Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 53 ฟังเสียงของดาบสื่อสารกับมัน

ตอนที่ 53 ฟังเสียงของดาบสื่อสารกับมัน

 

ระดับเขตจอมยุทธฝึกหัดทั้งสามไม่อาจจะดึงอาวุธของพวกเขาออกมาใช้ได้ในตรอกแคบนี้ ในตรอกแคบนี้ยืนข้างกันได้เพียงสองคนเท่านั้น เซียวเฉินเผชิญหน้าสองคนในครั้งเดียวไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับเขา

 

นอกจากนั้นเนื่องจากตรอกแคบๆนี้เองทำให้สองคนนั้นขัดแข้งขัดขากันแต่ทากเซียวเฉินที่ขยับตัวได้สะดวก ในการจัดการทั้งสามคนนั้นเซียวเฉินไม่ได้เสียเหงื่อมากมายอะไรใช้พลังปราณไปไม่ถึงครึ่ง

 

ยิงเปลวเพลิงเพียงสามสายเขาก็มองดูร่างทั้งสามกลายเป็นขี้เถ้ากองกับพื้น เซียวเฉินปลดเสื้อคลุมสีดำและเดินต่อเข้าไปจากตรอกอย่างไม่รีบร้อน

 

เดินตรงต่อไปเรื่อยจนสุดตรอกก็พบกับโรงตีเหล็ก โรงตีเหล็กแห่งนี้แลดูทรุดโทรม สีบนป้ายที่ร่วงลงมาอยู่กับพื้นนั้นซีดขาวและดูเหมือนเศษไม้มากกว่าป้ายร้าน

 

เซียวเฉินนึกถึงจุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้ เขาก็ตัดสินใจเดินเข้าไปดูไหนๆเขาก็เดินมาเจอแล้ว ไม่มีอะไรเสียหายเพียงแค่ลองเดินเข้าไปดู

 

ขนาดของร้านนี้เล็กมาก มีชั้นวางของพังๆอยู่ภายในพื้นที่แคบๆ อุปกรณ์ส่วนใหญ่วางซ้อนกองๆกันอยู่ที่พื้นทำให้ในนี้ดูรกมากขึ้นไปอีก

 

เซียวเฉินมองไปรอบๆก็พบกับเครื่องมือทำเกษตรหลายอย่าง เขารู้สึกขำขันอย่างช่วยไม่ได้ พอคิดว่าพวกเขาก็ทำเครื่องมือทำเกษตร แสดงให้เห็นว่ากิจการของร้านย่ำแย่แค่ไหน และพอคิดว่าเข้าเดินเข้ามาที่นี่เพื่อจะหลอมอาวุธวิญญาณ

 

ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือนี่แม้ว่าเซียวเฉินจะเดินเข้ามาในร้านนานสองนานแล้วก็ยังไม่มีใครสักคนออกมา ทำให้เซียวเฉินเริ่มเสียอารมณ์ เซียวเฉินไม่มีความคิดที่จะอยู่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้และหันหลังเตรียมจากไป

 

“อย่างเพิ่ง ไปดูกองอาวุธตรงมุมนั้นหน่อย” ทันใดนั้นเสียงของอ๋าวเจียวก็ดังขึ้นในหัวของเขา

 

เซียวเฉินกล่าวอย่างอารฒร์ไม่ดี “มันก็แค่กองขยะ ไม่เห็นมีอะไรน่าดู”

 

“ข้าบอกให้ไปดูก็ไปดู”

 

เซียวเฉินเดินไปตรงมุมร้านอย่างช่วยไม่ได้และหยิบดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา ดาบยาวประมาณเมตรใบดาบกว้างสองนิ้ว มันสร้างมาจากเหล็กชั้นดีแต่ก็ดูสามัญไม่สวยงามมากนัก

 

เซียวเฉินไม่ได้รู้เรื่องอาวุธมากนัก หลังจากพลิกดูสองสามรอบเขาก็ไม่ได้เจออะไรเป็นพิเศษ เขากำดาบขึ้นมาในมือกวัดแกว่งไปมา

 

เซียวเฉินใช้ดาบของจวกแทงไปหลายท่าก็ไม่ปรากฎเป็นเสียงอะไรออกมาและไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอะไร

 

เข้าวางดาบกลับเข้าไปที่มุมร้านเช่นเดิม จากนั้นเซียวเฉินก็เหมือนจะคิดอะไรได้ เขาหยิบดาบขึ้นมากวัดแกว่งอีกครั้ง แต่ก็เหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้มีเสียงหรือพลังอะไรออกมา

 

ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา เขาวางดาบในมือลงและหยิบดาบที่บางกว่าขึ้นมา เขากวัดแกว่งมันด้วยแรงเท่าเดิมกับเมื่อครู่ เขาไม่ได้ยินอะไรออกมาจากมันเช่นกัน

 

“ทำไมจึงไม่มีเสียงออกมาจากดาบพวกนี้? เล่มก่อนหน้านี้มันอาจจะหนักเกินไปแต่เล่มนี้บางราวกับปีกของจั๊กจั่น ทำไมมันก็ยังไม่มีเสียงออกมา?” เซียวเฉินพูดอย่างประหลาดใจ

 

อ๋าวเจียวกระโดดออกมาพร้อมกับกล่าวขึ้น “ดาบพวกนี้ไม่ได้เอาไว้ใช้แบบนั้น”

 

เซียวเฉินสังเกตเห็นว่าสีหน้าของนางดูดีขึ้นแล้ว เขาลดความกังวลก่อนหน้านี้ลงไปพร้อมกับพูดขึ้น “ดาบพวกนี้คืออะไร?”

 

อ๋าวเจียวไม่ได้ตอบอะไร นางหยิบดาบมาจากมือของเซียวเฉินและตั้งท่าขึ้น ร่างของนางยืนอยู่เงียบๆ เซียวเฉินสัมผัสได้ถึงกระแสพลังของนางกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับนางกำลังเตรียมจะพุ่งทะลวงผ่าสวรรค์

 

“ฟุ่ว!ฟิ่ว!”

 

อ๋าวเจียวเคลื่อนไหวใช้ดาบตัดผ่านไปในอากาศ ดาบที่บางราวกับปีกจั๊กจั่นนั้นส่งเสียงไพเราะออกมา เสียงนั้นช่างไพเราะนุ่มละเอียดราวกับเสียงฝนตกปอยลงมากระทบพื้น

 

“แหว่ง!” ดาบส่งเสียงดังก้องออกมา

 

ทันใดนั้นอาวุธทั้งหมดภายในร้านก็ส่งเสียงหึ่งออกมาราวกับมันได้พบกับสหายของพวกมัน เสียงนั้นเต็มไปด้วยความสุข

 

เซียวเฉินไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น เขารับดาบกลับมาจากอ๋าวเจียวและดาบทั้งหมดภายในร้านก็หยุดเสียงลง ไม่ว่าเซียวเฉินจะพยายามเช่นใดพวกมันก็ไม่ส่งเสียงออกมา..ราวกับตายจากไปแล้ว

 

ใช่ มันราวกับตายไปแล้ว มันช่างดูแปลกประหลาดราวกับดาบมันไม่มีชีวิตมาตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามนี่คือสิ่งที่เซียวเฉินคิดตอนนี้

 

“ทำไมเมื่อดาบมันอยู่ในมือข้ามันดูราวกับตายจากไปแล้ว? และตอนที่อยู่ในมือเจ้ามันก็ดูมีชีวิตขั้นมาทันที?” เซียวเฉินส่งเสียงในใจถามอ๋าวเจียว

 

เมื่อเขาถามขึ้นเกี่ยวกับดาบอ๋าวเจียวยืดหน้าด้วยความภาคภูมิใจ ใบหน้าอันน่ารักของนางประกอบกับท่าทางหยิ่งยโสนั้นแล้วยิ่งทำให้นางดูเหมือนเด็กน้อยเข้าไปอีก

 

“แม้ว่าเจ้าจะไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวดาบแต่เจ้าก็เปรียบเทียบได้ฉลาด ฟังเสียงของดาบและสื่อสารกับมัน ผู้ที่เข้าใจได้เช่นนี้ก็จะเข้าใจถึงดาบและคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ”

 

เมื่ออ๋าวเจียวพูดจบเขาก็ยิ่งงงงวย เขาไม่เข้าใจสักอย่าง เซียวเฉินพูดขึ้น “ขอแบบเข้าใจง่ายกว่านี้”

 

อ๋าวเจียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “พูดง่ายๆ เมื่ออาวุธเหล่านี้ถูกหลอมขึ้นมาโดยช่างตีเหล็กที่มีทักษะระดับสูงพวกมันจะก่อเกิดพื้นฐานจิตวิญญาณขึ้นมาเมื่อมันเสร็จสมบูรณ์”

 

“สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจต่ออาวุธแล้วพวกเขาสามารถดึงพลังของอาวุธมาใช้ได้ถึงสามเท่า ในทางกลับกันคนที่ไม่ได้รู้อะไรเลยหยิบไปใช้ก็ไม่อาจะดึงพลังของมันออกมาได้ถึงครึ่ง”

 

เซียวเฉินประหลาดใจ ดูเหมือนคนที่อยู่เบื้องหลังโรงตีเหล็กแห่งนี้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ เขาพูดขึ้น “มีดาบจิตวิญญาณมากมายวางกองอยู่ภายในร้านนี้ ผู้อาวุโสเจ้าของร้านไม่เกรงว่าพวกมันจะถูกขโมย?”

 

อ๋าวเจียวส่ายหัว “แม้ว่าพวกมันจะมีจิตวิญญาณแต่พวกมันกลับทำมาจากโลหะธรรมดา คิดว่ามันจะแข็งแกร่งได้เพียงใด? ถ้าวัดพลังกันตรงๆไม่มีดาบเล่มไหนในที่นี้สามารถนำไปเทียบได้กับอาวุธวิญญาณธรรมดาสามัญ”

 

“ฮ่าฮ่า! ใครจะคิดว่าจะมาเจอผู้ที่เข้าใจได้ถึงดาบในร้านซอมซ่อแห่งนี้ ดาบพวกนี้ไม่ได้โห่ร้องมากว่าสิบปีแล้ว” ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลังของร้าน

 

ชายร่างสูงใหญ่แข็งแรงกับใบหน้าทรงสี่เหลี่ยมเดินออกมาจากประตูหลัง เมื่อผู้คนได้เห็นจะให้ความรู้สึกว่าเขาคือวีรบุรุษกล้า อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นเขาเดินกะเผลกออกมาก็รู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติที่ขาซ้ายของเขา

 

ชายคนนี้มองมาที่เซียวเฉินก่อนที่จะเบนสายตาไปที่อ๋าวเจียว ปรากฎเป็นสีหน้าตกใจพร้อมกับพูดขึ้น “วิญญาณดาบที่ครอบครองจิตวิญญาณธรรมชาติที่แข็งแกร่ง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าสามารถเข้าใจถึงดาบระดับนี้”

 

จากนั้นเขาก็มองกลับมาที่เซียวเฉินและพูดขึ้น “ข้าขอเสียมารยาทถาม ข้าสงสัยว่าเจ้าครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นใด? เจ้านำมันออกมาแสดงให้ข้าดูจะจะได้หรือไม่?”

 

เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแน่นอน มองผ่านครั้งเดียวเขาก็รู้ได้ถึงตัวตนของอ๋าวเจียว เซียวเฉินคำนับมือโค้งพร้อมกับพูดขึ้น “ผู้อาวุโสมีสายตาหลักแหลม แต่ว่าอาวุธของข้านั้นได้รับความเสียหายและไม่อาจนำมันออกมาได้”

 

สายตางุนงงปรากฎขึ้นในดวงตาของชายคนนี้พร้อมกับพูดขึ้น “อาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหาย? เป็นไปได้อย่างไร? แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ..วิญญาณดาบตนนี้..”

 

“เจ้าเสียขาไปข้างหนึ่งเจ้ายังหลอมอาวุธวิญญาณได้หรือไม่?” อ๋าวเจียวตัดบททิ้ง

 

เซียวเฉินมองไปที่อ๋าวเจียวอย่างงุนงง นางขัดขึ้นมาเช่นนี้นางกำลังพยายามปิดบังอะไรบางอย่าง แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาถาม

 

เซียวเฉินกล่าวขออภัยชายคนนั้น “ขออภัยท่านอาวุโส ที่วิญญาณดาบของข้าปากไม่ค่อยจะดีนัก ข้าต้องขออภัย”

 

ช่างตีเหล็กยิ้มขึ้น “ไม่เป็นไร ข้าชื่อโม่ฟ๋าน เจ้าไม่ต้องเรียกข้าผู้อาวุโสก็ได้ ดูจากอายุของเจ้าหากเจ้าไม่รังเกียจเรียกข้าว่าพี่ใหญ่โม่”

 

เซียวเฉินพยักหน้า “ข้าชื่อเซียวเฉิน พี่ใหญ่โม่ท่านยังสามารถหลอมอาวุธวิญญาณได้อยู่หรือไม่?”

 

ความประหลาดใจปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา “เซียวเฉิน? นายน้อยสองจากตระกูลเซียวแห่งเมืองม่อเหอ?”

 

เซียวเฉินพยักหน้า แต่อย่างไรก็ตามหัวใจเขาเต้นตุบๆอยู่ข้างใน หรือคนคนนี้จะจำอะไรเกี่ยวกับเขาได้? ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย

 

หรือว่าจะเป็นก่อนหน้าที่เขาข้ามภพมาเซียวเฉินก่อนหน้านี้ได้ไปทำเรืองบาดหมางอะไรกับใครไว้? หากเป็นเช่นนั้นดูเหมือนจะเกิดปัญหาแล้ว

 

เป็นเรื่องยากที่จะหาช่างตีเหล็กฝีมือดีในเมืองม่อเหอ หากความหวังของเขาพังลงเพราะเหตุนี้เรียกได้ว่าดวงตกสาหัสมาก

 

โม่ฟ๋านพูดขึ้น “น้องเฉินไม่ใช่ว่าเจ้าได้ช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งบนถนนเมื่อประมาณเดือนก่อน? นั้นเป็นลูกสาวของข้าเอง ข้าไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาได้พบเจ้าในวันนี้”

 

เป็นเช่นนั้นนี่เอง เซียวเฉินสงบใจได้เขาไม่คาดคิดว่าเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้นมาส่งผลมาถึงตรงนี้

 

เซียวเฉินยิ้มขึ้น “ข้ารีบจากไปในวันนั้น สาวน้อยคนนั้นสบายดีไหม?”

 

โม่ฟ๋านหัวเราะเสียงดัง “ยัยหนูนั้นร้ายไม่ใช่เล่น พอข้าเผลอสักหน่อยก็แอบข้าออกไป ข้าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นจากคนอื่นตอนที่กลับมานี่แหละ”

 

“ข้าเป็นหนี้เจ้า ยัยหนูนั้นไม่ได้บาดเจ็บอะไรต้องขอขอบคุณเจ้า”

 

เมื่อเริ่มหัวข้อนี้พวกเขาก็คุยกันต่ออีกเล็กน้อย จากนั้นเซียวเฉินก็ถามข้อสงสัยในใจของเขา “พี่ใหญ่โม่ ทำไมตอนที่ข้าเข้ามาถึงไม่มีคนค่อยดูร้านเลย?”

 

โม่ฟ๋านยิ้มอย่างอึดอัดครู่หนึ่ง “คนเรานั้นมีความต้องการสามอย่าง ข้าไม่มีคนมาทำงานที่ร้านดังนั้นเลยไม่มีคนค่อยดูร้าน”

 

***มนุษย์มีความต้องการสามอย่าง เป็นสามสิ่งที่มนุษย์ต้องทำ กิน ขี้ เยี่ยว ไม่มีเงินจ้างนั้นเอง

 

เซียวเฉินเหงื่อตกในใจ ทำไมเขาคิดเหตุผลนี้ไม่ออก? เขาเปลี่ยนเรื่องทันที “พี่ใหญ่โม่ แล้วท่านยังสามารถหลอมอาวุธวิญญาณได้หรือไม่?”

 

เมื่อโม่ฟ๋านได้ยินดังนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยน “น้องเซียวเฉิน ข้าอยากจะขอคุยกับวิญญาณดาบตนนี้ตามลำพัง อยากจะขอเวลาสักครู่?”

 

“ข้าก็ตั้งใจไว้เช่นนั้น เจ้าไม่ต้องไปถามความคิดเห็นของขยะก้อนนี้” อ๋าวเจียวพูดขึ้น

 

เซียวเฉินรู้สึกไม่ถูกต้อง เขาเพิ่งจับผู้บ่มเพาะพลังที่ระดับสูงกว่าเขาไปเผาถ่าน ทำไมอ๋าวเจียวยังจะดูถูกเขาอีก?

 

แม้ว่าจะมีเล่นลูกไม้เล็กน้อยพวกมันก็ยังตายด้วยมือเขาอยู่ดี ทำไมไม่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดบ้างสักนิด

 

อ๋าวเจียวพูดต่อ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจ หากว่าเจ้าทำให้ดาบสักเล่มในที่นี้ส่งเสียงออกมาได้ข้าจะหุบปากทันที”

 

เซียวเฉินกล่าวยอ่างช่วยไม่ได้ “พี่ใหญ่โม่ ข้าจะไปรอข้างนอก”

 

ด้านนอกร้าน เซียวเฉินยิ้มในใจ แม้ว่าตัวเขาจะไม่อยู่แต่สัมผัสวิญญาณเขาเข้าไปได้ เรื่องที่พวกเจ้าคุยกันไม่อาจรอดหูของข้า

 

ท่านพี่อ๋าวเจียวพยายามปิดซ่อนอะไรจากข้า ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

 

หลังจากเห็นเซียวเฉินเดินออกไปนางก็สบัดมือและม่านพลังสีเหลืองก็ปกคลุมร้านค้าทั้งหมด สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินไม่อาจเข้าไปได้

 

ยอมออกไปอย่างว่าง่ายเช่นนี้เจ้าต้องมีแผนชั่วอะไรในใจ คิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดจะทำอะไร? ช่างไร้เดียงสา!

 

….

 

หลังจากที่อ๋าวเจียวกางม่านพลังนางก็พูดขึ้น “ข้าขอถามตรงๆ เจ้าเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่เท่าไหรของนิกายฟ้าคราม? ค้อนฟ้าครามของเจ้าตื่นขึ้นหรือยัง? แล้วขาของเจ้าส่งผลกับเจ้าเช่นไร?”

 

โม่ฟ๋านเปิดปากค้างจากนั้นเขาก็พูดขึ้นอย่างไม่เชื่อ “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้ารู้เบื้องหลังของข้ามากมายเช่นนี้ได้อย่างไร? ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับกระแสพลังของเจ้า?”

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset