บทที่ 326 – ด้วยพลังของตัวนายเอง (6)
พอลได้กลับไปที่อีเดียส ในเมื่อเขาแกร่งขึ้นมามากในระหว่างยูกับสมาชิกรีไววอร์ลทำให้ฉันรู้ดีว่าเขาจะไม่เป็นอะไร
หลังจากส่งพอลไปแล้ว ฉันก็ได้เดินไปที่ห้องฝึกซ้อม และก็เป็นอย่างที่คิดพ่อกับสุมิเระกำลังประลองกันอยู่ ฉันได้เฝ้ารอจนกระทั่งพวกเขาประลองเสร็จและแสดงตัวออกไป
สุมิเระได้แทงหอกลงไปบนพื้นและเอนตัวพิงกับหอกเพื่อพักหายใจ เมื่อเธอเห็นฉันเธอได้กระโดดขึ้นมาอย่างตกใจ
“คะ คุณชิน! คุณก็อยู่ที่นี่ด้วย!?”
“ใข่แล้ว เธอพัฒนาขึ้นได้แล้วมากเลยนะ ฉันดีใจนะที่ได้เห็นเธอพยายามอย่างหนัก”
“เฮะๆ”
สุมิเระไม่ได้ซ่อนความสุขของเธอเอาไว้เลย แต่ว่าพ่อที่ยืนขางๆก็ได้เดาะลิ้นขึ้นมา
“ใครเขาจีบผู้หญิงแบบนี้กัน แทนที่จะมาประลองงหอกกัน ลูกน่าจะพาเธอได้ดื่มชาอะไรดีกว่านะ”
“สุมิเระเป็นศิษของผม…”
ฉันได้ตอบคำพูดไร้สาระของพ่อไป และเข้าไปประลองกับพ่อในทันที ฉันได้เก็บมานากับสกิลเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้สู้กันด้วยแค่ร่างกายและเทคนิคหอกกัน พ่อก็ได้พัฒนขึ้นมามากในดันเจี้ยนทำให้ร่างกายของพอก็ทรงพลังมากเช่นกัน และในฐานะที่พ่อเป็นคนสอนเทคนิคหอกให้กับฉัน เพราะงั้นคงไม่ต้องอธิบายถึงเทคนิคหอกของพ่อหรอก
แต่แน่นอนว่าฉันก็แกร่งกว่าพ่อมาก
“ปีศาจ… นี่ฉันเป็นคนให้กำเนิดปีศาจขึ้นมา”
“พ่อไม่ได้ให้กำเนิดใครสักหน่อย แม่ต่างหากที่คลอดผมออกมา”
ถึงแม้ว่าเราจะประลองกันเป็นเวลาสั้นๆแค่ห้านาทีเท่านั้น แต่ว่าพ่อก็ลงไปนอนท่วมเหงื่อบนพื้น จากนั้นฉันได้หันไปมองสุมิเระที่ทีสายตาเป็นประกายตื่นเต้น
“เอาล่ะมาดูกันว่าเธอพัฒนาไปมากแค่ไหนแล้ว”
“ค่ะ คุณชิน!”
เนื่องจากว่าสไตล์การต่อสู้สุมิเระต่างไปจากพ่อทำให้การประลองกับเธอสนุกมาก เธอจะใช้หอกในการโจมตีและใช้โล่ในการตั้งรับ ยังไงก็ตามการรุบและรับของเธอก็ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยแนวคิดแบบนี้ หากว่ามีโอกาสเธอก็จะใช้โล่ของเธอโจมตีและใช้หอกในมือรับการโจมตี
เทคนิคการใช้โล่ของเธอได้อยู่ในระดับที่ฉันไม่อาจจะให้คำแนะนำใดๆกับเธอได้แล้ว และเธอก็ได้ยึดมั่นสร้างสไตล์การใช้หอกมือเดียวด้วย ยังดีที่ฉันสามารถจะช่วยเธอในการใช้หอกได้และช่วยเธอแก้ปัญหาหลายๆอย่างผ่านการประลองของเขา
“ขอบคุณนะคะ! คุณชินน่าทึ่งมากๆ”
“ทำไมเธอถึงไม่พูดแบบนี้กับฉันด้วยนะ?”
“อ่า อาจารย์คนที่สองก็น่าทึ่งเหมือนกัน!”
“ขอบคุณนะ… แล้วนี่เมื่อไหร่ลูกจะไปปืนดันเจี้ยนต่อล่ะ?”
“ก็หลังจากได้แกว่งหอกสักสองสามครั้ง แล้วถ้าเป็นไปได้ก็หลังจากได้เจอกับฮวาหยาแล้วก็ไอน่า ผมกำลังคิดจะไปเคลียร์บียอนดชั้นที่ 39 ดันเจี้ยนที่หนึ่งชั้นที่ 90 แล้วก็บียอนด์ชั้นที่ 40 ในทีเดียวน่ะ”
พ่อได้หยักหน้าและจากนั้นก็พูดอย่างมั่นใจ
“เมื่อเร็วๆนี้ลูกสาวคนใหม่ของฉันกำลังยุ่งอยู่กับเคียร่า ถ้าลูกไปที่โลกลูกก็น่าจะเจอเธอนะ”
“…เข้าใจแล้ว”
เมื่อฉันได้หันไปมองสุมิเระ เธอก็ได้หยักหน้าอย่างไม่ลังเล
“ดูเหมือนว่าพี่สาวจะกำลังพยายามทำนายถึงคลื่นเหตุการณ์ดันเจี้ยนครั้งใหม่นะ”
“อ่า”
แน่นอนว่านี่คือหนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุด ฉันอยากจะไปที่โลกในทนัที แต่ว่าก็เพราะฉันได้พูดว่าแกว่งหอกสักสองสามครั้งทำให้สุมิเระกำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งหวัง ฉันได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมา
หลังจากฉันได้ฝึกเทคนิคหอกไปสองสามครั้งแล้วฉันก็ได้หลบหนีจากเธอกลับไปที่โลก
เมื่อฉันได้เข้ามาในบ้านกิลด์บนโลก ฉันก็ได้ยินเสียงดังอยู่ในห้องครัวและได้กลิ่นหอมอบอวลออกมา เมื่อฉันได้เข้าไปในห้องครัวฉันก็ต้องเจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึง
“ไอน่ายังไม่ได้กินอะไรเลย”
“นี่เรากำลังรอคุณพ่อกันอยู่หรอค่ะ?”
“เราจะเอามันไปวางไว้บนหน้าเคก ทำความสะอาดแล้วก็หั่น หนูทำได้ใช่ไหม?”
“อื้อ!”
ฮวาหยากำลังขยับตัวไปมาอย่างวุ่นวายในชุดผ้ากันเปื้อน ที่มาของกลิ่อนหอมก็คือเค้กเนยที่เต็มไปด้วยน้ำตาลซึ่งฮวาหยากำลังทำมันอยู่
ฉันได้ขยี้ตาออกมา
“แม่ค่ะ เมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับมา?”
“สุมิเระกำลังยื้อเขาเอาไว้อยู่ ถ้าเราทำเค้กพัง พวกเราจะต้องทำใหม่อีกครั้ง เพราะงั้นหวังว่าสุมิเระจะทำได้ดีนะ…”
“คุณพ่อชอบเค้กหรอค่ะ?”
“ชินกินทุกอย่างนั่นแหละ แต่ว่าก็ชัดเจนมากว่าเขาชอบของหวานที่สุด คุณลุงยงอู… คุณพ่อก็บอกแบบนั้น เพราะงั้นเขาชอบแน่”
ฮวาหยาได้แสดงสีหน้าสดใสออกมา เธอดูน่ารักเป็นพิเศษเมื่อเธอได้ยิ้มออกมา
“หุหุ ฉันจะทำให้เขารู้ว่าฉันทำได้เหมือนกัน! เมื่อรวมกันกับการโจตีของไอน่าด้วย เขาจะทนไม่ไหวแน่”
“ไอน่ากำลังจะโจมตีคุณพ่อกับคุณแม่?”
“พวกเรากำลังจะใช้เค้กโจมตีเข้าไปในหัวใจเขา ไอน่าก็ชอบที่ได้เห็นคุณพ่อมีความสุขใช่ไหมล่ะ?”
“อื้อ!”
“อ่า อย่าหั่นเมล็ดองุ่นสิ! นี่ไอน่าหั่นมันได้ยังไงกัน!?”
“หนูก็แช่แข็งแล้วก็หั่นครึ่ง หนูทำดีใช่ไหม?”
หลังจากดูมาจนถึงตอนนี้แล้วฉันก็ได้เดินออกมาเงียบๆ หากเป็นเมื่อก่อนฉันก็น่าจะแกล้งเข้าไปทำให้ฮวาหยาต้องแสดงสีหน้าเขินๆ แต่ในตอนนี้สิ่งแรกที่ฉันคิดก็คือปล่อยให้ตัวเองต้องตกใจ แต่ฉันจะต้องทำยังไงกันนะให้มันสมจริง? นี่คือสิ่งที่อยู่ภายในหัวของฉัน
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องปล่อยฮวาหยาทำงานของเธอต่อไปแลวไปดันเจี้ยนสินะ”
ฉันยังรู้สึกได้ถึงตัวตนเคียร่าในบ้านกิลด์ สุมิเระอาจจะไม่ได้โกหกในตอนที่เธอบอกว่าเคียร่าพยายามจะทำนายถึงคลื่นลูกถัดไปของดันเจี้ยน เมื่อฉันได้กลับมาฉันก็น่าจะได้รู้ถึงผลลัพธ์
ฉันได้เดินทางไปดันเจี้ยนด้วยเสียงฮัมเพลงอย่างมีความสุข แม้กระทั่งในขณะที่ฉันบุกทะลวงบียอนด์ชั้น 39 ที่เต็มไปด้วยอัศวินแห่งความตายกับลอร์ดแวมไพร์ แต่ว่าฉันก็ยังคงอารมณ์ดีเช่นเดิม
[ผู้ท้าชิง]
[ผู้ท้าชิงปรากฏตัวแล้ว]
เมื่อผ่านมาถึงจุดหนึ่งมอนสเตอร์ในบียอนด์ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นฉัน มันไม่ใช่เพราะฉันแข็งแกร่ง แต่มันแค่เพราะว่าฉันอยู่ที่นี่
[เขากำลังพยายามจะไปสูงขึ้น]
[ตัวฉันกำลังเต็มไปด้วยความอิจฉา มาทำให้คนๆนี้ต้องทรุดตัวด้วยความสิ้นหวังกันเถอะ]
[เราต้องเก็บความไม่พอใจเอาไว้ตลอดมาเพราะไม่มีทางเลือก นายแกร่งพอที่จะรับมันไหม?]
“หยุดส่งเสียงดังน่ารำคาญได้แล้ว เข้ามากันได้เลย”
ฉันได้ชี้หอกออกไปทางพวกเขาและจุดเพลิงแห่งความโกลาหลขึ้นที่ปลายหอก บียอนด์ยาวไกลมาก หากว่าฉันเดินเล่นเหมือนมันเป็นสวนสาธารณะ ฉันก็คงจะต้องใช้เวลาหลายวันถึงจะผ่านมันไปได้ เพื่อที่จะผ่านมันไปให้ได้ในวันเดียวฉันได้ใช้ความเร็วศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“พวกนายไม่มีสิ่งที่ฉันต้องการอีกต่อไปแล้ว”
[พลังเวทย์นี่มัน…!]
[มะ มนุษย์ครอบครองพลังเวทย์ที่มหาศาลแบบนี้ได้ยังไงกัน!]
ฉันได้พุ่งตัวออกไป เพลิงแห่งความโกลาหลได้โหมกระหน่ำขึ้นมาหลังจากที่กลืนกินพลังเวทย์ของฉันลงไปและเพลิงนี้ก็พุ่งเข้าใส่ลอร์ดแวมไพร์กับอัศวินแห่งความตาย
เพลิงโกลาหลจะเผาผลาญทุกๆอย่างที่มันได้สัมผัส ถึงแม้ว่าจะมีอัศวินแห่งความตายบางคนที่หลบไปได้ แต่ว่าเมื่อพวกเขาได้พยายามโจมตีมาที่ฉันด้วยดาบที่สร้างด้วยออร่าแห่งความตาย เหล็กกล้าก็ได้ดูดออร่าพวกนั้นลงไป
[อะไรกัน!?]
“ขอบคุณสำหรับพลังงานแห่งความตาย”
พลังของฉันได้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี วิญญาณสัมบูรณ์และนรกสีชาด และในตอนนี้การยึดครองของเหล็กกล้า พลังพวกนี้จะขโมยมานาจากอะไรก็ตามและใครก็ตามที่โจมตีเข้าใส่ฉันและทำให้มานานั้นกลายมาเป็นของฉันในพริบตา
“รับคืนไปเลย”
[คืน? อ๊ากกกกก!]
ฉันได้ส่งมานาที่ได้รับมากลับคืนไปที่หอกและแทกเข้าไปในร่างมอนสเตอร์ตรงหน้าฉัน ฉันได้โจมตีศัตรูทั้งหมดด้วยการแทงศัตรูอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง นี่คือพายุหอกสายฟ้า
ลอร์ดแวมไพร์กับอัศวินแห่งความตายมีพลังเวทย์และพลังป้องกันที่สูงมากอย่างที่คิดไว้ แต่ยังไงก็ตามพวกเขาไม่อาจจะทำอะไรได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน ไม่ว่ามอนสเตอร์ตัวไหนที่ปรากฏอยู่ต้องหน้าฉันก็จะต้องกลายเป็นอนุภาคแสงหายไป
[เจ้ากล้าที่จะดูถูกอัศวินผู้ปกครองความตายงั้นหรอ!? ข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็นถึงพลังแห่งความตายที่แท้จริงเอง]
“มาเลยสิ!”
อัศวินแห่งความตายได้เริ่มสร้างวงเวทย์ขึ้นมาด้วยพลังงานแห่งความตาย
[รับไป ดาบแห่วความตาย!]
“อ่อนแอ!”
ถึงฉันจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ดาบที่ถูกอัญเชิญขึ้นมาก็ยอดเยี่ยมมากทีเดียว ดูเหมือนว่าอัศวินแห่งความตายจะเสียพลังงานแห่งความตายไปอย่างถาวรเพื่อสร้างดาบเล่มนี้ขึ้นมา ดาบเล่มนี้ได้เข้าโจมตีศัตรูโดยที่ไม่ต้องมีใครถือเลยแม้แต่คนเดียว
ยิ่งมีอัศวินแห่งความตายมากยิ่งขึ้น จำนวนดาบที่ลอยอยู่รอบๆก็มีมากขึ้นหลายร้อยเล่ม! เนื่องจากเจ้าพวกนี้ได้ใช้สกิลพิเศษนักสะสมความตาย ทำให้ฉันบอกไม่ถูกเลยว่าเจ้าพวกนี้เป็นอัศวินหรือนักสะสมดาบกันแน่!
“แต่ว่านี่ยังไม่ใกล้เคียงกับคำว่าพอ! มากกว่านี้อีกสิ! อย่าบอกว่านี้คือทั้งหมดที่พวกนายทำได้แล้ว?”
[ย๊ษกกกกก!]
เมื่อพวกอัศวินแห่งความตายถูกเยาะเย้ยทำให้พวกเขาได้โกรธขึนมาและเริ่มใช้เวทย์มืดตามแต่ล่ะคน
[คำสาปแห่งความตาย!]
[คำสาปแห่งความบ้าคลั่ง!]
[คำสาปแห่งโรคระบาด]
อย่างที่คิดเลยพลังแห่งความตายสามารถจะสร้างคำสาปได้หลากหลายแบบ ฉันได้มองไปที่วงเวทย์ที่พวกเขาสร้างขึ้นมาและถามขึ้น
“มีคำสาปอื่นอีกไหม?”
[หลังจากโดนคำสาปทั้งหมดนั่นเจ้ายังสบายดีอยู่ได้ยังไง!?]
อัศวินแห่งความตายได้ถามออกมาอย่างตกตะลึง ฉันได้หยักหน้าและตอบกลับไป
“นั่นเพราะคำสาปไร้ผลกับฉันไงล่ะ”
[เจ้าสารเลว!]
“เอาล่ะ เป็นบทเรียนที่ดีมากเลย ขอบใจมาก!”
เมื่อพลังแห่งความตายที่หนาแน่นได้ไหลเข้าไปในหอกฉัน อัศวินแห่งความตายก็ผงะไปและก้าวถอยไป ฉันได้ใช้หอกสร้างวงเวทย์ขนาดใหญ่ขึ้นกลางอากาศ
[ไม่มีทาง…!]
“มีสิ
[เจ้าใช้พลังแห่งความตายได้!]
จากวงเวทย์สีดำที่ฉันได้วาดขึ้นมาทำให้มีดาบใหญ่มากมายเริ่มโผล่อออกมา แม้ว่าอัศวินแห่งความตายจะไม่มีพลังมากพอที่จะอัญเชิญดาบหลายเล่มพร้อมๆกันได้ แต่ว่าฉันต่างออกไป ฉันมีพลังแห่งความตายมากกว่าพวกเขาหลายต่อหลายเท่า
ฉันได้ใช้พลังแห่งความตายอย่างมากมายเพื่อสร้างเป็นดาบหลายร้อยเล่มออกมาจากวงเวทย์และปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า จากนั้นฉันได้เสริมพลังของดอร์ตูเข้าไปภายในดาบ ไม่ว่าจะเป็นอัศวินแห่งความตายหรือลอร์ดแวมไพร์ก็ไม่อาจจะปิดปากลงได้เมื่อเห็นฉากนี้
[นี้มัน… บ้ามากๆ…!]
[ไม่ใช่ว่าพวกนายเพิ่งจะสอนเจ้านั่นไปหรอ!?]
[เงียบปากไปเลยพวกแมงเม่าน่ารำคาญ!]
ในท้ายที่สุดดาบก็ได้เริ่มเข้าต่อสู้กับพวกเขา ฉันได้มองอย่างสบายๆออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้ ตอนนี้หากว่ายังมีอะไรที่พวกนายยังไม่โชว์ออกมาอีก ก็ทำมันซะตอนนี้นะ”
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง ฉันก็ได้เรียนรู้วิธีการใช้พลังแห่งความตายจากอัศวินแห่งความตายทั้งหมดและจากนั้นฉันก็ได้ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ และในท้ายที่สุดฉันก็ออกไปจากบียอนด์ชั้นที่ 39 ตอนนี้ถึงเวลาต้องไปกินเค้กแล้ว