ตอนที่ 28 หนานกงหยาน
เมื่อหูล่าวออกมาเขาก็รีบขึ้นไปที่ชั้น 4 ของศาลาหลินหลางและเข้าไปที่ห้องของเถ้าแก่ของศาลาหลินหลาง อย่างไรก็ตามเขาก็พบกับยามสองคนและประตูห้องที่ปิดอยู่
ประตูห้องของเถ้าแก่มักจะเปิดอยู่เป็นปกติ นั้นหมายความว่าเขากำลังพบแขกคนสำคัญและไม่สะดวกที่จะให้เข้าไปรบกวน อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นเรื่องเร่งด่วน หากข่าวที่ว่าศาลาหลินหลางไม่สามารถทำการประเมินราคาเม็ดยาได้กระจายไป มันจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
“พี่ชาย ข้าต้องการจะพบเถ้าแก่ ช่วยแจ้งให้ท่านทราบด้วย” หูล่าวพูดด้วยเสียงหนักแน่น
ยามด้านนอกรับทราบหูล่าว อย่างไรก็ตามเถ้าแก่สั่งให้เขาห้ามไม่ให้ใครมารบกวนเป็นอันขาด เหล่ายามได้แต่กล่าวว่า “หูล่าว เถ้าแก่กำลังพบแขกคนสำคัญอยู่ เขาสั่งให้พวกเราไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด”
หูล่าวรู้สึกผิดหวัง มันเป็นอย่างที่คาดไว้ อย่างไรก็ตามเขานึกถึงท่าทีเหลืออดของเซียวเฉิน เขาเกรงว่าถ้าปล่อยให้เขารอไปมากกว่านี้เขาจะหมดความอดทนและจากไป ดังนนั้นเขาจึงพูดเสริม “ข้าต้องพบกับเถ้าแก่ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก พวกเจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่ ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
เหล่ายามตกสู่สถานการณ์ยากลำบากอีกครั้ง ฐานะของนักประเมินในศาลาหลินหลางนั้นสูงมาก แม้แต่เถ้าแก่ยังไว้หน้าพวกเขา ฐานะยามของเขาช่างต่ำต้อยสำหรับหูล่าว หากมันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ เขาอาจจะมีปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม เถ้าแก่สั่งพวกเขาไม่ให้ใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด
มองดูยามทั้งสองลังเล ทำให้เขาจำใจต้องพูดด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องนี้สำคัญอย่างที่สุด ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมาอย่าหาว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยามทั้งสองที่ปล่อยให้หูล่าวเข้าไปอย่างจำใจ “หูล่าวพวกข้าขอบอกก่อน หากเถ้าแก่ลงโทษพวกข้า เจ้าต้องรับผิดชอบทั้งหมด”
หูล่าวพยักหน้าและพุ่งเข้าไปในห้องทันที
ภายในห้อง เถ้าแก่เหมือนจะอยู่ในอารณ์ที่ดี เขายิ้มไปที่หญิงสาวที่แต่งชุดชายตรงหน้าเขา “เฟยซู่ เจ้ามาที่เมืองนี้ 2-3 วันแล้ว เจ้าเพิ่งจะจำตาแก่คนนี้ได้รึ”
หญิงแต่งชุดชาย เฟิงเฟยเสวี่ยยิ้มเบาๆ “ลุงหยาน ข้าก็มาแล้วนี่ไง”
ชี้ไปทางชาที่วางไว้บนโต๊ะ นางพูดต่อ “ข้ารู้ว่าท่านลุงชอบชาภูผาเข็มเงิน ข้าซื้อมาถึงครึ่งโกดังจากโรงชาเวนเซียนในเมืองหลวงนำมาฝากท่าน”
เมื่อหนานกงหยานได้ยินดังนั้นเขาหัวเราะเสียงดัง เขาไม่ได้ใส่ใจที่เฟิงเฟยเสวี่ยไม่มาพบเขาเมื่อสองสามวันก่อนเลยสักนิด “ข้าไม่ได้เจอเจ้ามา 6 ปีแล้ว เจ้าโตขึ้นเป็นสาวสวยทีเดียว ต้องมีเหล่าคุณชายจากเมืองหลวงมาตามตอแยเจ้าเป็นแน่”
เมื่อเฟิงเฟยเสวี่ยได้ยินดังนั้น นางเขินอายเล็กน้อยก่อนจะยิ้ม “ลุงหยาน อย่าล้อข้าเล่น”
หนานกงหยานเหมือจะนึกอะไรขึ้นมาได้เลยพูดขึ้นมา “อ่า, ข้าเกือบลืม เจ้าได้หมั้นกับใครบางคนแล้วใช่หรือไม่ น่าจะเป็นเจ้าหนุ่มจากตระกูลใบ๋ใช่ไหม? ไว้ว่างๆข้าจะแวะไปดูหน้ามัน ถ้ามันไม่ดีพอข้าจะช่วยเจ้ายกเลิกงานหมั้น”
เฟิงเฟยเสวี่ยรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นางรู้ว่าผู้เฒ่าตรงหน้านางเป็นคนคำไหนคำนั้น แน่นอนว่าเขามีอำนาจพอที่จะทำ ผู้เฒ่าผู้นี้ปฏิบัติกับนางเหมือนกับหลานสาวแท้ๆ
ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าของหูล่าวก็ดังเข้ามา หนานกงหยานสีหน้าเปลี่ยน ความไม่พอใจปรากฎขึ้นบนหน้าของเขา เขาสั่งยามไว้แล้วว่าอย่าให้ใครเข้ามา ทำไมยังมีคนเข้ามารบกวนเขาอีก?
หูล่าวรู้สึกถึงบรรยากาศภายในห้องพร้อมกับเห็นสีหน้าของหนานกงหยาน เขารู้ว่าหนานกงหยานนั้นรอให้เขาพูดอธิบาย ถ้าเขาไม่มีเหตุผลเพียงพอ เขามีปัญหาแน่นอน
เถ้าแก่คนนี้ต่างจากเถ้าแก่ศาลาหลินหลางคนอื่นๆ เขานั้นมีอำนาจที่จะไม่ต้องทำตามกฎก็ได้
หลังจากที่เขาทำความเคารพ หูล่าวก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด “ข้าขออภัยที่เข้ามารบกวน แต่มีเรื่องที่จะส่งผลต่อชื่อเสียงของศาลาหลินหลาง ดังนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกจึงต้องเข้ามารบกวน..”
หลังจากเหลียวมองเฟิงเฟยเสวี่ย หูล่าวก็เงียบไป
หนานกงหยานเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อพร้อมกับตอบ “พูดมาเถอะ นางไม่ใช่คนนอก”
หูล่าวพยักหน้าและหยิบขวดหยกที่เต็มไปด้วยเม็ดยาอดอาหารออกมาส่งมันให้กับหนานกงหยาง “มีนักปรุงยาลึกลับเข้ามาวันนี้และเขาอยากจะประมูลเม็ดยาขวดนี้ ข้าไม่สามารถประเมินมันได้”
หนานกงหยานรับขวดหยก สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาประหลาดใจ เขามั่นใจในความสามารถในการประเมินของหูล่าว ความรู้และความสามารถของเขาไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย แต่ว่าเม็ดยานี้มันไม่อาจประเมินได้
นี้มันเม็ดยาชนิดใดกัน?
เขาหยิบเม็ดยาอดอาหารขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง กลิ่นหอมของยาลอยแตะจมูกของเขา ช่างมีกลิ่นที่หอมอะไรเช่นนี้ หนานกงหยานยกย่องในใจ
ในคลื่นจิตสำนึกของเขา ภายในโลกที่ไร้ขอบเขต ปรากฎเป็นทรงกลมสีเขียวที่หมุนวนอย่างต่อเนื่อง ระลอกคลื่นสีเขียวที่ไร้ขอบเขตเกิดขึ้นในพื้นที่นั้น
ด้ายพลังงานที่มิอาจมองเห็นด้วยตาเปล่าไหลออกมาจากคลื่นจิตสำนึกของหนานกงหยานและสร้างการเชื่อมต่อกับเม็ดยาอดอาหาร
ทันใดนั้น หนานกงหยานปลุกการตื่นรู้ทางวิญญาณของเขาเพื่อเข้าไปพื้นที่ภายใจของเม็ดยา ปรากฎเป็นหมอกที่เหมือนกับพลังฉีข้างใน บดบังสายตาของเขาและนอกจานี้เมื่อเขาเข้าไปหมอกก็ยิ่งหนาขึ้น
หนานกงหยานหน้าซีดด้วยความหวาดกลัวเนื่องจากเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ถ้าเขาไม่ออกไปตอนนี้ เขาอาจจะไม่ได้กลับออกไปอีก
เขาถอนการตื่นรู้ทางวิญญาณกลับมาด้วยความหวาดกลัว มองไปที่ความแวววาวของเม็ดยาสีหน้าของหนานกงหยานก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิง เขาเป็นหนึ่งในนักปรุงยาฝีมือดีที่สุดของอาณาจักรต้าฉิน เพียงแค่มองดูเม็ดยาเข้าก็บอกได้ถึงวัตถุดิบที่ใช้และทักษะของนักปรุงยา
อย่างไรก็ตาม เจ้าเม็ดยาตรงหน้าเขาสามารถกีดกันการตื่นรู้ทางวิญญาณของเขาไม่ให้เข้าไปได้ เขาบอกได้เลยว่าวิธีการสกัดเม็ดยานั้นไม่ไใช่วิธีที่ใช้กันในทวีปนี้ มันมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นวิธีการสกัดยาโบราณที่สูญหายไปเป็นเวลานาน
เมื่อคิดเข่นนั้น หนานกงหยานก็ตื่นเต้นขึ้นมา เขานั้นติดอยู่ที่นักปรุงยาระดับ 7 ขั้นสูงมากหลายปีแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะพัฒนาฝีมือขึ้นไปได้อีก นี้อาจจะเป็นโอกาสของเขา
คนนอกอาจจะเชื่อว่านักปรุงยานั้นสูงสุดแค่ระดับ 7 ขั้นสูง แต่เขารู้ว่ามันยังห่างไกลจากคำว่าสูงสุด เขาได้พบเจอนักปรุงยาระดับสูงกว่าระดับ 7 ด้วยตาของเขามาแล้ว
ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนราวกับสวรรค์กับพื้นโลก
“ผู้นั้นได้บอกไหมว่าเม็ดยานี้คืออะไร?” หนานกงหยานใจเย็นลง
ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้นของหนานกงหยาน หูล่าวก็สบายใจ เม็ดยานี้กระตุ้นความสนใจของเถ้าแก่ได้ เขาพยักหน้าพร้อมกับอธิบาย “เขาเรียกเม็ดยานี้วา ‘เม็ดยาอดอาหาร’ หลังจากกินเข้าไป ไม่จำเป็นต้องกินดื่มได้เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน ข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเม็ดยาเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นข้าเลยไม่รู้จะประเมินราคาอย่างไร”
เม็ดยาอดอาหาร เมื่อได้ยินผลลัพธ์อันน่าอัศจรรย์เหล่านั้น หนานกงหยางประหลาดใจพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง “ข้าคิดถูก หูล่าวข้ายินดีที่ได้ทำงานร่วมกับเจ้ามาก หลังจากการประมูลสิ้นเดือนนี้ข้าจะส่งเจ้าไปประจำศาลาหลินหลางสาขาเมืองใหญ่”
หูล่าวรู้สึกเป็นสุขในใจและรีบคำนับขอบคุณ ได้เลื่อนขั้นจากเมืองม่อเหอไปยังเมืองใหญ่นับว่าเลื่อนระดับรวดเดียว 3 ขั้น เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเขาจะมาถึงจุดนี้ได้ในชีวิตนี้ แต่ใครจะรู้ความฝันนั้นกลายเป็นจริงแล้วในครั้งเดียวแบบนี้
เฟิงเฟยเสวี่ยผู้นั่งฟังมาพักใหญ่ไม่เข้าใจถึงความตื่นเต้นของหนานกงหยาน ดูเหมือนว่ามันให้ผลน่าอัศจรรย์ แต่มันไม่ได้มีประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังโดยตรง ทำไมท่านลุงของนางให้ความสำคัญกับมันนัก
หนานกงหยานมองมาที่เฟิงเฟยเสวี่ยพร้อมยิ้มขึ้น “สาวน้อย มากับข้าไปพบกับเขาผู้นี้ ดูว่าพวกเราได้พบเจอกันโดยบังเอิญหรือไม่
ตรงกับความตั้งใจของเฟิงเฟยเสวี่ย นางมีความอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยเกียวกับเม็ดยาอัศจรรย์นี้ร่วมถึงคนที่สร้างมันขึ้นมาด้ย ดังนั้นนางจึงตามหูล่าวลงไปยังห้องรับรองของห้องประมูล
ไม่นานพวกเขาทั้งสามก็มาถึงประตูของห้องรับรอง หนานกงหยานมองไปที่เซียวเฉินอย่างรวดเร็วแต่ก็พบกับความผิดหวัง เขาส่ายหัวอย่างเฉื่อยชา มองแว่บเดียวเขาก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของเซียวเฉิน เขาอ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักปรุงยาที่เพิ่งปลุกการตื่นรู้ทางวิญญาณไม่นานมานี้
เซียวเฉินจัดเสื้อคลุมของเขาอย่างประหม่า แรงกดดันจากหนานกงหยานนั้นมหาศาลเกินไป เพียงแว่บเดียวเขาก็มองเซียวเฉินได้ทะลุปรุโปร่ง
มองเห็นเฟิงเฟยเสวี่ยที่เดินตามหลังเขามา เซียวเฉินประหลาดใจ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี้? พื้นหลังของนางช่างลึกลับจริงๆ
เมื่อเฟิงเฟยเสวี่ยเห็นเซียวเฉินในชุดคลุมดำ นางประหลาดใจเป็นที่สุด นางมั่นใจเลยว่าคนผู้นี้คือเซียวเฉิน นางคาดไม่ถึงเลยว่าเขานั้นเป็นนักปรุงยาจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำหนานกงหยานประหลาดใจได้
แม้ว่าหัวใจของนางจะสับสน เฟิงเฟยเสวี่ยก็ยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า เมื่อเซียวเฉินแต่งตัวเช่นนี้แปลว่าเขานั้นไม่อยากเปิดเผยตัว หากนางมีท่าทีประหลาดใจ มันจะทำให้หนานกงหยานสงสัย
“น้องชายคนนี้ คือคนที่สกัดเม็ดยาอดอาหารพวกนี้?” แม้ว่าหนานกงหยานจะไม่เห็นใบหน้าของเขาแต่ก็คาดเดาอายุของเขาได้ในทันทีจึงถามอย่าตรงไปตรงมา
เซียวเฉินพยายามอย่างที่สุดเพื่อทำใจให้เย็น แม้ว่าหนานกงหยานจะไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยกระแสพลังออกมา ทรงกลมเล็กสีเขียวในคลื่นจิตสำนึกของเขาก็สั่นอย่างช่วยไม่ได้ นี้เป็นสัญชาตญาณความกลัวที่ออกมาจากแก่นกลางเมื่อพบกับนักปรุงยาระดับสูงที่แก่นกลางแกร่งกว่าเขา
เซียวเฉินผู้อยู่ใต้ผ้าคลุม ถอนหายใจออกมาเบาๆและรีบสลัดความคิดไร้สาระทิ้ง จากนั้นไม่นานเขาตอบด้วยเสียงนุ่มลึก “ไม่ อาจารย์ของข้าเป็นคนสกัดมันขึ้นมา”
ว่าแล้ว เป็นไปตามที่ข้าคาดไว้ หนานกงหยานคิดในใจพร้อมกับปรากฎสีหน้าพึงพอใจ “ข้าอยากจะทราบนามอาจารย์ของเจ้า ตาแก่ผู้นี้รู้จักนักปรุงทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรต้าฉิน”
ข้าสกัดเม็ดยานี้ขึ้นมาเอง จะไปมีอาจารย์ได้ยังไง? เซียวเฉินหัวเราะในใจ ในตอนนี้สติเขากลับคืนมาแล้ว เขาตอบอย่างใจเย็น “ศาลาหลินหลางจัดงานประมูลหรือว่างานซักประวัติ? ถ้าท่านไม่สนใจจะทำธุรกิจ ข้าก็คงต้องขอตัวก่อน”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ เซียวเฉินก็ลุกขึ้นยืนทำท่าจะจากไป
หนานกงหยานตกใจ เขารู้ว่าเขานั้นหยาบคายไปนิด เขารีบยืนขึ้นพยายามถอนคำพูดเมื่อตอนแรก “สหายน้อย โปรดนั่งก่อน ตาแก่ผู้นี้หยาบตายไปหน่อย”
เซียวเฉินหยุดและตอบกลับโดยไม่หันหลังกลับ “ข้าจะอยู่ แต่เพื่อพูดเรื่องการค้าขายเท่านั้น”
หนานกงหยานเหลียวมองไปทางหูล่าว หูล่าวเข้าใจที่เขาจะสื่อในทันทีและเชิญเซียวเฉินกลับมานั่งที่พร้อมกับรอบยิ้ม “หากท่านมากเพื่อการประมูลสิ่งนี้ เช่นนั้นไม่มีที่ไหนเหมาะไปกลางที่ศาลาหลินหลางแล้ว!”