Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 220 ปฐมบทการสอบ

ตอนที่ 220 ปฐมบทการสอบ

 

เหลิ้งเทียนเจิ้งยิ้มบางเบาและส่งสายตาจิกกัดไปที่ท่านเจ้ายอดเขาเปยเฉินที่กําลังตะลึง เขากล่าวขึ้น “ศิษย์ฉ่รู้ข่าวกว้างขวางเหมือนเช่นเคยการทดสอบศิษย์แก่นกลางครังนี้จะต้องน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าแต่ก่อนเพียงแค่รอดูแล้วเจ้าจะรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร จางเลยจะสามารถคว้าอันดับแรกมาได้หรือไม่ไม่มีอะไรแน่นนอน”

 

ทุกคนล้วนไม่เข้าใจว่าเหลิ่งเทียนเจิ้งหมายความเช่นไรเป็นไปได้ว่าทักษะกระบี่ระดับปฐพขั้นสูงสุดยังไม่เพียงพอที่จะคว้าอันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ ?

 

“ฟ้าว!” เรือสงครามสีดําบินเอื้อยตรงมาจากเส้นขอบฟ้าและหยุดลงที่พื้นที่ฝึกฝน

“คนของยอดเขาเทียนเยวได้มาถึงแล้วยอดเขาเทียนเยว่แข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต พวกเขามีสานุศิษย์มากกว่าหนึ่งร้อยที่มาเข้าร่วม

 

“ดูเหมือนอันดับที่หนึ่งจะยังคงไม่เปลี่ยนมือ”

 

“มีเรืออีกลํากําลังบินมาจากทางนั้น! นั่นคนของยอดเขาเปยเฉิน”

 

“คนของยอดเขาสตรีหยกก็มาถึงแล้วเช่นกัน! สานุศิษย์หญิงมากมายเสียเหลือเกิน!”

ในไม่ช้า,นอกจากเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงจากยอดเขาฉิงหยุน,สานุศิษย์จากยอดเขาอื่นอีกห้ายอดเขาทั้งหมดขึ้นเรือสงครามบินเข้ามาและยืนเป็นฝักฝั่ง,แบ่งออกเป็นห้ากลุ่ม

จากทั้งห้ากลุ่ม,ยอดเขาเทียนเยว่มีคนเยอะที่สุดเมื่อสานุศิษย์ยอดเขาเทียนเยว่าองไปยังศิษย์ยอดเขาอื่น,พวกเขามีความภาคภูมิใจบนใบหน้า,พวกเขาเห็นชัดว่ายินดีกับตัวเอง มันราวกับว่าพวกเขาเก็บตําแหน่งศิษย์แก่นกลางเข้ากระเป๋าไปเรียบร้อยแล้ว

ในหมู่คน,จางเลี่ยมีสีหน้านิ่งสงบเขากว้างสายตาผ่านสานุศิษย์ทั้งหมดที่เข้ารวมการทดสอบ,สังเกตการณ์คู่แข่งทั้งหมดของเขา

 

มองผ่านรอบเดียว,จางเลี่ยสามารถบอกได้ว่าคนส่วนใหญ่เพิ่งขึ้นสู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น,มีบางส่วนที่อยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นกลางมีเพียงส่วนน้อยที่อยู่ระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นสูง

 

มีเพียงส่วนหลังที่อยู่ในสายตาของเขา อย่างไรก็ตาม,ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขามีระดับพลังอยู่ในระดับเดียวกัน,สิ่งที่จะช่วยสรางความแตกต่างก็คือทักษะต่อสู้และประสบการณ์การต่อสู้

 

จางเลี่ยมากด้วยประสบการณ์การต่อสู้ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะขี้นมายังเทือกเขาจํานวนคนที่ตกตายด้วยน้ํามือของเขาที่เมืองหยุนหยางนับได้ใกล้หนึ่งร้อย

จางเลี่ยได้มีส่วนร่วมในแนวหน้าของสงครามระหว่างตระกูลใหญ่ภายในเมืองเมื่อเปรียบเทียบกันในเรื่องประสบการณ์ต่อสู้เขาได้เปรียบเหล่าสานุศิษย์ของศาลากระบี่สวรรค์อย่างเห็นได้ชัด

 

หากพวกเขาเปรียบเทียบกันในเรื่องทักษะต่อสู้เช่นนั้นความได้เปรียบของเขาก็จะชัดเจนขึ้นไปอีก ทักษะกระบี่หลิงหยุนที่เดิมที่เป็นทักษะระดับปฐพี่ขั้นสูงสุดอย่างไรก็ตามเป็นเพราะความยากและสามกระบวณท่าที่หายไปของมัน,มันถูกลดลงไปเป็นทักษะกระบี่ระดับปฐพีขั้นต่ํา

 

ตอนนี้จางเลี่ยได้ฝึกฝนมันจนไปถึงระดับสมบูรณ์ขั้นยอดเยี่ยม,และยังได้บรรลุกระบวณท่าที่สิบหก,เปรียบเทียบกับคนอื่ๆเขาได้เปรียบเต็มประตู

ดูเหมือนจะไม่มีอะไรให้กดดัน ข้าจะคว้าอันดับหนึ่งมาได้อย่างแน่นอน,จางเลี่ยคิดกับตัวเองแบบไม่แยแส ในจังหวะนั้นเอง,เขารู้สึกถึงสายตาที่กําลังลุกไหม้ มันเฉียบคมราวกับใบมีดแทงทะลุผ่านอากาศจ้องมองมาที่เขาอย่างเดือดดาล

 

เมื่อจางเสี่ยตามร่องรอยของสายตานั้นไป เขามองเห็นผู้บ่มเพาะพลังที่ดูธรรมดาผู้หนึ่ง เขาใช้ความเข้าใจตรวจสอบดูเขาอดไม่ได้ที่จะต้องตกตะลึงคนผู้นั้นมีสายตาที่ดุร้ายเช่นนี้ได้อย่างไรเมื่อเป็นเพียงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้น?

ทําไมถึงได้มีระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นมาปรากฏตัวที่การทดสอบศิษย์แก่นกลางได้?, จางเลี่ยครุ่นคิดกับตัวเองอย่างงุนงง เมื่อเขามองไปดูอีกครั้งเขาไม่อาจพบเจอเจ้าของสายตานั้นอีกต่อไปในทันทีที่เขากําลังงุนงง,เขาก็คลาดสายตาไปแล้ว

 

ท่ามกลางกลุ่มคน,มู่เพิ่งถอนสายตากลับมาและยิ้มบางเบากระแสพลังของเขาไม่มีอยู่ใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมแสนธรรมดาของเขาไม่ ได้โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน มันราวกับว่าสายตานั้นไม่เคยปรากฏขึ้น จางเลี่ยมองไปรอบ,พยายามมองหาเจ้าของสายตาคู่นั้น

 

สายตาคู่นั้นมาจากกลุ่มศิษย์ยอดเขาเปยเฉิน มีเพียงยี่สิบศิษย์ยอดเขาเปยเฉินที่เข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นกลาง

 

ว่าอย่างมีเหตุผล,ด้วยความจําของจางเลี่ย,เมื่อเขาได้เห็นแล้วครั้งนึงเขาสามารถจําแนกคนผู้นั้นออกมาจากฝูงชนทั้งยี่สิบคน

 

อย่างไรก็ตาม,สถานการณ์ปัจจุบันช่างแปลกประหลาด จางเลี่ยมองดูทั้งยี่สิบคนแต่เขาก็ไม่พบศิษย์ยอดเขาเปยเฉินระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธขั้นต้นผู้นั้น

เป็นไปได้ว่าข้าหลอนไปเอง? หลังจากมองหาอยู่เป็นเวลานาน, จางเลี่ยอดสงสัยกับตัวเองไม่ได้เขารู้สึกอยู่ไม่วงบ

 

“ศิษย์น้องจางเจ้าเป็นอะไร?” ศิษย์พี่จากยอดเขาเทียนเยวผู้หนึ่งถามขึ้นอย่างกังวลเมื่อเขาเห็นว่าจางเลี่ยเสียสมาธิ “เจ้าทำให้ตัวเจ้าตกลงสู่ความสับสนก่อนที่จะเริ่มการประลอง”

 

จางเลี่ยฟื้นคืนสติของเขาและครุ่นคิดกับตัวเอง,ข้าจะต้องกังวลมากเกินไปเป็นแน่ใครจะไปสนไอ้สายตานั้นกันเดียวก็ถึงเวลาที่จะได้ประมือกัน,ข้าเพียงแค่ต้องระวังให้มากขึ้น

“ขอบคุณ,ศิษย์พี่ นั้นถูกต้องแล้ว ศิษย์พี่หมู่บึง,ท่าเคยเข้าร่วมการทดสอบศิษย์แก่นกลางมาก่อน ท่านเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าการทดสอบจะดําเนินขึ้นเช่นไร?” จางเลี่ยคํานับมือและกล่าวขอบคุณก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อ

แม้ว่าจางเลี่ยจะเพิ่งเข้ามาเป็นศิษย์ชั้นในของยอดเขาเทียนเยว่,พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเขาไม่อาจประเมินได้ อนาคตของเขาก้าวไปได้อย่างไร้ขีดจํากัด

 

เมื่อหญ่ปิงเริ่มบทสนทนา,เขามีความตั้งใจที่จะสร้างสัมพันธ์ด้วยเมื่อเขาได้ยินคําถามของจางเสี่ยเขารีบตอบกลับทุกอย่างที่เขารู้

“การทดสอบศิษย์แก่นกลางแบ่งออกเป็นชั้นปฐมบทและสนามประลอง ชั้นปฐมบทจะแตกต่างกันไปในแต่ละปีดังนั้นข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่าชั้นปฐมบทของปีนี้จะทดสอบอะไร”

 

“สําหรับสนามประลอง,มันเหมือนเดิมทุกปี เหล่านักบ่มเพาะพลังจะเข้าประลองประมือกันจนกว่าจะเหลือเพียงห้าสิบคนมันกล่าวได้ว่าศาลากระบี่สวรรค์จะตบรางวัลให้กับสิบอันดับแรก”

 

“ท้ายสุด จะเป็นการต่อสู้กับศิษย์แก่นกลางห้าสิบอันดับสุดท้ายทุกคนจะเลือกคู่ต่อสู้ ผู้แพ้จะเสียสถานะของศิษย์แก่นกลาง”

 

จางเลี่ยพยักหน้าและกล่าวขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว,ข่าสงสัยนักว่าชั้นปฐมบทของปีนี้จะเป็นอะไร”

 

มันไม่รู้ว่าทําไม,แต่หัวหน้าผู้คุมการทดสอบที่ถูกส่งมาโดยโถงหลักยังไม่ลงมาที่พื้นที่ฝึกฝน หลังจากยืนนิ่งอยู่ใต้แสงอาทิตย์มาเป็นเวลานาน,บางคนเริ่มที่จะหมดความอดทน”

“เกิดอะไรขึ้น? ทําไมยังไม่เริ่มกันอีก? ดวงตะวันจะทําข้าตาลายแล้ว!”

 

“ฮ่าฮ่า,ข้าอยู่สบาย ข้าบ่มเพาะทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟยิ่งข้าอยู่ใต้แสงอาทิตย์นานเท่าไหร, ข้าก็ยิ่งได้ประโยชน์ ถึงกระนั้น,ให้รออยู่อย่างนี้ก็น่าเบื่อเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีใครู้บ้าง?”

“บางที่อาจเป็นเพราะคนยังมาไม่ครบ หากเป็นเช่นนั้น,หัวหน้าผู้คมสอบจะไม่ออกมา”

 

“ใครมันช่างกล้า,ด้วยอากาศเช่นนี้ เขากล้าทิ้งให้คนอื่นรอ”

“ดูเหมือนจะเป็นคนของยอดเขาฉิงหยุนจะยังไม่มา ข้าได้ยินมาว่ายอดเขาฉิงหยุนได้รับศิษย์ชั้นในที่ทรงพลังเข้ามา เขาสามารถล้มกระบี่เร็วหลินเฟิงได้ภายในท่าเดียว”

 

“เป็นเรื่องจริง? ระดับความแข็งแกร่งของหลินเฟิงค่อนข้างสูงในหมู่ศิษย์แก่นกลางด้วยกันเอง”

 

ขณะที่ทุกคนกําลังพูดคุย,มีจุดสีดําปรากฏขึ้นทางเส้นขอบฟ้าตะวันออกจุดสีดําค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นทําให้ทุกคนมองเห็นมันได้ชัดเจนพวกเขาพบว่ามันเป็นนกสีเขียวตัวยักษ์

 

หลิวสุยเฟิงไม่ใช่พลขับที่ดีนัก เซี่ยวเฉินไม่ได้คิดถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อน,เขาพบว่าพวกเขากําลังบินไปผิดทางหลังจากที่ลอยลมบนฟ้ามาเป็นเวลานาน

 

หลิวสุยเฟิงมองไปยังลานฝึกฝนและปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากเขายิ้มและกล่าวขึ้น “ พี่น้องเย่, ข้าแน่ใจว่าครั้งนี้ข้ามาถูกทาง มองดูสีหน้าของผู้คนที่อยู่บนพื้น สีหน้าตื่นเต้นของพวกเขาเป็นข้อพิ

สูจน์”

 

เซี่ยวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณของเขาออกไปและสามารถไดยินสิ่งที่พวกคนด้านล่างกําลังพูดคุย เขารู้สึกหมดคําจะพูดพร้อมกับกล่าวขึ้น“พวกเขาตื่นเต้นสาปด่าจนเนื้อเต้นเลยทีเดียว”

 

“ฟ้าว!”

 

นกสีเขียวกระพือปีกของมันพร้อมกับร่อนลงบนพื้นที่ฝึกฝนเซี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงกระโดดลงมาในทันทีพวกเขาทั้งสองฉาบหน้ามาหนาพอประมาณ;พวกเขาเมินเฉยสายตาแดกดันจากทุกคน

“ปัง! ปัง! ปัง!”

 

ไม่นานนักหลังจากที่เชี่ยวเฉินและหลิวสุยเฟิงมาถึง,สามบุรุษในชุดคลุมสีเทากระโดดลงมาจากฐานสูงที่อยู่ไกลออกไป พวกเขาสร้างคลื่นกระแทกออกมาพร้อมกับเคลื่อนตัวไกลหลายร้อยเมตรก่อนที่จะลงถึงพื้นอย่างมั่นคง

 

หนึ่งในสามคนนั้นก้าวเดินขึ้นมา เขาเป็นชายกลางคนที่มีใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดพร้อมกับกระแสพลังวูบวาบเปลวแสงในดวงตาของเขาฉายออกพร้อมกับกวาดตาม องกลุ่มคนด้านหน้าทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางเบา

 

“ข้าคือหัวหน้าผู้คุมสอบของพวกเจ้า เหมือนครั้งก่อนๆ,การทดสอบศิษย์แก่นกลางจะประกอบไปด้วยชั้นปฐมบทและสนามประลอง”ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยเสียงลึกเสียงของเขาดังเป็นอย่างมากและทุกคนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน

 

“แคร้ง! แคร้ง! แคร้ง!”

 

หัวหน้าผู้คุมสอบโบกมือของเขาและศิลาสีดําสูงเท่าตัวคนบินออกมาจากแหวนมิติของคนสองคนด้านข้างของเขาไม่ช้า,ปาหินศิลาก็ปรากฏต่อหน้าของพวกเขา เม็ดหินละเอียดจนมองไม่เห็นและส่องแสงเรืองออกมา,น่าประทับใจ

 

“ขั้นแรกจะทดสอบความแข็งแกร่งของพวกเจ้า เจ้าต้องทําลายหนึ่งในก้อนศิลาพวกนี้ด้วยกระบี่เดียว จําเอาไว้,พวกเจ้ามีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นล้มเหลวคือสอบตก” หัวหน้าผู้คุมสอบกล่าวอย่างไร้อารมณ์ในน้ําเสียงกับฝูงสานุศิษย์

 

หลังจากนั้นผู้คุมสอบทั้งสองก็เริ่มแจกหมายเลขให้กับทุกคน พวกเขาจะต้องเข้ารับการทดสอบตามลําดับของพวกเขา

เชี่ยวเฉินมองไปยังตัวเลขที่เขาได้รับมา 240 เป็นตัวเลขที่เกี่อบจะรั้งท้าย,มีคนเพียงประมาณสามร้อยคนเท่านั้นที่เข้าร่วมการทดสอบบนพื้นที่ฝึกฝนแห่งนี้

 

หลังจากที่หมายเลขแจกจายไปจนครบหมดแล้ว,ศิษย์ยอดเขาเทียนเยวผู้หนึ่งที่ได้ลําดับแรกก็ค่อยๆเดินเข้าไปในปาศิลาเขามองไปยังศิลาสูงขนาดเท่าตัวคน แต่เขาไม่ได้เป็นกังวลเกินไปนัก

 

หลังจากที่ระดับขอบเขตปรมาจารย์หลอมรวมกระบี่แสงและซัดออกไปด้วยกําลังทั้งหมด,เขาควรจะสามารถทําลายก้อนศิลาให้แตกเป็นเศษนับไม่ถ้วยได้โดยปราศจากการใช้ที่กษะต่อสู้ หากเขาใช้ทักจะต่อสู้ พลังของเขาก็จะเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก

 

หลังจากที่เขาชักกระบี่ออกมาจากผัก,จุดแสงสีแดงรวมตัวบนคมกระบี่ คนผู้นี้บ่มเพาะทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟทักษะบ่มเพาะพลังธาตุไฟนั้นขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็วและรุนแรง มันควรจะผ่านไปได้อย่างไร้ปัญหา

 

“สลายไปซะ!” ศิษย์ยอดเขาเทียนเยวผู้นี้ตะโกนขึ้นพร้อมกับกระโดดขึ้นไปในอากาศ กระบี่แสร่วงหล่นลงมาจากเหนือหัว,รวดเร็วชัดเจนอย่างไรก็ตามเมื่อกระบี่แสงซัดเข้ากับศิลาสีดํา,มันส่งเสียง “แคร้งแคร้ง” ออกมา มันไม่เกิดรอยแตกบนศิลาด้วยซ้ํา

“ทําไมเป็นเช่นนี้?” เมื่อกระบี่แสงจางหายไป,ศิษย์คนนั้นมองไม่เห็นแม้แต่รอยขีดข่วนบนศิลาสีดําดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน

 

หัวหน้าผู้คุมสอบซัดอากาศด้วยฝ่ามือของเขาก้อนศิลา,ที่แข็งราวกับเหล็ก,ระเบิดออกเป็นเศษนับไม่ถ้วนเขากล่าวอย่างไม่แยแส“เลขที่ 1.สอบตก!ไปหาที่นั่งข้างล่าง!”

 

“ไม่มีทางเข้าไปไม่ได้เข้าอายุได้สิบเก้าแล้วในปีนี้! หากข้าไม่ผ่านในตอนนี้ ข้าก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว! ได้โปรดให้ข้าได้ลองอีกสักครั้ง!ข้ายังไม่ได้ใช้ทักษะต่อสู้หากข้าได้ใช้ทักษะต่อสู้, จะต้องทําลายมันได้อย่างแน่นอน!” ศิษย์ผู้นั้นวิงวอนอย่างตื่นตระหนกกับหัวหน้าผู้คุมสอบ

 

หัวหน้าผู้คุมสอบโบกมือของเขาและเกิดเป็นคลื่นกระแทกศิษย์คนนั้นถูกโยนตัวลอยไปในอากาศด้วยพลังมหาศาลและตกลงอย่างแรงที่ด้านนอกพื้นที่ฝึก “ข้ากล่าวไว้ชัดเจนแจ่มแจ้ง,แต่ละคนจะได้รับโอกาสเพียงครั้งเดียว อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ําอีกครั้ง! บอกต่อกันไปซะ!”

“ฟวฟิว!”

 

ทันใดนั้น,ลูกดอกซัดสีดําถูกยิงออกมาจากฐานสูงเหนือพื้นที่ฝึกหัวหน้าผู้คุมสอบคว้ามันเอาไว้ด้วยนิ้วของเขาและคล้ายกระดาษที่แปะมาพร้อมกับมันผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็กล่าวขึ้น “ข้าเพิ่งได้รับแจ้งให้ปรับกฏห้ามผู้ใดใช้ทักษะต่อสู้ในการทดสอบชั้นแรก หากพวกเจ้าแหกกฏนี้เจ้าถูกปรับตกเช่นกัน”

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

IMDC, 仙武同修
Score 6.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2008 Native Language: Chinese
เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset