Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 160 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (3)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 160 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (3)

บทที่ 160 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (3)

 

หลังจากกัดเส้นราเมนในปากออกไป ฉันก็ได้ตรวจสอบเธอ เธอตัวเตี้ยมากบางทีอาจจะสูงประมาณ 130 ซม. ใบหน้าและรูปร่างของเธอเล็กมาก ผมของเธอมีสีเงินยาวลงมาจนถึงเอวและส่องประกายเหมือนกับน้ำแข็งใส ผิวของเธอนั้นขาวอมชมพู ในขณะที่ตาของเธอมีสีอมชมพูอยู่ ผมสีเงินและตาสีแดง ฉันได้พึมพัมในขณะที่จับหอก

“เธอไม่ใช่มนุษย์…สินะ?”

“มันเป็นอาการผิวเผือกเจ้าโง่”

ฮวาหยาได้วางถ้วนราเมนลงและพูดออกมาในขณะเคาะหัวของฉัน เวรเอ้ย มันไม่ใช่ว่าฉันจะรู้ไปหมดซะหน่อย

ฉันจำได้ว่าอาการผิวเผือกมันเป็นสภาพที่ผิวหรือผมของคนๆนึงไม่มีเมลานินอยู่ ฉันก็รู้มันเหมือนกัน แม้ว่าฉันจะรู้ แต่ว่าฉันเคยเห็นมันเพียงครั้งเดียวกับสิงโตในแอฟริกา

“เธอเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS ของฝรั่งเศสหรอ?”

ฮวาหยาได้ถามออกมา ฉันก็ยังสงสัยว่าเธอเป็นผู้ใช้พลังเช่นกัน แม้ว่าเธอจะดูเหมือนยังเด็ก แต่ว่าก็มีมานาที่มหาศาลอยู่รอบๆตัวเธอและมานาขนาดนั้นมันก็ใกล้เคียงกับฮวาหยาและของฉัน มันยังเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันคิดว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ในตอนแรกอีกด้วย

“หนู…เอลลิน่า”

“สวัสดี ฉันฮวาหยา มัสติฟอร์ด”

“…สวัสดี”

เมื่อเห็นฮวาหยาโบกมือ เด็กสาวคตนนั้นก็ทำเหมือนกัน จากนั้นเธอก็ตอบกับปากด้วริมฝีปากเล็กๆสีชมพู ฉันอดไม่ได้ที่จะมองเธอเหมือนกับตุ๊กตา

“”คุณ…กินเจ้าาสิ่งนั้นหรอ?”

“เธออยากจะเอามันซะหน่อยไหม?”

“…คุณจะให้มันกับหนูหรอ?”

ฮวาหยาได้ยิ้มและเรียกเธอมา

“มานี่สิ ไม่ว่ามานาเธอจะมีมากแค่ไหน แต่ว่ามันจะดีกว่าที่จะทำตัวให้อบอุ่นนะ”

“หนูได้รับคำสั่งไม่ให้เข้าไปใกล้ผู้คน”

“เธอไม่สามารถเข้าไปใกล้คนได้หรอ”

“อือ พวกเขาจะตายถ้าฉันทำแบบนั้น”

“ตาย? ใครล่ะ?”

ในขณะที่ฮวาหยาเอียงหัวหัวด้วยควมสงสัย ฉันก็ได้ถามออกไปอย่างโล่งใจ

“เธอเป็นผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซียใช่ไหม?”

เธอได้หยักหน้าตอบอย่างตรงไปตรงมา

“อือ”

“เดี๋ยวนะชิน! นายกรัฐมนตรีไม่ได้บอกว่าผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซียเป็นผู้ชายหรอกหรอ?”

“ไม่หรอก ฉันไม่คิดว่าเขาได้พูดมันอย่างชัดเจนนะ ฉันเพียงแค่สันนิษฐานเอาเองนะ นอกจากนี้ถ้าเธออยู่คนเดียว มันก็เหมาะสมแล้วที่เธอจะเป็นคนๆนั้น”

จากนั้นฉันก็ถามเธอต่อ

“ทำไมคนอื่นๆถึงจะตายเมื่อเธออยู่ใกล้พวกเขาล่ะ”

“เพราะว่า….ทุกๆคนจะกลายเป็นแบบนี้”

เอลลิน่าได้โบกมือของเธอ จากนั้นคริสตัลน้ำแข็งก็ถูกสร้งขึ้นเหมือนกับดอกไม้ พื้นที่ๆมือของเธอสัมผัสทั้งหมดได้กลายเป็นน้ำแข็งซึ่งลอยอยู่ในอากาศ

ฉันได้มองกลับไปที่ฮวาหยาและหยักหน้า

“ใช่แล้วล่ะ นั่นเป็นคนรัสเซีย”

“ซูดดด ถ้างั้นผู้ใช้พลังระดับ SS ของรัสเซียก็มีพลังน้ำแข็ง….”

“เธอไม่สามารถควบคุมมันได้หรอ… ซูดด”

“นายท่านคนที่สอง ฉันได้ยินมาว่า ซูดดด เด็กที่ตื่นขึ้นมาเป็นผู้ใช้พลัง งั่มๆ … มักจะมีปัญหาในการควบคุมพลังของพวกเขา”

คนอื่นๆต่างก็พูดออกมาในขณะที่กำลังกินรางเม็ง ฉันหวังว่าพวกเขาน่าจะเลือกเอาซักอย่างนะระหว่างกินหรือคุย ไม่ว่ายังไงก็ตามดูเหมือนว่านายกของรัสเซียจะโกหก ฉันได้จ้องมองไปที่พวกเขา จากนั้นก็หันหน้าไปหาเอลลิน่า

“นั่นมันเป็นเพราะว่าเธอไม่สามารถควบคุมมันได้”

“อือ เพราะว่าเอลลิน่าไม่สามารถควบคุมมันได้ ทุกๆคนเลยบอกให้อยู่ห่างๆ”

นั่นเป็นเหตุผลสินะ….จากระยะเวลาที่ผ่านมา เธอจึงสร้างระยะห่างเอาไว้โดยที่ไม่เข้าใกล้พวกเรา ยังไงก็ตามเธอก็ไม่ได้ขยับไปไหน ในความจริงแล้วในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันเธอก็กำลังเข้าใกล้หม้อที่ล้อมรอบไปด้วยเพลิงโกลาหล จากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่ามันเป็นเวลาสามสัปดาห์และนับตั้งแต่ที่เธอเข้ามา

“เธอกินอะไรจนกระทั่งถึงตอนนี้?”

“โกเลม”

โกเลมที่ว่านั่นคือ…น้ำแข็ง

“แล้วอะไรอีก?”

“ค้างคาง….และก็หนู… แล้วก็เกราะ”

หรือก็คือมันเป็นน้ำแข็ง อึก

“มันอาจจะต้องขอบคุณมานาของเธอ แต่ว่าฉันก็ยังแปลกใจที่เธอยังรอดอยู่ มาเถอะ มากินกันพวกเรามีมันเยอะมาก”

“แต่ถ้าหนูเข้าไป… คุณจะตาย”

“มันไม่มีใครที่นี่อ่อนแอจนตายเพราะอะไรแบบนั้นหรอกน่า ไม่ต้องกังวล เข้ามาเลย”

“แม่และพ่อก็ยังแม่ว่าจะไม่ตาย แต่ว่าพวกเขาก็ตายไปแล้ว คุณลุงจาก TV ก็ยังตาย พี่ที่บอกว่าไม่เป็นไรก็ยังตาย คุณลุงที่โกรธฉันก็ตาย และคนที่เข้ามาในนี้ก็ยังตายหลังจากที่บอกแบบนั้น”

ฉันได้หมดคำพูดไปในทันที เธอได้จ้องมาที่หม้อจนมันเกือบจะเหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรสำหรับเธอเลย แต่ว่าฉันรู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ไม่มีใครหรอกที่ไม่รู้สึกอะไรหลังจากที่ฆ่าคนที่ตัวเองรัก

แต่ว่าฉันเข้าใจว่าทำไมรัฐบาลรัสเซียถึงต้องการให้ฉันฆ่าเธอ พวกเขาจะไปสามารถควบคุมเด็กสาวที่สูญเสียพ่อแม่ของเธอได้ยังไง เพราะเธอไม่สามารถควบคุมพลังได้งั้นหรอ? นอกจากนี้คนที่เข้ามาในดันเจี้ยนผู้ที่มีพลังระดับ S เป็นอย่างน้อยและพวกเขาก็ยังตาย…เธอได้หันไปทางอื่น และจากกไป

“บาย”

“เดี๋ยวก่อน”

ฉันได้ตะโกนออกไปตามสัญชาตญาณด้วยความรู้สึกที่ว่าต้องหยุดเธอเอาไว้ ฉันมั่นใจว่าเธอจะไม่สามารถทำร้ายฉันหรือฮวาหยาได้ แต่จากท่าทางที่เธอแสดงออกมามันดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมมาสัมผัสพวกเราง่ายๆ เม่อฉันคิดถึงเหตุผลที่เอลลิน่าเดินเข้ามาในดันเจี้ยนนี้อย่างไม่ระวังตัว ฉันก็กลายเป็นแน่ใจยิ่งขึ้น

ก่อนที่เธอจะเดินออกไป ฉันก็ได้รีบเรียกริยู เมื่อริยูเห็นเธอ ริยูก็อธิบายออกมาอย่างตกใจ

[ว้าว เธอเย็นกว่าชินอีก]

“ริยูเอานี้ไปให้เธอ ทำให้แน่ใจด้วยว่ามันจะไม่เห็น เธอทำได้ใช่ไหม?”

[ใช่ ฉันทำได้อยู่แล้ว]

ฉันได้หยิบชามและใส่ราเมนลงไปในชามนั้นพร้อมตะเกียบ ริยูได้ทำให้มันลอยด้วยพลังของเธอและเอามันไปให้เอลลิน่า เมื่อเห็นชามลอยมาทางเธอ เอลลิน่าก็ได้เบิกตากว้างในขณะที่รับมันมาก จากนั้นเธอก็ยิ่งแปลกใจ

“นี้มัน… ไม่แข็งเลย… มันร้อน”

“ใช่แล้ว ฉันให้เพื่อนของฉันช่วยนะ”

“อ่า…”

ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เธอได้หยิบตะกือบขึ้นมา หลังจากดิ้นรนอยู่พักหนึ่งเธอก็ขมวดคิ้วและบ่นขึ้น

“นี้มันยากจัง”

“รอก่อนนะ เดี๋ยวเอาส้อมไปให้”

ส้อมก็ยังถูกส่งออกไปด้วยพลังของริยู หลังจากได้กินราเมนเป็นครั้งแรก เอลลิน่าก็ได้แลบลิ้นออกมา

“เผ็ด!”

“อ่า นั่นมันเผ็ดเกินไปสำหรับเด็กสินะ?”

“หนูไม่ใช่เด็ก”

น้ำแข็งขนาดเล็กได้ปรากฏขึ้นบนลิ้นของเธอ จากนั้นมันก็ได้กลายเป็นน้ำค้าง นี้เป็นวิธีดื่มน้ำของเธอ! ถึงแม้ว่าเธอจะทำเหมือนง่ายๆ แต่ว่านั่นเป็นทักษะที่น่าทึ่ง

“เผ็ด มันเผ็ด… แต่ว่ามันยังร้อนอยู่ หนูไม่สามารถจะกินอะไรที่ร้อนได้เลยหลังจากที่แม่ตาย…”

“….”

“อบอุ่น… อร่อย”

“…ซูดดด”

“เวรเอ้ย ราเมนนี้มันเผ็ดเกินไป มันทำให้ฉันร้องไห้”

พ่อถ้าพ่อจะร้องไห้ก็ทำมันเงียบๆเหมือนรูเดียกับสุมิเระสิ! อย่าได้มาแก้ตัวแบบนี้!

จากนั้นเมื่อเอลลิน่ากินราเมนเสร็จ ฉันก็ได้มองใบหน้าที่แดงขึ้นของซึ่งมันแสดงออกชัดเจนเหมือนกับเธอจะบอกว่า ‘ฉันจบมันได้เพราะว่ามันร้อน แต่ฉันไม่สามารถจะจัดการกับความเผ็ดได้เลย’

“เธอต้องการไอติมไหม?”

“หนูไม่ชอบไอติม มันเย็นเหมือนกัน”

“แล้วถ้างั้นคาราเมลล่ะ”

“อือ”

ในขณะที่ฉันส่งคาราเมลให้เธอด้วยพลังของริยู สมาชิกในปาตี้ของฉันก็ได้เฝ้ามองการแลกเปลื่ยนที่แปลกใหม่นี้ พวกเขาต่างก็กินราเมนไปในขณะที่ร้องไห้เงียบๆหรือไม่ก็เช็ดหางตา ฮวาหยาได้ทำสีหน้าแปลกๆและส่งข้อความมาหาฉัน

[มันเหมือนกับนายกำลังฝึกเธอ]

[…ฉันไม่สามารถปฏิเสธมันได้สินะ]

เอลลิน่าก็ได้เสร็จสิ้นการกินคาราเมลเช่นกัน เธอไดทำท่าทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นด้วยความหวานของคาราเมล อย่างน้อยก็ที่ฉันมองเห็นล่ะนะ ในตอนนี้มันเป็นโอกาสแล้ว

ฉันได้ถามออกไป

“เอลลิน่าทำไมเธอถึงมาที่นี่?”

“คุณลุงจากทีวีได้บอกกับหนูว่าคนจะไม่ตายถ้าหนูเข้ามาที่นี่ หนูได้เข้ามาเพราะไม่อยากจะฆ่าคนอื่น…แต่ว่าคนอื่นๆก็ยังเข้ามาและตาย”

“ไอ้เจ้าสารเลวนั่น”

ฉันไม่ได้เห็นภาพนั้นตรงๆ ยังไงก็ตามฉันก็เข้าใจได้ถึงสถานการณ์ของเอลลิน่าที่สูญเสียทั้งครอบครัว รัฐบาลรัสเซียอาจจะต้องการใช้ประโยชน์จากเธอแม้ว่าจะต้องมีการเสียสละก็ตามที

แน่นอนว่าการเสียสละที่พวกเขาทำมันจบด้วยที่เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน ในตอนท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะโยนเธอทิ้งไป และก็โชคดีที่มีเกตระดับ SS ปรากฏออกมาออกมา พวกเขาจึงหวังว่าจะให้เธอตายไปเอง

สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเลยก็คือทำไมกลุ่มผู้พิทักษ์ถึงส่งทีมผู้ใช้พลังมาพิชิตดันเจี้ยน พวกเขาพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากแผนของรัฐบาลรัสเซียงั้นหรอ?

ไม่สิ เดี๋ยวนะ

“เอลลินา เธอเข้ามาที่นี่เมื่อไหร่”

“หนึ่งเดือนครึ่ง”

มันเป็นเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ก่อนที่ทีมผู้พิทักษืะจะเข้ามา ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ได้รับการตอบรับจากเธอสามสัปดา มันทำให้รู้สึกว่าพวกเขาจะคิดว่าเธอตายไปแล้ว ยังไงก็ตามเธอยังรอดอยู่ด้วยพลังของเธอเอง

“ชิน พวกเรา…”

“ฉันรู้ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

หลังจากที่ตอบฮวาหยา ฉันก็มองไปที่เอลลิน่า เธอก็ยังมองมาที่ฉัน ดวงตาสีอมชมพูของเธอดูเหมือนจะดูดฉันเข้าไปทันที

“เอลลิน่า ถ้าเธอต้องการ….”

“ขอบคุณ”

ในขณะที่ฉันยังพูดอยู่ ทันใดนั้นเองเธอก็โค้งตัวลงไป ฉันเริ่มที่จะรู้สึกไม่สบายใจ

“ขอบคุณคุณจริงๆ ที่ทำให้ฉันกินพาสต้าเป็นครั้งแรกในชีวิต”

“นั่นมันไม่ใช่พาสต้านะ แต่ว่าถ้าเธอต้องการเอลลิน่า พวกเราสามารถทำให้เธอได้อีก”

“คุณเป็นคนที่ใจดีและเป็นคนดี…ฉันไม่ต้องการจะแช่แข็งคนแบบพวกคุณอีกแล้ว”

“เดี๋ยวก่อน พวกเราจะไม่ถูกแช่แข็งแม้ว่าเธอจะสัมผัสพวกเรา! ฉันสามารถสัมผัสเธอได้โดยตรง! ฉันมีเพีอนที่สามารถควบคุมไฟและความร้อน…”

“ที่แห่งนี้มันอันตราย คุณควรจะหนีไป”

“เดี๋ยวก่อนเอลลิน่า”

“บาย”

ด้วยเหตุนี้เธอจึงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว ฉันไม่สามารถจะรู้สึกถึงตัวตนของเธอได้อีกต่อไป สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือชามที่ตกลงไปบนพื้น

“เวรเอ้ย เธอเพียงแค่กินอาหารและจากไป….”

“ชินพลังของนายในการเข้าหาปัญหาของนายมันทำให้ฉันประหลาดใจ แต่ว่าในตอนนี้มันไม่ใช่เวลานะ”

ฮวาหยาดูโกรธยิ่งกว่าฉันอีก เธอได้กัดฟันแน่นและตะโกนออกมา

“รัสเซีย เจ้าพวกสารเลวนั่น! พวกนั้นไม่ได้เรียกหาฉันผู้ที่ใช้พลังไฟได้ดีที่สุดเพื่อที่จะควบคุมผู้ช้พลังน้ำแข็ง? พวกเขาจะต้องจ่ายสำหรับสิ่งนี้”

“ใครเป็นคนทำให้เกิดปัญหานี้?”

พวกเราได้โต้แย้งกันครู่หนึ่งเกี่ยวกับการหายไปของเอลลิน่า ยังไงก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่พวกเราได้ตัดสินใจแล้ว สมาชิกของกิลด์รีไวเวิร์ลคนที่สิบเอ็ดได้ถูกตัดสินใจเอาไว้แล้วในตอนนี้

 

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset