บทที่ 193 – วิญญาณสัมบูรณ์ (5)
เมื่อพวกเราได้เอาชนพกองทัพอากาศเสร็จพวกเขาก็ได้หลบหนีเขาไปในป่าอื่น เดซี่ได้ถอนหายใจออกมา
เธอกำลังขี่หมูป่าเหล็กราน่า เธอได้ปรับแต่งร่างกายเหล็กของมันมากมายและแม้แต่สายฟ้ามันก็ยังผ่านไปได้ แทนที่จะเป็นอันเดตมันกลับเหมือนหุ่นยนต์ล้ำยุคซะมากกว่า
เธอดูจะขี่อยู่บนหลังของหมูป่าเหล็กที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วได้อย่างผ่อนคลาย ในขณะนั้นเธอก็ถามฉันขึ้นมา
“น่ารำคาญ ทั้งโลกนี้มีแต่พวกแมลงเป็นนั้นหรอ?”
“ใช่แล้วมอนสเตอร์เกือบจะทุกตัวบนโลกนี้กลายเป็นแบบนี้มาจะหมื่นปีแล้ว…. เจ้าชายรัชทายาท สายสวยคนนี้เป็นใครหรอ?”
แทนที่จะถามเดซี่ตรงๆเขากลับมากระซิบหูฉันด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน ถ้านายอยากจะทำให้มันเป็นความลับนายก็ไม่ควรจะทำให้มันเป็นที่สังเกตแบบนี้นะ
“ทำไมเจ้าชายถึงเป็นที่นิยมกับผู้หญิงที่มีเสน่ห์แบบนี้ล่ะ!?”
ดูเหมือนว่าเขาจะอยากรู้จริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าก็มีผู้หญิงคนนึงที่รักนายเหมือนกันหรอกหรอ!? เธออยู่ข้างๆนายไง!
“เร็น เดซี่เป็นสมาชิกกิลด์ของฉัน พวกเราไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง เราเป็นแค่เพื่อน”
“อย่าพูดแบบนั้นสิเจ้าชาย มันจะมีคนที่จะมาโลกที่ล่มสลายแบบนี้เพื่อมาช่วยเพียงเพราะเพื่อนงั้นหรอ!? อะ ฉันขอโทษ”
“นายเรียกฉันว่าเจ้าโง่? ห้ามฉันไม่ให้มาช่วยนายหรอ นายต้องการจะตายงั้นสินะ?”
“อ่า นะ นายพูดถูก ฉันไม่ได้เรียกเจ้าชายว่าคนโง่ ฉันไม่ได้สงสัยในมิตรภาพของเราสักนิด….”
ในตอนที่ฉันสร้างออร่าขึ้นมารอบๆถุงมือและจ้องไปที่เร็น เขาก็ได้โบกมือในขณะที่เหงื่อตก เขาเป็นคนที่กล้าหาญในตอนที่ต่อสู้ แต่ว่าไม่รู้ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นคนที่น่าสมเพชในตอนที่เราพูดอะไรแบบนี้
“เจ้าชายและฉันเป็นผู้ชายทั้งคู่ แต่ว่ามิตรภาพที่บริสุทธิ์ระหว่างชายและหญิงนั้นมันหาได้ยาก”
“นายมันล้าสมัยเกินไป….”
ยังไงก็ตามอย่างที่ฉันเคยคิดว่าความสัมพันธ์ของฉันกับฮวาหยาและเยอึนเป็นมิตรภาพที่แท้จริงทำให้ฉันไม่สามารถจะปฏิเสธเขาตรงๆได้ แม้ว่าฉันจะเชื่อในมิตรภาพที่แท้จริงไม่เกี่ยวเพศอยู่แล้วก็ตาม แต่ฉันก็ไม่อยากจะเถียงกับเร็นในตอนนี้ เพราะแบบนั้นฉันจึงยิ้มอย่างขมขื่น
ในขณะนั้นหมูป่าเหล็กของเดซี่ก็ลดความเร็วลงและเดซี่ก็พูดขึ้นอย่างเฉยเมย
“คังชินได้สัญญากับฉัน เพื่อที่จะช่วยโลกของฉัน”
“ใช่ ฉันพูดงั้น”
“การเจอกับคังชินฉันรู้สึกถึง…พลังและความหวัง ฉันเลยได้ตัดสินใจอีกครั้ง…ว่าจะลุกขึ้น ดังนั้นฉันเลยมาช่วยเขา”
เธอกำลังพูดถึงสาเหตุที่เธอมาช่วยฉัน! มันไม่มากหรือน้อยกว่าที่ฉันหวังเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นดูสิ นี่มันคือเหตุผลที่บริสุทธิ์ เพราะแบบนี้ฉันจึงมีความสุข ฉันได้แลบลิ้นใส่เร็นและพูดกับเดซี่
“ขอบคุณมากเดซี่เธอมาช่วยพวกเราไว้”
“บียอนชั้นที่ 13 ได้ถูกเคลียร์จากนั้นฉันก็มา นั่นคือเหตุผลที่ฉันมาช้า”
“เธอไม่ได้มาสายหรอก เธอมาได้ถูกเวลามาก”
“อื้อ… ฉันยังได้อาวุธที่ดีด้วย”
เดซี่ได้ถือแส้เงินเอาไว้ซึ่งมันต่างไปจากอันที่เธอใช้ในก่อนหน้านี้ ถ้าฉันจำได้ไม่ผิดเธอได้พูดว่ามันได้ถูกเสริมพลังด้วยวิธีการเฉพาะตัวในทวีปของเธอหรืออาจจะมาจากเผ่าพันธุ์ของเธอ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธอะไรเธอก็สามารถจะมารวมมันเป็นอาวุธเดียวได้ มันแตกต่างจากหอกโกลาหลเล็กน้อย แต่ว่ามันก็นับเป็นอาวุธที่พัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด
แน่นอนว่าอาวุธที่เธอเสริมพลังให้แส้ก็คือล้านหนวด ฉันไม่ต้องการจะเห็นหนวดของมันอีกและดูเหมือนเดซี่ก็จะคิดแบบนั้นเธอจึงนำมันไปเสริมพลังให้กับแส้ของเธอทันที
“เจ้าชายรัชทายาทได้รางวัลอะไรหรอ? ฉันได้ฮูดระดับอีปิค”
“ฉันไม่บอกนายหรอก”
ฐานะที่ฉันได้มีผลงานมากที่สุดทำให้คนอื่นๆไม่สามารถจะรู้ได้ว่าฉันเลือกอะไรมา ยังไงก็ตามเนื่องจากว่ามีไอเทมเกรดอีปิคเหลืออยู่สองชิ้นหลังจากที่ฉันเลือก เร็นก็ดูเหมือนจะสงสัยมากๆว่ารางวัลที่ฉันได้รับมามันคืออะไร ในทางกลับกันเลอบิคที่ได้อิลิกเซอร์ไปดูจะไม่สนใจอะไรเลยสักนิด
“มันเป็นไอเทมระดับตำนานหรือป่าว? มันเป็นไอเทมระดับตำนานที่ฉันเคยแต่ได้ยินเรื่องเล่ามาจริงๆใช่ไหม?”
“ระดับตำนานมันไม่ใช่ได้มาง่ายๆ”
“แน่นอนว่าไม่ ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนสักชิด”
“ตำนาน….เจ้าของมันมีน้อยมากๆ ฉันมีเพียงอันเดียวเท่านั้น”
เธออาจจะเกิดมาพร้อมกับดวงตามารดังนั้นเธอกำลังหมายถึงสิ่งอื่น ฉันอดที่จะสงสัยในไอเทมระดับตำนานของเธอไม่ได้ แต่ว่าฉันได้เงียบเอาไว้ จากนั้นก็บอกทั้งคู่
“มันไม่ได้เป็นไอเทมระดับตำนานหรอก อีกไม่นานเดี๋ยวก็จะได้รู้เอง”
แน่นอนว่ารางวัลที่ฉันเลือกมาก็คือหนังสือเวทย์ดูดกลืนมานา ทักษะนี้ได้ถูกบันทึกเข้ามาในตอนที่ฉันได้รับมันมา ด้วยทักษะนี้แผนของฉันจึงได้ไร้ที่ติ ฉันได้คิดในทันทีว่าการได้พบกับผู้กินมานานั้นเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ถ้าเป็นในตอนนี้การใช้ทักษะสังเคราะห์ทักษะมันก็จะสมบูรณ์แบบแล้ว
“อีกนานแค่ไหนเราจะถึงทางออกเร็น?”
“พวกเราจะไปถึงที่ราบในระยะอีกเพียง 70 กม….ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะพักก่อนที่จะถึงที่นั่น”
“เป็นความคิดที่ดีเลย เด็กๆก็ต้องเหนื่อยเหมือนกัน”
เด็กนั่นขี่ริยูแต่ไม่ว่ายังไงก็ตามพวกเขาก็นอนหลับอยู่และหากไม่ใช่เพราะความระวังตัวของริยู พวกเด็กๆก็ตกไปนานแล้ว
เดซี่ได้มองไปที่เด็กๆและพูดอย่างเฉยเมย
“ความร่วมมือคือสิ่งที่ดี ความร่วมมือที่ต่างเผ่าพันธ์นั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม”
“เดซี่…?”
“เร็วเข้า ฉันอยากจะกลับไปเร็วๆ”
เดซี่ได้หันไป ราน่าได้ทีบตัวและเริ่มสิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ฉันได้มองไปที่หลังของเธออย่างงุนงงและลืมที่จะวิ่งไป
“เธอนั้นทั้งแข็งแกร่งและสวยมาก… เจ้าชาย นายอาจจะตกหลุมรักเธอก็ได้ คุณหมาป่าสีเงินก็ยังสวยงาม แต่ว่าเธอขาดความสง่างามที่ผู้หญิงพึงมี”
“อย่ามาแนะนำฉันเลยเร็น ถ้าหากว่านายไม่มองคนรอบตัวเองดีๆนายน่ะจะเจ็บเองนะ”
นายควรจะรู้ตัวได้แล้วนะเร็ฯ
ตามที่เร็นได้แนะนำเอาไว้พวกเราได้หยุดพักกันก่อนที่จะไปถึงพื้นที่ราบ บางทีพวกเด็กๆก็อาจจะรู้ว่าเราใกล้จะถึงพื้นที่ราบแล้วเด็กๆจึงรู้สึกกังวล เรื่องนี้เข้าใจได้ง่ายเพราะว่ามันจะยังไม่จบลงจนกว่าพวกเราจะวิ่งข้ามที่ราบไปสู่ชายฝั่ง ฉันได้ปรึกษากับคนอื่นๆในเรื่องนี้แล้ว
“เจ้าหนูพักผ่อนให้พอสำหรับวันพรุ่งนี้ด้วยนะ”
“พี่คะ…หนูกลัว”
“ผมด้วย”
“หลายคนได้ตายไป”
“พวกเราจะตายไหม จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพี่ตาย”
“หนูไม่ชอบแมลง…”
เอลฟ่าและเด็กคนอื่นๆก็ได้ถามฉันอย่างกังวล ฉันได้ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนและปลอบโยนพวกเด็กๆจนหลับไป เร็นและเลอบิคก็เข้ามาช่วยฉันเช่นกัน
หลังจากที่เด็กๆทุกคนหลับลงไปฉันก็ได้ยกเอลฟ่าออกจากตัวฉันลงไปในและเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเธอไปจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน
“เร็น เดี๋ยวฉันมานะ”
“เข้าใจแล้ว อืม…ขอบคุณคุณแอคทราเดี่ยนสำหรับวันนี้ด้วยนะ”
“โอเค”
เนื่องจากว่าพวกอันเดตเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่มีความรู้สึกเหนื่อยและทำตามคำสั่งอย่างเที่ยงตรงดังนั้นพวกมันจึงเหมาะสมสำหรับการเฝ้ายามรอบๆเต็นท์ ยังไงก็ตามนี่มันไม่จำเป็นจะต้องให้เดซี่มาควบคุมตลอดเวลาแต่ว่าเธอดูเหมือนจะไม่ชอบความยุ่งยากในเต็นท์เธอจึงขอออกมาด้านนอก
เมื่อเห็นฉันออกมาจากเต็นท์ ล็อทเต้ที่หลับตาพักก็ได้ลุกขึ้นมา
“ฮีโร่ฉันจะไปด้วย”
“ไม่หรอกล็อทเต้ เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว หลับไปเถอะ เธอทำได้ดีมากในวันนี้”
“อืมม…ถ้าฮีโร่พูดแบบนั้น….”
จากนั้นฉันก็ไปเจอกับเดซี่ที่กำลังพักอยู่บนหลังของราน่า
“นายกำลังจะไปไหน?”
“ทำธุระบางอย่างนะ”
“อื้อ”
“เร็นฝากมาบอกขอบคุณด้วยนะ”
“มนุษย์สัตว์สิงโตหรอ?”
“ใช่แล้ว”
“ฉันไม่ชอบผู้ชาย ความรู้สึกที่พวกนั้นมีต่อฉันยิ่งมากยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด ถ้าพวกเขาทำมัน….น่าขยะแขยง”
เธอได้พูดออกมาแบบขวานผ่าซาก ฉันได้ยิ้มขมในขณะที่ตอบกลับไป
“มันน่าจะเป็นความเคารพจากพลังที่เหนือกว่าของเธอ ในความคิดของฉันเขาอาจจะออกนอกหน้าไปหน่อยดังนั้นอภัยให้เขาเถอะ”
“นายก็เคารพฉันเหมือนกันหรอ?”
“มันไม่จริงหรอ? ฉันคิดว่าเธอคือพรรคพวกที่ฉันไว้ใจให้ปกป้องด้านหลังของฉัน”
“เข้าใจแล้ว”
แม้ว่าเธอจะเป็นคนถาม เธอก็หยักหน้ารับอย่างเฉยเมยกับอะไรซักอย่าง จากนั้นเธอก็มองมาที่ฉันและถ้าออกมา
“แบบนี้มันไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ใช่ มันไม่เป็นไร”
“….โอเคร แล้วเรื่องการต่อสู้นายเป็นอัจฉริยะ ฉันเชื่อใจนาย”
“พรุ่งนี้ปกป้องเด็กๆด้วยนะ”
“ฉันชอบการมีอยู่ที่มีศักยภาพ”
“แค่เรียกพวกเขาว่าเด็กๆก็พอมั้ง”
เดซี่ส่ายหัวและเสริมออกมา
“เด็กๆไม่ใช่เพียงแค่คนเดียวที่มีศักยภาพ คนอื่นๆก็มีศักยภาพเหมือนกันเช่นนาย”
“ขอบคุณที่ชมนะ ถ้าแบบนั้นเธอก็มีเหมือนกันนี่ศักยภาพน่ะ”
“ใช่ฉันรู้ ในตอนนี้ฉันก็ชอบฉันเหมือนกัน”
“ชะ ใช่ นั่นเยี่ยมเลย”
มุมปากของเดซี่ได้ยกยิ้มขึ้น เมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันน่าหลงใหลของเธอทำให้ฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นฉันก็ไอแห้งๆและเดินออกมาหลังจากกล่าวลา เดซี่ได้โบกมือส่งฉันอย่างอ่อโยน
มอนสเตอร์จะอกล่าแม้แต่ในตอนข้างคืน ในช่วงเวลาสั้นๆนี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันได้จัดการพวกมันไปแล้วอย่างน้อยก็ 30 ตัว
“ในที่สุดฉันก็ได้อยู่คนเดียวแล้ว…สังเคราะห์ทักษะ”
‘ฉันใช้มันค่อนข้างจะมากเลยนะในโลกใบนี้’ ฉันได้คิดขึ้นในขณะที่แผ่นหินทรงกลมได้ถูกอัญเชิญมาอยู่เบื้องหน้าฉัน จากนั้นฉันก็ได้เปิดหน้าต่างทักษะและเอาทักษะใส่ลงไป ฉันได้ใส่ทักษะเกราะหนัก ความตายหวนคืน จากนั้นก็ดูดกลืนมานาลงไปในช่องทักษะเสริม
และใส่ทักษะป้องกันวิญญาณลงไปในช่องทักษะหลัก
“ฟู่…นี่มันดีแล้วสินะ? สังเคราะห์ทักษะ!”
วัสดุมีครบแล้วและแผ่นหินก็ได้เริ่มหมุนในขณะที่ส่องแสงสีทองออกมา ฉันได้มองแผ่นหินอย่างมึนงงและลืมแม้แต่จะหายใจ มันไม่ได้ใช่เวลานานนัก สัญลักษณ์โปร่งใสแพรวพราวได้ปรากฏออกมาและเด้งมาที่ใบหน้าของฉันราวกับมันไม่สามารถรอได้อีก
[คุณได้รับทักษะเฉพาะตัว ‘วิญญาณสัมบูรณ์’]
เมื่อฉันได้อ่านคำอธิบายทักษะตาของฉันก็ต้องเบิกกว้างขึ้น มันยอดเยี่ยมไปยิ่งกว่าที่ฉันได้คิดเอาไว้เสียอีก! ไม่เพียงแต่มันจะส่งผลให้กับความคืบหน้าในดันเจี้ยนและการจัดการมอนสเตอร์เท่านั้น แต่มันจะยังช่วยให้ฉันได้รับชัยชนะในวันพรุ่งนี้อีกด้วย
ฉันได้ยิ้มขึ้น คืนสุดท้ายของฉันในทวีปพาแนนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว