Immortal and Martial Dual Cultivation – ตอนที่ 89 เริ่มต้นใหม่

ตอนที่ 89 เริ่มต้นใหม่

 

อาณาจักรต้าฉิน,แคว้นตงหมิง,เขตซื่อซุ่ย,เมืองไป๋สุ่ย ภายในโรงเตี๊ยม

 

“เจ้าเคยได้ยินมาหรือเปล่า? มีบางอย่างเกิดขึ้นที่มณฑลฉี่จื๊อในเขตฮุ่นโหลว”

 

บนชั้นสองผู้บ่มเพาะพลังที่สวมเสื้อคลุมหยาบๆกำลังพูดคุยกันกับสหายอีกสี่คนที่กำลังล้อมวงกันอยู่ เขาแลดูดุร้ายและแข็งแกร่งและคิ้วดำหนาทำให้ดูเป็นคนกล้า

 

โรงเตี๊ยมนี้รู้จักกันในชื่อศาลาหลับไหลโรงเตี๊ยมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไป๋สุ่ย มีทั้งหมดห้าชั้นโดยแต่ละชั้นจะมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ

 

ชั้นที่สามขึ้นไปไม่ใช่ใช้เพียงแต่ใช้เงินจำนวนมากเท่านั้นยังต้องมีสถานะที่เพียงพอด้วย ต่อให้มั่งมีเพียงใดก็ไม่ทำให้ขึ้นสู้ชั้นบนได้

 

นอกจากนั้นชั้นห้าของศาลาหลับไหลยังเป็นตำนานที่ให้บริการเฉพาะคนระดับท่านเจ้าเมืองเป็นต้นและไม่ได้เปิดให้บริการทั่วไป

 

โดยปกติคนธรรมดาสามัญทั่วไปจะแวะเวียนมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งขณะที่นักบ่มเพาะพลังทั่วไปจะมาอยู่กันที่ชั้นสอง เนื่องจากเมืองไป๋สุ่ยอยู่ติดกับป่าอำมหิตเต็มไปด้วยนักบ่มเพาะพลังที่แวะเวียนเข้ามา ดังนั้นชั้นสองของศาลาหลับไหลจึงเป็นชั้นที่คึกคักที่สุด

 

เมื่อเพื่อนที่อยู่ด้านข้างของเขาได้ยินดังนั้นเขาก็พูดขึ้นอยู่สงสัย “ข้าก็ได้ยินเรื่องนี้มาบ้างนิดหน่อย มีผู้เยาว์ในมณฑลฉี่จื๊อผู้ที่ฆ่าล้างระดับขอบเขตนักบุญสิบคนและระดับขอบเขตปรมจารย์อีกกว่าสองร้อยคนภายในวันเดียว”

 

ผู้บ่มเพาะพลังอีกคนก็พูดขึ้นมาบ้าง “ที่ข้าได้ยินมาคือระดับขอบเขตนักบุญห้าสิบคนและระดับขอบเขตปรมจารย์ห้าร้อยคน”

 

เมื่อคนหนุ่มผู้หนึ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างหน้าต่างที่ชั้นสองได้ยินเข้า เข้าถึงกับสำลักพ่นเหล้าที่เพิ่งกระดกเข้าปากกลับคืนใส่แก้ว เขาพึมพำกับตัวเองในใจ ข่าวลือน้อข่าวลือ… ยิ่งกระจายไปก็ยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานข้าคงซัดระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธตายในฝ่ามือเดียว

 

ชายหนุ่มเช็ดคราบเหล้าบนปากของเขาและหยิบชิ้นไม้กับมีดแกะสลักบนโต๊ะขึ้นมามุ่งความสนใจมาที่การแกะสลัก แสงอาทิตย์ส่องผ่านหน้าต่างฉายลงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเรืองแสงสีทองอ่อนออกมา

 

ใบหน้าของชายหนุ่มแสดงถึงความเขร่งเคลียดลงมืออย่างพิถีพิถันกับวัตถุในมือ ราวกับว่ามันไม่ใช่รูปสลักแต่เป็นสมบัติล้ำค่าและสำคัญยิ่ง ความเขร่งครึมเคารพและจิตใจจดจ่อทำให้เขาดูสง่างามและมีเสน่ห์

 

มีจิ้งจอกขาวหนึ่งตัวอยู่ด้านข้างของชายหนุ่ม มันช่างดูน่ารักและกำลังจุ่มหัวลงไปในชามสวาปามข้าวต้มปลา ในไม่ช้าชามข้าวต้มปลาก็ว่างเปล่า

 

มันปีนขึ้นไปบนโต๊ะและลงมือเลียชามจนสะอาด มันแปะอุ้งเท้าขวาลงบนมือขวาของชายหนุ่ม

 

ชายหนุ่มหยุดมือกับสิ่งที่กำลังทำอยู่และมองมาที่เจ้าจิ้งจอกวิญญาณ เขาพบว่ามันกำลังมองมาที่เขาด้วยแววตาน่าสงสาร อีกเท้าของมันชี้ไปที่ชามว่างเปล่า

 

เมื่อชายหนุ่มเห็นดังนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นบางๆ “เสี่ยวไป๋…เสี่ยวไป๋… เจ้ามันตะกละอย่างแท้จริง”

 

“บริกร! ขอข้าวต้มปลาอีกชามแล้วก็เป็นชามใหญ่ๆด้วย” ชายหนุ่มตะโกนสั่งอาหารเสียงดัง

 

ในไม่ช้าบริกรก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับข้าวต้มปลาชามใหญ่ แม้ว่าเขาจะวิ่งมาอย่างรวดเร็วแต่มือเท้าของเขาก็นิ่งมาก เห็นได้ชัดว่าบริกรผู้นี้ก็เป็นนักบ่มเพาะพลัง

 

“แคร้ง!”

 

ข้าวต้มถูกวางลงบนโต๊ะโดยไม่มีหกลงพื้นสักหยด บริกรยิ้มและพูดขึ้น “ข้าวต้มปลาตามที่สั่ง หากท่านมีสิ่งใดเพิ่มเติมเพียงบอกให้พวกเรารู้”

 

ชายหนุ่มโบกมือและโยนเหรียญโลหะสีเงินออกไปเป็นทิป บริกรรับมันด้วยสีหน้ายินดีพร้อมกับจากไปอย่างรวดเร็วหลังจากแสดงความขอบคุณ

 

เมื่อจิ้งจอกวิญญาณตัวนั้นเห็นข้าวต้มปลาชามใหญ่มาวางสีหน้าเวทนาของมันก็หายไปในทันที มันลืมการมีอยู่ของชายหนุ่มไปจนสิ้นตรงไปที่ชามข้าวต้มและสวาปามอย่างรวดเร็ว

 

ชายหนุ่มพูดออกมาติดเล่น “เมื่อข้าวถึงปากก็ลืมเจ้านายไปทันที” เมื่อพูดจบเขาก็หันไปสนใจการแกะสลักในมือต่อ

 

ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเซียวเฉินแห่งเมืองม่อเหอที่อยู่ในข่าวลือ หลังจากที่เขาออกมาจากตระกูลเซียวเขาก็มุ่งไปที่ศาลากระบี่สวรรค์โดยทันทีเพื่อมองหาวิธีที่จะปลุกอ๋าวเจี่ยวที่หลับไหลอยู่ในกระบี่เงาจันทร์

 

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาจากมาเขาก็เพิ่งได้รับรู้รสชาติของโลกใบนี้ แม้แต่ภายในอาณาจักรต้าฉินก็เกินจินตนาการของเขาไปแล้ว

 

อาณาจักรต้าฉิน,นอกจากเมืองหลวงและราชสำนักแล้วมีสามแคว้น แคว้นตงหมิง,แคว้นซี่เขอ,และแคว้นหนานหลิง แต่ละแคว้นประกอบไปด้วยสามเขตและแต่ละเขตประกอบไปด้วยเจ็ดมณฑล ขนาดของแต่ละมณฑลเท่ากับครึ่งหนึ่งของประเทศของเขาในชาติก่อน ใครจะจินตนาการได้ว่าอาณาจักรต้าฉินกว้างใหญ่ถึงเพียงใด

 

*** ประเทศในชาติก่อนหมายถึงจีน

 

เมืองม่อเหอที่แสนธรรมดาสามัญ มีมณฑลฉี่จื๊อของเขตฮุ่นโหลวในแคว้นตงหมิงอยู่ด้านบนอีก

 

ศาลากระบี่สวรรค์นั้นอยู่ในแคว้นซี่เขอจากแคว้นตงหมิงแล้วมันอยู่ทางตะวันตก มันห่างกันมากกว่าหลายหมื่นกิโลเมตร เซียวเฉินนั้นออกเดินทางมาได้กว่าสองเดือนแล้ว ตลอดทางที่เดินทางมาเขาพบว่าศาลากระบี่สวรรค์นั้นจะเปิดการทดสอบรับศิษย์ใหม่ในเดือนสิบ

 

เกณฑ์การทดสอบนั้นเข้มงวดมาก เซียวเฉินคำนวณเวลาก่อนที่จะออกเดินทาง ตอนนี้เป็นเดือนเจ็ดของปีนั้นหมายความว่าเหลือเวลาอีกสามเดือนก่อนที่กระทดสอบของศาลากระบี่สวรรค์จะเริ่มขึ้น

 

เขาตั้งใจจะฝึกฝนตัวเองเป็นเวลาสามเดือนก่อนที่จะเข้าไปที่ศาลากระบี่สวรรค์ เพื่อรับประกันว่าเขาจะผ่านการทดสอบมิเช่นนั้นเขาจะต้องรอจนถึงเดือนสิบของปีหน้าเพื่อเข้ารับการทดสอบอีกครั้ง

 

เมืองไป๋สุ่ยแห่งนี้เป็นเมืองหลวงของเขตซื่อซุ่ย เมื่อออกจากเมืองไปก็จะพบกับพื้นที่ฝึกฝนป่าอำมหิต นอกจากนั้นมันยังติดกับเขตซี่เขอ ดังนั้นเซียวเฉินจึงตัดสินใจปักหลักฝึกฝนที่เมืองไป๋สุ่ยแห่งนี้

 

“ต๊อง!ต๊อง!ต๊อง!”

 

มีเสียงฝีเท้าขึ้นมาจากบันไดพร้อมกับเสียงคนพูดคุยกันจำนวนมากอย่างสนุกสนานก่อนที่พวกเขากำลังจะขึ้นไปยังชั้นสาม

 

เมื่อผู้บ่มเพาะพลังที่นั่งอยู่บนชั้นสองเห็นว่าพวกเขาคือใครต่างพากันนิ่งเงียบ เสียงดังเซ็งแซ่เมื่อครู่กลายเป็นเงียบในทันที ทุกคนก้มหัวก้มตาลงตักข้าวเข้าปากอย่างเจียมตัว

 

หนึ่งในคนพวกนั้นสวมชุดผ้าปักลายและแลดูหล่อเหลา เขาพอใจกับบรรยากาศที่เกิดขึ้นบนชั้นสองมาก จากนั้นเขาก็หันไปพูดคุยกับหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างด้วยเสียงค่อย

 

ไม่อาจมองเห็นถึงอารมณ์บนใบหน้าของหญิงสาว นางเพียงแค่ตอบกลับอย่างสุภาพไร้ซึ่งความสนุกขำขันในน้ำเสียงแต่อย่างใด ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นจิ้งจอกวิญญาณที่นั่งอยู่กับเซียวเฉินข้างหน้าต่าง

 

ทำให้นางหยุดเท้าลงประกายในดวงตาสว่างไสว นางเดินตรงมาที่โต๊ะของเซียวเฉินอย่างช้าๆมองแว้บเดียวก็รู้ว่านางมีท่วงท่าและก้าวเดินอย่างสง่างาม

 

“สหาย,สัตว์อสูรวิญญาณตัวนี้เจ้าขายหรือไม่?” หญิงสาวมองไปที่จิ้งจอกวิญญาณเป็นเวลานานก่อนที่จะอดถามขึ้นไม่ได้ เสียงของนางช่างไพเราะละเอียดละออใครต่อใครที่ได้ยินจำต้องทำตามคำที่นางกล่าว

 

เซียวเฉินสังเกตเห็นกลุ่มคนพวกนี้มานานแล้ว เขาเงยหัวขึ้นมองไปที่หญิงสาว เขาชื่นชมแม่นางผู้นี้เงียบๆในใจ นางสวมชุดสีเขียวคิ้วอ่อนงดงามนางมีฟันขาวสะอาดดวงตาเป็นประกายและใบหน้ารูปอัลมอนด์แก้มสีลูกท้อ สิ่งเหล่านี้รวมเข้ากับชุดสีเขียวอ่อนของนางทำให้ดูสดใสและงมงาม

 

อย่างไรก็ตามเซียวเฉินได้เห็นสาวงามมามากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะสง่างามเช่นนางฟ้าเฟิงเฟยเสวี่ยหรือเซียวอวี่หลันผู้อ่อนหวานบริสุทธิ์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านางผู้นี้เลย นอกจากนั้นยังมีความงดงามที่สมบูรณ์แบบฆ่าคนได้อย่างเยว่หยิงผู้ทีทำให้คนอื่นต้องดูหมองไป

 

เซียวเฉินรีบหันสายตาไปจากนางและพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “ไม่ต้องคิดที่จะซื้อมัน เมื่อเข้าใจแล้วก็ไปซะ”

 

หัวใจของนางสั่นสะท้านแม้ว่านางจะคิดไว้แล้วว่าเซียวเฉินอาจจะปฏิเสธแต่นางไม่คาดคิดว่าเซียวเฉินจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ไม่มีความเมตตาใดๆ

 

ใบหน้างดงามของนางว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเสียใจและพูดขึ้น”ข้าเข้าใจความรู้สึกที่พี่ชายมีต่อสัตว์อสูรวิญญาณตนนี้ เพียงแต่…พี่ชายไม่คิดจะขายมันจริงๆ? หากเจ้าบอกมาว่าเจ้าต้องการอะไรข้าจะหามาแลกเปลี่ยนกับสัตว์อสูรวิญญาณตนนี้”

 

พูดจาใหญ่โตจริง,เซียวเฉินยิ้มเย็นชากับตัวเอง หญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดา นางสามารถมองเห็นถึงสายเลือดของเสี่ยวไป๋…ที่ว่าเป็นสายเลือดของจิ้งจอกวิญญาณหกหาง

 

เป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 มาตั้งแต่เกิดมันก็เหมือนกับมีระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธยืนอยู่เคียงข้าง ภายในเขตตงหมิงแห่งนี้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธต่างเป็นผู้ที่ตระกูลชั้นสูงทั้งหลายต่างพยายามดึงตัวเข้ามา

 

แม้แต่สำหรับบางคนจำนวนระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธที่มียังแสดงถึงความแข็งแกร่งของตระกูลนั้น

 

เซียวเฉินคาดเดาในใจแม่นางผู้นี้ต้องคิดว่าเพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงอย่างเซียวเฉินเก็บจิ้งจอกวิญญาณตนนี้มาได้โดยบังเอิญและไม่เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของมัน ดังนั้นนางจึงฉวยโอกาสจากจุดนั้น

 

เมื่อคิดได้ดังนั้นเซียวเฉินก็วางรูปสลักในมือลงและยิ้มอย่างเป็นสุข “เจ้าต้องรักษาคำพูด คำที่ข้าขอเจ้าจะทำมันอย่างแน่นอน?”

 

หญิงสาวเมื่อเห็นว่าเซียวเฉินเริ่มโอนเอียงก็รู้สึกเป็นสุขขึ้นในใจทันที นางยิ้มสดใส “แน่นอนข้ารักษาคำพูด ตราบที่เจ้าขอมาข้าจะจัดหาให้”

 

นางพูดอย่างใหญ่โตแต่นางคิดว่าเซียวเฉินที่เป็นเพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงทั่วไป คนที่ยังไม่ผ่านโลกกว้างและไม่น่าขอสิ่งของสูงค่ามาก ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลนางนางมั่นใจว่าจะต้องสนองคำขอของเซียวเฉินได้อย่างแน่นอน

 

ใบหน้าจริงจังปรากฎขึ้นพร้อมกับพูดขึ้น “เช่นนั้นข้าขออาวุธวิญญาณระดับสวรรค์ เช่นนั้นเป็นไง? เป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมไม่มีใครเสียหาย”

 

สีหน้าของหญิงสาวกลายเป็นเย็นชา นางรู้แล้วว่าเซียวเฉินปั่นนางเล่น นางจ้องไปที่เซียวเฉินอย่างกินเลือดกินเนื้อก่อนที่จะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร

 

“เจ้าเด็กเหลือขอ ปฏิเสธน้ำหวานจะได้น้ำขม เป็นโชคของเจ้าแล้วที่แม่นางตวนมู่อยากจะซื้อของของเจ้า เจ้ายังจะไปพูดไร้สาระ เจ้ามองหาที่ตาย?” ด้านหลังชายที่สวมชุดปักลาย คนที่สวมชุดเหมือนผู้ติดตามกล่าวอย่างรุนแรงและเยาะเย้ยเซียวเฉิน

 

เมื่อหญิงสาวได้ยินเช่นนั้นคิ้วของนางกระตุกเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ ชายที่สวมชุดปักลายเห็นว่าเจ้าผู้ติดตามคนนี้ทำหญิงสาวไม่พอใจจึงรีบเรียกเขาให้หยุด

 

เขาหันหัวมองไปทางเซียวเฉินและพูดขึ้น “นามของข้าคือเจียงหมิงเหิง หากเจ้าเกิดเปลี่ยนใจเจ้ามาหาข้าได้ที่ตระกูลเจียงตลอดเวลา”

 

“แม่นางตวนมู่ไปกันเถอะ นายน้อยฮวารอพวกเราอยู่ที่ชั้นสี่”

 

กลุ่มคนเดินจากโต๊ะของเซียวเฉินและมุ่งหน้าไปที่ชั้นสี่ เซียวเฉินขยายสัมผัสวิญญาณออกและตามคนกลุ่มนี้ไป

 

“ไปตรวจสอบพื้นหลังของไอ้หมอนั้น หากมันไม่มีภูมิหลังโดดเด่นใดๆจากนั้นก็ไปฉกจิ้งจอกวิญญาณตัวนั้นมา หายากที่จะเจอของที่ถูกใจแม่นางตวนมู่”

 

“นายน้อยอนุญาตให้ฆ่าหรือไม่?”

 

“ตามใจเจ้าแต่ห้ามทิ้งร่องรอย ข้าไม่อยากให้แม่นางตวนมู่สงสัย”

 

เมื่อคนกลุ่มนั้นเดินขึ้นไปบนชั้นสี่เจียงหมิงเหิงก็ลากคนของเขามาหลบมุมและบอกแผนการของเขา อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ตัวว่าเซียวเฉินสังเกตเห็นบางอย่างและใช้สัมผัสวิญญาณจดจำทุกคำพูดของเขาเอาไว้

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา ผู้แต่ง : 月如火 Reach the peak of immortal cultivation and become able to run amok without fear! Use the power of martial arts to rule the world and defeat heroes! The weather changes at the whim and wave of a palm. He who cultivates both immortal techniques and martial arts, who could possibly defeat him! Xiao Chen is a shut-in who purchased a ‘Compendium of Cultivation’. Soon after, he crossed over into the Tianwu World, a world ruled by martial arts. He then refined pills, drew talismans, practiced formations, crafted weapons and cultivated the Azure Dragon Martial Soul that had not been seen for thousands of years. This is a story that tells of an exciting and magnificent legend!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset