ตอนที่ 76 ก้าวสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ
เซียวเฉินเร่งฝีเท้าเดินไปที่ลานบ้านของเขาอย่างรวดเร็ว เขาได้บรรลุถึงบางสิ่งระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ พลังปราณในร่างของเขายังไหลเวียนอย่างต่อเนื่องและนั้นเป็นบ่งบอกว่าเข้ากำลังจะทะลวงระดับพลัง
หลังจากที่ใช้หินวิญญาณระดับต่ำไปการบ่มเพาะพลังของเขาก็พุ่งขึ้นสู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงสุด นอกจากนั้นในการทดสอบป่าทมิฬเขายังเสริมการบ่มเพาะพลังระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงของเขา
หลังจากที่เขากลับมาเขารู้สึกได้ว่าเหลือเพียงอีกก้าวเดียวที่จะก้าวขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ สิ่งที่เขาต้องทำคือรอเวลาที่เหมาะสมและเขาก็จะสามารถทะลวงขึ้นสูงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธได้ทันที
หลังจากกลับเข้ามาในห้องของเขาเขานั่งลงขัดสมาธิและเข้าสู่สภาวะการบ่มเพาะพลัง เมื่อจิตสำนึกของเขาจมลงไปเขามองเห็นเมฆขาวที่เพิ่มขึ้นมาเป็นแปดก้อนหลังจากที่เขาขึ้นสู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงกำลังล้อมรอบจิตวิญญาณยุทธมังกรฟ้า ในตอนนี้พวกมันเปล่งประกายสดใสและแวววาวส่องแสง ราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออกมา
เขากำลังจะพัฒนาขึ้น เซียวเฉินรู้สึกเป็นสุขในใจ แม้ว่าเขาจะคิดไว้แล้วว่าเขาอาจจะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธได้ก่อนศึกสัญญาสิบปี แต่เขาก็มั่นใจได้ก็ในตอนที่เขากำลังจะทะลวงขึ้นไปจริงๆ
ทักษะบ่มเพาะพลังอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนอย่างรวดเร็วในร่างของเขา หัวใจของเซียวเฉินราวกับพื้นน้ำนิ่งสงบ ในขณะที่เซียวเฉินติดอยู่ในสถานะน่าพิศวงเช่นนี้พลังวิญญาณโดยรอบก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง
จิตสำนึกของเขากำลังควบคุมพลังวิญญาณที่เดือดพล่านในร่างของเขา ภายใต้การนำของทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์พลังวิญญาณไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณของเขาทั่วร่างก่อนที่จะเข้าสู่จุดตันเที่ยนของเขา
มังกรฟ้าตัวน้อยในจุดตันเที่ยนของเขาเปิดปากของมันขึ้นมาและดูดพลังวิญญาณเข้าไป ความพึงพอใจปรากฎขึ้นบนหน้าของมังกรน้อยตนนั้น หลังจากนั้นไม่นานมันก็ปลดปล่อยพลังปราณออกมาจากปากของมัน
เซียวเฉินควบคุมพลังปราณนี้ทำให้มันไหลไปตามเส้นลมปราณของเขาจากนั้นก็แพร่กระจายไปตามกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย
นอกจากตอนที่เขาใช้หินวิญญาณนี่เป็นสิ่งที่เขาจะทำในทุกครั้งที่ทะลวงระดับพลัง เนื่องจากที่ว่าเขานั้นหลอมรวมจิตวิญญาณยุทธได้ช้าเขาจึงใช้พลังวิญญาณส่วนใหญ่ที่เขาดูดซับมาไปกับการเสริมร่างกายของเขา
นี่เป็นข้อได้เปรียบของเขาในการต่อสู้ เซียวเฉินไม่อาจทิ้งข้อได้เปรียบนี้ไป หากเขาทำเช่นนี้ต่อไปมันก็อยู่ที่เวลาเท่านั้นที่เขาจะบรรลุระดับเอ็นเหล็กกระดูกทองแดง
ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์หมุนเวียนไปในร่างของเขาไม่หยุด หลังจากหมุนเวียนไป 49 รอบเซียวเฉินรู้สึกได้ถึงการะเบิดในจุดตันเที่ยนของเขาที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้น
สูดหายใจเข้าลึกเขาหยุดการหมุนเวียนพลังวิญญาณแบบปกติและดำเนินการหมุนเวียนไปแบบรอบใหญ่พยายามที่จะทะลวงขึ้นสู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ
ภายใต้การหมุนเวียนของเซียวเฉินพลังวิญญาณภายในห้องไหลเข้าไปในร่างของเขาราวกับสายน้ำ เซียวเฉินดูดซับพลังวิญญาณเช่นนี้ต่อไปกว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มหมุนเวียนมัน
พลังวิญญาณนี้แข็งแกร่งและหนาแน่นกว่าพลังวิญญาณปกติ มันกำลังไหลเวียนไปในร่างของเขาอย่างช้าๆ เซียวเฉินอดทนและดำเนินการต่อไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปไหลไปตามจุดลมปราณตามเส้นลมปราณ
อีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไปและในที่สุดทักษะอัสนีม่วงศักดิ์สิทธิ์ก็หมุนครบรอบใหญ่ พลังวิญญาณไหลเข้าไปในจุดตันเที่ยนของเขาราวกับแม่น้ำเชี่ยวหลาก
มังกรฟ้าเปิดปากของมันออกมาอย่างตื่นเต้นราวกับว่ากำลังได้อาหารอันโอชะดูดพลังวิญญาณมหาศาลเข้าไป ก้อนเมฆขาวรอบกายมันส่องแสงสว่างจ้าราวกับพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเวลา
“บูม!”
มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นรอบจิตวิญญาณยุทธของเซียวเฉิน หลังจากผ่านมานานไม่รู้เท่าไหร ก้อนเมฆสีขาวทั้งแปดปะทุขึ้นและพื้นที่โดยรอบจิตวิญญาณยุทธของเขาตกอยู่ในความวุ่นวาย อย่างไรก็ตามเซียวเฉินก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบาย กลับกันเหมือนกับว่าเขาได้รู้สึกปลดปล่อยหลังจากอัดกลั้นมาเป็นเวลานาน
นี่เป็นความรู้สึกที่เซียวเฉินประสบในตอนที่ทะลวงระดับพลังในชีวิตก่อนของเขา อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้รู้สึกสบายเท่านี้ รูขุมขนทั่วร่างของเขาเปิดออกและขับสิ่งเจือปนสีดำในร่างออกมา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเซียวเฉินก็จมจิตสำนึกของเขาลงไปตรวจดูบริเวณโดยรอบจิตวิญญาณยุทธของเขา พื้นที่วุ่นวายได้กระจายหายไปกลายเป็นโปร่งโล่ง
เมื่อจิตสำนึกของเขามาถึงจุดตันเที่ยนพื้นที่โดยรอบต่างไปจากที่เขาเคยเข้ามาครั้งก่อน ก้อนเมฆสีขาวหายไปและแทนที่ด้วยสระน้ำใสตรงที่ที่จิตวิญญาณยุทธของเขาเคยประทับอยู่ แต่เจ้ามังกรฟ้าตัวเล็กก็หายไปด้วย
เกิดอะไรขึ้น? เจ้ามังกรฟ้าหายไปไหน? จิตใจเซียวเฉินเต็มไปด้วยความงุนงง
“ปุทง!”
ทันใดนั้นก็มีน้ำสาดกระเซ็นออกมาจากสระ มังกรตัวน้อยน่ารักโผล่หัวออกมาจากบ่อน้ำเล็กๆมันว่ายวนไปในบ่อน้ำใสอย่างร่าเริง
เมื่อจิตสำนึกของเซียวเฉินสังเกตเห็นละอองน้ำเขาก็มองเข้าไปอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นสิบห้านาทีเซียวเฉินก็เต็มไปด้วยความสุข
สระน้ำแห่งนี้เป็นพื้นที่กักเก็บพลังปราณแห่งใหม่ของเซียวเฉิน เมื่อเขาสังเกตอย่างละเอียดเขาพบว่าหยดน้ำที่กระเซ็นมาเพียงหยดเดียวมีปริมาณปราณเท่ากับปริมาณของเมฆขาวถึงสิบส่วน
เซียวเฉินคำนวณในใจมันน่าจะมีน้ำประมาณสองหยิบมือในสระแห่งนี้ หากน้ำหนึ่งหยดมีพลังปราณเท่ากับเมฆขาวสิบส่วนก็จะแปลว่ามันมีพลังปราณมหาศาลอยู่ในบ่อแห่งนี้
ไม่ว่าจะเข้าไปประมือกับใครหรือไม่ว่าจะนั่งสกัดเม็ดยายาวนานเท่าไหรเขาก็ไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับปริมาณพลังปราณอีกต่อไป เซียวเฉินนึกอยากจะลองทดสอบขึ้นมาทันทีว่าเขาจะใช้มังกรฟ้าหวนกลับออกมาได้หรือไม่
หากเขาทำได้สัญญาสิบปีที่กำลังจะมาถึงเขาก็จะไร้ซึ่งคู่แข่ง ด้วยทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์แม้แต่ระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธก็ไม่อาจตั้งรับมันได้
ทันใดนั้นเซียวเฉินก็ลืมตาขึ้นมีลำแสงสีม่วงพวยพุ่งออกมา เซียวเฉินไม่รู้ว่าลำแสงพวกนี้หมายถึงอะไร ทุกครั้งที่เขาทะลวงระดับขึ้นมาปรากฏการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นในดวงตาทั้งสองข้างของเขา
ส่ายหัวไปมาเซียวเฉินไม่อยากที่จะไปคิดเกี่ยวกับมันอีก มองดูสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกมาจากร่างกายของเขาเขาได้แต่ยิ้มขมๆ ดูเหมือนทุกครั้งที่เขาทะลวงระดับพลังขึ้นมาเขาจะต้องหาชุดใหม่มาเปลี่ยนตลอด
เซียวเฉินรู้สึกไม่สบายที่ทั้งตัวถูกราดไปด้วยสิ่งสกปรกเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงรีบลุกไปอาบน้ำทันที
หลังจากที่เขาอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้วร่างกายของเซียวเฉินทั้งผ่อนคลายและตื่นตัว ใบหน้าของเขาเปล่งประกายมีชีวิตชีวาและความเข้มแข็ง เขายังรู้สึกว่าเขาถูกเติมเต็มไปด้วยพลังที่ไม่รู้จักเหนื่อยล้า
“นายน้อยสองท่านออกไปที่ไหนมา? ข้ามองหาตัวท่านมาครู่ใหญ่แล้ว” เมื่อเป่าเอ๋อเห็นเขาจากด้านนอกลานบ้านนางก็รีบวิ่งตรงเข้ามา
เซียวเฉินยิ้มขึ้น “เจ้าตามหานายน้อยของเจ้ามีเรื่องอะไร? ข้าไปอาบน้ำมาก่อนหน้านี้”
เป่าเอ๋อสำรวจเซียวเฉินด้วยดวงตาของนางหลังจากได้ยินดังนั้นปรากฎเป็นท่าทางคล้ายกับมึนเมาเล็กน้อย นางเขินขึ้นขึ้นมาและพูดออกมาด้วยเสียงนุ่ม “นายน้อยดูเหมือนท่านจะดูดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น”
เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อเขาทะลวงระดับพลังขึ้นมาได้กระแสพลังจากตัวของเขาก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน? เซียวเฉินคิดอย่างสงสัย
เขาไม่เคยพบเจอผู้หญิงนางไหนเอ๋ยชมเขาเช่นนี้ เซียวเฉินยิ้มอย่างเลิ่กลั่ก “เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเจ้าตามหาข้าทำไม”
เป่าเอ๋อสะดุ้งตื่นจากความฝันและรีบพูดขึ้น “แม่นางเฟิงขอให้ข้าส่งตำราเล่มนี้ให้ท่านก่อนที่นางจะจากไป นางยังฝากข้อความมาให้ท่าน ‘หากในอนาคตเจ้าเกิดอยากจะเปลี่ยนใจเจ้ามาหาข้าได้เสมอ’”
เซียวเฉินยิ้มขมขื่นในใจแม่สาวนางนี้ยังไม่ยอมลามือไปง่ายๆ เขารับตำราจากเป่าเอ๋อมาดู สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย นี่เป็นสำเนาคัดมือมือทักษะกระบี่สายฟ้าฉับพลันฉบับสมบูรณ์
“แม่นางเฟิงจากไปนานเท่าไหรแล้ว?” เซียวเฉินถามขึ้นพร้อมกับหนีบตำราไว้ด้านข้าง
เป่าเอ๋อตอบกลับด้วยท่าทางน่ารัก “ข้าคิดว่านางออกไปประมาณสองชั่วโมงก่อน”
“ดูเหมือนจะตามนางไปไม่ทันแล้ว…” เซียวเฉินกล่าวขึ้นอย่างเสียใจ เซียวเฉินไม่ชอบรับของจากคนอื่นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ดูเหมือนจะต้องตอบแทนน้ำใจนี้ในอนาคต เซียวเฉินพึมพำกับตัวเองพร้อมกับมองไปที่สำเนาคัดมือทักษะสายฟ้าฉับพลันเล่มนี้
…..
หลังจากที่กลับมาในห้องของเขาเซียวเฉินก็เก็บตำราทักษะลงไปในแหวนห้วงจักรวาล เขายังจะไม่เปิดดูตอนนี้เขายังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอยู่อีก
เซียวเฉินหยิบท่อนไม้ยาวกว่าครึ่งเมตรออกมาและตัดเป็นชิ้นออกมาประมาณหัวแม่มือของเขา เขาเริ่มแกะสลักอย่างระมัดระวัง คาถาสละชีวิตนั้นเป็นคาถาอมตะที่แข็งแกร่ง แม้ว่าเขายังไม่เคยประสบความสำเร็จในการใช้มันออกมาเขาก็ยังไม่ได้ยอมแพ้
ตอนนี้เขาอยู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธเรียบร้อยแล้วสิ่งแรกที่อยู่ในใจของเขาตอนนี้คือสานต่อความพยายามนี้ให้สำเร็จ
เขานึกถึงรายละเอียดทุกอย่างในการต่อสู้กันระหว่างเยว่หยิงและเย่เฉินโจวพร้อมกับลงมือแกะสลักไปตามจังหวะ
“ฮ่ะ!”
ในไม่ช้าเซียวเฉินก็แกะสลักมันสนเสร็จและค่อยๆปัดเศษไม้ที่แกะออกมาทิ้งไป เขาหยิบมันขึ้นมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง รูปสลักนั้นเหมือนกับรูปลักษณ์ที่เซียวเฉินคิดไว้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังรู้สึกว่ามันขาดหายอะไรไป
รูปสลักของหญิงสาวที่มีใบหน้าแสดงออกถึงความเคร่งขรึม คิ้วของนางขมวดเข้าหากันเล็กน้อยนางไม่ได้กำลังโกรธแต่กลับส่งพลังแผ่กระจายออกมา สำหรับสิ่งไม่มีชีวิตมันกลับแพร่กระแสพลังออกมาในบริเวณโดยรอบราวกับราชินี
ราชินี? มีบางอย่างมาสะกิดใจของเซียวเฉิน ราวกับฟันเฟืองในใจของเขาในที่สุดก็เริ่มเดิน ดูเหมือนว่าเขาจะค้นพบบางอย่างที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน
‘ใช่แล้ว! ราชินี! ทำไมเยว่หยิงถึงต้องเป็นเป็นราชินี?“ เซียวเฉินกล่าวออกมาอย่างเป็นสุข
ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่ามีอะไรขาดหายไป เขามุ่งความสนใจไปที่รูปลักษณ์ของนางมากเกินไป ในตอนที่นางกระโจนเข้าสู่การต่อสู้นั่น….นางราวกับราชินีที่ปกครองทุกสิ่งอย่างภายใต้สวรรค์ ดังนั้นเมื่อเขาแกะรูปสลักนางเขาจึงแกะสลักนางในรูปลักษณ์ของราชินี
อย่างไรก็ตามเยว่หยิงนั้นไม่ใช่ราชินี ภาพในตอนที่ท้องของนางร้องคำรามออกมายังติดอยู่ในหัวของเขาอยู่เลย ท่าทางเขินอายของนางในตอนที่เรียกเขาว่าสารเลวยังคงตรึงอยู่ในใจของเขา
ในตอนนี้นี่เป็นคนที่มีเลือดเนื้อ ในตอนที่ระดับพลังของเซียวเฉินยังไม่เพียงพอที่จะร่ายคาถาสละชีวิตออกมาเขาต้องร่ายมันออกมาผ่านรูปสลัก เขาจึงต้องแกะสลักภาพของเยว่หยิงที่เป็นตัวตนจริงๆของนางหรือไม่มันก็จะเป็นแค่รูปร่างที่ไร้แก่นสารและมันจะไม่อาจกลายเป็นอาวุธที่ทรงพลัง
เซียวเฉินแบ่งไม้วิญญาณออกมาอีกชิ้นขนาดเท่านิ้วโป้งของเขา มือของเขาขยับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับนึกถึงภาพของหญิงสาวผสมผลานภาพลักษณ์ของนางในตอนที่ต่อสู้และในยามที่นางบาดเจ็บ
แม้ว่ามันจะง่ายที่จะคิดมันก็ยากที่จะลงมือทำ เซียวเฉินโยนชิ้นงานทิ้งไปชิ้นแล้วชิ้นเล่า จนเมื่อไม้วิญญาณที่ยาวกว่าครึ่งเมตรในยามนี้เหลือเพียงเศษเล็กๆเซียวเฉินถึงพอใจในงานแกะสลักของเขา
ความงดงามแท้จริงที่กำลังถือหอกสีทองไว้ในมือและใบหน้าอันเคร่องขรึมของนางเผยรอยยิ้มเจือจางออกมาเล็กน้อย มันไม่เหมือนก่อนหน้านี่ที่แกะสลักนางออกมามีใบหน้าขู่ข่ม กลับกันในตอนนี้กลับมีความอบอุ่นนิ่มนวลของหญิงสาว
แน่นอนตรงจุดนี้ไม่ใช่ส่วนที่เซียวเฉินพึงพอใจมากที่สุด ส่วนที่เขาชอบที่สุดก็คือความงดงามที่แท้จริงผู้นี้ทั้งเนื้อทั้งตัวสวมเพียงชุดชั้นใน
“ข้าสงสัยว่านางอาจจะไล่ฆ่าข้าในทีที่ได้เห็นผลงานชิ้นนี้?” เซียวเฉินยิ้มเย้ยหยันตัวเองในใจขณะที่มองดูรูปสลักที่ถือไว้ในมือ บางทีแม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของนาง
สลัดเรื่องอื่นทิ้งไป เซียวเฉินจดจ่อและตัดสินใจใช้พลังฉีมังกรที่เยว่หยิงมอบให้เขาเพื่อผสานเข้ากับรูปสลัก
หากในครั้งนี้ยังล้มเหลวจากนั้นพลังฉีมังกรที่อาจจะช่วยชีวิตเขาได้ในจังหวะสำคัญก็จะสูญเปล่าไป