ตอนที่ 90 สมบัติตระกูลจิน,จินต้าเป่า
“เขาจบแล้ว ไปยั่วโมโหนายน้อยหญิงตระกูลตวนมู่ เขาก็เหมือนกับศพเดินได้”
“ไปยั่วโมโหตระกูลตอนมู่นั้นไม่เท่าไหร ที่ต้องระวังเลยก็คือลูกชายคนโตแห่งตระกูลเจียง เจ้าหนุ่มนั้นไปทำให้แม่นางตวนมู่ฉิงอับอายในพื้นที่อิทธิพลของตระกูลเจียงดังนั้นเจียงหมิงเหิงไม่ปล่อยเขาออกไปง่ายๆแน่นอน”
“เจ้าหนุ่มนั้นน่าจะเป็นคนนอก เขาไปเหยียบตีนตระกูลชั้นสูงของเมืองไป๋สุ่ย ซ้ำยังเป็นสองตระกูลอันดับต้นๆของแขวนซื่อซุ่ย”
“นอกจากนั้นยังอยู่เพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง เขาจะตายตอนไหนก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”
หลังจากเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นักบ่มเพาะพลังที่อยู่ภายในชั้นสองรอจนคนกลุ่มนั้นจากไปก่อนที่จะมองไปยังเซียวเฉินทำได้เพียงส่ายหัวและถอนหายใจ
เซียวเฉินไม่ได้สนใจและเผยรอยยิ้มไม่แยแสออกมา เขายังแกะสลักไม้ในมือต่อไป เมื่อเสร็จสิ้นเขาก็เป่ารูปสลักไม้ไล่เศษขี้เลื่อยออก ปรากฎสีหน้าพึงพอใจ
เสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเงยหน้าขึ้นมาใช้ตาของมันมองไปรอบนึง เมื่อมันไม่เห็นอะไรน่าสนใจมันก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มของมันต่อไป
“ปึง!ปึง!”
ชายอ้วนที่อยู่บนชั้นสองเนื้อตัวประดับไปด้วยเครื่องประดับระยิบระยับเดินตรงเข้ามาหาเซียวเฉิน ส่งเสียงดังทุกฝีเก้าที่เขาเดินทำให้ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะทะลุร่วงลงไปชั้นหนึ่งหรือไม่
เขายิ้มแย้มเป็นประกายขณะที่เดินเข้ามาและดวงตาเล็กๆของเขาก็หลี่เล็กลง มันเป็นใบหน้าของความสุขแต่มองไปมองมามันดูเหมือนเขากำลังเศร้ามากกว่า
“สหายข้าขอนั่งดื่มด้วยได้ไหม?” ทันทีที่พูดจบเขาก็ทรุดตัวลงนั่งทันทีไม่แม้แต่รอให้เซียวเฉินได้อ้าปาก เขายิ้มกว้างพูดต่อ “สหายช่างตรงไปตรงมาตอบรับคำขอของข้าอย่างรวดเร็ว”
นิ้วของเขาประดับไปด้วยแหวนหลากหลายชนิด มีทั้งหยก ทอง หยดทองขาว ขอแค่บอกชื่ออกมามีหมด เขากางพัดที่ทำมาจากทองคำในมือของเขาเข้าคู่กับเครื่องประดับตามเสื้อผ้า
ช่างใช้ความมั่งคั่งได้เปล่าประโยชน์ รสนิยมหยาบคายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เซียวเฉินหยิบแก้วไวน์ของเขาขึ้นมาจิบเบาๆ เขาไม่สนใจและยิ้มขึ้น “เจ้าก็จะมาซื้อจิ้งจอกวิญญาณเหมือนกัน?”
พร้อมเสียง ‘โซว’ เขากางพัดขึ้นมาพัดและเริ่มทำให้ตัวเองดูสง่างาม ช่างน่าเสียดายด้วยรสนิยมการแต่งตัวของเขามันกลายเป็นดูแปลกประหลาดแทน
หากเฟิงเฟยเสวี่ยที่เป็นผู้ใช้พัดเช่นเดียวกันได้มาเห็นเจ้าก้อนไขมันนี้นางอาจจะอยากตบเขาให้ตายด้วยฝ่ามือเดียว? เซียวเฉินอดขำไม่ได้
เจ้าอ้วนปั้นหน้าตัวเองอยู่ครู่หนึ่งราวกับพยายามจะสร้างบรรยากาศอะไรสักอย่างก่อนที่จะตอบคำถามของเซียวเฉินอย่างจดจ่อ “ข้าไม่ใช่เจ้าโง่ แม้ว่าแม่นางจากตระกูลตวนมู่คนนั้นจะแยกแยะสายเลือดสัตว์อสูรวิญญาณได้แต่นางไม่สังเกตเห็นว่าสัตว์อสูรวิญญาณตัวนี้ทำสัญญาโลหิตแล้ว”
“ตราบใดที่เจ้ายังไม่ตายแม้จะมีใครบางคนฉกตัวมันไปมันก็จะวิ่งกลับมาหาเอง ใครที่มาเสนอซื้อมันก็เป็นเพียงไอ้โง่”
เซียวเฉินนิ่งอึ้ง – เจ้าไขมันนี้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เขาถามขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ข้ายังไม่รู้ชื่อของเจ้า”
เมื่อเจ้าอ้วนเห็นว่าคำของเขาทำให้เซียวเฉินตกใจได้เขาก็หัวเราะขำขัน ก้อนไขมันบนหน้าของเขากระเพื่อมไปมา เมื่อเซียวเฉินเห็นเช่นนั้นเขาก็ตกใจเกรงว่าเจ้าสองก้อนบนหน้านั้นจะตกลงมา
“ฮ่ะฮ่ะ แซ่ของข้าคือจินชื่อข้าคือต้าเป่า เจ้าคิดว่าไง? ฟังดูยิ่งใหญ่ใช่หรือไม่? พ่อข้าตั้งชื่อข้าว่าจินแต่ข้าคิดว่ามันฟังดูธรรมดาไปข้าเลยเติมคำว่าเป่า”
เซียวเฉินเริ่มเหงื่อตกในใจ จินต้า,จินต้าเป่า…. พวกเขาเป็นพ่อลูกกันแน่นอน เซียวเฉินหัวเราะออกมา “ฮ่ะฮ่ะ พี่น้องจินชื่อของเจ้าช่างฟังดูยิ่งใหญ่”
จินต้าเป่าพึงพอใจเมื่อเห็นท่าทางของเซียวเฉินเขายิ้มพร้อมกับพูดขึ้น “พี่ชายหยุดลีลาได้แล้วบอกชื่อของท่านมาด้วยสิ ตอนที่ข้าได้เจอเจ้าข้ารู้สึกได้ว่าพวกเรามีอะไรคล้ายกันมาก”
“เซียวเฉิน”
จินต้าเป่าลูบค้างของเขาพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง “เซียวเฉิน…ชื่อฟังดูคุ้นๆ ช่างมันเถอะไปคิดมากข้าเจ็บหัว”
“พี่น้องเซียวข้าจะบอกตามจริงข้าสนใจรูปสลักในมือของเจ้ามากกว่า ข้าสงสัยว่าจะขอดูหน่อยได้หรือไม่”
หลังจากเขาพูดจบมือของเขาก็ขยับเข้ามาคว้ารูปสลักบนโต๊ะไปดูทันที เซียวเฉินตื่นตะลึงอีกครั้งและเขาทบทวนท่าทางของจินต้าเป่าเมื่อครู่อย่างรอบครอบ
หากข้ารู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ข้าคงจะสามารถหยุดและกันไม่ให้เขาแตะต้องรูปสลักนี้
เซียวเฉินคิดทบทวนสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในใจ แต่เขาก็ไม่อาจหยุดไว้ได้ เจ้าก้อนไขมันนี้ไม่ได้รวดเร็วอะไรแต่การเคลื่อนไหวลื่นไหลเป็นธรรมชาติ
มันแลดูปกติทั่วไปเหมือนกับเพื่อนเข้ามาทักทายกันและคว้าของตรงหน้าไปเหมือนเป็นเรื่องปกติ
นี่เป็นการซ่อนเร้นตัวตนแบบหนึ่ง หากเขาไม่อยากให้คุณรู้ตัวคุณก็จะไม่รู้ว่าเขาหยิบฉวยอะไรไปบ้าง
ขินต้าเป่าเป็นเพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นต่ำแต่เซียวเฉินก็ไม่ลดการป้องกันตัวลง จัดให้เขาอยู่ในระดับบุคคลอันตราย
จินต้าเป่ายังคงถูไถรูปสลักในมือไปเรื่อย มีประกายออกมาจากดวงตาของเขาช่างมองดูน่ารังเกียจ มันน่าขยะแขยงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ราวกับหมูตัวผู้กำลังมีความรัก นี่เป็นสิ่งเดียวที่เซียวเฉินจะหยิบมาอธิบายได้
เซียวเฉินไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไปและฉกรูปสลักไม้กลับมา เขาเกรงว่าถ้าปล่อยคนคนนี้ถูไถไปเรื่อยๆจนรูปสลักราบแบน
ฉิบหาย!
เซียวเฉินมองสิ่งที่ถือไว้ในมือหน้าอกของรูปสลักเยว่หยิงแบนเรียบ จุดที่เคยเป็นชุดชั้นในหายไปจนมองไม่เห็น เซียวเฉินหมดคำจะพูดเจ้าหมอนี้มันต้องน่าขยะแขยงเพียงใดถึงทำเรื่องเช่นนี้ได้
มองดูเซียวเฉินที่พยายามควบคุมตัวเองจินต้าเป่าไม่เกิดความละอายแ้แต่น้อยพร้อมกับหัวเราะมองไปที่เซียวเฉินอย่างหยาบคาย “ช่างคาดไม่ถึง!พี่น้องเซียวมีรสนิยมเช่นเดียวกัน พอคิดว่าเจ้าสามารถแกะสลักนางในฝันของข้าออกมาได้และยิ่งดูสมจริงยังกว่าคนจริงๆเสียอีก”
“เจ้าขายรูปสลักให้ข้าได้ไหม? เดียวก่อน!ไม่! แกะสลักอันใหม่ให้ข้า ข้าจะยอมแลกกับอาวุธวิญญาณ์ระดับปฐพี”
“คำของจินต้าเป่ามีค่าเท่าทองคำ ข้ารักษาสัญญาแน่นอน ข้าทำธุรกิจอย่างเป็นธรรม ข้าไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้นที่พยายามจะโกงและปั่นหัวเจ้าเป็นคนโง่”
แม้ว่าข้าจะแกะสลักอันใหม่ให้เจ้าเจ้าก็จะถูมันจนแบนราบ – ไม่เหลือซาก! เซียวเฉินคิดในใจ มองไปที่รูปสลักที่หน้าอกโดนถูจนแบนเซียวเฉินนึกได้ว่าเหงื่อของเจ้าอ้วนยังติดอยู่ เขารู้สึกขยะแขยงอย่างไม่มีอะไรมาเปรียบ
เขาเขวี่ยงรูปสลักออกไปนอกหน้าต่างอย่างรุนแรงก่อนที่จะยิงเปลวเพลิงสีม่วงเผารูปสลักนั้นจนไม่เหลือซาก หลังจากเช็ดมืออย่างรุนแรงจนพอใจแล้วในที่สุดเซียวเฉินก็ใจเย็นลง
“เทพธิดาของข้าา!” เจ้าอ้วนร้องอุทานออกมา เขาพุ่งไปที่หน้าต่างและมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับรูปสลัก ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวแสดงถึงความโศกเศร้าราวกับอกหัก
เซียวเฉินไม่อยากจะเสียเวลาไปกับเขาอีก เขาวางเงินไว้บนโต๊ะและเตรียมตัวจะจากไป
“พี่น้องเซียวอย่าเพิ่งไป อย่างเพิ่งรีบร้อน” แม้จะยืนอยู่ข้างหน้าต่างแต่เขาก็เข้ามาประชิดตัวเซียวเฉินได้ในทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกอดเซียวเฉินไว้แน่น
เซียวเฉินอยากจะผลักมือเขาออกไปแต่พบว่าเจ้าหมอนี้มือหนักเหลือเกิน ในสถานที่ที่เซียวเฉินไม่อาจใช้พลังปราณออกมาได้เขาไม่อาจขยับตัวจินต้าเป่าได้แม้แต่น้อย
เซียวเฉินที่หมดหนทางทำได้เพียงยอมแพ้และพูดขึ้น “ไม่ต้องคิดจะให้ข้าแกะสลักรูปสลักนั้นให้เจ้า ไม่มีวัน”
จินต้าเป่ายิ้มแย้มพร้อมกับพูดขึ้น “ไม่เป็นไรไม่เป็นไร แม้การเจรจาจะล้มเหลวพวกเราก็ยังเป็นเพื่อนกัน ข้าอยากจะเลี้ยงไวน์เจ้าสักหน่อย,เป็นเช่นไร? ขึ้นไปที่ชั้นสี่กันเถอะ”
“ข้าเลี้ยงเอง!” เจ้าอ้วนตบไปที่หน้าอกพร้อมกับพูดเสียงดัง
เซียวเฉินถูกกดดันจนถึงจุดนี่้จุดที่เขาไม่มีทางเลือกจึงพูดขึ้น “ดื่มเท่านั้นไม่มีการพูดคุยเรื่องนั้น ดื่มเสร็จข้าจะไป”
จินต้าเป่าหัวเราะสนุกสนาน “ไม่มีปัญหา,ไม่มีปัญหา มา!พวกเราขึ้นไปที่ชั้นสี่เดียวนี้ ที่นั้นมันเงียบสงบกว่าที่นี่เยอะ ”
เซียวเฉินตามเขาไปที่บันได ที่ทำให้เซียวเฉินประหลาดใจคือผู้บ่มเพาะพลังสามคนของศาลาหลับไหลตรงหน้าบันไดมีสีหน้าเคารพนับถือเจ้าอ้วนอย่างมาก
ไร้สิ่งกรีดขวาง พวกเขาผ่านขึ้นทางเดินของชั้นสี่ ชั้นสี่ของศาลาหลับไหลต่างจากที่เซียวเฉินจินตนาการไว้มากการตกแต่งดูเรียบหรูไม่ได้มีการตกแต่งที่อลังการ
อย่างไรก็ตามการตกแต่งเรียบง่ายนี้ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกน่าเบื่อจำเจ กลับกันมันให้ความรู้สึกสนุกสดชื่นมีความสุข
“ติง! ติง!”
จากด้านหลังของภาพบนชั้นสี่มีเสียงผินไพเราะดังออกมา มันราวกับเสียงนกไนติงเกิลดังลอดออกมาจากป่าหรือเสียงจ้อกแจ้กของลูกนกนางแอ่นที่แม่มันกลับมาที่รัง มันเหมือนกับเสียงฝนคะนองก่อนที่มันจะ….เปล่งเสียงกระซิบเงียบๆ
มันเริ่มเหมือนเสียงพายุโหมกระหน่ำก่อนที่จะจบลงด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
เสียงผินอันไพเราะทำให้เซียวเฉินที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวดนตรีถึงกับหลงเสน่ห์ เสียงดนตรีกลมกลื่นกับการตกแต่งเรียบง่ายสง่างามของชั้นสี่
เซียวเฉินเปิดปากขึ้นชม “การตกแต่งของชั้นสี่เป็นผลงานยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ทั้งหมดนี้ต้องทำออกมาจากผู้เชี่ยวชาญ”
เมื่อจินต้าเป่าได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกดีใจ คี่พัดออกมาพัดอย่างสง่างาม เขายิ้มแล้วก็พูดขึ้น “ความสามารถของข้าไม่ได้เลิศเลอขนาดนั้น ขอบคุณสำหรับคำชมของพี่น้องเซียว การตกแต่งของชั้นสี่ออกแบบโดยข้าเอง สาขาของศาลาหลับไหลทั่วทั้งอาณาจักรตกแต่งไว้เช่นนี้ทั้งนั้น”
เซียวเฉินไร้คำพูดเพราะไม่อาจหาจุดเชื่อมโยงระหว่างก้อนไขมันกับความงดงามของชั้นสี่ได้เลย หลังจากนั้นครู่ใหญ่เขากูพูดขึ้น “คิดซะว่าข้าไม่เคยพูด”
ด้วยการนำของจินต้าเป่าทั้งสองคนเดินมาถึงโต๊ะที่อยู่ข้างแนวรั้วยาว มุมมองของที่นี่กว้างขวางและสามารถเห็นผู้คนที่เดินอยู่ตามถนนได้อย่างชัดเจน
“บริกร! ไวน์ชั้นดีสองขวดพร้อมกับเครื่องเคียง โอ้,แล้วก็ข้าวต้มปลาชามนึงด้วย” จินต้าเป่าตะโกนเสียงดังทันทีที่ก้นถึงที่นั่ง
ระดับการบริการของศาลาหลับไหลนั้นราวเร็วมาก เพียงไม่นานบริกรก็นำเครื่องดื่มพร้อมเครื่องเคียงทั้งหมดมาวางบนโต๊ะ จินต้าเป่ามีชามข้าวต้มหอมวางอยู่ตรงหน้า
เมื่อเสี่ยวไป๋ได้กลิ่นอันหอมหวนมันก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะพุ่งเข้าหาข้าวต้มปลาทันที จินต้าเป่าเจอเจ้าจิ้งจอกน้อยก็เกิดสนใจและยื่นมืออกไปจะลูบหัวมัน
ทันใดนั้นมันก็กระโดดหลบมืออวบๆของจินต้าเป่า มันใช้อุ้งมือทั้งสองผลักชามข้าวมาทางเซียวเฉินและเงยหัวขึ้นกลอกตาไปที่จินต้าเป่า
จินต้าเป่าที่ถูกเสี่ยวไป๋มองอย่างดูถูกเขาก็หัวเราะออกมาอย่างแปลกประหลาดและยกไวน์ขึ้นดื่มก่อนที่จะพูดกับเซียวเฉิน “พี่น้องเซียวเจ้ามีมือที่น่าอัศจรรย์! ข้ามีแผนที่จะทำให้พวกเรารวย ตราบใดที่เจ้าเอาด้วยพวกเราก็จะได้กลิ้งไปบนกองเงินทันที”
เซียวเฉินพยักหน้าด้วยความสนใจ “บอกรายละเอียดมา”
เจ้าอ้วนจินหัวเราะเบาๆขณะที่ขยับเข้ามาใกล้เซียวเฉินพูดแผนการของเขาใส่หูด้วยเสียงค่อย เมื่อเซียวเฉินได้ยินเช่นนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่ากึ่นเจ้าใหญ่พอๆกับพุงของเจ้า…. ไม่สิน่าจะใหญ่กว่าอีก”
เจ้าอ้วนจินหัวเราะ “เจ้าไม่พูดข้าไม่บอกใครจะรู้ว่าเป็นพวกเราสองคน”
เซียวเฉินที่กำลังจะบอกปฏิเสธก็มีคนรับใช้วิ่งเข้ามาและกล่าวกับเซียวเฉิน “ท่านครับ ลูกค้าที่โต๊ะนั้นอยากให้ท่านเข้าไปหา”
มองไปตามที่เขาชี้เซียวเฉินก็พบว่ากลุ่มคนที่คนรับใช้หมายถึงนั้นก็คือเจียงหมิงเหิง,ตวนมู่ฉิน,และคนอื่นๆ