บทที่ 126 – ในโลกที่มีพระอาทิตย์ตก (4)
[คุณได้สวมใส่ชุดเซ็ตเวนดิโก้ พลังเวทย์และความคล่องแคล่วเพิ่มขึ้น 25 เมื่อสวมใส่ชุดเซ็ตเวนดิโก้จะสามารถใช้ทักษะ ‘สัมผัสเยือกแข็ง’ ได้วันละครั้ง]
[ด้วยสัมผัสเยือกแข็ง คุณจะสามารถรวมรวมพลังความเย็นมาไว้ที่มือ เมื่อคุณโจมตีศัตรูมันจะไม่สนใจความต้านทานและแช่แข็งศัตรู แต่ว่าพวกเราจะหลุดออกมาได้หลังจาก 5 วินาทีเป็นอย่างน้อยโดยที่ขึ้นอยู่กับความต้านทานพลังเยือกแข็งของศัตรู]
“อืมม เข้าใจแล้ว”
ฉันได้หยักหน้ารับในข้อความแนะนำนี้ จากนั้นฉันก็ถอดเอาเสื้อขนเวนดิโก้ออกมาเพราะความร้อน จากนั้นฉันก็เก็บทักษะสัมผัสเยือกแข็งลงไปในนาฬิกาพกพา
‘ฉันควรจะใช้ทักษะนี้ยังไงกันนะ….เดี๋ยวนะ’
“ถ้าฉันใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์และโจมตีศัตรูใน 3 วินาที จากนั้นก็ใช้สัมผัสเยือกแข็งหลังจากทักษะความเร็วศักดิ์สิทธิ์หมดลง ฉันก็สามารถจะโจมตีศัตรูได้อีกถึง 5 วินาที”
ด้วยการร่วมกันนี้ฉันก็จะมีเวลาถึง 8 วินาทีในการโจมตีศัตรูแบบฟรีๆ นอกจากนี้ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานเยือกแข็งแบบระยะใกล้เท่านั้น มันจะต้องมีวิธีการที่ใช้ฉันมันซักทางใดทางหนึ่งด้วยริยู ทั้งหมดนี้ทักษะของบอสต่างก็มีประโยชน์ในตัวของมันเอง
“เอาล่ะ…ถึงเวลาที่จะต้องติดต่อไปหาเธอแล้ว”
ฉันได้หยิบจดหมายที่ฉันพกติดตัวเอาไว้เสมอ เคียร่า คีเน็กต์ ฉันไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรจากฉันแม้ว่าจะอ่านจดหมายนี้ไปหลายครั้ง มันจะดีกว่าถ้าหากไปถามเธอตรงๆ หลังจากที่ฉันตัดสินใจได้แล้วก็เหลือแต่จะต้องทำเท่านั้น เมื่อฉันได้ตัดสินใจไปแล้วฉันก็จะไม่ลังเลใดๆ เพราะนั่นคือคติประจำใจของฉัน
ในวันรุ่งขึ้นฉันรวบรวมคนในครอบครัวรวมไปถึงยุยที่ยังไม่ยอมคุยกับฉันและบอกกับพวกเขาว่าฉันจะไปที่อเมริกา การแสดงของยุยได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน
“อีกแล้วหรอ!?”
“ลูกยุ่งจริงๆเลยนะช่วงนี้ ลูกกำลังจะลดน้ำหนักสินะ”
“ผมสบายดี ผมก็ได้รับความผอมมาแล้ว แต่ว่าผมก็จะได้ความแข็งแกร่งขึ้นมามากเช่นกัน”
“หืม อเมริกา…ลูกกำลังจะไปที่หุบเขาที่มีไวเวิร์นโผล่ออกมางั้นหรอ?”
“พ่อต้องการจะมากับผมไหม?”
พ่อได้ครุ่นคิดอย่างจริงจังจนน่าประหลาดใจ แล้วจากนั้นก็ส่ายหัว
“ไม่ เดี๋ยวพ่อจะไปในตอนอื่น พ่อเกือบจะก้าวหน้าในวิถีหอกได้แล้ว…พ่อได้ยินมาว่าไวเวิร์นนั้นแข็งแกร่ง ระวังตัวเอาไว้ด้วยนะแล้วก็อย่าบาดเจ็บกลับมาล่ะ”
“รูเดียมีพลังในการรักษา เพราะว่าพวกเราได้ไปด้วยกันเรื่องนี้ก็ไม่จำเป็นเลย”
“คุณเพลรูเดียก็จะไปด้วยงั้นหรอ!?”
ความโกรธของยุยดูเหมือนจะพุ่งขึ้นไปจนถึงขีดสุด จากนั้นก็ตะโกนขึนมา “หนูก็จะไป หนูจะเริ่มไปโบสถ์!”
“ยุย!?”
“หนูก็อยากจะเป็นนักบวชเหมือนกัน!”
‘ยุยแม้ว่าน้องจะกลายไปเป็นนักบวช พี่ก็ไม่คิดว่าเธอจะสามารถใช้พลังเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้นะ’ ด้วยความคิดนี้ที่เข้ามาในหัวของฉัน ฉันได้วางมือของบนหัวของยุยและยุยก็ได้พยายามจะปัดมือของฉันด้วยความโกรธ แต่ว่าก่อนที่เธอจะได้ทำแบบนั้น ฉันก็ได้พูดออกไปว่า “ขอบใจมากที่เป็นห่วงพี่นะยุย”
“อึก”
“ถ้าหากว่ายุยกลายเป็นผู้ใช้พลังแล้วพี่จะไม่ทิ้งยุยไว้เพียงลำพังที่บ้าน”
“แล้วเรื่องนักสำรวจดันเจี้ยนล่ะ?”
“น้องไม่สามารถจะปีนขึ้นไปบนดันเจี้ยนได้โดยที่ไม่มีทักษะการต่อสู้ ถ้ายุยได้กลายเป็นผู้ใช้พลังแล้วพวกเราค่อยคุยกัน”
“อูววว….”
ยุยดูเหมือนว่าจะยอมรับแล้วด้วยการหยักหน้าแบบขมวดคิ้วน้อยๆ ขอบคุณพระเจ้า!
“เยี่ยม พี่จะเอาของขวัญจากอเมริกามาฝากนะ โอเคไหม?”
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ อย่าได้เอาของขวัญมาฝากหนู หนูเกลียดพี่”
“อึก”
มันหนูเหมือนว่าฉันจะต้องการเวลามากขึ้นก่อนที่ความโกรธของยุยจะหายไป
[ฉันจะไปด้วยเหมือนกัน]
“…ฮวาหยา?”
[ก่อนหน้านี้นายมาช่วยฉันเอาไว้ ดังนั้นฉันก็จะไปด้วยกันกับนาย]
เมื่อฉันได้บอกกับฮวาหยาว่าฉันต้องการจะไปที่อเมริกา เธอก็ได้บอกว่าจะไปกับฉันด้วย เหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกตกใจมาก
“ไม่ นั่นมันไม่ได้แตกต่างไปนัก ฉันรู้ว่าฉันกำลังจะไปพื้นที่ดันเจี้ยน แต่ว่ามันไม่ใช่พื้นที่ๆอันตราย เธอไม่จำเป็นต้องนำมันมาเป็นปัญหาก็ได้”
[แต่ว่ามันจะไม่ง่ายกว่าหรอถ้าฉันอยู่ที่นั่น]
“นั่นมันก็จริง แต่ว่า….เธอเป็นผู้ใช้พลังของอังกฤษ ถ้าหากเธอมาพวกเราก็อาจจะใช้มันเป็นความช่วยเหลือของอังกฤษ”
[ไม่ ฉันจะแจ้งให้ชัดเจนว่าฉันได้เข้าร่วมในฐานะเพื่อนของอัศวินสายฟ้า]
“เธอหมายความว่าเธอจะไม่ได้ไปในฐานะการแลกเปลื่ยนระหว่างอเมริกาและอังกฤษสินะ?”
[ใช่แล้ว อังกฤษจะไม่เข้าใจในคุณค่าของฉันจนกว่าฉันจะแสดงให้พวกเขาเห็น]
คำๆนี้ได้ออกมาจากคนที่รักชาติอย่างฮวาหยามันน่าแปลกใจมาก อังกฤษคงจะทำให้เธอโกรธเข้าจริงๆ ฉันได้พูดออกไปในขณะที่ยังคงทึ่งจากสิ่งที่เธอพูด
“เอาตรงๆนะ เธอจะขวางทางฉัน”
[นั่นมันมากเกินไปแล้วนะ! ฉันแข็งแกร่งมากๆเลยนะ นอกจากนี้ฉันก็ยังมีอุปกรณ์ป้องกันระดับตำนาน ดังนั้นฉันจึงได้ปิดจุดอ่อนของฉันได้อย่างสมบูรณ์ อย่าได้ตกใจล่ะเมื่อเห็นฉัน! ฉันจะจัดเตรียมเครื่องบินไว้ให้สำหรับพวกเราในสองวัน ดังนั้นเตรียมเอาไว้!]
ด้วยแบบนี้ฮวาหยาก็ได้วางสายไป ‘เธอรู้กระตือรือร้นที่จะไปนะ…’ ด้วยแบบนั้นฉันได้ถอนหายใจออกมา ฉันไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกนอกจากยอมรับว่าเธอจะมา
ต้องขอบคุณที่เยอึนเอาชนะยมทูตมาได้อย่างปลอดภัยด้วยปาตี้ของรูเดียและเอลลอส ตั้งแต่ที่รูเดียได้ทะลวงผ่านชั้นที่ 41 และแม้แต่ได้ปลุกพลังขึ้น ฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะพาเธอไปกับฉันที่อเมริกาตามที่สัญญาเอาไว้
แล้ววันแห่งสัญญาก็ได้มาถึงแล้ว
“ชิน ฮี้!”
“….เอ๊ะ?”
ได้มีแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งมายืนรอฉันอยู่ที่หน้าบ้าน
ฉันได้หันไปหารูเดียและถามหาคำอธิบาย รูเดียได้หลบหน้าฉันและมองต่ำลงในขณะที่ตอบกลับมา
“ธะ เธอบอกว่าเธอจะมา ฉันไม่สามารถจะทำอะไรได้ ฉันไม่อยากจะบอกเธอเลยด้วยซ้ำ”
“ชินนี่มันคืออะไร ชินควรจะเรียกฉันนะถ้าชินจะไปที่ไหนสักแห่งที่อันตราย”
“แต่ว่าเธออ่อนแอกว่าฉัน”
“ฉันได้รับความแข็งแกร่งมาด้วยการปีนดันเจี้ยน ดังนั้นฉันก็อยากจะลองล่าไวเวิร์นเหมือนกัน! แล้วก็เพลรูเดียก็กำลังจะออกไปกับชินตอนนี้ใช่ไหม? ฉัยได้ยินมาว่าทั้งคู่เป็นเพียงแค่เพื่อนกัน!”
“ฮึ่ม”
เพรูเดียได้จ้องมองกลับไปที่เยอึนอย่างร้อนแรด้วยสายตาที่แสนเย็นชาเป็นพิเศษ ในเวลาเดียวกันฉันก็ได้ส่งข้อความไปหาเยอึนที่มีแต่เธอเท่านั้นที่ได้ยิน
[ฉันอยากจะบอกว่ารูเดียอยู่ในสถานการณ์ที่พิเศษนะ]
[แต่ว่ามันน่ารำคาญที่จะดูเธอแบบนี้อยู่ตรงหน้าฉัน]
[เธอต้องการจะกลับบ้านไหม?]
“….ชิ”
ในที่สุดเยอึนก็ดูเหมือนจะเข้าใจ ฉันรู้สึกเสียใจในวิธีนี้ ดังนั้นฉันก็เลยตัดสินใจที่จะให้ของขวัญกับเธอเป็นการชดเชย ด้วยแบบนี้ฉันก็ได้มุ่งหน้าไปที่สนามบินด้วยกันกับรูเดียและก็เยอึน ฮวาหยากับฉันได้นัดกันที่นี่และเครื่องบินส่วนตัวของเธอจะรออยู่ที่นี่เช่นกัน ตามที่ฉันคาดไว้เมื่อฉันได้มาถึงสนามบิน ฮวาหยาได้รอฉันอยู่แล้ว มันเห็นได้ฉันเลยว่าเธอได้ใช้เวทย์บางอย่างเพื่อทำให้คนอื่นไม่สังเกตเห็นเธอ
“มันสักพักแล้วนะชิน…โอ้?”
“ใช่แล้วฮวาหยา โทษทีนะที่ฉันลืมบอกเธอเกี่ยวกับเพื่อนของฉัน พวกเธอทั้งสองคนเป็นผู้ใช้พลังและนักสำรวจดันเจี้ยน”
ในช่วงเวลาที่ฮวาหยาเห็นเยอึนและรูเดีย เธอก็ได้เปิดตากว้างด้วยความประหลาดใจ ยังไงก็ตามรูเดียและเยอึนเป็นคนที่ตกใจยิ่งกว่าอีก ในขณะที่พวกเธอได้สังเกตุเห็นฮวาหยาหลังจากฉันได้พูดคุยกับเธอ พวกเธอทั้งคู่ก็ได้ชี้นิ้วอย่างหยาบคายที่ฮวาหยาและตะโกนออกมา
“นะ นั่นมัน เย่ฮวาหยาใช่ไหม? เย่ ฮวาหยา!”
“ฉันเห็นเธอในทีวี!”
“นั่นมันเป็นชื่อเกาหลีของฉัน แม้ว่าตอนนี้ฉันจะอยู่ในเกาหลี แต่ฉันเป็นคนอังกฤษ ฮวาหยา มัสติฟอร์ด ฉันเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนที่สองและเป็นเพื่อนของชิน”
ฮวาหยาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับปฏิกิริยาแบบนี้แล้ว ในขณะที่เธอแนะนำตัวเองด้วยด้วยเสียงเหนือยๆ รูเดียและเยอึนก็แสดงท่าทางแตกต่างออกไป
“ชิน เมื่อไหร่กันที่นายได้กลายเป็นเพื่อนกับคนแบบเธอ…? อึก ไม่สิ ฉันด้อยกว่าในทุกๆด้าน…!”
“เพลรูเดีย ฉันมีนามสกุลอยู่แต่ว่าฉันไม่ได้ใช้มันแล้วในตอนนี้ ชินคือ…เพื่อนของฉันสำหรับในตอนนี้”
ด้วยการแนะนำตัวของฮวาหยา เยอึนได้กุมหัวตัวเองและคู้ตัวลงอย่างหงุดหงิด ในขณะที่รูเดียได้ยิ้มออกมาบางๆและพ่นหน้าอกที่ไม่มีอยู่ของเธอเพื่อแนะนำตัว เอ๊ะ? รูเดีย เธอ….เอ๊ะ? เมื่อไหร่ที่เธอ…เอ๊ะ?”
“ฉันรู้แล้วเพื่อน ‘สำหรับตอนนี้’…หืม โอเค ยินดีที่ได้รู้จัก”
ฮวาหยาได้ยิ้มออกมาบางๆให้รูเดียและเคาะไปที่บันไดขึ้นเครื่องบินที่อยู่ข้างๆเธอ
“ชินไม่มีใครจะมาอีกแล้วใช่ไหม?”
“อ่า ใช่แล้ว”
“ถ้างั้นไปกันเถอะ เครื่องบินจะเริ่มออกเดินทางแล้ว พวกเราสามารถจะเริ่มพูดคุยกันได้อีกเพราะพวกเราจะต้องบินกันอย่างน้อย 7 ชม.”
ในขณะที่ฉันยังงงกับท่าทางที่เปลื่ยนไปของรูเดีย ฮวาหยาก็ได้บอกใเราขึ้นไปบนเครื่องบิน เยอึนก็ยังคงดูเหมือนจะไม่กลับมาสู่ความจริงในขณะที่เดินขึ้นบันได
“ฉัน ฉันอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวของฮวาหยา…”
“ชินไปกันเธอ”
รูเดียได้คล้องแขนกับฉันและดึงฉันไป ในตอนนี้ฉันได้ตระหนักถึงการเปลื่ยนไปของรูเดียด้วยความรู้สึกที่ฉันรู้สึกได้ที่แขนของฉัน พระเจ้าที่รักนี้มันไม่มีเป็นสิ่งประดิษฐ์แน่ๆ….มันจะต้องมาจากธรรมชาติ เมื่อฉันได้เดินขึ้นไปบนบันไดในขณะที่ตกใจ เยอึนที่เข้ามาในเครื่องบิน ฮวาหยาที่เดินตามฉันก็ได้ถามฉันด้วยเสียงกระซิบ
“แล้วมันควรจะมีนักสำรวจเพียงหกคนบนโลกเท่านั้น นายจะอธิบายถึงนักสำรวจสองคนนี้ได้ยังไง?”
“ฉันจะอธิบายในภายหลังนะ”
“โอเค อย่าได้ลืมบอกฉันเมื่อพวกเราอยู่เพียงลำพังล่ะ เตรียมตัวไว้ให้ดี”
“ชิน!”
เมื่อฉันได้ยืนนิ่งฟังฮวาหยาพูด รูเดียก็ได้เรียกชื่อฉันและดึงแขนฉันมันทำให้ฉันยิ้มขมและฮวาหยาก็หัวเราะออกมาด้วยสายตาที่หรี่ลง
“ชินไม่ได้จะหนีไปไหนหรอก เธอไม่จำเป็นต้องตะโกนชื่อเขา ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า”
“….!”
ฮวาหยาและรูเดียได้สบตากันสั้นๆ มันเป็นพลังการต่อสู้หรอ? นี้มันเป็นการต่อสู้ของผู้หญิงที่ฉันเคยได้ยินมาก่อนงั้นหรอ? หนึ่งสิ่งที่จะกำหนดว่าใครเหนือกว่าในการพบกันครั้งแรก? ในตอนนี้ที่ฉันก็คิดได้ว่ารูเดียและฮวาหยาก็คือคนที่ไม่ธรรมดา ฮวาหยาเป็นคนที่มีชื่อเสียงบนโลกและมีความสวยงาม และรูเดียก็ได้รับยกย่างว่าเป็นหญิงงามชั้นยอดในดันเจี้ยน
มันเกือบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินว่าใครสักคนเหนือกว่า แต่มันก็จะยากขึ้นไปอีกที่ฉันจะหาใครสักคนที่สวยงามกว่าฮวาหยาและรูเดียอย่างหมดจด เมื่อทั้งคู่ได้พบกันมันก็อาจจะเป็นเรื่องปกติและที่จะมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นกับตนเอง
ฉันได้สะดุ้งขึ้นเมื่อได้เห็นพวกเธอสบตากัน แต่ว่าฉันก็ได้บอกให้รูเดียไปต่อ
“รูเดียไปนั่งเถอะ”
“อือ เดี๋ยวก่อนนะ….มัสติฟอร์ดฉันไม่ชอบเธอ”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนกันเพลรูเดีย”
ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มออกมา มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง เพราะรอยยิ้มของพวกเธอมันแทบจะทำให้ฉันขวัญผวาไป ยังไงก็ตามบรรยากาศแบบนี้ก็ได้หายไปเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ชินมีบาร์สำหรับดื่มที่นี่ด้วย! นายคิดว่ามันจะมีเฟรนฟรายไหม?”
‘ฉันชอบเยอึนที่ไม่เคยเปลื่ยนไปเลยจริงๆ…’
ฉันได้ตอบเธอกลับไปด้วยเสียงถอนหายใจ
“เธอรู้อะไรไหม เธอยังไม่ได้แม้แต่แนะนำตัวกับฮวาหยาเลยนะ”
“อ่าใช่แล้ว ฉันซู เยอึน ยินดีที่ได้รู้จัก”
“หุหุ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน ฉันคิดว่าฉันสามารถจะไปกับเธอได้”
“มะ มันเป็นเกียรติ อู แต่ว่าฉันรู้สึกขัดแย้งนะ….”
เพราะแบบนี้พวกเราทั้งสี่คนก็ได้เดินทางไปที่อะริโซน่า เคียร่า คีเน็กต์ได้รอฉันอยู่ เธอจะรู้ไหมว่าฉันจะพาพวกเธอไปด้วยกันกับฉัน? บางทีเธอก็อาจจะรู้ด้วยพลังพิเศษของเธอ ฉันได้เอนหัวลงไปบนเบาะด้วยรอยยิ้ม
ฉันจะอยู่ที่อะริโซน่าเมื่อตื่นขึ้นมาใช่ไหม? เคียร่า คีเน็กต์รู้ว่าฉันเป็นฮีโร่ได้ยัง? เธอรู้เรื่องเกี่ยวกับฮีโร่มากกว่าฉันไหมนะ?
บางทีเธออาจจะรู้ด้วยก็ได้ว่าทำไมฉันถึงกลายเป็นฮีโร่
เมื่อได้คิดถึงคำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบมากเข้าฉันก็ได้ค่อยๆหลับตาลง
จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงดังก้องของเครื่องบินที่ออกตัว