงสองกระบวณท่าสุดท้าย,ไม่อาจรู้ได้ว่ามันจะกลายเป็นแข็งแกร่งถึงเพียงใด” เซี่ยวเฉินกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่ฉากเบื้องหน้าในปาเขาอยู่ในอารมณ์วูบไหว หลังจากที่กินดอกดาวเรืองแสงไหลเข้าไปเพิ่มความสามารถในการเข้าใจของเข้าไปเหนือจินตนาการ

เซี่ยวเฉินบรรลุทั้งหมดสิบห้ากระบวณท่าของทักษะกระบี่หลิงหยุนที่ต้องการความเข้าใจระดับสูงได้ภายในหนึ่งอาทิตย์ เขาแม้กระทั่งเข้าใจถึงกระบวณท่าที่สิบหกของทักษะกระบี่หลิงหยุนโดยไม่ได้ตั้งใจ – ปลุกเมฆานิรันดร์

 

ที่เรียกว่า “ปลุกเมฆานิรันดร์” คือสําเร็จโดยการเปลี่ยนกระแสพลังของผู้บ่มเพาะพลังให้เป็นเส้นสาย, ขยายออกไปในขีดจํากัด จนกระทั่งดูราวกับจางหายไปจากนั้นก็ทําให้มันระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น,ชื่อของกระบวณท่าต่อไป-เบี่ยงวิถีรอบยอดเขา หมายความเช่นไร? เซี่ยวเฉินเอนตัวพิงต้นไม้และครุ่นคิด

 

ศาลากระบี่สวรรค์,เทือกเขาหลิงหยุน,ยอดเขาเปยเฉิน,ภายในป่าศิลา

 

มีชายหนุ่มไม่สวมเสื้อ,ร่างกายแข็งแกร่งกล้ามเนื้อกํายํา เขากําลังฝึกฝนแปดกระบวณท่ากระบี่พื้นฐานด้วยมือที่วางเปล่ายของเขา

 

มีชายชรายืนอยู่ที่ด้านข้างของเขา,กําลังมองดูอย่างไร้สีหน้า

 

ไม่มีกระบี่ในมือของเขา แต่เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างประณีตใช้ออกแปดกระบวณท่ากระบี่พื้นฐานได้อย่างลื่นไหล มันราวกับว่าตัวเขานั้นเป็นกระบี่สมบัติที่ไม่ได้อยู่ในฝักมือของเขาส่องแสงเฉียบคม,เผยเจตนาฆ่าฟันออกมา

 

“เสี้ยว!”

เขาก้าวขึ้นหน้าและใช้ฝ่ามือของเขาแทนกระบี่สับลงไปที่ก้อนหินสูงสองเมตรด้านหน้าของเขา ไร้ซึ่งเสียงดังระเบิดแต่มุมของก้อนหินถูกตัดออกราวกับเต้าหู้

“เสี้ยว! เสี้ยว!”

เขาเคลื่อนไหวฝามือของเขาอีกสองสามครั้ง,รวดเร็วจนไม่อาจมองทัน หลังจากนั้น,เขาถอนมือของเขากลับมาและส่งสายลมออกไปเล็กน้อยด้วยการซัดฝามือของเขา ก้อนหินสูงสองเมตร ทันใดนั้นก็กลายเป็นชิ้นเปลี่ยนไปเป็นก้อนหินเล็กนับไม่ถ้วนทลายลงมากับพื้น

 

เมื่อชายชราด้านข้างของเขาเห็นดังนั้น,รอยยิ้มเผยออกมาจากใบหน้าไร้สีของเขาเมื่อครู่และเขากล่าวขึ้น “ร่างกายเหมือนกระบี่ เจ้าฝึกฝนมันมาเป็นสิบปีราวกับวันเดียว ตอนนี้ในที่สุดเจ้าก็ทําให้มันคงจนถึงระดับสมบูรณ์ขั้นต้น ไม่เลวๆ”

 

ความรู้สึกบนใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมของเขาไม่เปลี่ยนแปลง,ไร้ซึ่งสุขหรือโศก,เขานิ่งเป็นท่อนไม้ “น่าเสียดาย,การบ่มเพาะพลังของข้าค่อนข้างล่าช้า ข้าอายุได้สิบเก้าปีเรียบร้อยแล้ว แต่ข้าก็ยังคงอยู่ที่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ขั้นต้น”

 

ที่โลกเบื้องล่างเทือกเขา ผู้ที่สามารถขึ้นมาถึงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นได้ก่อนที่จะอายุสิบเก้านับได้ว่าเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าเจ้าจะก้าวเดินไปทางใด

 

อย่างไรก็ตาม ในศาลากระบี่สวรรค์ที่เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ ความสามารถเช่นนี้จัดได้ว่าย่ําแย่ นอกจากนั้น ยังอาจจะอันตรายถึงขั้นถูกไล่ออกจากเทือกเขา

 

ตามกฏของศาลากระบี่สวรรค์หากผู้ใดที่ไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับขอบเขตนักบุญได้ก่อนที่จะอายุยี่สิบห้า,พวกเขาจะถูกถอนออก จาการเป็นศิษย์ชั้นใน หากพวกเขาต้องการที่จะอยู่บนเทือกเขาห ลิงฟยุนต่อไปเพื่อบ่มเพาะพลัง,พวกเขาจําเป็นที่จะต้องจ่ายหินวิญ ญาณจํานวนหนึ่งเป็นประจําทุกเดือน

 

ชายชรากล่าว “มู่เหิง ตั้งแต่วันแรกที่เจ้าเลือกเส้นทางนี้ เจ้าคว รจะรู้ว่าเส้นทางที่เจ้าเลือกเดินเป็นเช่นไร เจ้าจะต้องอดทนต่อ ความเปล่าเปลี่ยวของการเป็นรอง หากเจ้าสามารถประสบความสํา เร็จก่อนที่จะอายุสามสิบ,มันก็เป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณพระเจ้าแล้ว มัน ลิขิตไว้ให้เจ้าไร้ตัวตนในช่วงแรกของชีวิต”

 

ผู้ที่ถูกเรียกว่า “มู่เหิง” ได้เลือกเส้นทางที่แตกต่างไปจากนักบ่ม เพาะพลังส่วนใหญ่เปลี่ยนร่างกายของเขาให้เป็นกระบี่ใช้ร่างกาย เพื่อพิสูจน์เตของเขา

 

มู่เหิงเกือบจะยอมแพ้เรื่องการบ่มเพาะพลังปราณไปแล้ว กลับกัน,เขาจดจ่อไปกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งร่างกายของเขาไม่หยุดหย่อน ลับคมร่างของเขาให้เป็นกระบี่พิเศษล้ําค่าและเฉียบคม

 

มันมีหลากหลายเส้นทางที่จะไปสู่ยอดแห่งการบ่มเพาะพลังยุทธ ผู้บ่มเพาะพลังส่วนใหญ่เลือกที่จะใช้อาวุธ,หรือไม่ก็ก็พึ่งพาหมัดหรือขาของพวกเขา

 

พวกเขาบ่มเพาะทักษะกระบี่ทุกประเภท,ทักษะหมัด,ทักษะขา,และทักษะต่อสู้อื่นๆที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาจะพึ่งพาความสามารถในการเข้าใจถึงอาวุธ,หมัด,และขาเพื่อที่จะปีนป่ายขึ้นไปสู่ยอดสุดของเส้นทางแห่งการบ่มเพาะพลังยุทธ

 

ยังมีคนอีกจํานวนหนึ่งที่ไม่อาจหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาขึ้นมาได้ พวกเขายอมแพ้ที่จะบ่มเพาะพลังปราณและทุ่มเทไปกับการเสริมสร้างร่างกายของพวกเขาใช้ร่างกายของพวกเขา พิสูจน์เต๋าของพวกเขา

อย่างไรก็ตามเส้นทางที่มู่เหิงเลือกเดินคือการผสมผสาน ดังนั้น,เส้นทางนี้จึงยากลําบากที่จะก้าวเดิน อย่างไรก็ตาม หากได้ประสบความสําเร็จ,มันอาจจะสามารถสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกา

มีคําพูดที่ว่า: “คําพูดไม่มีน้ําหนักนอกจากเจ้าจะทําให้โลกตะลึง,บินสูงเท่าใดก็ไร้ความหมายหากเจ้าไปไม่ถึงสวรรค์” มันมีข่าวลือ มาว่าแม้จักรพรรดิกระบี่เองก็ได้เดินเส้นทางสายนี้เช่นกันในอดีต

 

มู่เหิงหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่บนก้อนหิน จากนั้นเขาก็กล่าวกับชายชราอย่างนอบน้อม “ท่านพ่อ,ข้าจะเข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นก ลางในครั้งนี้”

ชายชราเผยสีหน้าสับสน “เจ้าอยากจะเข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นกลางของปีนี้? ด้วยสถานะของข้าท่านเข้ายอดเขา เปยเฉิน,ไม่มีความจําเป็นที่เข้าจะต้องเข้าร่วมการทดสอบ สถานะศิษย์แก่นกลางไม่มีความจําเป็นสําหรับเจ้า”

 

มู่เหิงกล่ายอย่างเฉยเมย “ข้าอยากจะพิสูจน์ตัวเองกับคนอื่น ทุกปีที่ผ่านมา,ข้าได้ยินข่าวลือมาหนาหู,ทุกคนล้วนกล่าวว่าท่านนั้น ได้มีบุตรชายเป็นขยะ ข้าจะคว้าที่หนึ่งในการทดสอบศิษย์แก่นกลางในครั้งนี้ พิสูจน์ว่าพวกมันคิดผิด”

 

ชายชรายิ้มบางเบาและที่เล่นที่จริงกับสถานะการณ์นี้ “ก็แค่เรื่องซุบซิบของพวกขี้นินทาเจ้าไม่มีความจําเป็นต้องเก็บไปใส่ใจ เจ้าเพียงต้องจดจ่อไปกับการบ่มเพาะของเจ้า ทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉินอันยิ่งใหญ่จะไม่เพียงพอที่จะแบกรับความสําเร็จของเจ้า”

 

หลังจากที่ท่านเจ้ายอดเขาเปยเฉินกล่าวจบ,เขาก็หันกลับเพื่อที่จะจากไป มู่เหิงรู้สึกไม่พึงพอใจเล็กน้อยพร้อมกับเรียกออกไป “ท่านพ่อ,ข้าก็ยังคงต้องพิสูจน์คุ้นต่าของตัวข้า ข้าอยากที่จะเข้าร่วมศึกใหญ่เพื่อที่จะวัดความแข็งแกร่งของตัวเอง”

 

ชายชราหยุดฝีเท้าและครุ่นคิดลึก ผ่านไปครู่หนึ่ง,เขาก็กล่าวขึ้น “ข้าจะเก็บไปคิด!”

 

ขณะที่การทดสอบศิษย์แก่นกลางใกล้เข้ามาทุกที, บรรยากาศทั่วทั้งเทือกเขาหลิงหยุนก็กลายเป็นหนักขึ้น

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

วันเวลาค่อยๆไหลผ่านไปและในไม่ช้าก็เหลือเพียงสามวันที่การทดสอบศิษย์แก่นกลางจะมาถึง

 

ยอดเขาฉิงหยุน, พื้นที่ประลอง

หลิวหรูเยวคิ้วขมวดเล็กน้อยและถามขึ้น “ล้มเหลวอีกแล้ว?”

เซี่ยวเฉินค่อยๆเดินออกมาจากค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณและยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าได้ไปแตะขอบของมันแล้ว แต่ข้ายังคงไม่สามารถข้ามผ่านเข้าไปได้”

ในครึ่งเดือนที่ผ่านมา,หลิวหรูเยว่ได้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อที่จะผลักดันความเข้าใจในการฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันของเซี่ยวเฉิน อย่างไรก็ตาม,พวกเขาก็ล้มเหลวในท้ายที่สุด

มันแทบจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สิ่งเดียวมี่เซี่ยวเฉินสําเร็จก็คือค่ายกลกระบี่สัมบูรณ์โบราณ เซี่ยวเฉินได้บรรลุบางอย่างของเจตนารมณ์อัสนีและได้พัฒนามันขึ้นอย่างมาก

ขณะที่เซี่ยวเฉินเข้าใจในเจตนารมณ์อัสนีมากขึ้น เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเขานั้นกําลังเข้าใกล้ขอบของฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจมั่นใจได้ ดังนั้นเขาต้องละทิ้งมันเอาไว้ก่อน

 

เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินเช่นนั้น นางกล่าวอย่างหดหูใจ “ตั้งแต่โบราณกาล,ไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับการใช้วิธีภายนอกเพื่อเข้าใจฟังสภาวะฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันได้มาก่อน บางทีข้าอาจ จะมองโลกในแง่ดีเกินไปตั้งแต่ต้น,บางทีข้าคงจะไร้ความสามารถ

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นถึงสถานการณ์,เขารีบปลอบหลิวหรูเยว่ “ พี่สาวหรูเยว่ เจ้าทํามามากพอแล้ว อย่างกล่าวเช่นนั้น มิฉะนั้น,ข้าจะรู้สึกไม่ดี”

 

เมื่อหลิวหรูเยว่ได้ยินเช่นนั้น,นางเผยรอยยิ้มขมๆและกล่าวขึ้น “อีกสามวันจะถึงการทดสอบศิษย์แก่นกลางไปเตรียมตัว ไม่ต้องมาทดลองทําความเข้าใจฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมันสักสองสามวัน ข้าจะใช่เวลานี้ไปเพื่อลองคิดหาวิธีอื่น”

 

เซี่ยวเฉินหยัหน้าเมื่อได้ยินดังนั้นกําหนดการการทดสอบศิษย์ แก่นกลางได้ใกล้เข้ามา มันถึงเวลาที่จะปักหลักและตระเตรียมทุกอย่างที่เขาได้ร่ําเรียนมา

 

“เย่เฉิน,เจ้าล้มเหลวอีกแล้วหรือ?” หลิวสุยเฟิงค่อยๆเดินเข้ามา พร้อมกับถือกระบุไว้ในมือ

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

IMDC, 仙武同修
Score 6.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2008 Native Language: Chinese
เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset