Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 164 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (7)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 164 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (7)
บทที่ 164 – การผสานของเพลิงสีแดงและน้ำแข็งสีเงิน (7)
“ไพก้ารูปลักษณ์นั่นมันอะไรนะ?”
[รูปลักษณ์ของฉัน? ฉันทำไม… กรี๊ดดด! เมื่อไหร่กันที่ผนึกถูกปลด]
เมื่อเห็นไพก้าร้องออกมา ฉันก็คิดย้อนกลับไปในตอนที่เราทำพันธะสัญญากัน ไพก้าได้บอกว่ารอยสักเล็กๆบนแก้วของเธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้เคียงกับแก่นวิญญาณของฉฉัน ยังไงก็ตามเมื่ฉันได้ทำพันธะสัญญากับเธอรอยสักที่ปรากฏบนหลังของเธอมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นรูปทรงของเรขาคณิตเท่านั้น ในเวลานั้นฉันคิดเพียงแค่ว่ามันแตกต่างกันไปสำหรับธาตุที่คลั่ง แต่ว่า….
“เธอ…เธอหลอกหรอ?”
“หลอกลวง?… ชะ ใช่”
ฉันได้บอกว่าภูติธาตุไม่สามารถจะโกหกได้ แต่ว่าทั้งหมดนั่นมันเรื่องโกหกทั้งเพ เดี๋ยวนะ พอมาคิดดูคนที่บอกเรื่องนั้นกับฉันก็ภูติธาตุนี่น่า เจ้าพวกคนหลอกคน
[แต่ฉันคิดว่านายจะเกลียดฉันถ้ารู้ว่าร่างที่แท้จริงของฉันเป็นมังกร]
“อา…”
[นายเกลียดฉันหรอ? อือ? เกลียดฉันสินะ?]
“แน่นอนสิว่าไม่เลย ไม่ว่าตัวจริงของเธอจะเป็นยังไง เธอก็ยังคงเป็นธาตุที่มีค่าของฉัน เธอไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้หรอก”
ไพก้าได้มองมาอย่างโล่งอกในขณะที่เธอกอดแขนของฉัน มันดูเหมือนว่าจะเป็นการแสดงออกถึงความรักของเธอ ในความจริงแล้วเธอดูคล้ายกับงูมากๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสองอันบนหัวของเธอและเกล็ดนั่น ฉันคงไม่สามารถจะบอกได้
ภูติธาตุลงผู้ที่กำลังดูพวกเราอยู่ได้ทำหน้าแปลกๆ
[เกลียด…. นายเอาเธอไปจากฉัน แต่นายอยู่ด้วยกันกับเหล่าภูติธาตุ]
“ฉันไม่ใช่คนที่พรากเพซิน่าไปจากนายนะ!”
[ไม่ยกโทษให้หรอก มนุษย์ทุกคนมันก็เหมือนๆกัน มนุษย์ที่พรากเพซิน่าไปจากฉัน พวกนั้นทั้งหมดสมควรตาย]
มันแย่ลงไปอีกแล้ว ฉันได้รีบเรียกธาเลเรียออกมาและบินขึ้นไป ในเวลาเดียวกันริยูก็ได้เข้ามาในร่างกายของฉันเพราะเธอไม่สามารถจะบินได้เมื่อมีรูปธรรม ในทันทีจากนั้นฉันก็รู้สึกว่าร่างกายเย็นขึ้น แต่ยังไงก็ตามฉันก็ยังรู้สึกได้ว่าตัวฉันเองแข็งแกร่งขึ้น
[ว้าว ฉันกลายเป็นหนึ่งเดียวกับชินล่ะ!]
“อ่า ใช่แล้ว… แน่นอนเลย ฉันรู้สึกแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
ฉันค่อนข้างจะหลีกเลี่ยงคำพูดของริยูและโฟกัสไปที่ข้างหน้า มันเแป็นรูปธรรมของริยู
[ฉันสามารถเป็นรูปธรรมในรูปแบบมนุษย์ได้ไหม?]
“แบบไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
[อู อะ โอเคร]
ในไม่ช้ามังกรดำก็ได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ด้วยร่างกายที่ยาวประมาณ 15 เมตรเธอดูเหมือนกับมังกรจากตำนานตะวันออกจริงๆ เขาทั้งสองข้างของเธอกำลังส่งประกายสายฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่องและเกล็ดสีดำของเธอก็ยังเต็มไปด้วยพลังสายฟ้า
เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ที่น่ากลัวของไพก้า ฉันได้เบิกตากว้างขึ้น ปริมาณมานาที่เธอได้ใช้ไปในตอนนี้แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ริยูก็ยังใช้มานาที่มากขึ้นหลังจากปลดผนึก แต่ว่าก็ไม่ถึงกับระดับนี้
ไพก้านั้นยังไม่ได้ถูกเปิดผนึกโดยสมบูรณ์ จริงๆแล้วเธอเป็นอะไรกันแน่นะ? ฉันได้กลืนคำถามนี้ลงไปและรีบหยิบมานาโพชั่นระดับสูงสุดออกมาพร้อมดื่มมันลงไป แม้ว่าฉันจะอยากรู้ แต่ว่านั่นมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
[ตายซะ… ตายยย!]
[ไม่มีปัญหา ฉันจะอัดนายจนกว่านายจะเกือบตาย!]
มันดูเหมือนว่าไพก้าจะไม่พอใจกับการอยู่ในร่างมังกร ในขณะที่ไพก้าตะโกนออกมาและพุ่งเข้าไปใส่ภูติธาตุลม เขาได้พยายามที่จะโจมตีเธอออกไปด้วยลม แต่ไพก้าได้ส่งเสียงหึและยิงสายฟ้าออกมาจากปาก สายฟ้าของเธอได้จัดการพลังงามลมผสมกับน้ำแข็งไปอย่างง่ายดายและะพุ่งเข้าไปต่อหาเขา ไพก้าได้ตะโกนออกมา
[ลองแสดงรูปธรรมสิ!]
[เธอคิดว่าฉันทำไม่ได้หรอ!? แต่ว่าถ้าฉันทำ…!]
[ถ้านายจะดื้นรั้นและปฏิเสธนายท่านที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก นายก็ควรจะเดิมพันมันด้วยชีวิต]
ไพก้ากำลังปล่อยแรงกดดันที่เหนือกว่าอกมา สายฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ถูกยิงออกมาจากร่างกายของเธอได้กลายเป็นหอกที่พุ่งเข้าไปหาภูติธาตุลม และเขาก็ทำได้เพียงแต่หนีเท่านั้น แม้ว่าเขาจะเป็นอันตรายกับพวกเรามากในชั้นสอง แต่ในตอนนี้เราก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย
ฉันจะชนะได้ไหมถ้าฉันเป็นคนที่ต่อสู้? เธอแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันนะ!? ไม่สิ ฉันไม่สามารถจะยืนอยู่ตรงนี้และปล่อยให้ไพก้าทำทุกอย่างได้
“ไปกันเถอะก่อนที่ไพก้าจะฆ่าเขา”
[อือ!]
ฉันได้ถีบอากาศและพุ่งออกไปด้วยพลังของธาเลเรียและพลังของธาตุ ในมือของฉันคือหอกโกลาหล
“ถ้านายไม่ต้องการจะคุย ฉันก็จะทำมันในแบบที่นายต้องการเอง”
[อู… ไม่นะ ไม่!!!!!!]
[นายท่านเขาเป็นร่างรูปธรรมแล้ว]
การปรากฏกลายของเขาได้ใหญ่โตยิ่งขึ้น หอกของฉันที่แทงออกไปได้ถือจับด้วยมือของภูติธาตุ
[นี่….นี่คือเหตุผลที่ฉันเกลียดมัน!]
เสียงของผู้หญิงได้ดังออกมา ในเวลาเดียวกัน กำแพงลมขนาดยักษ์ได้ถูกผลักมาทางฉัน ฉันได้สร้างเพลิงโกลาหลและผลักมันออกไปจากมือของภูติธาตุ ฉันได้ป้องกันกำแพงลมและพึมพัมด้วยความตกใข
“นาย… ฉันเข้าใจแล้ว”
ภูติธาตุที่ปฏิเสธการสร้างรูปธรรม ภูติธาตุนั้นอาจจะมีเหตุผลหลายอย่างที่ไม่ต้องการสร้างรูปธรรมขึ้น ฉันคิดว่าภูติธาตุที่เป็นอิสระปฏิเสธที่จะเป็นรูปธรรมเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการเสียพลังธาตุ นั่นมันคือสิ่งที่ฉันได้คิดเอาไว้
แต่ว่านั่นมันไม่ใช่ในกรณีของเขา มันเห็นได้ชัดเจนเลยจากรูปลักษณ์ของเขา
หูที่ยาวและใบหน้าที่กระจ่างใส รูปร่างที่สมส่วนซึ่งมันค่อนข้างจะยั่วยวน นี้เป็นลักษณ์ของเอลฟ์เพศหญิง พลังธาตุและมานาอันไร้ขอบเขต เขามีมานาที่ธาตุไม่อาจจะมีได้
“นายได้ทำการฟิวชั่น”
[ใช่ ใช่ ใชแล้ว เป็นเพราะแกเจ้ามนุษย์! เจ้าหลอกฉันด้วยคำพูดที่ว่ามันจะเอาชนะเดม่อนลอร์ดได้!]
มันเห็นได้ชัดเลยว่าเขาคลั่ง ตลอดประวัติศาสตร์การฟิวชั่นของภูติธาตุกับผู้ใช้ธาตุนั้นมีแต่เรื่องที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมเท่านั้น การฟิวชั่นเป็นเวทย์ชั่วร้าย ซึ่งแตกต่างไปอย่างสมบูรณ์กับการให้ภูติธาตุเข้ามาสถิตในร่างด้วยสปิริตออร่าเหมือนอย่างที่ฉันทำ
มันไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เอลฟ์จะทำในสิ่งนี้อย่างที่เขาเพิ่งบอกออกมา มนุษย์นั้นจะต้องมีส่วนร่วมด้วย น่ารำคาญอะไรแบบนี้ ในตอนนี้ธาตุที่ไร้เดียงสากำลังบาดเจ็บ มนุษย์ได้ซ้ำเติมให้เหมือนกับเขาต้องตาย มันไม่มีใครที่จะมาระบายความโกรธของฉันได้ในตอนนี้
[ในตอนนี้นายรู้ใช่ไหม? นายรู้ไหม?]
[ทำไมนายต้องมาคลั่งกับนายท่านของฉัน! เขานั่นไร้เดียงสา เจ้าโง่]
เหตุผลที่ทำให้เขามีรูปร่างหน้าตาเป็นผู้ชายก็อาจจะเพื่อไม่ให้จิตสำนึกของเขากลับไปในรูปลักษณ์นั่น การฟิวชั่นของธาตุและผู้ใช้ธาตุนั้นเพียงเรื่องที่น่าสยดสยอง ใครก็ตามที่ทำแบบนั้นจะไม่สามารถมีเพศที่ต่างกันในพวกเรา ในฐานะนั่นมันจะมีเพียงแต่ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น
[เพซิน่าตายในความเจ็บปวด! ฉันเกลียดมนุษย์ ฉันเกลียดมนุษย์ที่สุด]
“อึก”
ถึงแม้ว่ามันจะไม่เสถียรแต่ว่าการฟิวชั่นของผู้ใช้ธาตุและธาตุนั่นจะทรงพลังจริงๆ พลังลมนั่นได้เหนือกว่าพลังสายฟ้าของไพก้าในทันทีและผลักเธอกลับมา ยังไงก็ตามฉันได้กัดฟันแน่นและพุ่งไปหาเขา… ไม่สิ เธอ
“นานแค่ไหนที่นายวางแผนที่จะทรมานเธอ!?”
[ฉันไม่ได้ทรมานเพซิน่า”
“ถ้างั้นก็จำชื่อของนายไว้และปล่อยเธอไป]
ฉันได้เหวี่ยงหอกออกไป ลูกศรลมที่ถูกยิงมาทางฉันได้ถูกเผาไปทั้งหมด ในขณะนั้นฉันก็บินเข้าไปหาเธอต่อ
[ไม่ ฉันไม่ต้องการที่จะเสียเธอไปตลอดกาล!]
“นายกำลังจะทรมานเธอไปตลอดกาลด้วยเหตุผลที่งี่เง่าแบบนี้ชาราน่า!?”
ถึงแม้ว่าฉันจะพูดมันออกไป แต่ฉันก็อดที่จะตกใจไม่ได้ มันเหมือนกับธาตุนั่นชื่อ…ชาราน่า
[อ่า อ๊าาาาาา]
เธอได้กรีดร้องออกมา และเธอก็ได้เริ่มส่องแสงออกมา จากนั้นฉันก็จำได้ว่าฉันได้ยินชื่อเธอมายังไง ใช่แล้วในความฝันที่ฉันตื่นขึ้นมาเป็นผู้ใช้พลัง ฉันไม่ได้อยู่เพียงแค่กับไพก้าและริยู ชาราน่าก็อยู่ที่นั่นด้วย
“พระเจ้า แบบนี้เคียร่าเป็นประโยชน์จริงๆ…”
เมื่อฉันได้ต่อสู้กับริยู ฉันก็แทบจะจะจำชื่อของเธอไม่ได้เลยแม้ว่าจะสู้กับเธอ ฉันไม่สามารถจะจำความฝันทั้งหมดนั่นได้ ฉันได้เข้าไปหาเธอด้วยความรู้สึกแปลกๆ
[อ่า ฮีาาาาา ชารา ชาราน่า….]
“ชาราน่า!”
ในวินาทีที่ฉันตะโกนชื่อของเธอได้มีบางสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดเอาไว้เกิดขึ้น
[เพซิน่า หยุดกันเถอะ คนๆนี้ไม่ใช่ศัตรูของคุณ… เขาเป็นเจ้านายคนใหม่ของฉัน]
เสียงใหม่ได้ดังขึ้นมา เธอได้เรียกฉันว่าเจ้านาย ในตอนนั้นเองฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันได้ทำความผิดพลาดอย่างมาก คคนที่ฉันเจอไม่ใช่ชาราน่า ฉันควรจะตระหนักได้เมื่อเธอโจมตีผู้ทำพันธะสัญญา
เธอคือเพซิน่าผู้ที่แกล้งทำตัวเป็นชาราน่า
[เพซิน่า ตอนนึ้คุณสามารถจะกลับไปได้แล้ว ดูสิคนพวกนี้มาช่วยพวกเราได้]
[ชาราน่า เธอเชื่อใจมนุษย์หรอ? ฉันไม่สามารถจะทำมันได้]
[เพซิน่า ฉันไม่ต้องการจะเห็นคุณเจ็บปวดนะ… เขาพูดถูก พวกเราควรจะถอยในตอนที่เรายังทำได้]
เมื่อเห็นเสียงสองเสียงกำลังพูดในร่างๆเดียวมันทำให้ฉันรู้สึกทึ่ง ฉันได้มองพวกเธออย่างเงียบๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะชาราน่าพูดออกมา เพวิน่าได้ฟังอย่างวงบมากๆ
[ชาราน่า…. มันจะโอเคกับเธอนะ?]
[เขาเป็นคนที่ดี ดูสิเขามีธาตุตั้งสองตนที่สามารถจะแสดงรูปธรรมได้]
สายตาของเธอได้จ้องลงมาที่ฉัน จากภายในร่างกายของเอลฟ์ ฉันสามารถรู้ถึงได้ถึงสายตาของชาราน่า
[แต่ว่าเจ้านั่นเป็นมนุษย์ เหมือนกับมนุษย์ที่ทรมานฉันและชาราน่านะ!]
“ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกที่จะทรมานธาตุของฉัน ไม่ใช่ว่ามันเห็นได้ชัดเลยหรอกหรอ?”
[แต่ ฉัน….]
[เพซิน่า หยุดทำร้ายตัวเองเธอและพักได้แล้ว โอเคนะ?]
คำพูดของชาราน่าได้ทำให้เพซิน่าเงียบลงไป แม้ว่าเพื่อนๆของฉันจะกำลังต่อสู้อยู่รอบๆพื้นที่ แต่ว่าที่นี่ที่ๆเราอยู่เงียบมาแม้แต่เสียงลมก็ยังเบาไปเมื่อเราได้รอคำตอบของเธอ
ในที่สุดเพซิน่าก็เปิดปาก
[ฉัน…]
[ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้วเพซิน่า]
[ถ้าชาร่าน่า…โอเคกับมัน…]
[มันสำหรับเพซิน่าและฉัน]
[โอเค…]
ด้วยเสียงนั้นเธอได้เอื้อมมือมาหาฉัน ในขณะที่ไพก้าม้วนตัวและมองดูพวกเรา ฉันได้จับมือของเธอ
[ฉันจะเชื่อใจนายเป็นครั้งสุดท้ายมนุษย์]
“ไว้ใจฉันได้เลยเพซิน่า”
[โอเค ตอนนี้ฉันจะพักแล้ว….]
เพซิน่าได้ปิดตาอย่างช้าๆในขณะที่เธอล้มลงในอ้อมกอดของฉัน เป็นที่แน่นอนแล้วว่าการฟิวชั่นได้ถูกคลายและร่างกายของเธอได้ล้มลงเนื่องจากการเสียวิญญาณ ด้วยศพของเพซิน่าในแขนของฉัน ฉันได้มองไปรอบๆ ที่นั่นฉันได้เห็นภูติธาตุ ไม่ใช่ภูติธาตุที่ดูเหมือนกับเด็กชายหรือดูเหมือนเอลฟ์ แต่เป็นภูติธาตุที่สวยงามในชุดที่ถักทอด้วยลม
ในที่สุดฉันก็เข้าใจ เหตุผลที่ชาราน่า ไม่สิเพซิน่าอยู่ในร่างของเด็กชายก็เพื่อป้องกันไม่ใช่ชาราน่าออกมา ในตอนนี้เธอได้ถูกปลดปล่อยจากเพซิน่าแล้ว ชาราน่าได้กลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
เธอดูเหมือนกับเด็กสาวที่มีชีวิตชีวาในช่วงวัยรุนซึ่งผมยาวสีเขียวของเธอได้ถูกมัดออกมาสองข้าง
[ฉันชาราน่า ขอบคุณที่หยุดเพซิน่านะ]
“ฉันคังชิน ยินดีที่ได้พบนะ นอกจากนี้…มันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าฉันจะเป็นผู้รับช่วงต่อทำพันธะสัญญากับเธอ”
อย่างแรกเลย ฉันได้ใส่เพซิน่าลงไปในช่องเก็บของ ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะเผาศพของเธอหรือฝัง แต่ว่าการปล่อยร่างกายของเธอไว้นอกโล่งมันจะทำให้เกิดความเสียหายได้ ชาราน่าได้บินมาหาฉันและพูดออกมา
[เพื่อละลึกถึงการเดินทางของเพซิน่า ฉันต้องการที่จะร้องหายและหลับทั้งคืนในอ้อมกอดของนายท่าน ฉันสามารถจะทำได้หลังจากเก็บกวาดสถานที่นี้ใช่ไหม?]
“ชะ ใช่แล้ว”
[ถ้างั้นก่อนอื่นเรามาทำสัญญากันให้เสร็จก่อนสิเจ้านาย]
ด้วยแบบนั้น ชาราน่าได้บินมาทางฉันและจูบที่ริมฝีปากของฉัน เธอนั่นรวดเร็วอย่างที่คิดเอาไว้กับภูติธาตุลมเลย ด้วยความรู้สึกสายลมเย็นๆได้พัดบนริมฝีปากของฉัน ฉันได้ลืมตาขึ้นในขณะที่ไพก้ากรีดร้องออกมา
[อ๊ากกกกกกกกกกกก!]
ในเวลานั้นก็ได้มีเสียงดังขึ้นในหูของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันไม่ได้ยินมันมานานแล้ว
[คุณได้ทำพันธะสัญญากับภูติธาตุลมชาราน่า ความสัมพันธ์กับธาตุลมของคุณได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล]
[รายชื่อภูติธาตุในพันธะสัญญา
1.ไพก้า – ภูติธาตุสายฟ้า แสดงรูปธรรม ผนึกขั้นแรกถูกปลด การตื่นครั้งที่สอง
2.ริยู – ภูติธาตุน้ำแข็ง แสดงรูปธรรม ผนึกถูกปลด การตื่นครั้งที่สอง
3.ชาราน่า – ภูติธาตุลม แสดงรูปธรรม ผนึกถูกปลด การตื่นครั้งที่สอง]
ด้วยความรู้สึกถึงพลังใหม่ที่ไหลผ่านร่างกายของฉัน ฉันรู้สึกได้เลยว่าพันธะสัญญาระหว่างฉันกับชาราน่าได้ถูกสร้างขึ้น ในเวลาเดียวกันชาราน่าก็ได้ดูดมานาของฉันไปและเริ่มแสดงรูปธรรม เธอได้สูงและโตขึ้น ผมของเธอได้ยาวขึ้นและกระพือในอากาศเพราะลมที่พักรอบๆตัวเธอ
ใช่แล้ว นี่เป็นเรื่องปกติเมื่อถูกปลดผนึก ริยูกับไพก้าก็มีรูปร่างที่เปลื่ยนไปในแบบของตนเช่นกัน ริยูได้กลายเป็นเด็กสาวจากหมาป่าและไพก้าก็ได้กลายเป็นมังกรจากเด็กหญิง
[ว้าว ผนึกได้ถูกปลดในทันทีหลังจากที่พวกเราทำพันธะสัญญากัน! พวกเราอาจจะเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยนายท่าน]
ชาราน้าได้มองไปที่ร่างกายของเธอด้วยสายตาที่เบิกกว้าง จากนั้นก็เข้ามากอดฉันอย่างตื่นเต้น อืมม ทำไมความใกล้ชิดของฉันกับภูติธาตุถึงเพิ่มขึ้นในทันทีหลังจากที่ทำพันธะสัญญานะ?
ในขณะนั้นไพก้าก็ได้มองมาที่ชาราน่าเหมือนกับต้องการจะกินเธอ ฉันได้ดันชาราน่าออกไปเล็กน้อยและตอบกลับไป
“ความสัมพันธ์กับธาตุลมของฉันมันเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว”
มันได้รับการเสริมขึ้นจากหลายๆอย่างด้วยกัน ดังนั้นจึงทำให้ผนึกของชาราน่าได้ถูกปลดในวินาทีที่เราได้ทำพันธะสัญญากัน ในกรณีนี้ชาราน่าจะไม่การเป็นภูติธาตุที่คลั่งอีกแล้ว เมื่อทำธุระเสร็จ ฉันก็ได้หันไปดูว่าคนอื่นๆกำลังทำอะไรกันอยู่
[เขาแพ้!?]
“อา มันกำลังเปิด”
“มันแข็งและก็หนาวมาก”
“ถ้านายเสร็จธุระแล้วก็รีบๆมาช่วยพวกเราสิ”
[วิญญาณน้ำแข็ง จับพวกนั้น!]
“รูเดีย กันมันที”
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่ารูเดีย โอ มิทารัสได้โปรดโอบกอดวิญญาณชั่วร้ายด้วยความรักของท่าน”
[แม่มดน้ำแข็งรับนี้ไปซะ]
“แม่!”
“เพลิงสีชาด”
ผู้ที่โจมตีระยะประชิดทั้งหมดต่างก็สู้กับเกราะยักษ์ในขณะที่หลบหลีกค้อนที่ทุบออกมา ผู้โจมตีระยะไกลได้ทำลายกองทัพลูกน้องที่เกราะยักษ์สร้างออกมาอย่างไม่สิ้นสุด ในขณะนั้นก็ยังโจมตีเกราะยักษ์
“ฮ่าาาาห์ ทลายสวรรค์!”
[ฮึ่ม]
หอกของพ่อได้ปะทะเข้ากับค้อนของเกราะยักษ์ เสียงได้ดังสนั่นออกมา ในขณะเดียวกันแรส มิเชลก็ได้พุ่งเข้าใส่เกราะยักษ์และโจมตีลงไปที่เท้ามันด้วยดาบของเขา
“ฮ่าห์”
[ก๊าซซซซ]
“ฟู่ ตอนนี้แหละ”
“โจมตีและก็วิ่ง เงา”
“ฉันรู้แล้ว คุณลุง”
[เจ้าพยายามจะทำร้ายข้า แต่ว่ามันไร้ประโยชน์]
“แม่”
“กำลังมาแล้ว”
เพลิงยักษ์ได้อยู่เหนือของเกราะยักษ์ เพลิงยักษ์นั้นได้มาอย่างช้าๆแต่ว่าจะทำลายร่างกายของมันอย่างแน่นอน เกราะยักษ์ได้คำรามออกมาและอัญเชิญเหล่าลูกน้องออกมาอีกซึ่งถูกละลายลงไปด้วยคลื่นจากมือของไอน่า เพลิงของฮวาหยาและน้ำแข็งของไอน่ามีส่วนสำคัญในการต่อสู้นี้
“ไพก้าไปกันเถอะ”
[ไว้ใจได้เลยนายท่าน]
ฉันได้สร้างเพลิงโกลาหลอีกครั้งและถามกับชาราน่า
“ชาราน่า อะไรคือสิ่งที่เธอมั่นใจที่สุด”
[นายท่านฉันสามารถจะทำให้ทุกๆสิ่งแข็งแกร่งขึนได้ น้ำแข็งที่หนาวเย็นขึ้น สายฟ้าที่เร็วขึ้น สายฟ้าที่ร้อนแรงขึ้น]
“เยี่ยมเลย ฉันขอโทษนะที่ถามเธอเมื่อเธอเพิ่งจะแสดงรูปธรรม แต่ว่าเธอสามารถช่วยเราได้ไหม?”
[ด้วยความยินดี!]
ร่างกายของชาราน่าดูเหมือนจะกระจายไปในอากาศ ในเวลาต่อมาเพลิงโกลาหัลก็เริ่มพุ่งแรงขึ้นราวกับจะทะลุเพดาน พลังของเพลิงโกลาหลเพิ่มขึ้นเกือบจะสองเท่าในทันที นี้มันเป็นพลังที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งทำให้ทุกๆคนหันมาสนใจที่ฉัน
[เจ้าภูติธาตุถ้างั้นเจ้าเลือกที่จะอยู่ข้างมนุษย์สินะ แม้ว่าท่านลอร์ดจะให้โอกาสแก่เจ้า!]
[คุณปีศาจ ฉันเกลียดปีศาจมากยิ่งกว่าที่ฉันเกลียดมนุษย์ซะอีกนะ ไปกันเถอะนายท่าน!]
ฉันได้ใส่มานาทั้งหมดของฉันลงไปในหอก ชุดเกราะยักษ์ก็ได้ส่งลูกน้องมันมาหาฉัน แต่ว่าไพก้าก็ได้หยุดพวกมันเอาไว้อย่างง่ายดาย ในขณะที่มันกำลังสนใจฉัน พรรคพวกของฉันก็โจมตีอย่างรุนแรง
“ไพก้า”
[อือ]
ถ้าหากที่นี่มีฉันเพียงคนเดียว ฉันก็จะใช้เสียงคำรามสีชาด แต่ว่ามันเป็นทักษะที่จะโจมตีทุกๆคนไม่ว่าจะมิตรหรือศัตรู ดังนั้นการโจมตีที่แข็งแกร่งอย่างถัดมาก็คือเพลิงโกลาหล
[ฉันจะละลายเกราะไขมันของนายเอง]
ในขณะที่ไพก้าและฉันกำลังพุ่งเข้าไปหาเขา ไพก้าก็ได้เปิดปากของเธอกว้างขึ้นและเร่งความเร็ว เธอได้หลบค้อนที่เหวี่ยงลงมาและกัดคอขของมันในทันทีหลังจากนั้นก็ปล่อยพลังสายฟ้าจำนวนมากออกไป ซึ่งทำให้ทั้งห้องถูกย้อมจนกลายเป็นสีทอง
[ก๊าซซซซซซซซซ]
“ตอนนี้โจมตีเลย”
ด้วยช่องว่างที่ไพก้าสร้างขึ้น ทุกๆคนก็ได้ใช้การโจมตีออกไป พ่อได้ใช้คลื่นกระแทกทำตายน้ำแข็งที่สร้างร่างกายของมัน เยอึนและคนอื่นๆที่เหลือได้ทิ้งรอยไว้บนร่างกายของมันด้วยการโจมตีที่รวดเร็ว และแรส มิเชลได้ขยายรอยร้าวนั้นด้วยเทคนิคดาบที่เหนือชั้นของเขา
[แช่แข็ง]
แม้ว่าจะโดนการโจมตีสุดแรงของไพก้า มันก็ยังคงน่ากลัวอยู่ ดวงตาของมันได้ส่องประกายและอากาศก็ได้หนาวขึ้นในทันที ยังไงก็ตามพวกเรามีวิธีจะจัดการกับเรื่องนี้อยู่แล้ว
“นั่นมันไม่ได้ผลกับพวกเราหรอก”
ตามมาด้วยเสียงตะโกนที่ดังของฮวาหยาอากาศได้เริ่มร้อนขึ้น น้ำแข็งที่พยายามจะก่อตัวขึ้นได้ละเหยไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากไอน้ำที่เต็มทั้งห้องโถงนี้ เมื่ออากาศได้ร้อนขึ้น เกราะยักษ์ก็ได้คำรามออกมา
[ก๊าซซซซซซซซ]
จากนั้นฉันก็ได้ตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหว ระหว่างไอน้ำที่หนาแน่นในอากาศ ฉันได้มุ่งเข้าไปหาเกราะยักษ์ มันดูเหมือนว่ามันจะมองเห็นฉันได้ชัดเจนแม้ว่าจะอยู่ในหมอก ในขณะที่มันกระพริบตาก็ส่งหมัดเข้ามาบี้ฉัน
[ข้าเห็นเจ้า เจ้ามนุษย์ขี้ขลาด]
“ฉันคิดไว้แล้วว่าแกจะพูดแบบนั้น ดังนั้นฉันจึงเตรียมสิ่งนี้ไว้ให้แกเลยนะ ชาโดวบิ้ง”
ในวินาทีต่อมาฉันก็ได้มาอยู่ข้างหลังของมัน ด้วยการใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ทำให้ฉันได้มีเวลามากขึ้นและเพิ่มพลังให้กับออร่าความโกลาหลและออร่าฮีโรอิคไปที่ปลายหอก จากนั้นฉันก็ได้แทงออกไปข้างหน้า
[ติดคริติคอล]
หอกของฉันได้แทงทะลุคอของเกราะยักษ์อย่างง่ายดายซึ่งมันได้อ่อนแอลงไปด้วยการโจมตีร่วมกันของไอน่าและฮวาหยา เพลิงได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้น การเสริมพลังของชาราน่าได้ทำให้เพลิงนั้นไม่สามารถจะเมินเฉยได้และในที่สุดก็ได้เผาและแยกคอมันออกไป
[ก๊าซซซซซซซ แก จะ เจ้ามนุษย์ขี้ขลาด!]
“มันอยู่ที่ผลลัพธ์ตอนจบนะเจ้าโง่”
ในขณะที่ฉันเหวี่ยงหอกและสะบัดเพลิงโกลาหล ฉันก็ได้พึมพัมออกมาเหมือนกับเป็นคนในเมืองหนาว ฉันได้รู้สึกแย่มากๆถ้าฉันพูดกับตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นานก็ได้มีเสียงดังขึ้นในหูของพวกเราทุกคน
[คุณได้เอาชนะบอสมอนสเตอร์เหตุการดันเจี้ยน ‘ปีศาจระดับสูงโพเทสร่า’]
[ทอง 4,000,000 จะถูกแบ่งออกไปสู่สมาชิกปาตี้อย่างเท่าเทียม คุณได้รับ 500,000 ทอง]
ในขณะที่สมาชิกปาตี้คนอื่นๆกำลังมองอยู่ ฉันได้ทำท่าทางเท่ๆอยู่บนร่างกายของโพเทสร่าที่กำลังสั่น ฉันรู้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะพูด มันอาจจะเทำไมฉันถึงต้องทำเท่หรือเพลิงของฉันมันโกง แต่ว่าเนื่องจากว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่แต่แรกในการมีส่วนร่วม มันก็คงจะไม่เป็นใน
ฉันได้ตะโกนภายในใจและพูดกับคนอื่นๆ
“เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ”
การเดินทางทั้งระยะสั้นและระยะยาวในครั้งนี้ของพวกเราได้สิ้นสุดลงแล้ว

 

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset