Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 163 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (6)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 163 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (6)
บทที่ 163 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (6)
แม้ว่าฉันจะต้องการจะรอจนกว่าเอลลิน่าจะสงบลงก่อน แต่ฉันก็อยากจะช่วยผู้ใช้พลังคนอื่นๆที่รอดอยู่ ฉันได้ลูบหัวของเธอและบอกกับเธอไป
“เอลลิน่าขอโทษนะ แต่ว่ามีคงที่ฉันจะต้องไปช่วยอีก อยู่กับฮวาหยาอีกเดี๋ยวนะ”
“ไอน่า”
“ไอน่า?”
“นั่นเป็นชื่อที่พ่่อกับแม่เรียกหนู”
“…โอเคร ไอน่ารออีกเดี๋ยวนะ”
“อือ”
หลังจากที่ได้ยินฉันเรียกว่าไอน่า เธอก็ได้ปล่อยฉัน ฉันกลัวว่าอาจจะไม่มีทางใดที่จะหลุดไปจากสถานการณ์นี้ได้อีกแล้ว ฉันได้เข้าไปหาผู้ใช้พลังด้วยความกังวล ถึงแม้ว่าคนอื่นๆจะกลายเป็นซอมบี้นเแข็งและแตกกระจายไปแล้วเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ เขาอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ในตอนนี้เขาได้ถูกแช่แข็งขึ้นไปจนถึงตาแล้ว โชคดีที่ริยูได้รับพลังที่เพิ่มขึ้นถูกเวลาและการแช่แข็งก็ได้หยุดลง
เมื่อฉันได้เข้าไปหาคนอื่นๆ วอร์คเกอร์ก็ได้เป็นคนแรกที่เขามาและพูดล้อฉัน
“โอ้ คุณพ่อมานี่แล้ว”
“วอร์คเกอร์ถ้านายต้องการจะสู้ก็เข้ามาเลย ฉันยินดีที่จะขยี้นาย”
“โทษทีนะ แต่ว่าฉันไม่โหดร้ายพอที่จะทำร้ายชายคนนึงต่อหน้าลูกสาวเขาหรอกนะ ดูแลบ้านดีๆนะคังชิน”
“วอร์คเกออออออออออออร์……”
ในทางตรงกันข้ามรูเดียได้ส่ายหัวของเธอและปฏิเสธวอร์คเกอร์
“ไม่ ฉันไม่ยอมรับ เธอไม่ใช่ลูกสาวขอฉัน”
“ขอโทษนะ แต่ว่าเธอก็ไม่ใช่ภรรยาของฉันเหมือนกัน”
“ฉันอยากจะลูบเอลลิน่าด้วยเหมือนกัน… ฉันทำได้ไหม?”
“เธออาจจะถูกแช่แข็งไปในทันที”
“ทำไมถึงมีแค่ชินกับพี่สาวฮวาหยา…”
ฉันสามารถจะเข้าใจได้ถึงเยอึน ไอน่านั้นทั้งตัวเล็กและน่ารักดูเหมือนกับเจ้าหญิงจากนิยาย แม้ว่าเธอจะมีผิวสีเผือก แต่ว่ามันก็ยิ่งทำให้ไอน่าดูน่ารักขึ้นไปอีก มันดูจะเป็นพรมากกว่าโรคร้าย
นอกจากนี้ด้วยพลังมานาที่มหาศาลพอๆกับผู้ใช้พลังระดับ SSS เธอก็ไม่สามารถจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดของโรคผิวเผือกที่คนปกติมีได้ แม้ว่าเธอจะสูญเสียไปอย่างมากมายเป็นการตอบแทน แต่ว่าตอนนี้มันต่างออกไป ฉันต้องการที่จะทำให้แน่ใจว่ามันจะดีขึ้น
ไม่ว่ายังไงก็ตามในตอนนี้ฉันก็จะต้องรักษาผู้ใช้พลังที่กำลังจะตาย
“ริยูเธอสามารถจะทำให้เขากลับมาเป็นปกติได้ไหม?”
[อือ! แต่ว่าเจ้าหัวเหลืองจะต้องมาช่วย]
ริยูได้ตอบกลับมาอย่างร่าเริงและชี้ไปที่รูเดีย เธอใช้ผมสีบลอนด์ในการเลือกว่าหัวเหลือง…หยาบคายอะไรแบบนี้ริยู
“…”
เพราะการปฏิเสธอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ของฉันทำให้แก้มของรูเดียพองขึ้น แม้ว่าเธอจะไม่ตอบฉัน แต่เธอก็เข้ามาหาพวกเรา จากนั้นก็ชี้คทาของเธอไปที่ผู้ใช้พลัง
“ฉันควรจะทำอะไรหรอเจ้าหมาป่า?”
[ฉันคือริยู ไม่ใช่หมาป่านะ]
“จ้า หมาป่า แล้วฉันจะต้องทำยังไง?”
[ชิน เจ้าหัวเหลืองเรียกฉันว่าหมาป่าอะ]
“พวกเราช่วยเร่งหน่อยได้ไหม? ถ้าเขาตายมาจริงๆมันจะไม่ตลกแล้วนะ…”
แม้ว่ารูเดียและริยูจะยังคงทะเลาะกันอยู่ แต่ว่าพวกเธอก็ยังคงร่วมมือกันรักษาผู้ใช้พลังคนนั้น ในตอนริยูค่อยๆละลายน้ำแข็ง รูเดียก็จะค่อยๆใช้พลังของเธอรักษาอาการบาดเจ็บ น่าแปลกใจขมากหลังจากไม่นานเขาก็เริ่มช่วยมานาเพื่อช่วยพวกเธอในขณะที่ดวงตายังปิดอยู่ ฉันไม่แน่ใจนักในเมื่อเขาถูกแช่แข็งอยุ่ แต่ว่าจริงๆแล้วเขาคือ….
ประมาณ 10 นาทีหลังจากนั้นชายคนนั้นก็ได้เปิดตาอย่างช้าๆหลังจากฟื้นตัว เขาเป็นชายวัยกลางคนที่หล่อเหลา เขามีผมสีบลอนด์แซมผมสีขาวและดวงตาสีเทา
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะ ฉันคิดว่าจะต้องตายที่นี่ซะแล้ว”
“ฉันยอน ฮวาวูแห่งกิลด์รีไวเวิร์ล”
“อ่า ฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้ นายนั่นดูดีกว่าที่เห็นในทีวีซะอีกนะ นายมีดวงตาที่อ่อนโยนแต่แข็งกร้าว เป็นเกียรติมากที่ได้พบกับนาย ฉันแรส มิเชล ผู้ใช้พลังระดับ SS ของฝรั่งเศส”
เขาได้ยื่นมือออกมาให้ฉัน เมื่อฉันได้จับมือกับเขาฉันก็ตระหนักได้ในทันทีว่าเขาเป็นผู้ใช้พลังประเภทเสริมพลังทางกายภาพ
“ทุกคนในที่แห่งนี้เป็นพรรคพวกของนายหรอ?”
“มีคนอื่นๆอีก แต่ว่าส่วนมากแล้วพวกเขาถูกฆ่าตายโดยมอนสเตอร์น้ำแข็ง”
ในขณะที่เขาพูดออกมาเขาก็แอบมองไปที่ไอน่า ทุกคนนอกจากฉันไม่ได้มีใครสังเกตุเห็น แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรก็ตาม ฉันรู้ได้ในสิ่งที่เขาสื่อถึง ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดขอบคุณในความมีน้ำใจของเขา
แม้ว่าเขาจะถูกแช่แข็งจนตาย เขาก็เห็นทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้ว่าไอน่าไม่ได้ต้องการจะฆ่าคนและไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ถ้าพวกเราสามารถควบคุมพลังของเธอได้
“ฉันต้องการจะแสดงความขอบคุณอีกครั้งจริงๆนะ ขอบคุณมากๆเลย ฉันคิดว่าฉันจะต้องจบชีวิตสั้นๆของฉันที่นี้แล้วซะอีก ฉันยังมีอีกหลายสิ่งที่อยากจะสนุกอยู่เลย”
“มันก็เยี่ยมมากที่พวกเรามาช่วยนายได้ก่อนที่มันจะสายเกินไป ฉันขอโทษนะที่พูดเรื่องนี้กับคนที่เพิ่งรอดมาจากความตายแต่ว่านายช่วยพวกเราเคลียร์เกตนี้ได้ไหม? การมีผู้ใช้พลังที่ทรงพลังและน่าเชื่อถืออย่างนายมันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับพวกเรา”
“แน่นอน ตามจริงฉันก็ยังอยากจะถามอยู่เลยว่าฉันจะไปช่วยได้ไหม ฉันไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมอยู่เฉยๆในตอนที่ถูกตีหรอกนะ ฉันจะไม่สบายใจถ้าหากฉันยังไม่ได้แก้แค้น”
เขาได้ยิ้มกว้างออกมาและถือดาบซึ่งเขาได้ถือมันเอาไว้แม้ว่าในขณะที่ถูกแช่แข็ง มันเป็นดาบมือเดียว ดาบนั่นมีขนาดที่กว้างและหนา มันเป็นดาบแบบอัศวิน
“ฉันมั่นใจในพลังการต่อสู้ด้วยร่างกายของฉัน”
“เยี่ยมไปเลยที่ได้นายมาร่วมด้วย”
เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จฮวาหยาก็ได้เข้ามาหาพวกเราพร้อมกับไอน่าในอ้อมแขน แน่นอนว่าไอน่าไม่ยอมปล่อยเธอเลย ในตอนนี้ไอน่าร้องไห้เสร็จแล้วเธอก็อยู่ในโหมดที่เกาะติดฮวาหยา ฮวาหยาได้พูดออกมาด้วยเสียงที่ผสมไปด้วยความสุขและความทุกข์
“พาเธอออกไปจากฉันที”
“ทำไมล่ะ พวกเธอดูเข้ากันได้ดีนิ ดีกว่าเธอมาติดกับฉันอีก”
“แม่อบอุ่น”
“เอาล่ะ เธอคือผู้ใช้พลังไฟ….”
การได้ให้ฮวาหยาและไอน่าอยู่ด้วยกันทำให้ฉันยิ้มขึ้นมา แต่ว่ามีบางอย่างที่ฉันจะต้องบอกไอน่า
“ไอน่า”
“อือ”
เมื่อฉันได้เรียกเธอ เธอก็ดูเหมือนจะสังเกตุเห็นว่าโทนเสียงของฉันนั้นจริงจัง ในขณะนั้นเธอก็เงหน้าและมองมาที่ฉัน
“คนที่หนีไป หนูเคยคุยกับเขามาก่อนไหม?”
“อือ เขาได้คุยในรูปแบบของหนอนผีเสื้อน้ำแข็ง”
อย่างที่ฉันคิดเลย เขาสามารถจะใช้พลังที่แข็งแกร่งได้ในสิ่งที่มีชีวิตเท่านั้น มันสิ่งที่ธาตุที่คลั่งสามารถจะทำได้ แน่นอนว่าเมื่อธาตุที่บ้าคลั่งได้ยึดครองได้อย่างสมบูรณ์ ผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้ธาตุก็สามารถจะพูดคุยกับพวกเขาได้เช่นกัน
“เขาสูญเสียคนที่สำคัญของเขาไปและทำร้ายคนอื่นๆเพราะแบบนี้ หนูอยากจจะหยุดเขาก่อนที่เขาจะทำเรื่องที่ผิดพลาดมากๆไป”
“แล้วเขาเหมือนหนูไหม?”
“ไม่เลย แม้ว่าเขาจะคลั่ง เขาจะทำร้ายและฆ่าคนอื่นๆ เขาก็ไม่ชอบไอน่าผู้ที่หนีเเพราะไม่อยากจะฆ่าทุกคน”
“แต่ว่าหนูก็ฆ่าคนไปมากมายเหมือนกัน ทุกๆคนบอกว่าไอน่าเป็นเด็กไม่ดี แม่และพ่อที่ตายไปแล้วก็จะต้องเกลียดหนูเหมือนกัน”
เวรเอ้ย ทุกๆสิ่งที่เธอพูดมันทำให้ฉันจะร้องไห้ ไอเวรตัวไหนกันที่พูดแบบนั้นกับไอน่า? ฉันได้กำหอกแน่นและคิดเรื่องที่จะต้องพูดกับไอน่า ยังไงก็ตามฉันก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ ฮวาหยาได้กอดไอน่าไว้และลูบเธอเบาๆ
“ไอน่าไม่ใช่เด็กไม่ดี ไม่มีใครที่ไม่ดีหอรกนะ หนูก็แค่ไม่สามารถจะควบคุมพลังของหนูได้เท่านั้นเอง ฉันแน่ใจได้เลยว่าพ่อและพ่อของไอน่าจะไม่เกลียดไอน่าหรอกนะ”
“จริงหรอ?”
“แน่นอนสิ ตอนนี้ฉันเป็นแม่ของไอน่านะ ไอน่าไม่เชื่อแม่หรอ?”
“หนูเชื่อ…พ่อก็ด้วยไหม?”
เธอได้ทำตัวเหมือนกับแม่ของไอน่าอย่างเป็นธรรมชาติ น่าตลกแหะ แต่ว่าเนื่องจากเธอได้ปลอบโยนไอน่าอย่างสมบูรณ์ ฉันก็ไม่สนใจอะไรหรอก ฉันได้ลูบหัวของไอน่าเบาๆ
“แน่นอนสิไอน่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่เกลียดลูกของตัวเองหรอก”
เมื่อฉันหันกลับไป พ่อก็ได้ยกนิ้วให้ฉันเงียบๆ มันน่าอายเล็กน้อยนะที่พูดแบบนี้ต่อหน้าพ่อ แต่ว่า…ฉันพูดได้เลยว่าพ่อแม่ไม่เคยเกลียดลูกตัวเองแน่ๆ ฉันแน่ใจได้เลยในเรื่องนี้
อี้ นี้มันน่าอาย น่าอายเลยจริงๆ
“ในตอนนี้ไอน่าจะไม่ต้องฆ่าใครอีกแล้ว พวกเราจะช่วยหนูเอง ไอน่า ฉันจะช่วยเขาด้วยเหมือนกัน มนุษย์เป็นคนที่ทำให้เขาคลั่งไป ตั้งแต่ที่ฉันเป็นมนุษย์ฉันก็จะต้องพาเขากลับมา”
ภูติธาตุทั้งหมดนั้นเกิดมาจากความว่างเปล่า เมื่อพวกเขาได้พบเจอกับผู้ทำพันธะสัญญา พวกเขาก็จะได้รับอารมณ์ที่ลึกซึ้ง แต่ว่าเมื่อผู้ทำพันธะสัญญากับพวกเขาตายหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ทำพันธะสัญญาได้เจอกับความตายที่น่าเศร้าแบบของเด็กชาย มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเกิดอาการช็อคและกลายเป็นคลั่งไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับธาตุที่จะคลั่ง แต่ว่าเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับความปรารถนาของมนุษย์มันก็จะเกิดได้ง่ายขึ้น บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ใช้ธาตุของมนุษย?จึงลดลง
เมื่อธาตุได้เปลื่ยนไปเป็นคลั่งการจะทำให้พวกเขากลับมาเป็นปกติก็จะยากมาก มันมีเพียงสองวิธีเท่านั้นที่จะทำให้ภูติธาตุกลับมาเป็นปกติ หนึ่งคือฆ่าพวกเขา หรืออีกอย่างคือการหาผู้ทำพันธะสัญญาคนใหม่
เมื่อฉันได้พบกับริยูในครั้งแรกฉันได้วางแผนให้เธอใช้พลังทั้งหมดออกไปและเอาชนะจนกว่าเธอจะยอม แต่ว่าหลังจากที่ตระหนักได้ถึงวิญญาณเราที่เชื่อมต่อกัน ฉันก็ได้ทำพันธะสัญญากับเธอ เมื่อฉันเห็นเด็กชายคนนั้น ฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันเชื่อมต่อกับเขาเช่นกัน ทั้งหมดนี้เพราะเขาไม่ได้แสดงรูปธรรมในเวลานั่น
เพื่อรักษารูปธรรมโดยที่ไม่มีผู้ทำพันธะสัญญา ภูติธาตุจะต้องใช้พลังของตนเอง นั่นมันจะไม่มีปัญหาถ้าสถานที่ๆธาตุอยู่เต็มไปด้วยพลังงานธาตุอย่างในสวนแฟรี่ แต่ว่ามันไม่ใช่กับที่นี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้รูปธรรมและใช้สภาพแวดล้อมในการโจมตีพวกเรา ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาก็ควรจะยิ่งกว่านี้
อย่างที่ฉันพูดไปฉันไม่่สามารถจะเข้าใจว่าทำไมภูติธาตุที่ฉันได้พบทั้งหมดหลังจากเจอไพก้าถึงเป็นภูติธาตุที่คลั่ง ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาทั้งหมดเชื่อมต่อกับฉันอีกด้ว บางที… อึก ฉันคงจะต้องคิดเรื่องนี้ในภายหลังเหมือนกัน
“การจะทำแบบนั้นไอน่า พวกเราต้องการพลังของเธอ”
“พลังของหนูหรอ?”
“ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้บอกไอน่า แต่ว่าดันเจี้ยนนี้อีกไม่นานก็จะปรากฏตัวขึ้นบนโลก”
“จริงหรอ? หนูควรจะทำยังไงดี? หนูไม่อยากจะฆ่าคนอีกแล้ว”
“หนูจะต้องมาอยู่กับพวกเรา ฉันบอกหนูแล้วใช่ไหม? ฉันจะช่วยหนูไม่ให้ทำร้ายใครอีก”
“อ่า”
ท่าทางของไอน่าได้สดใสขึน ก่อนหน้านี้เธอไม่เชื่อฉันหรอ? มันดูเหมือนว่าฉันจะต้องพูดย้ำอะไรกับเธอหลายๆครั้งสินะ ฉันได้พูดต่อไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“เมื่อดันเจี้ยนย้ายไปอยู่ในโลก พวกเราก็ไม่สามารถที่จะพบเขาได้อีกต่อไป เมื่อมีคนตายมากขึ้นมันก็สายเกินไปแล้วที่จะย้อนกลับ เขาได้วิ่งหนีฉันไปในตอนนี้ เขาคงจะต้องรักผู้ทำพันธะสัญญาคนเก่าจริงๆ แต่ว่าถ้าพวกเราไม่จับเขา เขาก็จะทำร้ายคนมากขึ้น ฉันต้องการจะหยุดเขาจากเรื่องนี้”
“พวกเราจะต้องจับเขาหรอ?”
“ใช่แล้วไอน่า หนูมาช่วยพวกเราได้ไหม?”
“อือ”
…บางทีเธออาจจะไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรมากนัก ในตอนนี้ฉันได้คิดว่าเธออาจจะยังไม่โตพอที่จะเข้าใจในทุกๆอย่างที่ฉันพูด ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้ไปอธิบายเรื่องที่จริงจังอย่างนี้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างไอน่า ไอน่าได้ยกมือขึ้น ฉันได้เอียงหัวและเรียกเธอราวกับว่าฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังทำอะไร
“ไอน่า?”
“หนูจับเขา”
อะไรนะ? ฉันได้มองไปที่ฮวาหยา จากนั้นฉันก็ตระหนักได้ว่าสถานที่ๆเราอยู่ไม่เหมือนกับในที่ก่อนหน้านี้ พวกเราได้อยู่ในห้องโถงขนาดยักษ์ในชั้นที่ 2 แต่ว่าสถานที่ๆเราอยู่นั้นมีหน้าทางทองไปนอกปราสาท เมื่อเห็นความสูงที่พวกเราอยู่และเพดานมันดูเหมือนกับโดม ฉันได้คิดขึ้นทันที
“สถานที่แห่งนี้คือ….ชั้นสูงสุดใช่ไหม?”
ทุกๆคนรวมไปถึงฮวาหยา สมาชิกในกิลด์รีไวเวิร์ลและผู้ใช้พลังชาวฝรั่งเศสทุกคนได้ถูกเทเลพอต เดี๋ยวก่อนนะ นี้หมายความว่า…!? ฉันได้มองไปจากนั้นก็ตกตะลึง
[นายอยู่ที่นี่…อึก]
[เด็กหญิง เธอเปลื่ยนความคิด…?]
ฉันได้เห็นภูติธาตุแสดงท่าทางตกใจและกองทัพน้ำแข็งที่อยู่่เต็มพื้นที่ สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือมีบัลลังก์ที่อยู่ด้านในสุดของห้องและมีเกราะน้ำแข็งยักษ์นั่งอยู่เหมือนกับราชา
สำหรับเสื้อเกราะที่ทำมาจากน้พแข็งมันได้ถูกประดับประดาไปด้วยการแกะสลักที่ละเอียดอ่อนซึ่งได้เรื่องแสงสีแดงอ่อนออกมา ตามที่ฉันคิดเอาไว้บอสของดันเจี้ยนนี้ไม่ใช่ภูติธาตุ
เกราะยักษ์ได้มองมาที่บวกเราและค่อยๆลุกขึ้น บนมือของมันมีค้อนน้ำแข็งยักษ์อยู่
[เข้ามา กองทัพนิรันดร์ไม่เคยกลัวเจ้า]
เมื่อมองเห็นมันที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ฉันได้หันไปมองที่ไอน่า เธอจะไม่พูดอะไรหน่อยนะ!? เธอไม่รู้หรอว่าฉันณู้สึกยังไงกับพลังที่โกงของเธอ
“หนูสามารถจะไปได้ทุกๆที่ที่หนูต้องการในที่แห่งนี้”
“เยี่ยมเลยนะ…”
แน่นอน ฉันไม่สามารถจะตำหนิเธอได้ ฉันทำได้แต่ชมเชยเธอ
“บอฉันก่อนนะถ้าใครยังไม่พร้อม ไอน่าหนูน่าจะสามารถเทเลพอตพวกเราได้อีกครั้ง”
“ฉันสบายดี”
“เหมือนกัน”
“โอ พลังแห่งผืนดินจงอวยพรแก่พวกเราเถิด มอบอำนาจแก่เรา! โอมิทารัสโปรดอวยพรแก่เรา!”
“ฮ่าๆ เป้าหมายของฉันทั้งหมดอยู่ที่นี่”
มันดูเหมือนว่าทุกคนจะพร้อมกันหมดแล้ว และนั่นมันก็เป็นเช่นเดียวกันกับศัตรูของเขา
[เยี่ยม ฉันจะฆ่านายที่นี่และตอนนี้เจ้ามนุษย์ทุกคน]
[อย่าได้ลำพองตนเอง รักษาความสง่างามของนายเอาไว้ ทหารเปิดตาของเจ้า]
เกราะน้ำแข็งค่อยๆลุกขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่พวกมันยืดตัวขึ้นพร้อมอาวุธ มันก็ง่ายที่จะบอกว่าพวกมันมีระเบียบกันเป็นอย่างมากซึ่งแต่ต่างไปจากพวกที่ฉันเห็นในก่อนหน้านี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกมันก็จะต้องแข็งแกร่งกว่าเช่นกัน ฉันแน่ใจเลยว่าสภาพแวดล้อมปราสาทน้ำแข็งนี้มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับมัน แต่ว่าเกราะน้ำแข็งแต่ละตัวต่างก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าแมลงที่เราได้พบในโลกแมลง ในตอนนี้พวกมันมีประมาณ 200 ตัว แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถจะผ่อนคลายได้ในสถานการณ์แบบนี้
“มันกำลังจะเริ่มแล้ว”
“พ่อจับเขา หนูจะจับส่วนที่เหลือเอง”
“อะไรนะไอน่า?”
“อือ”
ไอน่าได้เงยหน้าขึ้นมองไปที่แขนของฮวาหยาและจับมือของเธอเอาไว้ ทันใดนั้นเองเกราะน้ำแข็งทั้ง 200 ตัวก็ได้หยุดลง มันเป็นไปได้หรอ?
“ถอยไป”
แม้ว่าหนูจะสั่งการพวกมันเหมือนกับพวกมันเป้นสัตว์เลี้ยงแต่… อะไรนะ เกราะน้ำแข็งทั้ง 200 ตัวต่งก็สลายลงด้วยกัน
[เธอแข็งแกร่งจริงๆแม่มดน้ำแข็ง แต่ว่าฉันไม่แพ้หรอก]
เกราะยักษ์ได้กัดฟันและตะโกนออกมา เกราะน้ำแข็งได้โผล่ออกมาอีกครั้ง ฉันรู้สึกได้ถึงมานาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ยังไงก็ตามไอน่าได้ผลักดันมันกลับไปอย่างง่ายดาย ในขณะนั้นฉันก็คิดว่าไอน่าแข็งแกร่งมากในที่แห่งนี้…!
“หนูจะจัดการพวกนั้นเองพ่อ”
“โอเค ขอบคุณมาก”
“พวกเราจะรับมือบอส นายไปหยุดภูติธาตุซะ”
“เชื่อมือได้เลย”
ฉันได้ปล่อยพวกเกราะเอาไว้ให้ไอน่าและส่งไอน่าให้ฮวาหยา จากนั้นฉันก็มองไปที่ภูติธาตุที่ลอยอยู่และมองมาที่ฉัน
“นายก็น่าจะรู้สึกถึงมันได้เหมือนกัน หยุดหนีเถอะ”
[ฉันบอกนายแล้ว… เพซิน่าเป็นผู้ทำพันธะสัญญาของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น]
เขาได้ตะโกนออกมาด้วยความโกรธและได้มีแรงกดดันโผล่ออกมาทุกทิศทาง อึก ฉันค่อนข้างจะสงสัยมันในตอนที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ แต่เขาเป็นภูติธาตุลม! ในกรณีนี้มันจะดีที่สุดที่จะหยุดเขาด้วยธาตุอื่นๆ ฉันได้เรียกคู่หูของฉัน
“ไพก้า ริยู”
[นายเรียกหรอ?]
[อือ]
ฉันได้หันไปมอง เมื่อถูกปลดผนึกมันดูเหมือนว่าพวกเธอจะสามารถรักษาการปรากฏตัวในขณะที่อยู่ในรูปแบบของจิตวิญญาณได้ในฐานะของสาวน้อยตัวเล็กที่มีหูและหางของหมาป่า และมังกรที่มีเกล็ดที่สวยงามกำลังมองมาที่ฉัน
….มังกร!?
Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset