Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 237 ต้นกําเนิดปัญญายุทธอีกชิ้นหนึ่ง?

ตอนที่ 237 ต้นกําเนิดปัญญายุทธอีกชิ้นหนึ่ง?

 

ดาบหักเล่มนี้ดูคล้ายกับดาบไม้อัสนีของจักรพรรดิอัสนี้เป็นอย่างมากในตอนที่เขาพบมัน นอกจากจะคมอย่างเหลือเชื่อ,มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษอีก อย่างไรก็ตาม,ในตอนที่เขาวางมันลงคู่กับกระบี่เงาจันทร์มันส่งปฏิกิริยารุนแรงออกมาเพวกมันทั้งสองเล่มดึงดูดซึ่งกันและกัน

 

เซี่ยวเฉินอยากจะหลอมมันมานานแล้ว น่าเสียดาย,เพลิงแท้อัสนีม่วง, ที่สามารถหลอมละลายดาบไม้อัสนี้ได้ไม่สามารถหลอมดาบเล่มนี้ได้

 

ตอนนี้เพลิงแท้อัสนีม่วงได้ขึ้นมาถึงระดับต่อไป เซี่ยวเฉินเตรียมพร้อมที่จะลองดูอีกครั้ง เพื่อดูว่ามันจะมีปฏิกิริยาเช่นไรเมื่อเขาลองหลอมมันอีกครั้ง

 

เชี่ยวเฉินเรียกเพลิงแท้อัสนีม่วงออกมา จากนั้นเขาก็เดินไปตรงจุดกึ่งกลางของเปลวเพลิงพร้อมกับดาบหักในมือสัมผัสวิญญาณของเขาห่อหุ้มรอบๆดาบหักพร้อมกับลอยเข้าไปในจุดกึ่งกลางของเปลวเพลิง

 

“ฟู่!”

 

ในจังหวะที่เปลวเพลิงสัมผัสเข้ากับดาบหัก,มันยิงเส้นประกายสายฟ้ารุ่งโรจน์ออกมาทันที,แตกตัวอย่างต่อเนื่อง

 

ควันสีดําผุดออกมาจากผิวของดาบหัก รูปร่างของดาบดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทันที ฝุ่นผงบนตัวดาบถูกล้างออก, และมันก็ได้เปล่งประกายออกมาอีกครั้ง

 

“เว่ง! เว่ง!” กระบี่เงาจันทร์ในมือซ้ายของเซี่ยวเฉินสั่นไหวมันสั่นไหวแรงขึ้นและแรงขึ้นท้ายที่สุด,เซี่ยวเฉินเกือบจะจับมันเอาไว้ไม่อยู่

 

“เป็นไปได้ว่าดาบหักเล่มนี้ก็บรรจุชิ้นส่วนต้นกําเนิดปัญญายุทธเอาไว้ด้วยเช่นกัน?” เซี่ยวเฉินกล่าวกับตัวเอง

 

ต้นกําเนิดปัญญายุทธคือหลังฉีจู่โจมที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นเพราะมันทรงพลังมากเกินไป,มันจึงถูกแบ่งออกเป็นหกส่วน,แต่ละส่วนถูกบรรจุลงในอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์

 

ในอดีต จักรพรรดิอัสนี้ได้ทุ่มเทเวลากว่าครึ่งชีวิตในการตามหาต้นกําเนิดปัญญายุทธอีกห้าส่วนที่เหลือ ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าเขารวบรวมมันมาได้กี่ชิ้นและเขาได้รับอะไรมาบ้าง

 

เป็นใครกันที่สามารถทําร้ายจักรพรรดิและทําลายดาบไม้อัสนีของเขา ทําให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผนึกดาบหักเล่มนั้นเอาไว้ในเสาศิลาแสงจันทร์นับพันปี

 

ไม่มีใครในยุคนี้ที่รู้ถึงคําตอบ ในตอนนั้น ด้วยดาบไม้อัสนีที่อยู่ในมือของเขาเขาไร้เทียมทานภายใต้สวรรค์ ด้วยอายุยังน้อย,เขาได้ต่อสู้ประมือทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉินไม่มีใครที่อาจกดเขาลงได้

 

ภายในทวีปเทียนหวู่เขาก็นับได้ว่าคือผู้เชี่ยวชาญ จํานวนผู้ที่สามารถต่อกรกับความแข็งแกร่งเต็มกําลังของเขานับได้ด้วยมือเดียว เช่นนั้นเป็นใครกันที่ไล่ต้อนเขาไปถึงจุดจบได้?

 

นอกจากอ่าวเจียวไม่มีใครรู้ถึงคําตอบ อย่างไรก็ตาม อ่าวเจียวก็เลี่ยงที่จะตอบคําถามนั้น,ไม่ให้เซี่ยวเฉินรู้ มันชัดเจนว่านางกลัวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อพันปีก่อน

 

เซี่ยวเฉินได้คาดเดาด้วยตัวเอง จักรพรรดิอัสนีจะต้องพบอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกห้าชิ้นที่เหลือที่บรรจุต้นดลกําเนิดปัญญายุทธเอาไว้

 

อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาต้องการจะผสานพวกมันเพื่อก่อกําเนิดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มีบางคนทําร้ายเขา อาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้าชิ้นกระจายหายไปอีกครั้ง และดาบไม้อัสนีก็หักเป็นสองท่อน

เป็นใครที่จะกลัวถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่กําลังจะก่อกําเนิด? คําตอบมันชัดเจน:มันก็คือหนึ่งในผู้ที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์เอาไว้อย่างแน่นอน

 

เนื่องจากวันที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ถูกสร้างขึ้นมา มันมีเพียงสิบชิ้นที่จะคงอยู่ มันดูเหมือนว่าแม้แต่สวรรค์ก็เกรงกลัวอาวุธศักดิ์สิทธิ์

 

ตราบใดที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใหม่ก่อกําเนิดขึ้นมา, จะต้องมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ร่วงหล่น จํานวนของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจจะมากกว่าสิบชิ้น

 

ผู้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์เกรงกลัวว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะร่วงหล่น ดังนั้นเขาเลือกที่จะตัดไฟแต่ต้นลม,พึ่งพาอํานาจของอาวุธศักดิ์สิทธิ์เพื่อล้มจักรพรรดิอัสนี

 

การคาดเดานี้มีน้ําหนักอย่างมาก แต่ไม่มีหลักฐานใดมารองรับ ดังนั้นเซี่ยวเฉินไม่กล้าที่จะมั่นใจนัก,ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นเพียงการคาดเดาของเขา

 

อุณหภูมิที่ต้นกําเนิดเพลิงแท้อัสนีม่วงสูงกว่าเมื่อก่อนไปหลายเท่ามันร้อนไปถึงระดับที่น่ากลัว,อุณหภูมิห้าพันองศา,เป็นอย่างน้อย

 

เซียวเฉินสํารวจดาบหักอย่างละเอียดและค่อยๆเริ่มที่จะหลอม มันเปลี่ยนไปเป็นของเหลวและหยดลงมาด้านล่าง

 

“ฟี่! ฟี่!”

 

ในทันทีที่โลหะเหลวหยดลงมา,มันลอยไปยังฝักกระบี่ที่บรรจุกระบี่เงาจันทร์เอาไว้ในมือซ้ายของเซียวเฉิน มันราวกับมีชีวิต มันมุ่งหน้าไปยังปากฝักกระบี่,พยายามจะเข้าไปในฝักและผสานเข้ากับกระบี่เงาจันทร์

 

พร้อมเสียง “ปุ” ฝักกระบี่ที่ดูธรรมดาก็ปลดปล่อยพลังงานอัน น่ากลัวออกมา,ดีดโลหะเหลวที่ลอยเข้ามา

 

เซี่ยวเฉินส่งสัมผัสวิญญาณของเขาและรวบรวมเอาโลหะเหลวทั้งหมดที่อยู่ในอากาศ เขาคิ้วขมวดแน่นเขาไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ “เกิดอะไรขึ้น?”

 

ในตอนที่ดาบหักได้ละลายจนหมด,และโลหะเหลวทั้งหมดมารวมเข้าด้วยกัน,มันยุบยวบไปมาเหมือนกับเยลลี่บนโลก มันช่างดูแปลกประหลาดนัก

 

“ฟู่!”

 

ทันใดนั้นมีร่างสีดําลอยออกมาจากโลหะเหลวที่รวมตัวกัน,มุ่งหน้าไปที่ใบหน้าของเซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็ว

 

เซี่ยวเฉินเตรียมตัวไว้นานแล้ว เขาใช้สัมผัสวิญญาณสร้างม่านพลังขึ้นมาตรงหน้าของเขาในทันที ร่างสีดําชนเข้ากับกําแพงและกระด้อนกลับ

 

“โอ๊ย! โอ๊ย!” ร่างสีดําร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เซี่ยวเฉินในที่สุดก็สามารถมองเห็นร่างนั้นได้อย่างชัดเจน เขาดูเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ:ไม่มีความแตกต่าง

 

อย่างไรก็ตาม มันดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก ร่างของมันส่งกระแสพลังปีศาจออกมา ทําให้ทําให้รู้สึกไม่อยากเข้าใกล้

 

“เช่นนั้น,มันก็คือจิตวิญญาณของอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเพราะดาบหักเล่มนั้นไม่ได้ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างเหมาะสม,มันจึงกลายเป็นจิตวิญญาณชั่วร้าย”

 

ตอนนี้เซี่ยวเฉินรู้แล้วว่ามันคืออะไร,เขาจึงไม่ลังเล ไม่น่าแปลกใจว่าทําไมผักกระบี่ถึงได้ต่อต้านสิ่งนี้,ต้านมันไม่ให้ผสานเข้ากับกระบี่เงาจันทร์ เป็นเช่นนี้นี่เอง

 

หลังจากที่จิตวิญญาณอาวุธกลายไปเป็นจิตวิญญาณชั่วร้าย,มันจะสูญเสียจิตสํานึกไปทั้งหมด มันได้เปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้เพียงการฆ่า หากมันผสานเข้ากับอาวุธวิญญาณ,มันจะเปลี่ยนอาวุธวิญญาณให้กลายเป็นอาวุธปีศาจ,เป็นภัยต่อโลกใบนี้

 

ภายในทวีปเทียนหวี่เมีผู้บ่มเพาะพลังปีศาจมากมายที่เก็บรวบรวมจิตวิญญาณชั่วร้าย,บ่มเพาะให้พวกมันกลายเป็นอาวุธปีศาจเพื่อ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง

 

หากจิตวิญญาณชั่วร้ายตนนี้,ที่เคยเป็นจิตวิญญาณอาวุธของอาวุธกิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ครอบงํากระบี่เงาจันทร์,กระบี่เงาจันทร์จะกลายไปเป็นอาวุธปีศาจแบบพิเศษในทันที

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากจิตวิญญาณชั่วร้ายตนนี้อยู่ภายใต้การเผาผลาญของเพลิงแท้อัสนีม่วง,ความแข็งแกร่งของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด มันไม่แม้แต่จะเจาะทะลวงกําแพงที่เซี่ยวเฉินกางเอาไว้ กลับกัน,มันถึงกับบาดเจ็บเสียเอง

 

จิตวิญญาณชั่วร้ายนี้ดูเหมือนจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเซี่ยวเฉิน มันร้องออกมาและพยายามจะบินหนีออกไป

 

“หนี? เจ้าคิดว่าจะรอด? เพลิงแท้อัสนีม่วง,ยิง!”

 

ขณะที่เซียวเฉินเห็นจิตวิญญาณชั่วร้ายพยายามจะหนีเขายิ้มขึ้นและเปลี่ยนเพลิงแท้อัสนีม่วงให้กลายเป็นลูกศรแหลม ขณะที่ยิงออกไป,มันทิ้งหางดาวตกยาวไว้ด้านหลัง

 

มันราวกับเส้นประกายสายฟ้ารุ่งโรจน์พุ่งผ่านไปด้วยความเร็วเหนือเสียงและไล่ทันหลังก่อนที่จะแทงทุละจิตวิญญาณชั่วร้ายในทันที

 

“บูม!”

 

เปลวเพลิงสีม่วงระเบิด:พลังของต้นกําเนิดเปลวเพลิงถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ ประกายสายฟ้าสว่างวาบไปทั่วผืนป่าราวกับเที่ยงวัน จิตวิญญาณชั่วร้ายสีดําร้องออกมาอย่างน่าเวทนาและหายไปสู่ความว่างเปล่า,ถูกลบหายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกถึงพลังปราณที่เสียไปและก็ถอนหายใจ “ข้าใช้ออกไปเพียงสองครั้ง และข้าก็ผลาญพลังปราณไปจํานวนมหาศาล ดูเหมือนว่าข้าจะใช้กระบวณท่านี้ไว้เป็นไพ่ตายเท่านั้น”

 

หลังจากที่จิตวิญญาณชั่วร้ายตกตายลง,โลหะที่หลอมเหลวมาจากกระบี่หักเล่มนนั้นก็ลอยมายังกระบี่เงาจันทร์อีกครั้ง ครั้งนี้ ฝักกระบี่อันแปลกประหลาดนี่ก็ไม่ได้ต่อต้าน มันปลดปล่อยกระบี่เงาจันทร์ที่พยายามจะออกมา

 

คมกระบี่สีขาวของกระบี่เงาจันทร์สั่นสะเทือนในอากาศอย่างต่อเนื่อง โลหะเหลวดูเหมือนจะซึมเข้าไปข้างในมัน:มันไม่ได้ก่อให้เกิดละลอกคลื่นพร้อมกับผสานเข้ากับกระบี่เงาจันทร์อย่างสมบูรณ์

 

เมื่อหยดสุดท้ายของโลหะเหลวผสานเข้ากับกระบี่เงาจันทร์,มันกลายเป็นสว่างเจิดจ้ายิ่งขึ้น

 

เซี่ยวเฉินยื่นมือของเขาออกไปและจับกระบี่เงาจันทร์เอาไว้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของกระบี่ที่เพิ่มขึ้นมาได้ในทันที กระบี่เงาจันทร์ได้เลื่อนจากเดิมที่ระดับปฐพีขั้นต่ำไปเป็นระดับปฐพีขั้นกลาง

 

น่าเสียดาย,เซี่ยวเฉินไม่เห็นสิ่งที่เรียกว่า “ต้นกําเนิดปัญญายุทธเซียวเฉินค่อนข้างผิดหวัง ในเมื่อมันไม่มีต้นกําเนิดปัญญายุทธ,ทําไมอ่าวเจียวถึงได้บอกให้ข้าหลอมดาบเล่มนี้โดยเร็วที่สุด?

 

ในเมื่อเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ เขาก็พับมันเก็บไว้ก่อน นี่เป็นสิ่งที่เชี่ยวเฉินทําอยู่ตลอด เขาไม่มัวเสียเวลาไปกับปัญหาที่ไม่อาจคลี่คลายได้ ทุกสิ่งอย่างจะปรากฏเองเมื่อถึงเวลาของมัน

 

นี่มันดึกมากแล้ว หลังจากที่เลื่อนขึ้นสู่ระดับขอบเขตนักบุญ.มันมีด้านอื่นๆที่พัฒนาขึ้นมาเช่นกัน แต่มันไม่สะดวกที่เชี่ยวเฉินจะไปไล่ตรวจดูทุกอย่าง มีเวลาอีกสามวันมันจะเพียงพอหรือไม่ที่จะให้เขาปรับความเสถียรของการบ่มเพาะพลัง

 

สามวันผ่านไปในพริบตา เซี่ยวเฉินปรับปรุงเสถียรภาพการบ่มเพาะพลังของเขาในตลอดสามวันที่ผ่านมา ในตอนที่มีบางสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ เขาจะไปขอคําชี้แนะจากหลิวหรูเยว่โดยตรง

 

หลิวหรูเยว่ขึ้นระดับขอบเขตนักบุญมานานกว่าเซี่ยวเฉินอย่างมาก ดังนั้น,นางจึงมีประสบการณ์มากกว่า นางถ่ายทอดทุกอย่างที่นางรู้โดยไม่มีกักเก็บเอาไว้

 

ยกตัวอย่าง,นางสอนเขาถึงความรวดเร็วในการควบรวมกระบี่ฉี,ทําอย่างไรถึงจะเร็วขึ้น และทําอย่างไรให้ใช้พลังปราณน้อยที่สุดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด

 

ความสามารถในการเข้าใจของเซี่ยวเฉินแต่เดิมก็สูงอยู่แล้ว หลังจากที่เขากินดอกดาวเรืองแสงไหล,ความสามารถในการเข้าใจของเขายกเพิ่มสูงขึ้นไปอีก เขาสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่หลิวหรูเยว่อธิบายภายในหนึ่งรอบ เขายังสามารถครุ่นคิดหลายสิ่งได้พร้อมกัน

 

ทั้งหมดเป็นประโยชน์กับเซี่ยวเฉินในทุกทางความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ตอนนี้เป็นเวลากลางคืนท้องฟ้ายามค่ำคืนปราศจากหมู่เมฆ สามารถมองเห็นดวงดาวนับไม่ถ้วนทอแสงระยิบระยับบนฟ้ามืด,ช่างเป็นฉากที่สวยงาม

 

พรุ่งนี้, พวกเขาจะจ่ายภารกิจ เซี่ยวเฉินว่าจะไม่บ่มเพาะพลัง ในคืนนี้เขาตั้งใจจะนอนให้เต็มอิ่มเพื่อฟื้นจิตวิญญาณของเขา

 

สําหรับนักบ่มเพาะพลัง, ผลจากการนั่งทําสมาธิดีกว่าการนอนหลับพักผ่อน ดังนั้น ผู้บ่มเพาะพลังหลายคนจึงเลือกที่จะบ่มเพาะพลังมากกว่าหลับนอน

 

ทําเช่นนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อจิตวิญญาณ,แต่มันไม่สามารถขึ้นไปถึงระดับที่จิตวิญญาณได้ผ่อนคลายโดยสมบูรณ์ ถึงอย่างไร เมื่อบ่มเพาะพลัง,จิตใจของพวกเขาก็ยังคงตื่นตัว จะรู้สึกถึงถึงการเคลื่อนไหวของสายลมและใบหญ้าในทันที

 

ดังนั้น การนอนหลับถึงจะเรียกได้ว่าทั่งทั้งร่างกายได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริง มันทําให้จิตวิญญาณ,ฉี,และจิตใจของผู้บ่มเพาะพลังฟื้นคืนถึงระดับสูงสุด

 

ขณะที่เซียวเฉินเอนหลังลงบนเตียง,เขาหลับตาลง,ทําจิตใจให้โปร่ง หลังจากสิบนาที, ลมหายใจของเขานิ่งสงบ,หน้าอกของเขาขึ้นลงไปตามการหายใจ ไม่ช้า เขาก็ค่อยๆเข้าสู่ความฝัน

 

เซี่ยวเฉินมึนงงอยู่ระยะเวลาหนึ่ง จากนั้น,ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น ฉากเบื้องหน้าของเขาไม่ใช่ห้องของเขาอีกต่อไป

 

มีหมู่เมฆล้อมรอบในพื้นที่:ดวงอาทิตย์ส่องแสงบนท้องฟ้า เมื่อเขามองไกลออกไป สิ่งปลูกสร้างมากมายที่ดูเล็กราวกับเม็ดปรากฏขึ้นในสายตาของเขา นี่เป็นหนึ่งในภูเขาของเทือกเขาหลิงหยุน

 

นี่ข้าฝัน? เซี่ยวเฉินครุ่นคิดสับสน นี่เป็นเพราะช่วงเวลาในพื้นที่แห่งนี้ไม่ตรงกับที่ควรจะเป็น ที่สําคัญที่สุดก็คือเขาไม่อาจสลัดความรู้สึกมึนงงออกไปได้

 

เมื่อเขาหันไปรอบๆ เขามองเห็นท่าเจ้ายอดเขาฉิงหยุนคนก่อน,บิดาของหลิวหรูเยว่,หลิวเทียนยู่,กําลังอยู่บนก้อนหิน

 

ใบหน้าสูบผอมของหลิวเทียนยู่เต็มไปด้วยความลุ่มลึกไม่ได้ที่นตกใจเขาเพียงมองเซี่ยวเฉินอย่างนิ่งเงียบ “เจ้าดูเหมือนไม่ได้ประหลาดใจ”

 

เซี่ยวเฉินคาดเดาไว้แล้วว่าคนผู้นี้คือคนที่เข้ามาในความฝันของเขา,ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ประหลาดใจ ถึงอย่างไร,ภายในศาลากระบี่สวรรค์,เขาเป็นเพียงผู้เดียวที่เซียวเฉินสามารถนึกออกผู้ที่มีจิตวิญญาณแข็งแกร่งเช่นนี้และสามารถทะลวงการป้องกันของเขาได้

 

เซี่ยวเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ:ข้าเพียงไม่เคยเจอคนที่เข้ามาแทรกแซงความฝันของข้ามาก่อน ต้องขออภัย!”

 

หลังจากที่เซียวเฉินพูดจบ,ฉากโดยรอบทันมดนั้นก็แปรเปลี่ยน หมู่เมฆและสายลมกลายเป็นภาพลวง;เมฆม้วนกลับ,และมิติทันใดนั้นก็แตกสลายราวกับแก้ว

 

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

IMDC, 仙武同修
Score 6.4
Status: Ongoing Type: Author: , , Released: 2008 Native Language: Chinese
เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset