บทที่ 210 – มอนสเตอร์ที่ถูกฝึกตัวที่สาม (1)
ภาพรอบๆได้เริ่มถูกละลายไปเหมือนกับในตอนที่เข้าเกตุ ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวฉันก็พบว่าฉันได้มาอยู่บนเนินเขาตอนพระอาทิตย์ตกแล้ว ข้างหน้าของฉันเป็นปราสาทสไตล์โกธิกที่ดูเหมือนจะสูงไปถึงท้องฟ้า
จากนั้นปราตูปราสาทก็เกิดรอยร้าวแม้ว่าจะไม่มีอะไรจากภายนอกไปสัมผัสมันเลยก็ตาม ในไม่ช้าบรรยากาศก็ได้เปลื่ยนไปราวกับว่าปราสาทกำลังเข้ามาใกล้ฉัน มีกลิ่นที่หอมหวานอบอวนออกมาจากด้านในซึ่งดูเหมือนจะทำให้ชายทุกคนตกอยู่ในสเน่หา ฉันได้พบว่าทักษะวิญญาณสัมบูรณ์กำลังทำงานอย่างเต็มที่
“จิตใจของฉัน…ดูจะไม่เป็นปัญหานะ”
วงจรเพรูต้าก็ยังหมุนวนถึงขีดสุดเช่นกัน มานาจำนวนมากได้มารวมที่ร่างกายของฉันและเสริมการป้องกันจิตใจ ในเวลาเดียวกันมันก็ช่วยในการปกป้องร่างกายของฉันเหมือนกับเปลือกหอยอีกด้วย ในตอนนี้ฉันสามารถจะเลียนแบบเพรูต้าได้แล้วในระดับหนึ่ง
“ปราสาทซัคคิวบัส….ดูเหมือนว่าฉันจะต้องลุยไปแบบหนักแน่น”
ฉันได้เตรียมที่จะใช้ในพลังของเทพเจ้าตลอดเวลา ด้วยพลังของซุส ฉันสามารถที่จะฝ่าอุปสรรคได้มากี่ก แต่โชคร้ายที่ฉันไม่สามารถจะใช้คะดูเซียสได้
“ชาราน่าเข้ามาในหน้าไม้ ไพก้ามาอยู่ในร่างฉัน ริยูเข้ามาในเกราะ”
[เข้าใจแล้ว]
[หุ หุหุหุ]
[อื้อ]
แม้ว่าฉันจะดูดมานามากจากรอบๆตลอดเวลาแต่ว่าภูติธาตุทั้งสามก็ยังคงลดมานาของฉันไปอย่างช้าๆ ยังไงก็ตามมันไม่ใช่ปัญหา ฉันแค่จะต้องแย่งมานามาจากศัตรูที่ฉันจะเจอในปราสาทก็ได้
“ไปกันเถอะ”
หลังจากพึมพัมออกมา ฉันได้พุ่งตัวกระโดดเข้าไปในปราสาท สิ่งที่ฉันได้เห็นเมื่อเข้าไปคือห้องโถงที่มีขนาดใหญ่และหรูหรา แถมยังมีซัคคิวบิที่รวมกันอยู่ทุกๆที่มองมาที่ฉัน
พวกเธอทั้งหมดต่างก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน แต่ว่าก็ยังมีความสวยงานที่ถึงขนาดล่มเมืองได้ เพียงแค่มองพวกเธอครั้งหนึ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลยหากผู้ชายจะหลงไหลพวกเธอ พวกเธอแตกต่างไปจากซัคคิวบิในดันเจี้ยนมากๆ ยังไงก็ตามฉันก็ไม่สามารถจะบอกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
ซัคคิวบิที่อยู่ด้านหน้าของฉันดูเหมือนจะรอฉันอยู่ ดวงตาของพวกเธอได้มองมาที่ฉันเหมือนกับผู้หญิงที่ตกหลุมรักและมือของพวกเธอแต่ละคนก็ได้ยกขึ้นมาอย่างสุภาพ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเธอดูเหมือนจะโค้งคำนับ
….แปลก พวกเธอไม่ได้ตั้งท่าต่อสู้
“พวกเรารอคุณอยู่”
ความสงสัยในหัวของฉันได้ถูกปลดออกในทันที
“รอหรอ รอใคร ฉันหรอ”
ฉันได้ถามออกไป เธอคนนั้นดูแตกต่างไปจากซัคคิวบิตัวอื่นๆ เธอได้แต่งกายค่อนข้างเปิดเผย เธอสวมแจ๊กเก็ตหนังและกางเกงหนังที่ดูหรูหรา ปีกของเธอก็ยังแตกต่างไปจากคนอื่นๆอีกเล็กน้อย
ฉันรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าอย่างน้อยเธอก็มีพลังที่มากพอจะให้ฉันต้องยกอาวุธขึ้นมา ในตอนที่ฉันยกหน้าไม้ขึ้นและถามออกไป เธอก็รู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณการต่อสู้ที่ฉันเปล่งออกมาและเธอก็ก้มหัวลงอีกครั้งหนึ่ง
“ได้โปรดเก็บความเป็นศัตรูของคุณกลับไป เราไม่ได้มีเจตนาหรือพลังที่จะต่อสู้กับคุณ”
“ใช่ นั่นก็คือสิ่งที่ฉันคิดอยู่ ที่นี่คือเหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับ SSS แต่ว่าพวกเธอ…อ่อนแอเกินไป”
“หุหุ ดังนั้นราชินีจึงรอคุณอยู่ ได้โปรดตามฉันมา คุณจะได้สามารถเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรีของคุณได้”
“เธอคนนั้นเป็นเจ้าของสถานที่นี้หรอ”
“ทางนี้ค่ะ”
ฉันได้ตามซัคคิวบัสไปและออกไปจากห้องโถง ซัคคิวบิตัวอื่นๆได้ตั้งแถวตรงข้ามกันแบบคู่ขนานและ… พวกเธอโค้งคำนับฉัน แต่ทำไมล่ะ? ทำไมซัคคิวบิถึงสุภาพแบบนี้!?
ทุกๆสิ่งที่ฉันเคยรู้เกี่ยวกับซัคคิวบิดูเหมือนจะไม่ได้ถูกทั้งหมด หรือว่าฉันตกอยู่ในกับดักของพวกเธอ หรือปราสาทที่ฉันเข้ามามันเป็นภาพลวงตา ไม่สิ ฉันไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย
“เข้ามาข้างในสิ ราชินีกำลังรอคุณอยู่”
ในตอนที่ฉันกำลังคิดในหัว ฉันก็มาอยู่ที่หน้าประตูบานใหญ่ที่ดูคล้ายกับห้องบอสก่อนที่จะรู้ตัวซะอีก มันทำให้ฉันอดที่จะถามซัคคิวบัสที่นำถามไม่ได้
“เธอจะให้ฉันเริ่มสู้กับบอสเลหรอ? แล้วฉันต้องสู้กลับคนที่เหลือหลังจากจัดการเธอไหม”
“ตามที่คุณต้องการ”
ฉันไม่เข้าใจในแผนของเธอได้เลย จากนั้นฉันจึงเตะประตูออกไปด้วยความสงสัย ตูม! ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่นประตูได้พังลงและภาพเบื้องหลังได้ถูกเผยออกมา
เนื่องจากว่าปราสาทและประตูมันเหมือนกลับหลุดออกมาจากหนัง ฉันเลยคิดว่าจะได้เห็นบรมแดงที่ลากยาวไปถึงบัลลังค์ แต่ว่ามันกลับไม่ใช่เลย ภายในห้องโถงใหญ่อีกห้องนี้มีเด็กสาวคนหนึ่งกำลังยืนหลับตาอยู่
แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างที่บอบบางของเด็กสาว แต่ผมสีชมผูที่ส่องแสงออกมาของเธอมันได้แสดงให้เห็นว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เธอยังมีเขาอีกสองข้างที่โค้งเหมือนกับเขาแกะ นอกจากนี้เธอก็ยังสวมใส่ชุดที่มองผ่านได้ แต่ต้องขอบคุณที่เธอยังสวมใส่ชุดเกราะสีเงินที่้เหมือนชุดว่ายน้ำไว้ด้านในจึงทำให้ฉันไม่ต้องหันหน้าหนี
ในแง่ของรูปลักษณ์เธอดูจะมีอายุพอๆกับยุย ยังไงก็ตามจากการที่เธอเป็นราชินีซัคคิวบิ เธอมีหน้าอกที่ยั่วยวน แต่ก็ไม่มีปัญหา ฉันเชื่อว่ายุยก็จะโตขึ้นในสักวันหนึ่ง สักวัน
เธอได้เปิดตาออกมา แสงได้ถูกรวบรวมไว้ในนัยตาสีชมพูของเธอ เมื่อเห็นดวงตาของเธอที่่ส่องแวงออกมา ปากของฉันก็ได้ยิ้มออกมาอย่างบิดเบี้ยวและฉันก็ต้องต่อต้านการจ้องมองของเธอด้วยดวงตาของฉัน
ผู้หญิงคนนี้เธอมีดวงตามาร
“คุณเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยม เพียงแต่ว่าสิ่งที่คุณต้องการจากฉันคือการต่อสู้หรอ?”
ตามที่คิดเอาไว้เสียงของเธอก็ยังดูเด็ก ยงไงก็ตามเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและพลัง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อพลังของเธอฉันได้ตอบออกไปตามตรง
“ไม่หรอก เป้าหมายจริงๆของฉันคือรางวัลที่จะได้รับหลังจากเอาชนะเธอ”
“ถ้างั้นก็ยกอาวุธของคุณเถอะ พวกเราค่อยคุยกันทีหลัง”
ราชินีซัคคิบัสได้กางแขนของเธอออกมา เล็บสีเงินของเธอได้ยืดและส่องแสงออกมา ในตอนที่ฉันได้เห็นรอยยิ้วยั่วยุของเธอ ฉันได้ยิงลูกศรหน้าไม้ออกไปพร้อมกับพุ่งเข้าไปหาเธอด้วยความเร็วศักดิ์สิทธิ์ ด้วยทักษะสับเปลื่ยนอาวุธ อาวุธในมือของฉันได้เปลื่ยนไปเป็นหอกโกลาหลในทันทีและชาราน่าก็ยังย้ายร่างเข้าไปในหอกเพื่อเพิ่มพลังให้กับมัน
“ย่ะห์”
“มาดูกันว่าคุณจะทำยังไงต่อ”
ในตอนที่ราชินีซัคคิวบัสได้สร้างโล่เวทย์เพื่อป้องกันลูกศรหน้าไม้ของฉัน ฉันก็หมอบลงไปและหลุดการป้องกันของเธอเข้าไป จากนั้นก็แทงหอกขึ้นไปเล็งที่บริเวณหน้าอกของเธอ เธอดูเหมือนจะเชี่ยวชาญในด้านเวทมนตร์เนื่องจากว่าในตอนที่เธอยังป้องกันลูกศรหน้าไม้อยู่เธอก็ยังเรียกค้างคาวออกมาขวางทางฉันไว้ได้
เนื่องจากว่าฉันคิดเอาไว้แล้วว่าต้องมีการต้านทานบางอย่างฉันจึงยังไม่ได้ลดการ์ดลง เกราะของฉันได้ส่องแางออกมาและทำให้ค้างคาวทั้งหมดล่วงลงเป็นก้อนน้ำแข็งบนพื้น จากนั้นหอกของฉันก็ได้ปะทะเข้ากับเล็บของราชินีซัคคิวบัสซึ่งเธอได้รีบมเอามาป้องหันหน้าอกของเธอ แม้ว่าเป้าหมายของฉันคือการทะลวงร่างเธอฉันก็ยังรู้สึกทึ่งกับการป้องกันของเธอ
นี่คือระดับที่เหนือกว่าของบอสประจำชั้นสินะ เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่ามอนสเตอร์ในบียอนซะอีก แม้แต่ฉันก็ไม่สามารถจะซ่อนความตกใจได้ แต่ฉันก็เข้าไปถึงตัวเธออย่างรวดเร็ว ฉันได้รีบดึงหอกกลับมาและแทงไปอีกที
“ฮีโรอิค สไตรค์”
“อึก เจ้าคนป่าเถื่อน”
สิ่งที่ทำให้ฉันทึ่งเข้าไปอีกก็คือราชินีซัคคิวบัสสามารถจะตามความเร็วของฉันได้ในระดับหนึ่ง แถมนี้คือในตอนที่ฉันอยู่ในระยะผลของความเร็วศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย เธอได้สร้างบาเรียเวทย์ขึ้นมาอีรกครั้ง ในตอนที่ฉันได้ทะลวงมันด้วยฮีโร่อิค สไตรค์ เธอก็ได้ก่งปีกออกมาและป้องกันการโจมตีนี้ด้วยคลื่นออร่าสีเงิน
“คุณแข็งแกร่ง แต่ว่าคุณมันไร้มารยาท… คุณจะต้องไม่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิงแน่ๆ”
“ขอโทษนะ แต่ว่าฉันเหนื่อยกับเรื่องนี้มากเลยล่ะ”
ฉันได้ยิ้มขึ้นกับตัวเองในตอนที่ตอบกลับไป จากนั้นก็ปล่อยคลื่นวังวนเพลิงโกลาหลไปใส่เธอ น่าเสียใจที่เธอได้บินหลบขึ้นไป หลังจากนั้นฉันก็ได้ใช้ธาเลเรียบินตามเธอไป
“คุณเป็นฮีโร่”
“ใช่ ฉันเป็นฮีโร่”
“มีพรอยู่ในร่างของคุณ และด้วยความชะล่าใจนั้น คุณคือแบบอย่างของฮีโร่จริงๆ”
จากนั้นราชินีซัคคิวบัสก็ได้วาดวงเวทย์ขึ้นบนท้องฟ้า ไม่สิ มันไม่ใช่วงเวทย์ตามปกหติ มันเป็นวงเวทย์ที่เต็มไปด้วยพลังของดวงตามารแห่งเสน่ห์ ฉันก็ยังได้ดึงพลังของดวงตามารจนถึงขีดสุดและเรียกพลังของวิญญาณสัมบูรณ์ออกมาจนหมด
แปะ วงเวทย์ได้แตกกระจายและหายไป สิ่งแรกที่เกิดขึ้นเลยก็คือราชินีซัคคิวบัสได้แสดงความตกใจออกมา
“คุณต่อต้านเสน่ห์ของฉัน”
“เธอก็ไม่ได้ถูกแช่แข็งเป็นหินเหมือนกัน ดังนั้นพวกเราก็เหมือนกัน”
ฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากว่าฉันสามารถจะขโมยมานามาได้ในตอนที่โจมตีเธอ ฉันก็ไม่จำเป็นจะต้องเก็บมานาเอาไว้ ฉันได้ไปอยู่ข้างหน้าของเธอในเวลาเพียงแค่ 0.2 วินาทีแอละจัดการโจมตีไปที่ข้างขงเธอ จากนั้นก็แทงหอกออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยพายุหอกสายฟ้า
“ตายซะ”
“คุณเป็นคนที่ใจร้อนคนหนึ่งเลยไม่ใช่หรอกหรอ”
ร่างกายของราชินีซัคคิวบัสได้ส่องแสงออกมามากมาย วงเวทย์ได้ปรากฏขึ้นมาในทุกๆจุดที่หอกของฉันเล็งไปและป้องกันการโจมตีของหอกของฉันได้อย่างดีเยี่ยม แม้อย่างนั้นมานาของฉันก็ได้ถูกเติมเต็มช้าๆ มันหมายความว่าเธอก็ได้รับความเสียหายเหมือนๆกัน
“ฉันกำลังรอนักรบที่มีความสามารถแบบนี้อยู่ แต่ว่าฉันไม่สามารถทำให้ชื่อเสียงของราชินีซัคคิวบัสเสื่อมเสียได้”
ในวินาทีต่อมาเธอได้เอื้อมมือมาและจับหอกของฉัน ในขณะนั้นออร่าก็ได้เล็ดลอดออกมาจากเล็บของเธอและแสงของออร่าสายฟ้าที่ห่อหุ้มหอกของฉันก็ได้ถูกปะทะและย้อมทั้งห้องด้วยแสง ใบหน้าของเธอก็ได้ยื่มเข้ามาหาฉัน ในตอนที่พวกเราอยู่ใกล้กันพอที่จะมองเห็นเส้นขนตาแต่ละเส้นได้เธอก็บดริมฝีปากเข้ามาหาฉัน
เมื่อฉันรู้ถึงสิ่งที่เธอกำลังจะทำฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งที่สามและโหม่งเธอในทันที จากนั้นฉันก็ดีดตัวออกห่างเธออย่างรวดเร็ว
“กรี๊ด”
ราซินีซัคคิวบัสได้น้ำตาไหลออกมา แทนที่จะเป็นความบาดเจ็บทางกายมันกลับดูเหมือนว่าเธอจะได้รับความตกใจทางจิตใจอย่างมากแทน เธอได้ตะโกนเข้าใส่ฉัน
“นายปฏิเสธจูฐของฉัน นายยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม นายกล้าเตะผู้หญิงอย่างฉันได้ยังไง”
“สู้ด้วยพลังของเธอสิ”
“นี้คือพลังของซัคคิวบัส”
“เสน่ห์มันไม่ได้ผลสำหรับฉัน”
ฉันได้ตะโกนกลับไปอย่างรำคาญในขณะที่ล้มกับพื้น จากนั้นก็เปิดใช้งานไกอาบัสเตอร์ ฉันยังใช้แม้แต่ทักษะสังเวยอีกด้วย ทั้งห้องโถงได้พังทลายลงและเศษหินนับไม่ถ้วนที่ถูกหุ้มออร่าสีดำได้พุ่งออกไป ราชินีซัคคิวบัสได้สร้างบาเรียขึ้นมาหลายอันอย่างตกใจในทันที
“นาย”
“นับตั้งแต่ที่เธอชวนฉัน ฉันก็จะเอาชนะเธอด้วยพลัง”
จากนั้นฉันก็พุ่งตัวออกไปบนท้องฟ้าด้วยพลังของธาเลเรีย แสงของพลังฮีโร่ได้เต็มอยู่ในหอกของฉันและผสมกับเพลิงโกลาหลสร้างมาเป็นวังวนที่ยากจะอธิบายได้ ราชินีซัคคิวบัสได้หันหน้าเข้ามาหาฉะนและกางปีกออกทำให้ออร่าสีชมพูหุ้มอยู่ที่มือของเธอ
“นายนี่มันแมนจริงๆ แต่ว่าถ้าแยกความแตกต่างระหว่างเป้าหมายไม่ได้ ฉันก็จะเกลียดนาย”
“ฉันชอบที่จะถูกสาปแช่งจากเป้าหมายที่ใกล้จะตายนะ”
“ฉันจะไม่ตาย”
หอกของฉันได้ปะทะเข้ากับออร่าของราชินีซัคคิวบัสและระเบิดออกมา แม้ว่าพวกเราทั้งคู่จะได้รับความเสียหายฉันก็ได้โจมตีไปอีกครั้งหนึ่ง พลังเพียวๆของเธอนั้นพอๆกับฉัน แต่ยังไงก็ตามในด้านของเทคนิคและความสามารถแล้ว…
วงจรเพรูต้าของฉันได้สั่นไหวอย่างรุนแรงเพิ่มความเร็วในการหมุนวนของวังวรออร่าขึ้น ในตอนนั้นฉันก็ได้เทมานาเพิ่มไปที่การโจมตีอีกทำให้ราชินีซัคคิวบัสได้รับบดเจ็บมาขึ้นและมานาก็ได้ไกลกลับมาที่ฉัน ราชินีซัคคิวบัสได้เบิกตากว้างอย่างตกใจ
“มานาของฉัน…? พวกเราคล้ายกันงั้นหรอ”
“ขอโทษนะ แต่ว่าที่ฉันทำแบบนี้ได้เพียงแค่เพราะได้รับพลังมาจากผู้กินมานาเฉยๆนะ”
ฉันได้ตะโกนออกไปและเทพลังลงไปในหอกมากยิ่งขึ้น ฉันได้ใช้ฮีโรอิค สไตรค์มากยิ่งขึ้นและเปิดใช้งานสังเวยในเวลาเดียวกัน ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ตายด้วยสิ่งนี้ ฉันก็จะเป็นปัญหาแน่ๆ ยังไงสติปัญญาของเธอก็สูงและเธอก็ยังมีมานาเวทย์ที่น่ารำคาญมากๆ การแก้ปัญหาก็คือการโจมตีในตอนที่ฉันเห็นช่องว่าง แม้ว่านี้จะไม่ใช่การโจมตีที่แรงที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ แต่ฉันก็ใส่พลังลงไปเท่าที่มากพอจะทำลายกรุงโซลได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เพียงแค่ในตอนที่ฉันแทงหอกออกไปข้างหน้า เธอก็ยิ้มและพูดออกมา
“คุณผ่านสามีที่รัก ในทุกๆเรื่องเลย”
สองคำนี้คือคำที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนชั่วชีวิตนี้ได้ทำให้ฉันหมดแรงลงไป ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจิตใจฉันจะอ่อนแอมากจนต้องสั่นไหวกับคำพูดนี้ เมื่อคิดว่าฉันจะต้องฝึกตัวเองในตอนที่กลับไปแล้วฉันก็พยายามแทงหอกไปข้างหน้าอีกครั้งหนึ่ง ในความนี้เธอได้พูดออกมาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“เนื่องจากว่าเราสู้กันมามากแล้วจนเหงื่อเต็มตัว ทำไมเราไม่มาพักคุยกันล่ะสามีที่รัก”
“อย่าได้พูดอะไรที่ทำให้คนเข้าใจผิดนะ”
ฉันอดไม่ได้ที่จะเถียงเธอกลับไป