บทที่ 215 – ฮีโร่คืออะไรกันแน่ (1)
[คุณได้ใชอิลิกเซอร์เสริมรอยสักราชินีซัคคิวบัสจนถึงขีดสุดแล้ว รอยสักราชินีซัคคิวบัสได้ถูกเสริมพลังจนถึงขีดสุด พลังเวทย์และเสน่ห์ของคุณเพิ่มขึ้น 14 พลังของทักษะและพลังอำนาจจะเพิ่มขึ้น 1.5 เท่า]
[คุณได้สวมใส่ชุดเซ็ตราชินีซัคคิวบัส พลังเวทย์และเสน่ห์เพิ่มขึ้น 35 ในตอนที่คุณใส่ชุดเซ็ตราชินีซัคคิวบัสอยู่คุณจะสามารถใช้ ‘ฝันร้ายที่แสนหวาน’ ได้วันละครั้ง]
[เมื่อฝันร้ายที่แสนหวานได้ถูกใช้งานกับเป้าหมายที่มีเสน่ห์ต่ำกว่าคุณ คุณจะขโมยพลังชีวิตมาจากเป้าหมายครึ่งหนึ่งและทำให้เป้าหมายติดสถานะ ‘ตกหลุมเสน่ห์’ แต่ว่าหากใช้กับเป้าหมายที่มีเสน่ห์มากกว่าคุณจะสูญเสียพลังชีวิตและมานาครึ่งหนึ่งและตกอยู่ในสถานะ ‘ขาดความกระตือรือร้น’]
ในวันที่เร็นได้ตกมาอยู่ในกับดักที่ชั่วร้าย ฉันก็ได้ประสบความสำเร็จในการพิชิตไอเทมทั้งหมดของราชินีซัคคิวบัส ด้วยการที่พลังเวทย์และเสน่ห์ของฉันได้เพิ่มขึ้น 4 แต้มในทุกๆครั้งที่ใช้อิลิกเซอร์และเพิ่ม 14 แต้ม ในตอนท้าย พลังเวทย์และเสน่ห์โดยรวมของฉันจึงเพิ่มขึ้น 50 แต้ม ด้วยผลจากรอยสักราชินีซัคคิวบัสอีกทำให้พลังเวทย์และเสน่ห์ของฉันได้เพิ่มขึ้นมา 100 แต้มอย่างน่าตกตะลึง
นอกจากนี้ผลของรอยสักก็ยังไม่ได้หยุดแค่นั้น มันยังเพิ่มผลเสน่ห์ของฉันเป็นสองเท่าอีกด้วยหากเจอกับเพศตรงข้าม และฉันยังสามารถใช้การเพิ่มมานาเป็นสองเท่าได้วันละครั้งอีกด้วย
แม้ว่ามันจะมีผลเสียที่ซ่อนเอาไว้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะต้องใช้มัน ทักษะหลายๆทักษะของฉันก็มีผลของค่าเสน่ห์ในการเป็นตัวช่วยเช่นกันดังนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีที่มีค่าเสน่ห์มากๆ
“พลังของทักษะเพิ่ม 50% นี่ฉันเข้าใจ… แต่ว่าพลังอำนาจนี่คืออะไร”
ดวงตามารอาจจะนับรวมด้วยละมั้ง
ดวงตามารเป็นพลังที่มีผลขึ้นอยู่กับพลังเวทย์และเสน่ห์ของฉันมากที่สุดเนื่องว่าผลของมันจะขึ้นอยู่กับค่าพลังเวทย์ของฉันเป็นพื้นฐานมันจะยังช่วยเสริมระดับความแตกต่างระหว่างฉันเป้าหมายและอารมณ์เชิงลบของเป้าหมายที่มีต่อฉัน
ดวงตามารนี้ราวกับว่าได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นของฉัน
เพียงแค่หลังจากที่ฉันได้รับรอยสักซัคคิวบัสมามันก็แทบจะเพิ่มพลังของดวงตามารมาถึงครึ่งแล้ว แต่ว่าในตอนนี้ที่ฉันได้กินอิลิกเซอร์เสริมมันจนสมบูรณณ์ทำให้มันพัฒนาขึ้นมาอีก 50% ฉันแทบจะอยากทดสอบมันในทันทีแล้ว
“ในตอนนี้ฉันสามารถจะทำให้มอนสเตอร์ในบียอนเป็นหินได้หรือยังนะ ไม่สิ นั่นอาจจะเกินจริงไปหน่อยละมั้ง…. เอาล่ะ ไว้ไปกวาดล้างอาณาเขตที่ถูกยึดบนโลกและทดสอบมันทีหลังละกัน”
ถึงแม้ว่าในไม่กี่วันมานี้ซัคคิวบิก็ได้จัดการมอนสเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าพวกมันจะซ่อนตัวอยู่ก็ตามพวกมันก็ไม่สามารถจะหลบซ่อนตัวจากซัคคิวบิที่เชี่ยวชาญในด้านนี้ได้ หลังจากได้ลองสังเกตการจากดาวเทียมดูก็พบได้ว่าจำนวนมอนสเตอร์ได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
มันราวกับความพวกเธออดกลั้นกับความหิวโหยมาเป็นเวลาตลอดเวลา ซัคคิวบิได้ดูเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดจนแห้ง เมื่อมอนสเตอร์ถูกซัคคิวบิดูดพลังเวทย์ไปมันจะไม่มีศพหรือแม้แต่มานาสโตนทิ้งเอาไว้เลย ดังนั้นการพูดแบบนี้จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่ว่ามอนสเตอร์ได้หายไปโดยสมบูรณ์ เพราะแบบนี้มอนสเตอร์บนโลกก็ได้ลดน้อยลงช้าๆ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะแต่ว่าสมาชิกกิลด์รีไวเวิร์ลก็ควรที่จะไปร่วมมือกับซัคคิวบิในการกวาดล้างมอนสเตอร์ไปด้วย
อีกไม่นานประเทศที่สูญเสียพื้นดินไปให้กับมอนสเตอร์ก็จะได้คืนมาอย่างช้าๆ ในทันทีที่ฉันคิดแบบนั้นใจฉันก็เต้นแรงขึ้น ฉันเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนเพียงผู้เดียวที่จะเป็นคนสั่งการการทำงานที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ในอดีตตอนที่ฉันได้พบเรื่องของดันเจี้ยนฉันไม่เคยที่จะคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
“ฉันมั่นใจว่าเราทำได้ เอาตรงตรงเรายังมีโอกาสที่จะกวาดล้างมอนสเตอร์และปีศาจทั้งหมดออกไปก่อนที่การบุกรุกจะมาถึงอีกด้วย”
ฉันได้พึมพัมออกมาด้วยรอยยิ้ม ฉันได้เริ่มที่จะมองไปในอนาคตในตอนที่เดม่อนลอร์ดมาถึงมันจะเป็นยังไงกันนะ
ต้องขอบคุณการที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอด 10 วันทำให้ฉันสามารถที่จะปกปิดเสน่ห์ของฉันได้บ้างแล้ว ค่าสเตตัสเสน่ห์เป็นค่าสถานะที่ข้องเกี่ยวกับพลังเวทย์ในระดับหนึ่ง ฉันสามารถจะปิดกั้นเสน่ห์ของฉันได้ด้วยการโคจรวงจรเพรูต้า
แม้ว่ามันจะพูดค่อนข้างง่ายแต่ว่าฉันก็ยังไม่เชี่ยวชาญมันนะ ยังคงมีเสน่ห์ที่รั่วไหลออกมาแต่ว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาอีกแล้ว
“การได้เห็นชินมีความสุขแบบนี้แสดงว่าชินจะต้องพิชิตไอเทมทั้งหมดจากบอสเสร็จแล้วสินะ”
“ใช่แล้ว ทักษะของบอสประจำชั้นนี่น่าทึ่งมากๆ”
อา เมื่อมาลองคิดมันดูทักษะของบอสประจำชั้นมันก็ไม่ใช่ในแบบที่ฉันหวังเอาไว้ ฉันหวังว่าฉันจะสามารถสังเคราะมันร่วมกับทักษะที่ได้มาจากชั้นที่ 60 และชั้นที่ 10 ของบียอนได้…. แน่นอนว่าทักษะฝันร้ายอันแสนหวานมันก็ยังคงเป็นทักกษะที่ทรงพลัง เพียงแต่ว่ามันก็ไม่มีอะไรที่ต่างจากการฆ่าตัวตายเลยหากไม่มีเสน่ห์ที่สูงพอ
สิ่งที่ฉันสงสัยมาตลอดว่าทำไมราชินีซัคคิวบัสถึงดูจะมึนงงในตอนที่ฉันเข้าไปโจมตีเธอซึ่งตอนแรกฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นบัคอะไรบางอย่างของดันเจี้ยน แต่แล้วมันกลับมาเป็นว่าเธอได้ใช้ทักษะของเธอล้มเหลวเนื่องจากว่าฉันมีค่าเสน่ห์ที่สูงยิ่งกว่าเธอต่างหาก
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ”
“ชินกำลังจะไปไหน”
“แน่นอนสิว่าเป็นบียอนชั้นที่ 15”
“พักสักหน่อยสิ”
โรเล็ตต้าได้ตะโกนออกมา แต่ฉันได้ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราสามารถพักเล่นกันได้หลังจากชั้นเคลียร์บียอนชั้นที่ 15 แล้ว”
“….จริงนะ”
“จริงสิ”
“เย้”
โรเล็ตต้าได้กระโดดชูมือขึ้นอย่างมีความสุข หลังจากที่ฉันยิ้มให้เธอเป็นครั้งสุดท้ายฉันก็มุ่งหน้าไปที่ทางเข้าสู่บียอนชั้นที่ 15 ในตอนนั้นเองจู่ๆโรเล็ตต้าก็ตะโกนออกมา
“รอเดี๋ยวก่อนนะ ที่บียอนชั้นที่ 15 นะ”
“ว่าไง มีอะไรหรอ”
“หว่า ที่นั่นนะ…. แม้แต่นักสำรวจบียอนก็ยังไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จในการท้าทายครั้งแรกเลย รอเดี๋ยวก่อนนะ ฉันจะไปขู่ตาแก่….ลอร์ดและให้เขามอบประโยชน์บางอย่างให้ชิน”
“โรเล็ตต้า มัน….สายไปแล้ว”
ร่างกายครึ่งหนึ่งของฉันได้ผ่านประตูไปแล้ว โรเล็ตต้าได้ขมวดคิ้วขึ้น
“โธ่ ถ้าชินตายก็มาที่สวนแฟรี่นะ แล้วจากนั้นเราจะได้ไปเล่นด้วยกัน”
“มันดูเหมือนว่าเธอจะตีความว่าฉันจะตายแล้วนะ”
ฉันได้ตะโกนบอกโรเล็ตต้าที่มั่นใจว่าฉันจะต้องตายแน่ๆ ในวินาทีต่อมาฉากรอบๆก็ได้เปลื่ยนไป ฉันได้เข้ามาสู่บียอนชั้นที่ 15 ซึ่งแม้แต่นักสำรวจในอดีตต่างก็ล้มเหลวในการสู้ครั้งแรกกันทุกคนมาแล้ว
“นับตั้งแต่ที่ฉันเข้ามาที่นี่ ฉันก็หนีไม่ได้อีกแล้ว….”
ในตอนนั้นเองฉันก็นึกได้ว่าในรีไวเวิร์ลมีนักสำรวจบียอนที่อยู่ในระดับสูงอยู่ ฉันได้ส่งข้อความหาเธอในทันที
“เดซี่”
[อื้อ]
เธอได้ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว และเสียงของเธอก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
[ที่คฤหาสน์ สุมิเระทำอาหารให้ฉัน อร่อยมากเลยล่ะ]
“อื้อ ดีแล้วล่ะ…. ฉันมีอะไรสักอย่างจะถามหน่อยนะ”
[ฉันกำลังกินอยู่ ไม่ว่าง]
“เธอเคลียร์บียอนชั้นที่ 15 ไปหรือยัง”
[….ฉันยังอยู่ที่ชั้น 82 พึ่งจะเคลียร์บียอนชั้นที่ 14 ไป คังชินนายอยู่ที่ชั้นที่ 15 หรอ]
[รอฉันด้วย ไปชั้นที่ 15 ด้วยกัน]
“นั่นมันเป็นไปได้หรอ”
[อื้อ สร้างปาตี้จากนั้ก็เข้าไป มันก็เหมือนกับชั้นปกติแหละ มันเป็นไปได้]
“เข้าใจล่ะ… แต่ว่าฉันอยู่ข้างในแล้ว
[…..]
“ขอโทษนะ ฉันไม่เคยคิดว่าเราจะสามารถท้าทายบียอนเป็นปาตี้้ได้ ถ้างั้นไว้พวกเราท้าทายชั้นที่ 16 ด้วยกันนะ”
[ฉันจะกลับไปกินอาหารล่ะ]
“ได้เลย ได้”
ฉันได้คุยกับเดซ๊่จบลงอย่างเสียใจ มันจะดีกว่านี้ถ้าเธอบอกฉันเร็วกว่านี้…. แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่คิดว่าฉันจะมาถึงชั้นที่ 15 เร็วแบบนี้
อย่างที่พูดไป แม้ว่าพวกเราจะเคลียร์ชั้นที่ 15 ด้วยกัน ความเร็วในการเคลียร์ดันเจี้ยนของเดซี่ก็จะต่างออกไปเมื่อเทียบกับฉัน เธออยู่ในเลเวลประมาณแปดสิบและชั้นอยู่ที่ประมาณหกสิบเท่านั้น ฉันสามารถจะปีนไปในดันเจี้ยนได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง แม้ว่าฉันจะไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป แต่ฉันก็ยังเร็วกว่าของเดซี่อยู่ประมาณหนึ่ง ถ้าหากเขาพยายามที่จะปรับความเร็วของพวกเรา เราก็จะต้องเสียเวลาไปเปล่ามากกว่าจำเป็นซะอีก
แน่นอนว่ามันคงจะเป็นการดีที่จะเคลียร์ชั้นที่ 15 ด้วยกัน… ให้ตายสิ
“เฮ้อ ยังไงมันก็สายไปแล้ว ฉันแค่จะต้องเข้าไป”
ฉันได้ถือหน้าไม้เอาไว้ และในตอนที่ฉันได้เห็นอาวุธของบอสประจำชั้น ฉันได้วางแผนที่จะยิงลูกศรหน้าไม้ออกไปและเปลื่ยนอาวุธในทันที ซึ่งมันจะทำให้หอกของฉันได้รับโบนัสจากทักษะสับเปลื่ยนอาวุธ
ฉันยังได้อัญเชิญภูติธาตุของฉัน ในตอนนี้ฉันต้องการที่จะให้ความสำคัญกับพลังมากกว่าความเร็ว ฉันได้ให้ไพก้าเข้าไปในอาวุธของฉัน และเพื่อที่จะเพิ่มพลังป้องกันและสร้างโอกาสในการสวนกลับฉันได้ให้ริยูเข้าไปในเกราะของฉัน ในท้ายที่สุดเพื่อที่จะเพิ่มความเร็วและได้รับพลังในการบิน รวมไปถึงการเพิ่มพลังโดยรวททั้งหมดของฉัน ฉันได้ให้ชาราน่าเข้าไปในร่างกายของฉัน
นอกไปจากนี้ฉันยังปล่อยเสน่ห์ที่ปิดกั้นเอาไว้ออกมา กลิ่นหอมหวานได้ถูกปลดปล่อยออกมาซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันได้มาจากผลของจิตวิญญาณนักฝึกมอนสเตอร์ แม้ว่ามันจะเป็นพลังของฉันแต่ฉันก็ไม่ค่อยพอใจกับมัน
“นี้มันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะใช้ความพิโรธของเทพแห่งท้องฟ้า ฉันอาจจะต้องใช้มันเพื่อช่วยชีวิตฉันไว้ในช่วงสำคัญ”
ฉันได้เตะประตูออกมา จากนั้นเองฉันก็ตะโกนในสิ่งที่ฉันมักจจะตะโกนออกไปเสมอ
“มาสู้กัน นาย….หา”
ฉันอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างออกมา มันใหญ่ พื้นที่ขนาดใหญ่มากๆกำลังรอฉันอยู่
“นี้มัน….”
บอสของบียอนชั้นที่ 15 ที่ควรจะเป็นการรวมกันของอัศวินโครงกระดูกและกูลยักษ์ หรือจะให้พูดก็คือมันเป็นอันเดทที่ทำมาจากกระดูกและมีเนื้อที่เน่าเปื่อย พลังในการฟื้นฟูที่ยอดเยี่ยมและมีทักษะในการพุ่งเข้ามาจู่โจมที่น่ากลัว แต่แล้ว…..
[ก๊าซซซซซซซซซซซ]
มันได้คำรามออกมา มีอยู่หลายจุดที่ชิ้นเนื้อได้หายไปและเผยให้เห็นกระดูกสีดำและหางที่ทำมาจากกระดูกแกว่งไปมาในอากาศ ผิวของมันนั้นเน่าเปื่อย แม้ว่าร่างกายส่วนใหญ่ของมันจะทำมาจากกระดูก แต่แม้อย่างนั้นฉันก็ไม่มั่นใจนัก ฉันมีความรู้สึกว่ามันมีพลังในการฟื้นฟูอย่างไม่น่าเชื่อและมีทักษะพุ่งเข้ามาโจมตีที่ไม่สามารถจะหลบได้ แน่นอนว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคืออันเดต
[ก๊าาาาาาาาาาา]
[มังกรซอมบี้ได้ใช้ ‘เสียงคำรามแห่งความข้องใจ’ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะต้องอยู่ภายใต้คำสาปที่ทรงพลังและร่างกายของพวกเขาจะกลายพันด้วยความไม่พอใจแห่งปีศาจ พื้นที่นี้จะถูกความวุ่นวายและความกลัวแทรกซึมเข้ามา]
[วิญญาณที่บริสุทธิ์ของคุณได้สะท้อนคำสาปกลับไป คุณได้ลบล้างผลกระทบทางจิตใจทั้งหมด คุณได้ต่อต้านการกลายพันธุ์โดยสมบูรณ์ทำให้ร่างกายของคุณไม่กลายพันธุ์]
ความจริงที่่ว่าฉันได้สะท้อนผลของมันทั้งหมดกลับไปได้เป็นสิ่งที่ดี แต่ยังไงก็ตามมันมีสิ่งที่สำคัญกว่านั้น
“ใครมันจะไปชนะเจ้าบ้านี่ได้ในการสู้ครั้งแรกกันฟ๊ะ”
และคนที่สู้กับมังกรตัวนี้ที่มีขนาดยาวกว่า 200 เมตรไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฉัน คังชิน