ตอนที่ 49 อ๋าวเจียวผู้น่ากลัว
“สี่ล้านห้าแสน! ห้องพิเศษที่ 13 เสนอราคาสี่ล้านห้าแสน ยังมีใครจะให้เพิ่มอีกไหม?” ไม่ว่าเซียวเจี้ยนจะวางเงินไปเท่าไหรผู้จัดประมูลก็ยังพูดคำที่เขาไม่อยากได้ยินออกมาด้วยรอยยิ้ม
“สี่ล้านห้าแสน! ยังมีมากกว่านี้อีกไหม?” ผู้จัดประมูลพูดด้วยความตื่นเต้นดึงดูดผู้ชมด้านล่าง
ผู้คนด้านล่างเริ่มหันหน้าไปซุบซิบกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าแค่ชิ้นค้าชิ้นแรกก็ประมูลไปได้ถึงสี่ล้านห้าแสนแล้ว
ภายในห้องห้องหนึ่งใบหน้าของถังเฟิงปรากฎเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่ข้างใน “น่าเบื่อ! ข้าก็คิดว่ายังจะสู้ต่อไปอีกสักหน่อย ใครจะคิดว่ายังไม่ถึงห้าล้านก็ยอมแพ้เสียแล้ว”
“พวกตระกูลเซียวจะมาสู้การเงินตระกูลถังของพวกเราได้เยี่ยงไร? ยิ่งกว่านั้นผู้นำตระกูลยังไว้ใจนายน้อยสองมอบเงินมาให้กว่าสิบล้านเหรียญเงิน เจ้าเซียวเจี้ยนนั้นจะมาแข่งขันกับนายน้อยได้เช่นไร?”
หนึ่งในผู้ติดตามของถังเฟิงกล่าวประจบประแจง
ใบหน้าของถังเฟิงปรากฎเป็นรอยยิ้มพึงพอใจขณะที่กำลังคิดว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นถึงเพียงใดเมื่อได้แก่นกลางนาคารุ่งอัคคีก้อนนี้ไป
“สี่ล้านห้าครั้งที่สาม! ปิดการปะ…” ผู้จัดการประมูลกำลังจะปิดราคาแต่เขาก็หยุดไปกะทันหันเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา “ดูตรงนั้น! ห้องพิเศษที่ 1 เพิ่มราคาขึ้นมา!”
สิ้นคำพูดของผู้จัดการประมูลสายตาทุกคู่ก็หันไปทางห้องพิเศษที่ 1 อย่างรวดเร็ว ถังเฟิงขมวดคิ้วแทบจะชนกัน
ทำไมยังจะมีใครเสนอราคาออกมาอีก? แม้ว่าท่าทางของเขาจะสบายๆแต่ขีดจำกัดของเขาคือห้าล้านเท่านั้น หากมันยังสูงไปมากกว่านี้มันจำเป็นต้องหลุดมือเขาไปแล้ว เป็นเพราะว่าเขายังต้องเก็บอีกห้าล้านที่เหลือไว้สำหรับของชิ้นอื่นอีก
ของชิ้นนั้นเป็นของที่พ่อของเขามอบหมายให้ไปประมูลมา ดังนนั้นเขาไม่กล้าที่จะประมาท เขาจะต้องสำรองเงินไว้ห้าล้าน ในตอนนี้เขาจึงเป็นกังวลอย่างช่วยไม่ได้
เขาสั่งผู้ติดตามคนหนึ่ง “ดูสิ่ว่ามันให้ราคามาเท่าไหร”
ไม่เพียงแต่ถังเฟิงเท่านั้นที่สงสัยเกี่ยวกับราคาจากห้องพิเศษที่ 1 ผู้จัดการประมูลก็สงสัยเช่นกัน ยิ่งได้ราคาประมูลสูงขึ้นเท่าไหรเขาก็จะได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
“ทำไมห้องพิเศษที่ 1 ถึงเสนอราคามาเพียงหนึ่งล้าน?” ถังเฟิงพบว่ามันแปลกประหลาดพร้อมกับกล่าวขึ้น
ถังเฟิงรู้สึกยินดี ดูเหมือนเจ้าหมอนี้จะมาเพื่อป่วนงาน เขาไม่ต้องเพิ่มราคาไปให้มากกว่าสี่ล้านห้าแสน ดูเหมือนเขาจะสามารถสบายใจได้แล้ว
ผู้จัดประมูลด้านล่างเปิดปากกว้างเผยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนที่จะจะพ่นคำอะไรออกมาได้ “มัน…เป็นไปได้อย่างไร?”
“ห้องพิเศษที่ 1 เสนอราคาสิบล้านเหรียญทอง!”
ถังเฟิงถึงกับพ่นไวน์ในปากออกมา เขาพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ “มารดามันสิ! สิบล้านเหรียญทอง! แม้จะกวาดเงินของทุกตระกูลในเมืองม่อเหอมากองรวมกันมันก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ!”
ไม่เพียงแต่ถังเฟิงเท่านั้นผู้เข้าร่วมประมูลทุกคนยังไม่อยากจะเชื่อสายตา นี้มันเกิดอะไรขึ้น
หนึ่งเหรียญทองนั้นมีค่าเท่ากับสิบเหรียญเงิน เช่นนั้นสิบล้านเหรียญทองก็จะเท่ากับหนึ่งร้อยล้านเหรียญเงิน ไม่ต้องพูดถึงในเมืองม่อเหอในอาณาจักรต้าฉินก็ยังไม่มีใครรับราคาเช่นนี้ได้
แม้แต่ในเมืองหลวงก็ไม่มีใครเสนอราคาได้ถึงสิบล้านเหรียญทอง นี่มันเป็นเงินจำนวนมหาศาล คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางหาเงินจำนวนมากเช่นนี้ได้ต่อให้เขาทำงานเก็บเงินถึงสิบชีวิตก็ไม่ได้ถึงครึ่ง
“มันจะไปมีใครจ่ายหนักเช่นนี้เพื่อแก่นกลางระดับ 4 ก้อนเดียว?”
“มันต้องมาเพื่อป่วนแน่นอน มีคนเข้ามาป่วนในศาลาหลินหลาง”
“ไปลากคอมันออกมาค้นตัว! หากมันมาเพื่อป่วนจริง อย่าปล่อยมันหนีไปได้!”
สถานการณ์ด้านล่างกลายเป็นวุ่นวาย ไม่มีใครคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ในเมืองม่อเหอ ทุกคนล้วนคิดว่าคนคนนั้นเพียงแค่พ่นราคาไร้สาระออกมา
ถังเฟิงผู้ที่นั่งอยู่ในห้องใจเย็นลงหลังจากนั้นไม่นาน หลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนเขาก็สรุปว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ เขาเพียงกังวลจนเกินไปและไม่ควรจะเสียความเยือกเย็นไป
“นายน้อยสองข้าว่าเจ้าหมอนั้นแค่พ่นคำไร้สาระออกมา ข้าไม่เชื่อว่ามันจะจ่ายได้ถึงสิบล้านเหรียญทอง”
คนที่พูดขึ้นนั้นคือคนที่มองราคาผิดไปเขาไม่เห็นเลขศูนย์ที่อยู่ด้านหลัง ในตอนนี้เขาเป็นกังวลว่าถังเฟิงจะตำหนิเขา
ผู้จัดการประมูลไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น ห้องพิเศษที่ 1 นั้น หนานกงหยานทิ้งคำพูดไว้ให้เขา ไม่เกี่ยงว่าเขาจะเสนอราคาเท่าไหรนั้นไม่เป็นปัญหา
เมื่อเห็นเหตุการ์กลายเป็นวุ่นวายผู้จัดประมูลก็ตะโกนปรามอย่างรวดเร็ว “ทุกท่านโปรดอยู่ในความสงบ ศาลาหลินหลางของเราไม่มีการเล่นตุกติกขึ้นแน่นอน ที่ข้าจะพูดคือห้องพิเศษที่ 1 นั้นสามารถจ่ายราคานี้ได้แน่นอน”
“การประมูลจะดำเนินต่อไป สำหรับผู้ที่ลงประมูลของชิ้นนี้โปรดมั่นใจได้ว่าศาลาหลินหลางจะรับรองเงินสิบล้านเหรียญทองจะถูกส่งมอบให้ท่าน”
เซียวเฉินผู้ที่ยืนอยู่ในห้องยิ้มเบาๆ “สิบล้านเหรียญทอง…ข้าไม่มีสักหน่อย อย่างไรก็ตามหนานกงหยานเป็นคนจัดการให้อยู่แล้ว”
ถึงแม้หนานกงหยานจะไม่มีสิบล้านเหรียญทอง ปัญหาที่ไม่ได้ตกมาที่เขาแต่อย่างใด
“ปัง!”
ถังเฟิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งกำหมัดแน่นจนแก้วไวน์ในมือแตกเป็นผง ท่าทางของเขาบูดบึ้งน่ากลัว “เจ้าสองคน! ไปส่องดูที่ห้องนั้น ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าหมอนี่มันเป็นใคร”
เช่นเดียวกันเซียวเจี้ยนผู้อยู่ในห้องที่ 11 ก็หดหู่ไม่แพ้กัน แม้เซียวเฉินจะไม่ได้เข้ามาสอดแก่นกลางนาคารุ่งอัคคีก้อนี้ก็ไม่ตกถึงมือเขาอยู่ดี
เซียวเจี้ยนผลักประตูเดินออกมาอย่างหดหู่ ของที่เขาต้องการหลุดมือไปแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ในการประมูลนี้อีกต่อไป
….
ในห้องลับใต้ดินศาลาหลินหลางนั้นมีสมุนไพรทุกชนิดและอุปกรณ์ปรุงยาทุกอย่างอยู่ในนั้น มีหม้อปรุงยาวางอยู่จำนวนมากเช่นเดียวกัน
หนานกงหยานหยิบเม็ดยาที่ได้จากเซียวเฉินออกมา ปรากฎเป็นสีหน้าคลั่งไคล้บนหน้าของเขา นี่เป็นโอกาสของเขาที่จะทะลวงขึ้นไปเป็นนักปรุงยาระดับ 8
อย่างไรก็ตามนี่ยังไม่ใช่เวลา อุปกรณ์ที่อยู่ที่นี่มีจำกัด ในการศึกษาเม็ดยาเหล่านี้เขาต้องการอุปกรณ์ที่ตระกูลหนานกงมีในเมืองหลวง
อย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงการกลับไปที่เมืองหลวงสีหน้าของเขาก็หมนหมองขึ้นมา เขาถอนหายใจ “นี่มันก็สิบกว่าปีแล้ว เขาต้องกลับไปอีกแล้วสินะ”
ประตูของห้องลับเปิดขึ้น ชายแต่งชุดสีดำสองคนปรากฎอยู่ด้านหลังของหนานกงหยาน หนานกงหยานหันกลับมาพูดกับพวกเขา “หลังจากข้าจากไปให้เริ่มตรวจสอบชายชุดดำคนนั้นได้ ทำทุกอย่างค้นหาตัวจริงของนักปรุงยาที่อยู่เบื้องหลังเขามาให้ได้”
ชายชุดดำทั้งสองคนนี้คือหน่วยกล้าตายที่ปฏิญาณตนกับศาลาหลินหลาง พวกเขาเชี่ยวชาญในการทำภารกิจลับ คำสั่งของหนานกงหยานพวกเขาไม่อาจขัดได้
หนานกงหยานพึมพำกับตัวเอง “วิธีการกลั่นยาแบบโบราณที่สูญหายไปกว่าพันปี ข้าไม่ปล่อยเรื่องนี้หลุดมือไปอย่างแน่นอน”
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่สัมผัสอันตรายก็ปรากฎขึ้นมา หนานกงหยานเบิกจากว้างหร้อมกับเร่งสัมผัสการรับรู้ของเขาออกมาเต็มที่
“อันตราย! ระวัง!”
ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธทั้งสองไม่ได้สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ เมื่อพวกเขาได้ยินคำเตือนก็หันกลับไปที่ประตูห้องลับอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นร่างเล็กๆก็ทิ้งตัวลงมาจากข้างบน มีดาบสั้นส่องแสงวาวในมือของนาง นางปรากฎตัวขึ้นบนหัวของทั้งสองคนนั้น จากนั้นร่างเล็กกระทัดรัดนั้นก็เคลื่อนไหวในอากาศประกายแสงเปล่งออกมาจากดาบสั้น
“ฮ่ะ!”
กระแสเลือดสองสายพุ่งออกมาจากคอของชายทั้งสอง พวกเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนที่จะล้มลงกับพื้น สาวลึกลับคนนั้นจบชีวิตของระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธได้ในพริบตาเดียว
หนานกงหยานมองไปยังผู้หญิงที่ปรากฎตัวขึ้น เขามองร่างของนางชัดๆ ก่อนที่จะเกิดความประหลาดใจ “เป็นไปได้เยี่ยงไร? วิญญาณดาบที่สามารถออกมาจากร่างแล้วสังหารคนได้?”
อ๋าวเจียวไม่ได้ตอบคำถามของหนานกงหยาน นางปล่อยดาบสองเล่มที่อยู่ในมือนางและเปลี่ยนมันกลายเป็นแสงพุ่งตรงไปยังกำแพงทั้งสองด้านของห้อง
“ปัง!”
คมดาบจมลงไปในกำแพงอย่างง่ายดาย รอยแตกกระจายไปรอบห้องก่อนที่จะคลุมทั้งห้องไว้ด้วยรอยร้าว
หนานกงหยานไม่มีแม้แต่เวลาให้ตกใจอ๋าวเจียวก็บินตรงเข้ามาหาเขาแล้ว นางบินลอยขึ้นอย่างแท้จริงขาไม่ได้แตะลงบนพื้นแต่อย่างใด นางปล่อยกระแสพลังโหดเหี้ยมกดข่มมหาศาลออกมาขณะที่พุ่งใส่เขา
“ปัง!”
หนานกงหยานก็เร่งรีบปล่อยฝ่ามือออกไปรับการโจมตีของอ๋าวเจียว ร่างของหนานกงหยานลอยไปข้างหลังอย่างไร้การควบคุม โต๊ะด้านหลังรวมไปถึงตู้สมุนไพรตอนนี้แตกกระจายอยู่กับพื้น
“ฮ่ะ!”
พลังมหาศาลออกมาจากฝ่ามือของอ๋าวเจียวระเบิดพลังปราณที่หนานกงหยานกำลังรวบรวม ร่างของเขาลอยไปปะทะกับกำแพงกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
หนานกงหยานแสดงท่าทางเจ็บปวด ก่อนที่เขาจะมีเวลาได้ทำอะไรเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังจากฝ่ามืออีกครั้งเกิดเสียง “บูม” อีกหนึ่งครั้งพร้อมกับตัวเขาที่ลอยไปชนกำแพงอีกด้านหนึ่ง
วิญญาณดาบตนนี้มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าระดับขอบเขตราชันขั้นกลาง ข้าสงสัยนักว่าเจ้านายของนางเป็นคนระดับไหน? หนานกงหยานประหลาดใจอย่างที่สุด
อย่างไรก็ตามเขาก็นึกไม่ออกว่าเขาได้ไปกระตุกหนวดเสือตนไหนเข้า แม้ว่าตำแหน่งของเขาที่ได้รับความเคารพในอาณาจักรต้าฉินเขาก็ยังเก็บตัวเงียบมาตลอด โดยเฉพาะในสิบปีที่ผ่านมา เขาได้ผิดบังตัวตนและไม่เคยปรากฎตัวในเมืองม่เหอ
“ข้าอยากจะขอทราบนามนายของเจ้า? เขามีความแค้นอะไรกับข้า?” หนานกงหยานพูดด้วยเสียงแหบแห้ง ถึงเขาอาจจะต้องตายเขาก็อยากรู้ว่าเหตุใดทำให้เขาต้องตาย
อ๋าวเจียวตอบด้วยฝ่ามือที่รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก หนานกงหยานกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่ ร่างของเขาฝังลึกเข้าไปในกำแพง
ตอนนี้มีรูรูปร่างมนุษย์ลึกหลายเมตรปรากฎขึ้นบนกำแพง มันเกิดจากร่างของหนานกงหยานที่ถูกกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างไม่อาจต่อต้านได้
อ๋าวเจียวดึงฝ่ามือกลับและหนานกงหยานรู้สึกได้ว่าร่างของเขากำลังถูกกระชาก ก่อนที่เขาจะทันได้หายใจอ๋าวเจียวลากร่างของเขากลับเข้ามาในห้องลับอย่างรุนแรง
ภายในห้องลับรอยร้าวที่เกิดจากดาบสั้นก่อนหน้านี้ยังคงขยายยาวออกไปเรื่อย เศษหินร่วงลงมาจากเพดาน ห้องลับใต้ดินนี้กำลังจะพังทลายลง
“อย่าได้ริอาจทำสิ่งที่เจ้าคิดจะทำเมื่อครู่เป็นอันขาด!” อ๋าวเจียวกล่าวจบก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หนานกงหยานที่ตกตะลึงในที่สุดก็เข้าใจได้ว่าเขาไปเตะขาใครเข้า มองไปยังห้องลับที่เหมือนจะพังลงมาได้ทุกเมื่ออย่างปวดร้าวใจ เม็ดยาที่เขาสกัดออกมาในสิบปีนี้ถูกเก็บไว้ภายในห้องลับแห่งนี้
แม้ว่าเม็ดยาระดับสูงสุดเขาจะเก็บไว้ในแหวนห้วงอวกาศ แต่เม็ดยาระดับ 7 ลงมาเขาเก็บสะสมมากว่าสิบปีไว้ภายในห้องนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพดีแล้วเป็นแน่
หลังจากที่เขาหาเม็ดยาที่เขาได้รับมาจากเซียวเฉินพบหนานกงหยานก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรอีกและก็รีบออกจากห้องลับอย่างรวดเร็ว สองวินาทีหลังจากเขาหลบหนีออกมาพื้นก็ทรุดตัวลงเสียงดัง
หนานกงหยานมองดูหลุมใหญ่ตรงพื้นอย่างหวาดกลัว เขายังคงรู้สึกงุนงง ความพยายามของเขาทั้งหมดสิบกว่าปีพังทลายลงภายในห้านาทีเช่นนี้