Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 58 วางเดิมพัน

ตอนที่ 58 วางเดิมพัน

พลังของสายฟ้าสีม่วงไม่ได้ลดทอนลงเลยหลังจากที่ปะทะเข้ากับดาบพลังฉีสามเล่มนั้น ด้วยพลังระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นกลางของจางเหอไม่ใช่เรื่องยากที่จะหลบมันพ้น แต่เมื่อเขาเห็นว่าใครเป็นคนยิงสายฟ้าเส้นนี้มาเขาก็เกิดเปลี่ยนใจ

“ฟุ่ว!ฟิ่ว!”

ดาบพลังฉีนับไม่ถ้วนร่ายรำไปทุกแห่ง สายฟ้านั้นถูกดาบพลังฉีกลืนหายไปในที่สุด

“เซียวเฉินเจ้าต้ังใจจะมาช่วยเจ้าเศษขยะก้อนนี้? มันฝ่าฝืนกฎของลานประลอง” จางเหอยิ้มอย่างเย็นชาจ้องมองไปที่เซียวเฉินอยู่ที่อยู่ด้านล่างของลานประลอง

เซียวเจี้ยนผู้ที่เต็มไปด้วยบาดแผลพบว่ายากที่จะยืนขึ้นได้แล้ว เขาพยายามที่จะยันตัวลุกขึ้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับยิ้มขึ้นอย่างยากลำบาก “เจ้าขยะ ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”

มองดูเซียวเจี้ยนที่ยังคงดื้อรั้น เซียวเฉินไม่ไปสนใจเขาอีก เซียวเฉินหันหน้ามาหาจางเหอพร้อมกับพูดขึ้น “ข้าจะทำผิดกฎหรือไม่เจ้าไม่ใช่คนตัดสิน การลงมือก่อนหน้านี้ของเจ้าเห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะตีให้เขาตายหรือพิการ ข้าไม่เห็นจะจำได้ว่าเวทีนี้จัดการประลองถึงตาย”

“เจ้าของลานประลอง ท่านละคิดเช่นไร? หากบุตรชายคนโตของผู้นำตระกูลเซียวถูกฆ่าตายในลานประลองแห่งนี้เจ้าจะรับผิดชอบเช่นไร” เซียวเฉินหันหน้าไปพูดกับชายกลางคน

เจ้าของลานประลองคนนั้นยิ้มงึกงัก มันเป็นความจริงที่ลานประลองของเขาไม่มีสิทธิ์ในการจัดการประลองถึงตาย การที่จะจัดประลองเช่นนั้นได้ต้องได้รับใบอนุญาตระดับที่สูงกว่านี้

แต่มันก็ไม่ค่อยจะมีคนออกมาโวยวายถึงเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีการประลองถึงตายเกิดขึ้นก็ตามก็ไม่มีใครคิดจะออกมาโวยวาย

เจ้าของลานประลองนี้ก็มีเส้นใหญ่ไม่ใช่น้อย เขาไม่ได้กลัวตระกูลเซียวอะไรขนาดนั้นเพียงแต่ในตอนนี้เซียวเฉินเล่นจุดอ่อนของเขาต่อหน้าฝูงชน ทำให้เขายากที่จะเคลื่อนไหว

เขาผายมือ “เจ้าสองคน! ไปเอาตัวนายน้อยเซียวลงมา เอาอาวุธวิญญาณของเขามอบให้แก่นายน้อยจาง นายน้อยจางเป็นผู้ชนะการประลอง”

เซียวเจี้ยนรู้สึกไม่พอใจแต่ในตอนนี้เขาไม่เหลือแรงที่จะต่อต้านอะไรได้ เขาถูกหิ้วลงมาอย่าง่ายดายโดยผู้บ่มเพาะพลังสองคน

จางเหอหยิบอาวุธวิญญาณนั้นขึ้นมาโยนมันไปยังคนที่อยู่ด้านของลานประลองและยิ้มขึ้น “อาวุธวิญญาณระดับเหลืองขั้นสูงไม่เลวเท่าไหร จางวูเจ้ารับเอาไป”

คนคนนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้บ่มเพาะพลังของตระกูลจาง เมื่อจู่ๆเขาก็ได้รับอาวุธวิญญาณระดับเหลืองขั้นสูงมาเขาก็ตื่นเต้นพร้อมกับยิ้มขึ้น “ขอบคุณท่านมาก นายน้อย”

“ไปกัน ตอนนี้ข้าคิดได้แล้วว่าตระกูลเซียวมันไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญอยู่สักคน พวกมันก็แค่ถังขยะ” จางเหอหันหลังเตรียมตัวจากไป

คนที่ถูกเรียกว่าจางวูตามติดพร้อมกับพูดขึ้น “เป็นจริงตามนั้น เกินไปที่จะเรียกมันว่ารุ่นเยาว์ที่แกร่งที่สุดในเมืองม่อเหอ มันยังแตะไม่โดนชายเสื้อนายน้อยเลยด้วยซ้ำ ขยะอย่างจริง”

“ข้าได้ยินมาว่าจางเหอได้ร่ำเรียนมาจากที่สำนักผาขาว ผู้ที่ฝึกให้เขาเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่แห่งนิกายดาบเงาหมอก”

****เปลี่ยนจากนิกายกระบี่เงาหมอกเป็น นิกายดาบเงาหมอก

“นิกายดาบเงาหมอกนั่นด้วยความเข้าใจในดาบของพวกเขามันกล่าวได้ว่าไม่มีใครสามารถเทียบเคียงพวกเขาได้ในอาณาจักรต้าฉิน หากเขาได้รับการฝึกมาจากผู้อาวุโสใหญ่ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเขาถึงทรงพลังถึงเพียงนี้”

“เป็นเช่นนั้น แต่ความจริงเซียวเจี้ยนนั้นก็ไม่ใช่กระจอก เขาขึ้นมาระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธด้วยอายุเพียงเท่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะได้สัมผัสปลายเสื้อของจางเหอ”

“พวกเจ้าอาจจะไม่ได้สังเกต แต่ดาบพลังฉีที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นไม่ได้มาจากพลังปราณ เขาเกิดมาพร้อมจิตวิญญาณต่อสู้ดาบฟ้าคราม เพราะเหตุนี้เขาจึงสามารถปล่อยดาบพลังฉีที่มีเพียงระดับขอบเขตนักบุญขึ้นไปเท่านั้นที่จะทำได้”

“ด้วยจิตวิญญาณต่อสู้ฟ้าครามและจ้าววิถีแห่งดาบดูเหมือนจะไม่มีผู้ใดในเมืองม่อเหอจะสามารถต่อกรกับเขาได้ ดูเหมือนสัญญาสิบปีรอบนี้ภูเขาชีเจี่ยวจะเปลี่ยนมือซะแล้ว”

ทุกคนด้านล่างลานประลองถกเถียงกันเรื่องการประลองที่เพิ่งจบไป เมื่อเห็นว่าจางเหอเตรียมตัวกำลังจะจากไปทุกคนก็แสดงความคิดเห็นออกมา ในหมู่พวกเขาบางคนก็มีความคิดที่ไม่เหมือนใคร

เมื่อจางเหอได้ยินเรื่องที่กำลังถกเถียงกันสีหน้าเขาเปลี่ยนเล็กน้อย แต่เขาก็รู้สึกพึงพอใจและคิดในใจของเขา เมื่อเขาอยู่ที่สำนักความสามารถของเขาอยู่ที่สูงกว่ามาตราฐานและไม่ได้อยู่บนสุดสูงสุด แต่เมื่ออยู่ในเมืองเล็กอย่างม่อเหอเขากล้าพูดว่าไม่มีผู้ใดมาเทียบได้ในรุ่นเดียวกับเขา

“ด่าเขาไว้แล้วจะรีบไปไหน?” เซียวเฉินมองไปยังชายสองคนที่กำลังจะเดินจากไป

จางเหอยืนนิ่ง จากนั้นก็หันมาพร้อมรอยยิ้ม “เซียวเฉินเจ้าคงไม่ไร้เดียงสาขนาดมาท้าสู้กับข้า?”

“ทำไมจะไม่?!” เซียวเฉินมองไปทางจางเหออย่างไร้ความหวาดกลัวไม่ปรากฎความขลาดในสายตาของเขา

จางเหอระเบิดหัวเราะราวกับเพิ่งได้ฟังมุกที่ตลกที่สุดในโลก จางเหอชี้ไปที่หน้าตัวเองพร้อมกับพูดขึ้น “เจ้าคิดว่าที่ข้าลงไปเล่นกับเจ้านิดหน่อยแล้วเจ้าเก็บมันไปคิดเป็นจริงจัง?”

จางวูผู้ที่เพิ่งได้รับอาวุธวิญญาณมากระตือรือล้นที่จะแสดงพลัง “นายน้อยหนึ่งเจ้าหมอนี่มันพ่นคำไร้สาระ เป็นแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางยังกล้ามาท้าทายท่าน ให้ข้าออกไปตบปากมันเอง”

จางเหอคิดในใจ จางวูนั้นอยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงสุด นอกจากนั้นก็ยังได้รับอาวุธวิญญาณมา เซียวเฉินอยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางก็จริงแต่เขายังมีไอ้เปลวไฟประหลาดนั้น

แต่มันก็ไม่มีอาวุธวิญญาณสักชิ้นดังนั้นไม่น่าจะคนามือจางวู เขาจึงพูดขึ้น “แน่นอนแต่ระวังจิตวิญญาณต่อสู้ของมันไว้ เปลวไฟนั้นมันดื้อด้านมาก”

เมื่อจางวูได้ยินดังนั้นเขาก็กระโดดขึ้นเวทีพร้อมกับตะโกนท้าทายเซียวเฉินเสียงดัง “เจ้าขยะประจำตระกูลเซียว เจ้าไม่คู่ควรที่จะให้นายน้อยของข้าลงมือ ข้าจางวูผู้ต่ำต้อยจะลงมือแทน”

“เจ้าจางวูผู้นี้..แค่อยากจะแสดงพลังหลังจากที่ได้รับอาวุธวิญญาณมา”

“แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับเซียวเจี้ยนเขาก็ยังอยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงสุด ในหมู่รุ่นเยาว์จัดได้ว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง”

“เจ้าเซียวเฉินนี้สิไร้สาระของจริง ในตอนที่เขายังเป็นขยะทุกคนรุมรังแกได้ พอหลอมรวมจิตวิญญาณต่อสู้ได้หน่อยก็หยิ่งยโสขึ้นมา ช่างไร้สาระ!”

“เจ้าไม่รู้? เซียวเฉินไต่ขึ้นระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางได้ในเดือนเดียว พรสวรรค์ของเขาไม่เลว”

“ต่อให้พรสวรรค์ของเขาจะไม่เลว เขาก็ยังเป็นเพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นกลางนอกจากนั้นยังไม่มีอาวุธวิญญาณในมือ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะล้มจางวูลง”

สายตาของเซียวเฉินนิ่งราวกับน้ำไหล คำถกเถียงด้านล่างนั้นไม่ได้รบกวนจิตใจเขาแม้แต่น้อย เขามองไปทางจางวูอย่างเฉยเมยก่อที่จะพูดขึ้น “เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้า แต่หากว่าเจ้าอยากจะสู้ก็วางอาวุธวิญญาณเป็นเดิมพัน”

จางวูยิ้ม “ช่างหยิ่งยโส ก็ได้ แต่ถ้าหากเจ้าแพ้เจ้าจะว่าอย่างไร?”

“แน่นอน ข้าจะให้สมบัติที่มีค่าพอกัน”

พวกเขาทั้งสองยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าของลานประลองทำข้อตกลงระหว่างกัน นี่ไม่ใช่การประลองถึงตาย ดังนั้นหากผลการประลองปรากฎชัดว่าอีกฝ่ายไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้พวกเขาจะหยุดการประลองลงทันที

หากคนใดคนหนึ่งยอมแพ้อีกฝ่ายก็ต้องหยุดมือเช่นกัน หรือถ้าหากถูกตัดสินว่าฝ่าฝืนกฎพวกเขาจะถูกริบของเดิมพันทั้งหมด

ทั้งสองยืนอยู่คนละมุมของเวทีและคำนับซึ่งกันและกัน และการประลองนี้ก็ได้เริ่มขึ้น

เซียวเฉินไม่อยากจะเสียเวลาไปกับการประลองครั้งนี้เขายังต้องจัดการกับจางเหอต่อ รายนั้นสำคัญกว่ามาก ดังนั้นการประลองนี้ต้องจบลงโดยเร็วเขาจึงชิงลงมือก่อน

“ต้า!”

ก่อนที่จะเดินขึ้นมาในลานประลองเซียวเฉินได้หมุนเวียนทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วและพลังของเขาขึ้นมาถึงขีดสุดนานแล้ว

ทันทีที่คำนับกันเสร็จเซียวเฉินกระทืบพื้นอย่างรุนแรงส่งตัวเองพุ่งออกไป เขาพุ่งขึ้นหน้ามาก่อนที่จะได้ยินเสียงลมเขาก็เข้ามาถึงแล้ว

เร็วอะไรเยี่ยงนี้! จางวูนิ่งอึ้งเขาไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินที่ขอบเขตพลังต่ำกว่าจะเริ่มลงมือก่อน เขาประมาทเกินไป

เขารีบถอยกลับไปสองก้าวและมือขวาของเขาไปจับที่ดาบ ระหว่างที่ถอยกลับเขาปล่อยดาบแสงออกไปหมายจะดันเซียวเฉินให้ถอยกลับ

“ฟุ่ว!”

ประกายสายฟ้าปรากฎที่แขนของเซียวเฉิน เซียวเฉินมองไปที่ดาบเบาอย่างจดจ่อและดวงตาเป็นประกายเขาไม่มีความตั้งใจที่จะหลบสักนิดเดียว

เขาใช้นิ้วตัวเองแทนดาบ เขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าและแทงนิ้วของเขาไปที่ดาบแสง

“เขาคิดจะทำอะไร? หากเขาเข้าปะทะแบบนั้นตรงๆแขนของเขาได้ปลิวหายไปแน่” ใครบางคนในฝูงชนอุทานขึ้น

มุมปากของจางวูยกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มเย็นชา เจ้าอาจจะว่องไวแต่ดาบแสงของข้าก่อตัวขึ้นสมบูรณ์แล้ว หากเจ้ายังกล้าเข้ามาบอกลาแขนของเจ้าไปได้เลย

เมื่อจางเหอเห็นดังนั้นก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เฉพาะคนที่ฝึกฝนร่างกายจนแกร่งกล้าเส้นเอ็นเป็นทองแดงกระดูกแกร่งเหมือนเหล็กเท่านั้นที่จะกล้าเข้าปะทะกับอาวุธวิญญาณโดยตรง

เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉินยังฝึกฝนไปไม่ถึงขั้นนั้นทำไมเขายังกล้าแทงนิ้วเข้าไปหาดาบแสงของจางวู?

มือขวาของเขายังประสานท่าอย่างต่อเนื่อง ภายในอึดใจเดียวเกิดการเปลี่ยนแปลงไปไม่รู้กี่ครั้ง

จางวูเห็นเซียวเฉินหยุดลงเขารู้สึกว่านี้เป็นโอกาสลงมือ อยากอยากจะแทงดาบแสงออกไปใส่มัน

“บูม!”

สายฟ้าที่ปรากฎออกมาจากที่ไหนไม่รู้ส่งเสียงสนั่นออกมาและตรงไปที่หัวของจางวู

นี่เป็นสายฟ้าร่วงหล่นที่เซียวเฉินเอาไปดัดแปลง พลังของมันอาจจะด้วยกว่าของเดิมแต่ประสิทธิภาพของมันเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่เขาเข้าประชิดได้เขาก็ร่ายมันออกมาทันที

จางวูงุนงงกับลูกหลอกของเซียวเฉินเมื่อเขารู้สึกได้ถึงอันตรายมันก็สายเกินไปที่จะหลบแล้ว เขาทำได้เพียงเรียกพลังปราณทั้งหมดในร่างเพื่อมารับมือกับสายฟ้าที่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้

“ปัง!”

สายฟ้าไหลผ่านตั้งแต่หัวจนไปถึงเท้าของเขา พลังของมันที่ลดทอนลงไปทำให้เขาไม่ได้บาดเจ็บมากนักแต่ในตอนนี้เขามึนงงและขยับตัวไม่ได้ชั่วคราว

ระหว่างที่มันยังออกฤทธิ์อยู่ ข้าต้องลงมือซะตอนนี้! นี่เป็นแผนของเขา ทันใดนั้นเขาก็พุ่งขึ้นไปและจิ้มไปที่หน้าอกของจางวูหกครั้งซ้อน

สายเปลวเพลิงสีม่วงหกเส้นทิ้มเข้าไปที่หน้าอกของจางวู พวกมันตกลงบนพื้นเวทีเผาไหม้ลึกลงไปกว่าครึ่งเมตรก่อนที่จะมอดดับลง

ด้วยการฆ่านั้นถูกห้ามในลานประลองแห่งนี้เซียวเฉินไม่ได้ส่งเปลวเพลิงสีม่วงเข้าไปในร่างกาย มิเช่นนั้นจางวูคงสลายกลายเป็นขี้เถ้าในพริบตา

“เป็นไปได้อย่างไร? เขาล้มจางวูลงได้ในพริบตาเดียว”

“เห็นได้ชัดว่าเปลวเพลิงในตอนสุดท้ายนั้นมีพลังกดข่มรุนแรง จางวูจะต้องใช้พลังปราณทั้งหมดในเพื่อป้องกันร่างกายไว้มิเช่นนั้นตอนนี้คงจะไม่ได้มีแค่หกรูบนหน้าอกของเขา

“อย่างไรก็ตามเซียวเฉินก็ฉลาดมากเขาหลอกล่อจางวูได้มิเช่นนั้นสายฟ้าในตอนแรกคงจะพลาดเป้า” ผู้คนด้านล่างร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินจะล้มจางวูได้ในสองกระบวณท่า

จางเหอกระโดดขึ้นมาบนเวทีกดจุดของจางวูเพื่อห้ามเลือดจากนั้นเขาก็หยิบผงบรรเทาสีทองออกมาโรยบนบาดแผล

“หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันเพียงครู่เดียวเปลวเพลิงของเจ้าดุร้ายยิ่งกว่าเดิม แต่หากเจ้าต้องการจะประลองกับข้าก็ต้องเอาของออกมาวางเดิมพัน”

เซียวเฉินไม่ได้พูดอะไรรับอาวุธวิญญาณมาจากเจ้าของลานประลอง จากนั้นเขาก็โยนมันไปตรงหน้าของเซียวเจี้ยน บาดแผลของเซียวเจี้ยนนั้นมีเพียงแค่ภายนอก เขาเริ่มฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว เขามองไปที่เซียวเฉินด้วยสายตาซับซ้อน ในดวงตาของเขามีหลากหลายอารมณ์อยู่ในนั้น

ทันใดนั้นเซียวเฉินก็หยิบกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากแหวนห้วงจักรวาลและโยนมันขึ้นไปตรงกึ่งกลางระหว่างพวกเขาสองคน กระบี่เงาจันทร์ปักลงบนลานประลองที่ทำมาจากหิน

“อาวุธวิญญาณระดับลึกซึ้งขั้นสูง!” ประกายความตื่นเต้นปรากฎในดวงตาของจางเหอในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่กระบี่เงาจันทร์ที่ปักอยู่ตรงกลางของลานประลอง

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset