Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 132 – ทีมรีไวเวิร์ล (6)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 132 – ทีมรีไวเวิร์ล (6)

บทที่ 132 – ทีมรีไวเวิร์ล (6)

[ปาตี้ของคุณได้มีสิทธิก่อนสำหรับเหตุการการจู่โจม หากไม่ต้องการจะเปยเผยตัวตน นักสำรวจดันเจี้ยนคนอื่นๆจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนจนกว่าจะถึงเวลา 1 ชั่วโมงหลังจากนั้น]

“อะไรนะ? เหตุการการจู่โจมโผล่ขึ้นมาในพื้นที่ดันเจี้ยนได้ยังไง?”

“เหตุการการจู่โจมไม่ใช่ว่าจะโผล่ออกมาเฉพาะเมื่อเราเคลียร์เหตุการดันเจี้ยนหรอกหรอ! พวกเราอาจจะได้เจอกับเงื่อนไขบางอย่างเข้าแล้ว”

ในช่วงฝนตกหนักนี้เสียงของฮวาหยาก็ยังส่งมาถึงฉันได้อย่างชัดเจน ยังไงก็ตามมันไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการจะได้ยิน

จากนักสำรวจบนโลกอีกคนที่สามารถจะมาช่วยได้ในทันทีก็คือพ่อ ยังไงก็ตามพวกเรากำลังเผชิญหน้ากับบอสมอนสเตอร์ระดับ SS+ ที่ต้องใช้คน 100 คน ฉันควรจะจัดลำดับความสำคัญด้วยการวิ่งหนีไปดีไหมนะ? หรือว่าฉันควรจะเรียกพ่อ?

[ชินให้มันเปิดเผยต่อสาธารณะในทันทีเลย! สุมิเระจะมาช่วย!]

[สุมิเระ!? เธอไม่แข็ง…]

[เธอเป็นระดับทอง]

ทอง!? เธอไม่สามารถจะปืนไปที่ชั้นที่ 20 ได้ใน 2 ปี แต่ว่าเธอกลับสามารถจะปืนไปมากกว่า 30 ชั้นได้ภายในครึ่งปี!? นั่นมัน…เหมือนกันฉัน! เกิดอะไรขึ้นกับเธอ!?

ฉันได้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ว่าในไม่ช้าฉันก็ทำให้เหตุการการจู่โจมกลายเป็นแบบสาธารณะ ในตอนที่ฉันได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อก็น่าจะต้องการมาและตายมากกว่าที่จะไม่ทำอะไรเลยเมื่อลูกชายของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้

ในขณะเดียวกัน เดรกนั่นก็ได้ลงมาบนพื้นทำให้พื้นสั่นสะเทือน มันไม่มีปีกเหมือนกับไวเวิร์นและร่างกายของมันก็คล้ายกับหมูป่าเหล็กยักษ์ที่โผล่มาในกวางโจว มันมีขาที่อวบอ้วนและเล็บหน้าที่แหลมคบ นอกจากนี้อุ้งเท้าหน้าของมันก็ดูเหมือนว่าจะสามารถเอื้อมไปได้หลายเมตรในท้องฟ้า มานาจำนวนมหาศาลได้ถูกปล่อยออกมาจนทำให้หายใจไม่ออก มันดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าปีศาจที่ฉันพบในทวีปลูก้า

“หันเฮลิคอปเตอร์ไป”

ฉันได้ตะโกนออกมา

“พวกเราไม่สามารถจะสู้กับเจ้านั่นบนเฮลิคอปเตอร์ได้”

นักบินได้หันหัวเฮลิคอปเตอร์ไปในทันทียังไงก็ตามเดรกมันก็ดูเหมือนว่าจะเล็งมาที่พวกเราอยู่แล้ว ในขณะนั้นมันได้เปิดปากและปล่อยไฟเข้าใส่พวกเรา แม้ว่าฝนจะตกหนักก็ไม่ได้ทำให้เปลวเพลิงยักษ์สีส้นดูอ่อนแอเลยแม้แต่นิดและมันได้พุ่งเข้ามาทางเฮลิคอปเตอร์เหมือนกับเลเซอร์

“ชิ ฉันจัดการเอง”

จากนั้นฮวาหยาก็ได้เดาะลิ้นและกระโดดออกไปจากเฮลิคอปเตอร์ ในขณะนั้นเธอก็ได้บินขึ้นด้วยพลังของเธอทำให้เธอสามารถจะต่อสู้กับเดรกบนอากาศได้ แม้ว่ามันอาจจะโอเคถ้าเดรกนั้นมุ่งเน้ไปที่การโจมตีด้วยเวทย์ แต่ว่าถ้ามันใช้การโจมตีทางกายภาพมันก็จะยากที่ฮวาหยาจะรับมือกับมันเพียงลำพัง ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยู่แต่บนเฮลิคอปเตอร์จนถึงตอนนี้

เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยเตรียมตัวที่จะกระโดดออกไปเช่นกัน เมื่อมองย้อนกลับไปที่เยอึนและรูเดียฉันได้พูดขึ้น

[เจ้านั่นมันแข็งแกร่งมาก พวกเราสามารถจะหนีไปที่ดันเจี้ยนได้ตลอดเวลาถ้ามันอันตราย แต่ว่ามันก็ยังมีโอกาสที่จะมีอะไรผิดพลาดได้ ฉันจะไม่บังคับพวกเธอ แต่ว่า…]

“พอแล้ว”

“ฉันมั่นใจว่าฉันสามารถจะหนีไปได้ตลอดถ้ามันอันตราย”

นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเอาไว้แล้วว่าเธอจะพูด มันไม่มีทางที่รูเดียจะทิ้งฉันไว้และหนีไป แล้วก็เยอึนที่เสพติดการล่ามอนสเตอร์ ปัญหาก็คือเธอประมาทเกินไปกับชีวิตของเธอ

“ฉันจะพูดให้มันชัดเจนนะ พวกเธอไม่จำเป็นจะต้องมาเสี่ยงชีวิตที่นี่ ถ้ามันอันตรา ฉันก็จะจับพวกเธอไว้และใช้ย้อนกลับเข้าใจนะ?”

“อือ”

“เข้าใจแล้ว”

ดวงตาของพวกเธอได้ส่องประกายด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันหวังว่าไม่ใช่เพราะว่าฉันจะกอดพวกเธอหรอกนะ! มันไม่ใช่เวลาที่จะมาผ่อนคลายกับเรื่องแบบนั้น

“ฟู่ โอเค ฉันจะไปแล้วนะ ธาเลเรีย”

ฉันได้เรียกธาเลเรียและกระโดดออกไป ฮวาหยาได้ป้องกันการโจมตีของเดรกด้วยพลังของเธอ ปลายนิ้วมือของเธอมีวงแหวนที่มีไฟลุกขึ้นและดูดไฟทั้งหมดที่เดรกได้ปล่อยออกมา จะต้องขอบคุณเธอที่ทำให้เฮลิคอปเตอร์ของเราปลอดภัย

“มาสู้กับฉีนนี่เจ้าจิ้งเหลน! แกไม่สามารถสัมผัสฉันได้แต่ปลายนิ้วแน่ด้วยไฟของแกน่ะ”

ฮวาหยาได้ตะโกนออกไปอย่างมั่นใจกลางอากาศ เมื่อฉันมองไปที่เธอก็ทำให้ฉันนึกถึงวิดีโอที่เธอได้ฆ่าไวเวิร์นที่โผล่ขึ้นในปูซาน ฉันคิดว่าเธอดูเท่และหลังจากนั้นก็อิจฉาเธอ แต่ว่าตอนนี้ฉันกำลังจะต่อสู้เคียงไหล่กับเธอ ฉันอดไม่ได้ที่จะขยับไปใกล้ขึ้น

ฮวาหยาได้วิ่งออกไปต้องสู้กับเดรกโดยที่ไม่ลังเลแม้ว่าจะได้ยินว่ามันมีระดับ SS+ เธอไม่ใช่คนที่จะประมาท มันเป็นเพราะความคิดที่เข็มแข็งของเธอมันทำให้เธอไม่สามารถจะถอยได้ในการเผชิญหน้ากับศัตรูจองเธอ มันเป็นไปได้ว่าเพราะเธอได้เชื่อมันในตัวเองว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้แพ้ เมื่อคิดได้ว่าเธอเท่แค่ไหน ฉันก็ยังคิดว่าฉันก็ควรจะทำแบบเธอ

การทำเช่นนั้น ฉันก็มีบางอย่างที่จะต้องทำ

“เข้ามาหาฉันนี่เจ้าจิ้งจกห่าราก พวกแกทุกตัวเข้ามาเลย!”

[คุณได้เชี่ยวชาญทักษะยั่วยุระดับกลาง! การยั่วยุจะได้ซึมเข้าสู่จิตวิญญาณของคุณ คุณสามารถจะยั่วยุมอนสเตอร์ที่หูหนวกได้!]

[คุณได้เรียนรู้ทักษะยั่วยุระดับสูง สิ่งที่ดำรงอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับคุณจะไม่สามารถหลบการยั่วยุของคุณได้ มอนสเตอร์ที่อ่อนแอก็อาจจะตายจากการที่จิตวิญญาณพวกเขาได้ถูกจัดการด้วยการยั่วยุของคุณ]

การยั่วยุของฉันได้แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่ดันเจี้ยนโดยที่ไม่มีอะไรหยุดได้ มันแม้กระทั่งดึงดูดความสนใจจากผู้ที่ใช้พลังที่กำลังตื่นตระหนกจากการปรากฏตัวของเฟรมเดรก และบอสไวเวิร์น มันได้ทำให้พวกเขาสงบลงจากความสับสนอย่างฉับพลัน

ยังไงก็ตามผู้ที่ฉันต้องการจะเรียกมาก็คือไวเวิร์นธรรมดา!

[ก๊าซซซซซซ!]
[ก๊าซซซซซ!]

ไวเวิร์นจำนวนนับไม่ถ้วนได้พุ่งเข้ามาหาฉันเหมือนกับฝนตก! เมื่อมองเห็นพวกมันฉันก็รู้สึกยินดี เจ้าโลกนี้แน่ใจนะว่าไม่ได้เลือกฮีโร่ผิดคนนะ ทำไมฉันถึงยิ้มในสถานการณ์ที่อันตราบแบบนี้!?

ไม่ว่าจะมีสิ่งใดสำคัญนี่ก็เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กองทัพปีศาจที่ฉันได้เผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงกลัว ฉันไม่สามารถจะมากังวลเกี่ยวกับการซ่อนพลังของฉันได้อีก ฉันจะต้องใช้ทุกอย่างออกไป แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเอาชนะผู้บัญชาการปีศาจได้โดยที่ไม่มีเพรูต้าช่วย แต่ฉันก็ไม่คิดว่าศัตรูข้างหน้านี้จะทำให้ฉันต้องทำแบบเดียวกับในตอนนั้น

ถ้าฉันสามารถจะทำมันได้ด้วยพลังของตัวเองได้ ฉันก็จะทำ ฉันสามารถจะเรียกเพรูต้าได้เสมอ แต่ว่านั่นมันจะเป็นวิธีสุดท้ายเท่านั้น ถ้าฉันยังคงพึ่งพาเขาต่อไปแล้วฉันจะไปเอาชนะเขาได้ยังไง?

ฉันได้หยิบเอาหอกกลืนกินออกมาจากช่องเก็บของ ในตอนที่ฉันได้จับด้ามหอกฉันก็ได้รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นและตะโกนออกมา

“ไพก้าใช้พลังเต็มที่!”

[ให้ฉันจัดการเองนายท่าน ฉันแข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้!]

แข็งแกร่งที่สุด? ในขณะที่ฉันขมวดคิ้ว หอกกลืนกินก็ได้เริ่มเปล่งประกายแสงสีทอง ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือสปิริตออร่า แต่ว่าทำไมมันถึงแข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้? ในขณะที่ฉันตั้งคำถามขึ้นในหัว สายฟ้าก็ได้ฟาดลงมาจากท้องฟ้า

“อึก!”

[มะ…มากขึ้นอีก!]

ฉันได้รู้สึกตกใจเป็นครั้งที่สองด้วยความคิดที่ว่าฟ้าได้ผ่าลงมาที่ฉันแต่มันไม่ใช่ สายฟ้าได้ถูกหอกดูดไปโดยสมบูรณ์และมันแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่ายังไงด้วยสภาพเมฆฟ้าในตอนนี้ ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้ามันจะมีอีก….ง

ตูมมม! ตะ ตะ ตูมมมม!

หูของฉันได้อื้อลงไป สายฟ้าได้ผ่าลงมาที่หอกของฉันอย่างต่อเนื่อง มีเพียงไม่กี่เส้นที่พลาดเป้าและไปโดนไวเวิร์นที่กำลังเข้ามา ในที่สุดฉันก็ได้เข้าใจภูติธาตุนั้นเกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ พวกเธอมีชีวิตอยู่เสมอตามธรรมชาติและจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากธรรมชาติ ในช่วงที่พายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงนี้ไพก้าจะอยู่ในช่วงที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ที่พวกเราได้พบกัน

“ไพก้าไปกันเถอะ”

[ส่งพวกนั่นบินออกไป!]

ไวเวิร์นที่กำลังเข้ามาได้หยุดลงและสะดุ้งกับสายฟ้า ในขณะเดียวกันฉันก็ได้เล็งพวกมันในวิถัหอกของฉัน แน่นอนว่ามันเป็นเพียงเพราะว่าพวกมันอยู่ในรเส้นทางที่จะไปหาเฟรมเดรก นี่ก็คือเหตุผลที่ฉันรวบรวมพวกมันมาตั้งแต่แรก

ฉันได้ใช้เส้นทางวายุและพุ่งออกไป

“โอ้ววววววววว!”

ด้วยพลังสายฟ้าของสปิริตออร่าที่ไพก้าสถิตอยู่ได้ขยายหอกขึ้นจนเหมือนกับฉันใช้ความพิโรธของเทพแห่งท้องฟ้า ในขณะที่หอกของฉันได้สัมผัสถูกไวเวิร์นพวกมันทั้งหมดก็ได้ระเบิดออกและหอกของฉันก็แข็งแกร่งขึ้นในทุกๆครั้งที่พวกมันตาย มันเป็นพราะว่าเส้นทางวายุของฉันจะเพิ่มพลังโจทตีขึ้น 5% ทุกๆครั้งที่ฉันส่งศัตรูบินออกไป!

[ก๊าซซซ! ฮีโร่ ข้ามาหาเจ้า!]

“ฉันไม่ได้เป็นพวกนิยมสัตว์ป่านะ! ถ้าแกต้องการฉันอย่างน้อยก็ลองแปลงกายเป็นสาวสวยก่อนสิ!”

17 18 19…! ฉันได้เข้าใกล้เดรกมาขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ที่ฉันอยู่ภายใต้สถานะสุดยอดเกราะก็จะไม่มีอะไรที่สามารถจะหยุดฉันได้ 20! 100% ได้ถูกชาจจนเต็ม! จากนั้นฉันก็ได้พุ่งผ่านฮวาหยาไป เธอได้มองมาที่ฉันด้วยดวงตาที่เบิกกว้ง ฉันอดที่จะคิดว่าเธอน่ารักขึ้นมาไม่ได้

เดรกได้เปิดปากขึ้นมาหลังจากเห็นฉันเข้ามาใกล้ มันคงว่าแผนจะกลืนฉันเข้าไปสินะ? ฉันได้ตะโกนขึ้นมา

“ริยู!”

[ขอฉันได้เลยทุกอย่าง!]

“ช่วยฉันทีทำให้เจ้านั่นเชื่อฟังฉันจะโจมตีมัน!”

[ถ้าเป็นตอนนี้ ไม่ว่าชินจะต้องการอะไร…!]

จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงปืนกลดังขึ้นทันที เป็ปเปอร์ที่ได้ควบคุมเฮลิคอปเตอร์ของเขาจะที่ใกล้ๆได้เปิดฉากยิงมาที่เดรก! กระสุนที่ถูกมานาบรรจุเอาไว้อยู่ดูเหมือนจะมีผลกับเดรกเช่นกัน

[แช่แข็ง!]

ริยูได้ใช้มานาประมาณ 30% ของมานาฉันและใช้เวทย์ธาตุของเธอ แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสั้น แต่ฉันก็คิดว่าโลกจะถูกแช่แข็ง ในความเป็นจริงแล้วรอบๆตัวเราได้กลายเป็นถูกแช่แข็งไปโดยสมบูรณ์ แสงที่ส่องลงมาได้กลายเป็นศรน้ำแข็ง ลมหายใจเพลิงของเดรกได้ถูกแช่แข็งและแม้แต่ร่างกายของมันก็ถูกแข็ง

[โลกได้อยู่ข้างฉันแล้วในตอนนี้!]

นั่นแหละ! โดยปกติแล้วเธอจะสร้างน้ำขึ้นจากไอน้ำในอากาศ แต่ว่าในตอนนี้ได้มีน้ำอยู่รอบๆตัวเรา แม้แต่ศัตรูของเราก็ยังเต็มไปด้วยน้ำ! แม้ว่ามันจะเป็นมอนสเตอร์ที่มีระดับนำหน้าว่า SS+ แล้วมีคุณสมบัติเป็นไฟแต่ริยูก็สามารถจะหยุดมันได้โดยสิ้นเชิง ภูติธาตุทั้งสองของฉันสามารถที่จะแสดงจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ฉันได้รู้ว่าฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าตัวเองตามปกติ 50%

ในขณะที่ฉันคิดแบบนั้น ฉันก็ได้พุ่งเข้าไปทางปากของมันและเจาะหอกของฉันผ่านมัน

[ติดคริติคอล!]

[ก๊าซซซซซ]

ร่างกายที่ถูกแช่แข็งของมันได้ละลายไปในทันทีในขณะที่เลือดของมันไหลออกมาจากด้านบนปากเหมือนกับน้ำพุ แม้ว่าจะมีฝนหนักที่ล้างเลือดในเวลาที่มันมาโดนฉัน แต่มันก็ยังทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด โชคดีที่ว่าเลือดของมันไม่เป็นพิษ

[ฮีโร่ ข้าจะกินเจ้า!]

“ฉันบอกแกแล้วนี่ว่า ไม่!”

ในตอนนี้ฉันได้เป็นอิสระเหมือนกับนก! หลังจากที่การโจทตีของฉันเสร็จสมบูรณ์ ฉันก็ได้บินกลับมา ฉันไม่จำเป็นจะต้องใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์และในทันทีที่ฉันถอยกลับไป ฮวาหยาก็ได้ป้องกันไฟของเดรกอย่างรวดเร็ว

“เฮ้พวก ให้ฉันร่วมด้วยคนสิ!”

เป็ปเปอรืได้บินเข้ามาหาเราในขณะที่ยิงไวเวิร์นใกล้ๆร่วงลงไปด้วยเฮลิคอปเตอร์ ในเวลาเดียวกันบนยพื้นที่ดินก็ได้มีแสงสว่างขึ้นและมีคนหลายคนปรากฏขึ้น ช่องสื่อสายของนักสำรวจดันเจี้ยนได้ส่งเสียงดังขึ้น

[ไอลูกชาย พ่อมาช่วยแล้ว]

[พี่คะ คุณฮวาหยา! มินามิ ไวโอเลท สุมิเระมารายงานตัวแล้วค่ะ!]

[เวรเอ้ย…ฉันได้ตายจริงๆแน่ถ้าฉันไม่ระวัง….]

ได้มีกองหนุนนักสำรวจที่น่าไว้ใจได้มา ฉันได้คิดขึ้นทันที ‘วอร์คเกอร์อาจจะตายได้ถ้าเขาไม่ระวัง…’

ตามสัญญาเขาจะมาช่วยพวกเราถ้าพวกเราได้เรียกเขาในเหตุการการจู่โจมหรือเหตุการดันเจี้ยน แต่ว่าเขามาโดยที่ฮวาหยาหรือฉันไม่ต้องเรียกเขา มันเป็นเพราะว่าเราคิดว่าการต่อสู้ในครั้งนี้มันยากเกินไปสำหรับวอร์คเกอร์ เราจึงไม่ได้มีแผนการที่จะเรียกเขามาเลยสักนิด

บางทีพ่ออาจจะจับเขาและพาตัวเขามาก็ได้ แต่ว่าเขาก็สามารถจะหนีไปได้ถ้าเขาต้องการ ฉันมีความสุขมากที่เขาได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง ถ้ามันเป็นไปได้ฉันก็หวังว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันจะจบลงโดยที่วอร์คเกอร์ไม่ได้รับบาดเจ็บ

“ฮุฮุ นักสำรวจทั้งหมดบนโลกอยู่ที่นี่”

ฮวาหยาได้ตั้งข้อสังเกตขึ้นในขณะที่บินมาข้างๆฉัน ฉันไม่แน่ใจว่าเธอได้ดูดพลังของเดรกไหม แต่ว่าเธอได้เปล่งประกายไฟออกมาจากร่างกายของเธอ ตั้งแต่ที่รูเดียและเยอึนจะกลับมาในเร็วๆนี้ เธอก็พูดถูกแล้ว

เมื่อมองไปที่เดรกที่เลือดยังไหลออกมาจากปาก ฉันก็ได้ส่งเสียงฮึขึ้น มันสามารถจะเป็นอันตรายได้ในสถานการณ์แบบนี้ แต่ฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะสูญเสียใครไปในตอนนี้

ในช่วงเวลาหลังจากฉันคิดแบบนั้น ไวเวิร์นยักษ์ที่มีขนาดเป็นสองเท่าของไวเวิร์นปกติก็ได้โผล่ขึ้นมาต่อหน้าพวกเรา

เพราะว่าเดรก พวกเราได้ลมเรื่องนี้ไปแล้ว มันเป็นบอสดันเจี้ยนของรังไวเวิร์น

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset