ตอนที่ 256 การมาของหยิงเยว่
เมื่อผู้ขันได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็มองหน้าส่งสายตากันด้วยความตกใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตจะรับมือได้ยากเย็นถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่เข้าใจว่าอะไรคือดวงจันทร์สีเลือดนั้นเช่นกัน
ในตอนที่พวกเขาสอดส่องผ่านบ่อน้ําแห่งการเกอดใหม่, สภาสูงรู้ว่ามีดวงจันทร์สีเลือดอยู่ในมิติแห่งนั้น แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ไปใส่ใจกับมันมากนัก พวกเขาไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ลงด้วยเหตุนี้
ผู้อาวุโสสองพึมพํา “ดวงจันทร์สีเลือดนั้นจะต้องเป็นแก่นกลางพลังงานของมิติแห่งนั้น ข้าเชื่อว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตตั้งใจจะใช้มันเพื่อทําลายผนึก ตอนนี้ดวงจันทร์สีเลือดนั้นถูกใช้ไปแล้วหลายครั้ง มันจะต้องชะลอการทําบายลายผนึกไปอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์
ผู้อาวุโสสามกล่าวต่อ “อีกครึ่งเดือน กองทัพจักรวรรดิมังกรขั้นสูงจะมาถึง เมื่อบวกเข้ากับความแข็งแกร่งของศาบากระบี่สวรรค์, พวกมันนาาจะแก้ไขสถานการณ์ในตอนนี้ได้”
กองทัพจักรวรรดิมังกรคือกองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดภายของตระกูลราข์วงศ์แห่งอาณาจักรต้าฉิน ผู้บังคับบัญชาของพวกเขาคือหนานกงเลี่ย, หนึ่งในสิบระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธที่แข็งแกร่งที่สุด ระดับขอบเขตพลังที่อ่อนที่สุดภายในกองทัพคือระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด
พวกเขามีระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธมากกว่าสองร้อยนายภายในกองทัพ บวกเข้ากับเรือสงครามโบราณสิบล้ําของพวกเขา พวกเขาสามารถสังหารระดับขอบเขตยอดกษัตริย์ยุทธลงได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนั้น พวกเขามังจะวนเวียนอยู่ทางเหนือ,ต่อสู้กับพวกคนเถื่อนที่ถูกปกครองโดยโลกหุบเหวปีศาจ พวกเขาที่สู้รบประมืออยู่เป็นประจําและพลังในการต่อสู้ของพวกเขารักษาให้อยู่ในระดับสูงสุดอยู่เสมอ
คําว่า จักรวรรดิมังกร ยังคงมีอีกความหายหนึ่งคือ ปกป้องจักรพรรดิ์ กองทัพนี้ประกอบไปด้วยหลากหลายผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดจากทั่วทั้งอาณาจักรต้านพวกเขานับได้ว่าเป็นกองกําลังสนับสนุนอาณาจักรต้าฉันที่ยิ่งใหญ่
ผู้อาวุโสหนึ่งส่ายหัวและยิ้มขมขึ้น “คนพวกมากกระหาย พวกเขาต้องการผลประโยชน์จากเหมืองวิญญาณหนึ่งในสิบส่วนทุกปีพวกเขาจึงจะยอมยื่นมือเข้าช่วย
ลู่เฉินสีหน้าจมดิ่ง เขากล่าวอยู่สงตกตะลึง “นั่นไม่ต่างกับปล้นกันกลางวันแสกๆ หากรอยแยกมิติในศาบากระปสวรรค์เปิดออก,แคว้นซีเหอกว่าครึ่งจะได้รับผลกระทบ พวกเขาไม่กลัวจะเป็นเช่นนั้น?”
ผู้อาวุโสสองแนะขึ้น แต่เดิมพวกเขาเรียกถึงสองในสิบส่วน เพราะเหตุนั้นเองเขาจึงลดลงมาเป็นหนึ่งในสิบส่วน นอกจากนั้น พวกเขายังคงเลือกที่จะเคลื่อนไหวได้หลังจากที่ศาลากระบี่สวรรค์ถูกทําลาย
เจียงซื้อพึมพํา “ผู้อ่อนแอไม่มีสิทธ์ต่อรอง ตระกูลราชวงศ์เพียงรอคอยให้ศาลากระปสวรรค์ถูกทําลาย หากพวกเขาไม่กลัวว่าจะต้องพังพินาศไปพร้อมกับพวกเรา พวกเขาคงไม่แม้แต่จะตอบตกลงที่จะช่วยเหลือ
ในจังหวะนั้นเอง,ทุกคนสังเกตเห็นเงาของเรือสงครามสีทองจากระยะไกล เรือสงครามลํานั้นในไม่ช้าก็หยุดลงที่ด้านนอกของศาบากระบี่สวรรค์
เมื่อเจ๋งซื้อเงยหัวขึ้นไปมองดู,เขามองเห็นธงสีดําโบกสะบัดอยู่บนเรือ ตัวอักษร หยิ่ง ()
วาดเอาไว้อยู่บนใบธง
“เอาเหรียญสั่งการของข้าไปและเปิดม่านพลัง ให้พวกเขาบินเข้ามา” เจียงซื้อส่งเหรียญสั่งการของเขาให้กับข่ายข์ราด้านหลังของเขา
ขายชราพยักหน้าและกระโดดขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเขาก็บินไกลออกไปอย่างเงียบๆนี้
คือความสามารถของระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ, พวกเขาสามารถโบยบินไปในอากาศได้ด้วยตัวเองและไม่ก่อให้เกอดเสียงดัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เรือสงครามสีทองบินเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่เรือสงครามสีทองบินขึ้นมาอยู่เหนือหัวของพวกเขาเท่านั้นทุกคนจึงจะสามารถเห็นได้ว่ามันยิ่งใหญ่ถึงเพียงใด มันบดบังท้องฟ้าและทอดเป็นงานมหึมา มันดูราวกับป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดใหญ่
ฟู่
มีร่างสีทองตัวน้อยกระโดดลงมาจากหัวเรือ นางแต่งกายในซุ้ดเกราะศึกสีทอง ภายใต้แสงอาทิตย์ มันเรืองออกเป็นแสงสีทอง
แสงอาทิตย์ฉายเป็นขั้นสีทองบนใบหน้าของนาง บวกเข้ากับกระแสพลังของนาง นางดูราวกับเทพสงครามหญิง,หาญกล้าและน่าเกรงขาม
ทุกคนที่อยู่ที่นี่สามารถคาดเดาได้ว่านางคือใคร มีความตกตะลึงอยู่บนใบหน้าของพวกเขา, พร้อมกับพวกเขาไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะมา
คนผู้นี้ที่มาจากตระกูลราชวงศ์สามารถทําให้เหล่าสภาสูงรู้สึกตกตะลึง…นอกเสียจากเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรต้าฉิน จะเป็นใครอื่นไป๋าด้อีก
“เครั้ง!”
หยิ่งเยวลงจอดบนพื้นอย่างมั่นคง หลังจากที่นางลงถึงพื้น,ชุดเกราะศึกที่นางสวมส่งเสียง เหล็กกระทบไพเราะออกมา
ท่ามกลางเสียงอันรื่นรมย์, ฉีฆ่าฟันขยายออกมา นี่เป็นสิ่งที่ไม่ได้จงใจท่า
กลับกัน,กระแสพลังนี้ได้หลอมรวมเข้ากับบุคคลผู้นี้ที่ส่งเสียงนั้นออกมา ไม่จําเป็นต้องปลดปล่อยออกมาผู้อื่นก็รู้สึกถึงได้
“ขอต้อนรับเจ้าหญิงหญิงเยว!”
แม้ว่าผู้อาวุโสของศาลากระบีสวรรค์จะแข็งแกร่ง แต่ต่อหน้าเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ในตระกูล ราข์วงศ์, พวกเขาต้องแสดงออกด้วยความเคารพ
รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของหญิงเยวพร้อมกับกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโส, ไม่จําเป็นต้องมากพิธี”
เจียงซื้อถามอย่างงุนงง “ยังไม่ถึงเวลาที่นัดหมาย ทําไมกองทัพจักรวรรดิมังกรถึงมาได้เร็วนัก?”
หยิงเยว่ยิ้ม “ข้ามีธุระส่วนตัวบางอย่างที่ศาบากระบี่สวรรค์ ดังนั้นข้าจึงยิ้มใช้เรือสงครามเพื่อมาที่นี้ล่วงหน้า นี้จะไม่ส่งผลต่อข้อตกลงระหว่างท่านกับกองทัพจักรวรรดิมังกร แน่นอน,หากมีความจําเป็น พวกเขาสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
องค์หญิงหยิงเยวมีธุระส่วนตัวที่ศาลากระปสวรรค์?
เจียงซื้อและผู้อาวุโสคนอื่นๆมองตากันไปมา พวกเขาต่างงุนงง พวกเขาจําไม่เห็นได้ว่าพวกเขาได้มีข้อตกลงอะไรกับองค์หญิงหยิงเยว่
อย่างไรก็ตาม เจียงซื้อก็เป็นจิ้งจอกเฒ่า ถึงอย่างไร ก็ไม่จําเป็นต้องไปไถ่ถาม เขากล่าวขึ้น
“ไม่เป็นไร ในเมื่อพวกเขาก็มากันแล้ว พวกเขาสามารถเริ่มเตรียมการได้ คนของเขาได้ทําภารกิจล้มเหลว: มันดูเหมือนว่าจะต้องให้กองทัพจักรวรรดิมังกรลงมือในครั้งนี้”
สีหน้าของหยิงเยว่เปลี่ยนแปลกเล็กน้อย นางกล่าว “ไม่มีปัญหาเช่นกัน พวกเราสามารถรับมือทั้งสองเรื่องได้ในคราวเดียว”
ในจังหวะนั้นเอง เกิดความผันผวนไร้รูปขึ้นในอากาศ นอกจากเจียงซื้อ ไม่มีใครอื่นรู้สึกถึงได้ความผันผวนนั้นตรงเข้ามาที่เจียงชื่อ
สีหน้าของเจียงฮือพลันเปลี่ยนและเขารีบหลับตาลง พร้อมกับครุ่นคิดไตร่ตรองอะไรบางอย่าง มันดูเหมือนว่ามีใครบางคนต้องการจะสื่อสารกับเขา
เมื่อหยิ่งเยว่เห็นดังนั้น, นางหยุดส่งสัญญาณให้กับทหารลงมาจากเรือสงคราม จากนั้น นางได้เหลียวมองไปยังทิศทางของยอดเขาฉิงหยุนโดยไม่รู้ตัว
ผ่านไปนานเลี้ยงชื่อลืมตาขึ้น รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปจากใบหน้าของเขา เขากล่าวขึ้น
“ฝ่าบาท,สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง เอาเป็นว่าเดินสํารวจศาลากระปสวรรค์ก่อนเป็นเช่นไร?
ชมทิวทัศน์ของเทือกเขาหลิงหยุนก่อนดีหรือไม่?
ทุกคนมองตาก่อนไปมา,พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจียงซื้อที่พลันกลับค่า
หยิงเยวประหลาดใจเล็กน้อย นางตอบกลับ “อะไรก็ได้”
“เยี่ยม ลู่เฉินเจ้ารับหน้าที่ดูแลฝ่าบาท” เจียงซื้อกล่าวเสียงค่อย มันเห็นได้ชัดว่าเขากําลังอารมณ์ดี
ภายในมิติย่อย, บนทํากปรักหักพังเหนือหน้าผาที่ยื่นออกมา
เซียวเฉิน, หยุ่นเข่อชิ้น มู่หลงข่ง, และหลิวหรูเยวทําหมดยืนอยู่คนละมุม ไม่มีสักคนที่ตั้งใจจะกลับออกไป
หลิวหรูเยวมองไปที่เครื่องรางเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในมือของนาง จากนั้น, นางก็โยนมันให้กับมู่หลงข่ง
“ฟู ฟิ้ว!”
กระบี่แสงวูบผ่าน,มู่หลงข่งฟันไปที่เครื่องรางเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผ่าเป็นสองท่อน หลิวหรูเยว่เกรี้ยวโกรธอย่างมากจนกล่าวออกไม่เป็นศัพท์ “เจ้า…!”
มู่หลงข่งถอยกระบีของเขากลับ ไม่อารมณ์บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาพร้อมกับกล่าวขึ้นอย่างเฉยเมย “เจ้าเพิ่งจะได้พบข้าเป็นวันแรก? ข้าไม่เคยเตรียมทางหนี้ให้กับตัวเอง”
หลิวหรูเยว่สงบอารมณ์ลงและความนิ่งสงบกลับมาบนใบหน้าของนาง นางหันไปทางเซี่ยวเฉินและถามขึ้น “เจ้ายังไม่กลับออกไป?”
เซียวเฉินตอบกลับ “ข้าสัญญาไว้กับบิดาของเจ้าแล้วว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตจะต้องตาย”
หยุ่นเข่อซิน ผู้ที่นิ่งเงียบมาตลอด ทันใดนั้นก็กล่าวขึ้น พวกเจ้าสังเกตกันบ้างหรือไม่ว่าทุกครั้งที่แม่ทัพปีศาจโลหิตคืนชีพ,มันจะใช้เวลามากกว่าเดิม?”
เมื่อพวกเขาได้ยินคําของหยุ่นเข่อซิน, มันเหมือนจุดประกายแสงในหัวของพวกเขา เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ! ในครั้งแรกที่พวกเขาสังหารแม่ทัพปีศาจโลหิต,มันใช้เวลาเพียงห้านาทีในการคืนชีพ
ในครั้งที่สอง มันใช้เวลาสิบนาที และนี่ก็เป็นครั้งที่สาม ยี่สิบนาที่ได้ผ่านไป และแม่ทัพปีศาจโลหิตก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา
หากไม่ใช่เพราะประสบการณ์จากครั้งที่หนึ่งและที่สอง,พวกเขาควคิดว่าแม่ทัพปีศาจโลหิตได้ถูกสังหารไปแล้วและกลับออกจากมิติแห่งนี้
มู่หลงยังกล่าว “ข้าบอกเจ้าไปแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่แม่ทัพปีศาจโลหิตจะรืนชีพขึ้นมาได้อย่างไม่รู้จบ มันขัดกับกฎของโลกใบนี้ พลังงานทุกรูปแบบจะต้องมีวันเหือดแห้ง
หยุ่นเข่อซินพยักหน้าและกล่าวต่อ “นอกจากนั้น ทุกครั้งที่มันฟื้นคืนชีพ,จะมีช่วงระยะเวลาหนึ่งที่มันอ่อนแอ มีเพียงแค่หลังจากที่ดวงจันทร์ฉายแสงลงมามันถึงจะฟื้นคืนความแข็งแกร่งกลับมาได้”
“หากพวกเราจู่โจมเข้าไปในช่วงระยะเวลานั้น พวกเราจะสามารถสังหารมันลงได้อย่างง่ายดาย
จะต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน เมื่อทุกคนครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอย่างละเอียด พระจันทร์
เลือดมักจะฉายแสงส์แดงลงมาหลังจากที่แม่ทัพปีศาจฟื้นคืนชีพ”
หลิวหรูเยวส่ายหัวและกล่าวขึ้น “มันเป็นไปไม่ได้ ช่วงเวลานั้นมันสั้นเกินไป หากพวกเราลงมืออย่างรวดเร็ว, พลังโจมตีของพวกเราก็จะลดลง ไม่อาจทําอะไรมันได้”
หยุ่นเข่อชิ้นวางตาไปที่เซียวเฉินและกล่าวขึ้น “เย่เฉิน,เขาทําได้”
สายตาประหลาดใจปรากฏขึ้นบนดวงตาของมู่หลงข่งเขาไม่มีทางเชื่อ มันเป็นไปไม่ได้
สําหรับตัวเขาเองที่จะซัดออกทักษะต่อสู้ที่ทรงพลังด้วยเวลากระชั้นชิดเช่นนี้”
เขาไม่เชื่อว่าเซียวเฉิน, ที่อ่อนแอยิ่งกว่าเขา , จะสามารถทําได้
“เขาทําได้? อย่ามาตลกขบขัน!” มู่หลงข่งสูดจมูกเย็นชา
“ฟูฟว! ฟูฟว!”
หยดเลือดนับไม่ถ้วนเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้งเหนือซากปรักหักพังและเข้ามารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ทุกคนสีหน้าพลันเปลี่ยน: พวกเขารู้ว่ามันเป็นสัญญาณที่แม่ทัพปีศาจโลหิตจะคืนชีพ ดังนั้น, พวกเขาจึงหยุดพูดคุยกัน
เซียวเฉินยังคงนิ่งเงียบ เปลวเพลิงเดือดดาลเผาไหม้อย่างต่อเนื่องในดวงตาขวาของ เขาเปลี่ยนไปเป็นผืนสมุทรทะเลเพลิง
แม่ทัพปีศาจโลหิตในร่างที่อ่อนแอ ปรากฎตัวขึ่นอีกครั้ง แสงสีแดงจากดวงจันทร์ส่องลงมาราวกับผ้าไหมล่องลอย
แม่ทัพปีศาจโลหิตเผยสีหน้าชั่วร้าย เขาหัวเราะพร้อมกับกล่าวขึ้น “เหลือแต่สี่คน? ช่างน่าเสียดายเจ้าสารเลวนั้นหนีไปแล้ว ตราบใดที่ข้าอยู่ใต้แสงจันทร์, ตัวข้าเป็นอมตะ เสียใจที่พวกเจ้าต้องผิดหวังอีกครา…อํา!”
ก่อนที่มันจะได้กล่าวจบ,ขณะที่แสงส์แดงกําลังจะสัมผัสกับหัวของมัน,เซียวเฉินได้ตระเตรียมเพลิงแท้อัสนีม่วงและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นลูกศรสีม่วง,แทงเข้าที่หัวใจของแม่ทัพปีศาจโลหิต
“ปัง!”
กระแสไฟฟ้าเรืองออกมา ร่างของแม่ทัพปีศาจโลหิตที่เพิ่งจะได้ก่อตัวขึ้นมาระเบิดกลายเป็นหยดเลือดนับไม่ถ้วน ก่อนที่แสงสีแดงจะได้ลงมาสัมผัส
“ซี่ ซี่!”
เม็ดเลือดที่โผรยลงมาในอากาศและปะทะพื้นดินระเบิดกลายเป็นความว่างเปล่า แม่ทัพปีศาจโลหิตที่เพิ่งจะได้คืนชีพถูกสังหารลงอีกครั้ง
หลิวหรูเยวและมู่หลงข่งเผยสายตาตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหลัง มีเปลวเพลิงออกมาจากดวงตาของเขา,แทบไม่อยากจะเชื่อ
แม้ว่าหลิวหรูเยวจะตกตะลึง, นางก็ดีใจกับสําหรับเซียวเฉินเมื่อนางเหฯถึงความแข็งแกร่งของเขา นางกล่าวอย่างเป็นสุข “เย่เฉิน นี่จะต้องเป็นทักษะต่อสู้ที่เข้าได้บรรลุหลังจากที่กลายเป็นระดับขอบเขตนักบุญ หากข้าไม่รู้มาก่อน ข้าก็ไม่อาจหลบมันได้พ้นเช่นกัน”
กระบวณท่าของเซียวเฉินได้ใช้ต้นกําเนิดเปลวเพลิงของเพลิงแท้อัสนีม่วง การโจมตีเต็มกําลังของมันรวดเร็วกว่าความเร็วของเสียงไปหลายเท่า