Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 50 ถังเฟิงกระอักเลือด

ตอนที่ 50 ถังเฟิงกระอักเลือด

 

แม้ว่าจะเกิดความเคลื่อนไหวมากมายภายในห้องลับของศาลาหลินหลางก็ไม่มีใครภายในโถงใหญ่สังเกตเห็น หลังจากความวุ่นวายจากการประมูลของชิ้นแรกผ่านไป การประมูลใหญ่ประจำปีก็ยังดำเนินต่อไป

 

เซียวเฉินมองไปที่ผู้จัดประมูลอย่างเหนื่อยหน่าย การประมูลดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้วแต่อ๋าวเจียวก็ยังไม่กลับมา

 

เขาไม่กล้าที่จะประมูลของชิ้นอื่นอีก เขาประมูลแก่นกลางนาคารุ่งอัคคีมาแล้วก้อนหนึ่ง หากเขายังไปซื้ออะไรเพิ่มอีกเขาก็จะเหลือโอกาสอีกครั้งเดียวเท่านั้น

 

ในขณะนี้พระเอกของงานชิ้นที่สองกำลังจะขึ้นเวที เมื่อผู้จัดประมูลประกาศว่าของชิ้นต่อไปคือหินวิญญาณระดับต่ำภายในโถงประมูลก็เริ่มเดือดพล่านอีกครั้ง

 

หินวิญญาณนั้นเป็นขุมทรัพย์ตามธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ มันกักเก็บพลังวิญญาณบริสุทธิ์เอาไว้และเมื่อนักบ่มเพาะพลังทั่วไปใช้เศษหินวิญญาณพวกเขาอาจจะยกระดับขอบเขตพลังได้เป็นขั้น

 

นอกจากนั้นในระหว่างการต่อสู้พวกเขาสามารถใช้มันเพื่อเติมพลังปราณได้ในทันที ไม่เหมือนกับแก่นกลางธาตุไฟซึ่งมีเพียงบางคนเท่านั้นที่ใช้ได้ หินวิญญาณนั้นไม่ว่าใครก็สามารถใช้มันได้ และยังทรงประสิทธิภาพมากสำหรับผู้ที่ยังมีระดับต่ำกว่าระดับขอบเขตเซียน

 

มูลค่าของหินวิญญาณนี้สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับศิลาแสงจันทร์ ภายในทวีปเทียนวู่จากอาณาจักรจิ้นมีแหล่งหินวิญญาณที่ใหญ่ที่สุด นอกเหนือจากนั้นถูกผูกขาดโดยราชวงศ์และนิกายยักษ์ใหญ่ หากนักบ่มเพาะพลังทั่วไปอยากจะได้มันมาครอบครองพวกเขาทำได้เพียงหาช่องทางใต้ดินเท่านั้น

 

ผู้จัดประมูลด้านล่างเริ่มโฆษณาสินค้าด้วยเสียงอันดัง “ทุกท่านโปรดขยับมาดูของที่เรามีคือหินวิญญาณระดับต่ำของแท้ ข้าเชื่อว่าทุกท่านน่าจะรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของหินวิญญาณก้อนนี้ดังนั้นข้าจะไม่อธิบายรายละเอียดมากมาย”

 

“แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหินวิญญาณระดับดับมันก็ยังคุ้มค่ากับเงินหนึ่งล้านเรียญเงิน ดังนั้นราคาจะเริ่มต้นที่ห้าแสนเหรียญเงินและเคาะราคาแต่ละครั้งเริ่มขั้นต่ำที่หนึ่งแสน”

 

สิ้นเสียงจากผู้จัดประมูลคนในงานก็เคาะราคาแข่งกันอย่างกระตือรือล้น ทุกคนในที่นี้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับสมบัติอยู่แล้ว พวกเขารู้ว่าหินวิญญาณนี้มีค่าเพียงใด

 

ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาที่นี่เพื่อหินวิญญาณระดับต่ำก้อนนี้ ราคาของหินวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนขึ้นไปแตะหนึ่งล้านก่อนที่จำนวนคนที่ประมูลสูงจะลดลง

 

ท้ายที่สุดมันก็ถึงขีดจำกัดของพวกเขาที่หนึ่งล้าน ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่ตระกูลถังหรือตระกูลเซียว พวกเขาไม่ใช่คนที่จะโปรยเงินสี่แสนห้าแสนได้ตามใจอยาก เงินพวกนี้พวกเขาต้องประเมินว่าตระกูลของพวกเขาจะจ่ายได้ไหวก่อนที่จะเคาะราคา

 

ถังเฟิงอยู่ที่อยู่ภายในห้องพิเศษที่ 13 เผยรอยยิ้มขึ้น “ถึงเวลาที่พวกเราจะเริ่มเคาะราคาบ้างแล้ว ผู้นำตระกูลย้ำพวกเราว่าต้องนำสิ่งนี้กลับไปให้ได้ เคาะราคาไปสองล้าน”

 

เมื่อถังเฟิงเคาะราคาผู้จัดประมูลก็ประการราคาของเขาออกมาด้วยเสียงอันดัง “ห้องพิเศษที่ 13 เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งแล้ว เขาเคาะราคามาสองล้านเหรียญเงิน มีใครจะให้สูงกว่านี้อีก?”

 

ด้วยราคาสูงถึงสองล้านคนในห้องโถงส่วนใหญ่ถอดใจไปแล้ว คนที่พอจะสู้ได้คงจะเป็นพวกคนที่นั่งอยู่ในห้องพิเศษที่ชั้น 4

 

อย่างที่พวกเขาคาดไว้บางคนภายในห้องพิเศษที่ 3 เคาะราคาขึ้นมาสองล้านสองทันที ตามมาด้วยห้องพิเศษที่ 4 เคาะราคาเพิ่มขึ้นเป็นสองล้านห้าแสน

 

“สองล้านห้าแสน ช่างเป็นเลขมงคลอะไรเช่นนี้ ห้องพิเศษที่ 4 ท่านแน่ใจนะว่าจะไม่เคาะราคาเพิ่ม?” หลังจากที่ห้องพิเศษที่ 4 เคาะราคาผู้จัดประมูลก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

 

**250 เขียนเป็นจีนคือ 二百五 เอ้อรฺป่ายอู่ เป็นคำแสลงของจีนใช้ด่าประมาณ ไอ้โง่ ไอ้บ้า

 

คนในห้องพิเศษที่ 4 ด่าแม่ในใจเงียบๆก่อนที่จะเคาะราคาเพิ่มเป็นสามล้าน ประกายยิ้มแย้มแจ้มใสปรากฎบนหน้าของผู้จัดประมูลทันที

 

เซียวเฉินสนใจหินวิญญาณระดับต่ำก้อนนี้เป็นอย่างมาก สำหรับระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดมันส่งผลได้ชัดเจนมาก เช่นกับตัวเขาหากเขาใช้หินวิญญาณระดับต่ำก้อนนี้เขาจะขึ้นเป็นระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงทันที

 

นอกจากนั้นมันยังไม่ทิ้งผลข้างเคียงเหมือนเม็ดยาที่จะส่งผลให้ขอบเขตพลังไม่เสถียรหรือเกิดปัญหาในการบ่มเพาะพลังในอนาคต นี้เป็นเพราะพลังงานภายในหินวิญญาณนั้นเป็นพลังงานวิญญาณบริสุทธิ์

 

หลังจากใช้มันขอบเขตพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นทันที พลังปราณภายในร่างของเขาจะใช้เวลาเพียงหนึ่งวันเพื่อปรับและย่อยสลายมันก่อนที่จะทำให้เสถียรโดยไม่ส่งผลข้างเคียงใดๆ

 

ช่างน่าเสียดายอ๋าวเจียวไม่อยู่ที่นี้ เซียวเฉินก็ไม่กล้าผลีผลาม เขาไม่อาจเสียสิทธิ์ของเขาที่เหลืออยู่สองครั้งนี้ไปได้ อ๋าวเจียวมีของที่ต้องการในใจอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเซียวเฉินเห็นการเคาะราคาแข่งกันอย่างดุเดือดก็ไม่อาจต้านทานได้ หินวิญญาณก้อนนี้จะช่วยยกระดับพลังของเขา

 

เซียวเฉินกล่าวอย่างซังกะตาย “อ๋าวเจียวไปวิ่งเล่นที่ไหน? ทำไมนางยังไม่กลับมาอีก?”

 

“อยากได้ก็ไปเอามาสิ”

 

เสียงที่ดังจากข้างหลังทำให้เซียวเฉินตกใจ เมื่อเขาหันกลับไปก็เห็นอ๋าวเจียวยืนอยู่ข้างหลังเขา เซียวเฉินกำลังจะเปิดปากบ่นแต่เมื่อเห็นผิวหน้าของนางดูไม่ดี เขาก็เลยกลืนคำด่ากลับลงคอไป

 

“อ๋าวเจียวเจ้าเป็นเช่นไร? สีผิวเจ้าดูแย่มาก”

 

อ๋าวเจียวพูดขึ้น “สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าจะไม่เกิดขึ้นกับข้า คิดว่าร่างกายของข้าเหมือนกับเจ้าหรือไง? อย่ามาตัดสินที่สีผิวหน้าของข้า หินวิญญาณนั้นจะช่วยเจ้าได้มากไปเอามาซะ”

 

เซียวเฉินคิดว่ามันก็มีเหตุผล อ๋าวเจียวเป็นวิญญาณดาบ แม้ผิวหน้าของนางจะดูไม่ดีเขาก็ใช้ร่างกายของมนุษย์ไปตัดสินไม่ได้

 

อย่างไรก็ตามคำสุดท้ายของอ๋าวเจียวทำให้เขามีความสุข “ข้าเอามาได้หรือ? ข้าซื้อแก่นกลางนาคารุ่งอัคคีไปชิ้นนึงแล้ว จากข้อตกลงของหนานกงหยานหากข้าซื้อหินวิญญาณอีกชิ้นจะเหลือเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น”

 

“ไม่ใช่ปัญหา ของที่ข้าอยากได้ยังไม่ออกมา” อ๋าวเจียวพูดอย่างเฉยเมย

 

เซียวเฉินยิ้มแป้น “เช่นนั้นข้าก็เอาแน่นอน”

 

การเคาะราคาแข่งกันระหว่างห้องพิเศษยังคงดำเนินต่อไป ในขณะนี้ราคาเคาะขึ้นไปถึงสี่ล้านเหรียญเงิน

 

ภายในห้องพิเศษที่ 13 ถังเฟิงกระดกไวน์เต็มปาก “มาถึงสี่ล้านแล้วได้เวลาของข้าบ้าง เคาะไปหกล้านมาดูกันว่ายังจะมีใครสู้ข้าอีก”

 

เมื่อผู้ติดตามของเขาได้ยินเช่นนั้นก็เดินไปที่หน้าต่างและเสนอราคาของถังเฟิง

 

เมื่อเห็นห้องพิเศษที่ 13 เคาะราคาอีกครั้งผู้จัดประมูลก็ยิ้มหน้าบานราวกับดอกไม้ เขาพูดอย่างตื่นเต้น “แขกผู้มีเกียรติจากห้องพิเศษที่ 13 ทำให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ ตอนนี้เขาเคาะราคามาหกล้าน!”

 

หลังจากที่ผู้จัดประมูลประกาศราคาของถังเฟิงออกมาเสียงภายในห้องโถงก็เริ่มเงียบลง ทุกคนเดาว่านี่คงเป็นการเคาะราคาครั้งสุดท้ายแล้ว

 

เมื่อราคาของหินวิญญาณกำลังจะขึ้นแตะห้าล้านเหรียญเงิน ถังเฟิงวางทับไปหนึ่งล้านเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการมันมาก

 

แขกในห้องพิเศษที่ 4 ตบโต๊ะอย่างเกรี้ยวกราด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างช่วยไม่ได้

 

เมื่อไม่เห็นว่าจะมีใครจะสู้ราคาต่อผู้จัดประมูลก็พูดขึ้น “หกล้านเหรียญเงิน… ดูเหมือนจะไม่มีใครให้สูงไปกว่านี้แล้ว เช่นนั้นข้าจะเริ่มนับ”

 

ได้ยินผู้จัดประมูลพูดดังนั้นใบหน้าหล่อเหลาของถังเฟิงก็ปรากฎเป็นรอยยิ้มยินดี “ไม่ได้แก่นกลางนาคารุ่งอัคคีมาก็ไม่ได้แย่เท่าไหร อย่างน้อยข้าก็รับรองได้ว่ามีเงินมากพอที่จะไม่ปล่อยให้หินวิญญาณก้อนนี้หลุดมือไป”

 

อย่างไรก็ตามหลังจากรอมาพักหนึ่งเขาก็ไม่ได้ยินผู้จัดประมูลปิดราคาสักที เขาขมวดคิ้วงุนงงและพูดกับผู้ติดตาม “ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้จัดประมูลยังไม่ปิดราคาอีก?”

 

ผู้ติดตามรีบตรงไปที่หน้าต่าง เขามองเห็นผู้จัดการประมูลยืนนึงตัวแข็ง สายตาของเขามองไปที่ห้องประมูลที่ 1 ปากของเขาอ้าหว่อไร้คำพูดใดๆ

 

เขาสูญเสียมาดของผู้จัดประมูลไปโดยสิ้นเชิง ผู้ติดตามคนนี้หันสายตาไปที่ห้องพิเศษตรงข้ามเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากได้เห็นเขาก็ตัวสั่นหันกลับมาช้าๆ “นายน้อยสอง ห้องพิเศษที่ 1 เคาะราคาอีกแล้ว”

 

ถังเฟิงตกใจ แก้วไวน์ที่กำลังมาเข้าใกล้ปากเขาหยุดลง รู้สึกร้อนหนาวไม่สบายตัว

 

“ห้องพิเศษที่ 1 เคาะราคาอีกครั้ง ยังคงเป็นราคาเดิม…สิบล้าน..เหรียญทอง!” ผู้จัดการประมูลปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผากก่อนที่ในที่สุดจะอ้าปากพูดได้อีกครั้ง

 

“ปัง!”

 

ถังเฟิงพังแก้วไวน์ในมือไปอีกหนึ่งใบ เขาปรากฎเป็นสีหน้าเย็นชา “กล้าเล่นกับข้า? ในเมืองม่อเหอไม่มีใครกล้าเล่นกับข้าเช่นนี้!”

 

ฝูงชนด้านล่างสับสนวุ่นวายอีกครั้ง หากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคาะราคามาสิบล้านเหรียญทองต่อให้มันแปลกพิกลเช่นไรคนพวกนี้ก็ยังทำใจเชื่อได้ ไม่ว่ามันจะห่างไกลความเป็นจริงขนาดไหนมันก็ยังพอมีโอกาส

 

อย่างไรก็ตามคนเดิมในห้องเดิมเคาะราคาเดิมออกมาอีกครั้ง ต่อให้คนบ้าก็ไม่กล้าเชื่อ ไม่มีใครที่จะโปรยเงินเล่นเช่นนี้

 

สถานการณ์ในตอนนี้วุ่นวายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ผู้จัดการประมูลที่ถูกหนานกงหยานย้ำมาก็พยายามอย่างที่สุดในการปรามฝูงคน หลังจากจ่ายความพยายามไปก้อนใหญ่เขาก็เริ่มกลับมาเปิดประมูลต่อได้อีกครั้ง

 

อ๋าวเจียวยิ้มกรุ้มกริ่ม “เจ้ามันปีศาจร้าย กล้าเคาะราคาถึงสิบล้านเหรียญทอง หนานกงหยานได้กระอักเลือดตายเป็นแน่”

 

เซียวเฉินหยักไหล่ “ข้าเป็นคนตรงไปตรงมา ข้าไม่ชอบสงครามราคาเช่นนี้ นอกจากนั้นหนานกงหยานก็สัญญากับข้าแล้ว”

 

“เขาจะจ่ายของที่ข้าอยากได้ไม่สำคัญว่าจะราคาเท่าไหร เขาจะจัดการได้หรือไม่ก็ปัญหาของเขาไม่ใช่ข้า”

 

สำหรับรายการต่อไปของที่อ๋าวเจียวต้องการก็ยังไม่มาเซียวเฉินก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร ความวุ่นวายด้านล่างก็เริ่มสงบอีกครั้ง

 

ขณะที่การประมูลกำลังจะสิ้นสุดลงอ๋าวเจียวก็ตะโกนออกมา “ชิ้นต่อไปคือเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูง เอามันมาให้ได้”

 

เซียวเฉินไม่เข้าใจพร้อมกับถามขึ้น “เจ้าจะเอาเหล็กน้ำค้างเหมันต์ไปทำอะไร?”

 

อ๋าวเจียวพูดขึ้น “แน่นอนสำหรับข้ามันไร้ประโยชน์ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้รึว่าเจ้าหยิบศิลาแสงจันทร์มากมายติดตัวมาด้วย? เจ้าคิดว่ามีแต่ศิลาแสงจันทร์เอาไปใช้หลอมอาวุธวิญญาณได้? โง่!”

 

เซียวเฉินเขินเล็กน้อย “ข้าไม่เคยคิดมาก่อน ข้าแค่ใช้ของที่ข้ามีอยู่ในมือ”

 

อ๋าวเจียวพูดอีก “ใช้ของที่อยู่ในมือมันก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามเหล็กน้ำค้างเหมันต์ก้อนนี้เป็นเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูง หลังจากที่ข้าชำระล้างมันมันจะมีคุณภาพสูงสุด”

 

“หากเจ้าต้องการเพียงอาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งเจ้าก็โยนเหล็กน้ำค้างเหมันต์นี่ทิ้งไปได้เลย”

 

ได้ยินว่าอ๋าวเจียวสามารถยกระดับคุณภาพของเหล็กน้ำค้างเหมันต์ได้เซียวเฉินก็เป็นสุขในใจ เหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงสุดนั้นมันหายากและล้ำค่าเป็นอย่างมาก เซียวเฉินพอมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

 

ในโลกนี้นอกจากมันจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติแล้วเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงสุดยังสามารถสร้างขึ้นมาได้โดยการชำระล้างเหล็กน้ำค้างเหมันต์ระดับสูงให้บริสุทธิ์ขึ้น

 

อย่างไรก็ตามผู้ที่ทำได้ในทวีปเทียนวู่นี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย เท่าที่เซียวเฉินรู้มีเพียงหมู่บ้านหุบเขาทักษะสวรรค์เท่านั้นที่สามารถทำได้

 

จากสถานการณ์ในตอนนี้หลังจากที่เขาได้เหล็กน้ำค้างเหมันต์ก้อนนี้มาและศิลาแสงจันทร์กองโตในมือของเขามันเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถสร้างอาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ออกมาได้

 

เรื่องนี้มีกลุ่มลับนะครับถ้าสนใจสามารถติดตามที่ได้ที่เพจที่แปะไว้ในหน้าสารบัญ

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset