Infinite Competitive Dungeon Society – บทที่ 329 – ด้วยพลังของตัวนายเอง (9)

Infinite Competitive Dungeon Society - บทที่ 329 – ด้วยพลังของตัวนายเอง (9)

บทที่ 329 – ด้วยพลังของตัวนายเอง (9)

[เป็นมานาที่มหาศาลมาก!]

ดูเหมือนเขาก็ไม่สามารถจะรับการโจมตีของฉันตรงๆได้ เขาได้บินหลบไปและเหวี่ยงความส่งคลื่นออร่าขนาดยักษ์ออกมา แค่อยู่ใกล้ๆกับคลื่นนี้ก็ทำให้ร่างกายและกระดูกมนุษย์ธรรมดาเน่าเปื่อยไปได้แล้ว

[ฟู่]

ฉันได้ใช้ลมหายใจแห่งความตายและใช้การยึดครองรับแรงกระแทกจากออร่าเอาไว้ แต่ว่าการโจมตีของลอร์ดแห่งความตายก็ไม่ได้อ่อนแอจนถึงขนาดที่ฉันจะใช้การยึดครองรับเอาไว้ได้หมด ฉันทำได้แค่ลดพลังของมันลงไปด้วยการใช้วิญญาณสัมบูรณ์ขโมยมานาของมันเท่านั้น และเหล็กกล้าก็จะสามารถป้องกันการโจมตีส่วนที่เหลือได้

[นี่คือความสามารถของอัศวินแห่งความตาย! นี่นายถึงขนาดที่ดูดซับออร่าฉันเข้าไป… นายเป็นผู้กลืนกินมานางั้นหรอ?]
“นายควรจะห่วงเรื่องอื่นก่อนนะ”

หลังจากฉันได้รับการโจมตีไว้แล้ว ฉันก็ได้พุ่งตัวกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังงานสีดำมืดที่หมุนวนอยู่รอบกายลอร์ดแห่งความตายได้เปลื่ยนไปเป็นหนามแหลมนับร้อยพุ่งเข้ามาใส่ฉัน ฉันไม่คิดว่าฉันจะถูกหลามแหลมพวกนี้โจมตีเลยสักนิดเดียว ต่อหน้าเหล็กกล้าการโจมตีเล็กๆน้อยๆพวกนี้ต่างก็ไร้ค่า

ฉันได้ตวัดหอกออกไป ในเวลาต่อมาได้เกิดการระเบิดขึ้นบนหลังของลอร์ดแห่งความตาย ฉันได้ยิงมานา 500,000 ออกไปเป็นบูมเมอแรงวนกลับใส่หลังของเขา

ผ้าคลุมสีดำที่โบกสะบัดอยู่บนหลังลอร์ดแห่งความตายได้หายไป ฉันคิดว่านี่น่าจะเป็นการโจมตีที่รุนแรงาก แต่ดูเหมือนว่าผ้าคลุมนั่นจะมีความสามารถในการรับการโจมตีได้หนึ่งครั้ง ฮึ่ม ถ้ารู้แบบนี้ฉันน่าจะใช้มานาไปแค่สัก 300,000

[นี่นายควบคุมยิงออร่ามาได้อย่างอิสระเลย? น่าทึ่ง]
“นี่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเอง”

การใช้พลังแห่งความตายกับลอร์ดแห่งความตายน่าจะไร้ความหมาย นอกไปจากนี้ในระหว่างที่ฉันใช้ลมหายใจแห่งควมตายอยู่ ฉันก็ทำได้แต่ดูดเอาพลังแห่งความตายของลอร์ดแห่งความตายมาได้เท่านั้น เพราะแบบนี้จึงมีแค่เพลิงแห่งความโกลาหลเท่านั้นที่ลุกไหม้อยู่บนหอกของฉัน

[ข้าดอร์ตู กำลังวิเคราะห์เกราะศัตรู]
“ฝากด้วยนะดอร์ตู ไพก้าแสดงรูปธรรม”
[เข้าใจแล้ว]

เมื่อมังกรสายฟ้าได้ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า ลอร์ดแห่งความตายก็ได้ผงะไป ในอีกด้านหนึ่งไพก้าได้พุ่งเข้าใส่ลอร์ดแห่งความตายในทันทีที่เธอแสดงตัวตนออกมา พลังงานสายฟ้าที่ทรงพลังได้หมุนวนรอบร่างกายของเธอรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อก่อน

[คุคุ ฉันไม่เคยจะเสียเปรียบเลย ฮีโร่ผู้กอบกู้ ฉันมั่นใจว่าจะต้องรู้ถึงพลังของนาย]
“นายรู้อะไรงั้นหรอ?”
[แน่สิ เพราะฉันก็คือราชาแห่งความตาย]

หืม? ราชาแห่งความตาย? ไม่ใช่ว่าฉันเคยเจอคนที่เรียกตัวเองว่าราชาแห่งความตายเหมือนกันงั้นหรอ? ถ้างั้นหมอนี่ก็เป็นลิซ?

ในตอนนี้ฉันก็ได้หลับตาลขยายประสาทสัมผัสมานาออกไป ยังไงก็ตามฉันก็หาภาชนะแห่งชีวิตของเขาไม่เจอ ดูเหมือนเขาก็จะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ฉันทำ ทำให้เขาได้ส่ายหน้าหัวเราะออกมา

[หากว่านายกำลังมองหาภาชนะที่เก็บวิญญาณฉันอยู่ล่ะก็ ฉันจะบอกให้นะ มันอยู่ในร่างฉันไงล่ะ]
“ในตัวนาย?”
[แน่นอนสิ การแยกวิญญาณออกไปจากร่างกายและเก็บเอาไว้ที่อื่นเป็นวิธีที่ดีในการเป็นอมตะ แต่ว่าวิญญาณก็จะมัวหมองไปในทันทีที่แยกจากร่างกาย เพราะงั้นฉันถึงได้แยกวิญญาณออกมาและผนึกมันไว้ภายในร่าง หากว่านายทำลายฉัน นายก็จะทำลายวิญญาณฉันไปด้วย]
“นี่นายจะไม่ใจดีไปไหนหรอ?”

ทำไมเขาถึงได้มาบอกจุดอ่อนของตัวเองกันล่ะ? เจ้าหมอนี่มีความปกติทางสมองงั้นหรอ ยังไงก็ตามฉันได้หยักหน้าออกไปราวกับนี่เป็นเรื่องธรรมดา

[เพราะแบบนี้แหละจะทำให้การต่อสู้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น!]
“การต่อสู้…?”

เจ้าหมอนี่… เขาบ้าไปแล้ว? ฉันได้มองเขาออกไปแบบนี้

“นี่นายบ้าไปแล้ว?”

ไม่สิ ฉันได้เผลอพูดออกไปแล้ว

[เหตุผลที่ฉันทำให้ชีวิตฉันต้องลดสภาพลงมาเป็นสิ่งชีวิตแบบนี้ก็เพื่อต่อสู้ เพื่อที่จะได้รับประสบการณ์กับการปะทะกันของมานาและพละกำลังที่ทรงพลัง! ความทอเยอทะยานของคนๆนั้นที่ต้องการก้าวข้ามโลกทุกๆใบได้ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ เพราะแบบนั้นฉันถึงได้อดทนมาตลอดมา ในเมื่อตอนนี้ฉันได้ต่อสู้กับฮีโร่ผู้กอบกู้ในท้ายที่สุดแล้ว นายยังจะมาดูถูกว่าฉันเป็นคนช่างพูดอีกงั้นหรอ?]
“นี่นายกำลังจะบอกว่านายได้กลายมาเป็นลิซก็เพื่อที่จะต่อสู้?”
[ถูกแล้ว]

ฉันได้ลดหอกลงอย่างตกตะลึง แต่ว่าเขาก็ยังคงพูดไม่จบ

[การสูญเสียพลังแห่งโลกมันไม่ใช่เรื่องสำคัญกับฉันอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือไม่มีใครเหลืออยู่ในทวีปให้ฉันได้อีก! เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ชุบชีวิตของคนที่ฉันฆ่าไปให้กลายมาเป็นอัศวินแห่งความตายและมุ่งไปที่โลกอื่นต่อ ในตอนนั้นฉันก็ได้ทำการฆ่าขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงเวลาที่ไม่มีใครให้ฉันฆ่าอีก ฉันก็จะได้เจอกับคนๆนั้นอีกครั้งหนึ่ง]

ใครกันที่บอกว่ามีแต่ผู้แพ้เท่านั้นที่มาติดอยู่ในดันเจี้ยน? ฉันคงต้องเปลื่ยนแนวคิดในเรื่องนี้ ศัตรูของโลกกำลังบอกกับฉันแบบนั้น เขาได้เข้ามาในดันเจี้ยนด้วยความตั้งใจของตัวเอง เขาถึงขนาดยอมแพ้ต่อพลังแห่งโลก!

พอมาคิดดูแล้วอัศวินแห่งความตายคนแรกที่ฉันได้เจอก็ดูจะสนุกไปกับการต่อสู้โดยไม่สนเรื่องอื่นด้วย ยังไงก็ตามอัศวินแห่งความตายก็ยังคงมีความแค้นต่อดันเจี้ยนอยู่ซึ่งต่างจากลอร์ดแห่งความตาย แต่ว่าบางทีความโกรธอาจจะพุ่งตรงไปที่ลอร์ดแห่งความตายที่เป็นคนฆ่าพวกเขาและลากพวกเขาเข้ามาในดันเจี้ยนด้วยก็ได้

“คนๆนั้นคือลอร์ดแห่งดันเจี้ยนงั้นหรอ?”
[คนๆนั้นได้ยื่นข้อเสนอมาให้ฉัน! ให้ฉันได้ต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลังเพียงพอจะเอาชนะฉันได้!]

…ฉันได้เดินก้าวไปข้างหน้าด้วยสัญชาตญาณ นี่คือการเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัวที่ไม่สนใจถึงแรงกดดันจากคำพูดเขา ศัตรูตรงหน้าฉันนั้นรักการต่อสู้ยิ่งกว่าใครๆที่ฉันเคยเจอ ศัตรูแแบบนี้ก็คือศัตรูที่น่ากลัวที่สุดง

“นายเชื่อในคำพูดนั้นแล้วอยู่ที่นี่ตลอดเวลาเลย?”
[แน่นอนสิ การต่อสู้กับพวกอ่อนแอมันไร้ค่า]
“นายรอฉันอยู่”
[ถูกแล้ว]

คำนี้มีนัยยะหนึ่งซ่อนอยู่

เชอร์ราฟิน่ารู้ว่าฉันจะมาที่นี่ ฉันหรือฮีโร่ผู้กอบกู้ซักคน

“เอาเถอะ นั่นมันก็ไม่ได้สำคัญหรอก”

การต่อสู้กับเดม่อนลอร์ดใกล้เข้ามาแล้ว ถ้าฉันเอาชนะลอร์ดแห่งความตายและได้รับพลังของเขามา นี่ก็จะเป็นประโยชน์กับฉันอย่างน่าเหลือเชื่อ

“นี่นายพูดจบหรือยังล่ะ?”
[นายดูจะไม่ตกใจเลยนะ]
“ก็ไม่เชิง”

ฉันได้ยิ้มและยกหอกขึ้นมา

“เอาล่ะมาสู้กัน ฉันก็ชอบการต่อสู้เหมือนๆกันนั่นแหละ”

ถึงฉันจะมีสิ่งต่างๆให้ปกป้อง แต่ว่ามันก็คงจะน่าเบื่อหากฉันไม่ได้สนุกไปกับมัน ฉันได้ตะโกนขึ้นมา

“ไพก้า ดอร์ตู!”
[เข้าใจแล้ว]
[ข้าดอร์ตู กำลังเริ่มการลบล้าง]
[เยี่ยมมาสู้กันเลย!]

ในขณะที่ลอร์ดแห่งความตายได้บีบอัดมานาจำนวนมหาศาลเข้าไปในขวาน ไพก้าก็พุ่งตรงเข้าไปใส่เขา ในเวลาเดียวกันดอร์ตูได้เริ่มที่จะทำลายเกราะลอร์ดแห่งความตาย แต่ว่าลอร์ดแห่งความตายได้จ้องมาที่ฉันและพุ่งเข้ามาโดยไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นเลย พลังจำนวนมหาศาลกำลังพุ่งเข้ามาใส่ฉัน

[นายจะหลบไหม!?]
“ทำไมฉันจะต้องหลบการโจมตีอ่อนแอแบบนี้ด้วย!”

ฉันได้ส่งมานานับแสนเข้าไปภายในหอกและสร้างออร่าโปร่งแสงขึ้นมา เมื่อลอร์ดแห่งความตายได้ให้มันในระยะใกล้เปลวเพลิงในดวงตาเขาได้เบิกกว้างแสดงความตกใจออกมา ยังไงก็ตามนี่มันสายเกินไปแล้ว หอกและขวานได้เข้าปะทะกันจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกที่มีพลังมากพอจะฉีกมิติได้เลย

[ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! นายคือนักรบคนแรกเลยที่รับขวานของฉันตรงๆได้!]
“ฮีโร่ของโลกที่นายบุกไปก็แค่อ่อนแอเท่านั้นแหละ”

ฉันได้สบัดหอกอีกครั้งหนึ่งด้วยรอยยิ้ม เกราะลอร์ดแห่งความตายไร้ซึ่งรอยขีดข่วนจากการแทงของฉัน ดอร์ตูได้พยายามอย่างมากแล้ว แต่ว่ามันดูเหมือนว่าเกราะของลอร์ดแห่งความตายจะทนทานเป็นอย่างมาก

[อ๊า พลังปีศาจ ลุกไหม้!]

ในอีกด้านหนึ่งไพก้าก็ได้ปล่อยสายฟ้าออกมาให้มากที่สุดเท่าที่เธอทำได้ใส่บนหัวของลอร์ดแห่งความตาย พลังแห่งความตายของลอร์ดแห่งความตายได้ป้องกันสายฟ้าของไพก้าเอาไว้ และส่งผลทำให้ขวานของเขาพลังอ่อนลง ในเสี้ยววินาทีนี้ฉันได้ปัดขวานของเขาออกไปก่อนที่จะแทงออกไป

“ทำไมนายไม่อัญเชิญอะไรออกมาซักหน่อยล่ะ?”
[ฉันสู้คนเดียวมาตลอด!]
“เพราะงั้นนายก็จะแพ้ฉันไงล่ะ! เสียงคำรามสีชาด!”

หลังจากแทงหอกออกไปบังคับให้ลอร์ดแห่งความตายต้องถอยกลับไปแล้ว ฉันก็ได้อ้าปากส่งเสียงคำรามออกมา พื้นที่รอบๆตัวได้ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงชานในทันที เพลิงนี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากันกับสายฟ้าของไพก้า เพลิงกำลังลุกไหม้เผาพลังแห่งความตาย!

[ช่างเป็นเพลิงที่อบอุ่นจริงๆ! คริสตัลแห่งความตาย!]
“โอ้! ฉันชอบพลังนี่!”

พร้อมๆกับเสียงตะโกนได้มีพลังงานสีดำพวบพุ่งขึ้นมาและก่อตัวขึ้นมาเป็นคริสตัลโปร่งแสงปกป้องลอร์ดแห่งความตายจากเสียงคำรามสีชาดเอาไว้ ฉันได้จดจำรูปแบบการขยับของพลังงานแห่งความตายเอาไว้ จากนั้นก็ยกหอกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อป้องกันขวานลอร์ดแห่งความตายที่กำลังพุ่งเข้ามา

“อย่างที่บอกไป นายเอาชนะไม่ได้หรอก!”
[ในการต่อสู้ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้! ยับยั้ง!]

ในตอนนี้พลังแห่งความตายที่แข็งตัวได้เปลื่ยนไปเป็นโซ่และงูพุ่งเข้ามาใส่ฉัน มันได้ทะลวงผ่านพลังเสียงคำรามสีชาดที่อยู่ทั่วทุกที่และดูเหมือนจะไม่ได้รับผลใดๆจากสายฟ้าของไพก้าด้วย โซ่พลังงานแห่งความตายนี้ดูเหมือนจะต้องการทะลวงผ่านร่างฉัน

“ก็ลองดู!”

ยังไงก็ตามลอร์ดแห่งความตายไม่ได้รู้ถึงพลังของเหล็กกล้าเลย! ฉันได้ใช้มานาของฉันเพิ่มพลังให้กับเหล็กกล้า เหล็กกล้าได้ปล่อยแสงสีดำออกมากลืนกินโซ่ที่กำลังลอยเข้ามาหาฉัน

“ฉันจะใช้มันให้เป็นประโยชน์เอง”
[อะไรกัน!?]

ลอร์ดแห่งความตายได้ตะโกนออกมาอย่างตกตะลึง โซ่สายฟ้าได้มาพันรอบแขนของฉันและเริ่มบีบรัดเกราะของลอร์ดแห่งความตายจากอีกฝากหนึ่ง ฉันได้สะบัดโซ่ลงมาด้วยรอยยิ้ม มานาประมาณ 200,000 ได้เปลื่ยนไปเป็นออร่าและถูกส่งออกไปที่เกราะผ่านโซ่

[อ๊าาาา!]

ลอร์ดแห่งความตายได้ร้องออกมา ดูเหมือนโซ่จะมีความสามารถในการเพิ่มพลังให้กับสิ่งที่ถูกส่งต่อไป เมื่อฉันได้ยิ้มออกมาเหมือนกับชนะแล้ว ลอร์ดแห่งความตายก็ได้ไอเอาเลือดเสียออกมาจากปากก่อนที่จะทำลายโซ่ทิ้งก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา

[ใช่แล้ว ทริคเล็กๆน้อยๆแบบนี้มันไม่ได้ผลกับคนแบบนาย! ย๊ากกกกกกกก!]

พลังแห่งความตายได้ปะทุขึ้นมาจากทุกๆทาง ไพก้าได้บิดร่างของเธอและคำรามขึ้นจากอีกฝากหนึ่งเกิดขึ้นมาเป็นคลื่นสายฟ้าที่เข้าปะทะกับพลังแห่งความตาย ยังไงก็ตามพลังแห่งความตายมีมากเกินกว่าที่จะจัดการลบออกไปจนหมด

ฉันได้เริ่มใช้ลมหายใจแห่งความตายอกครั้งพร้อมๆกับวิญญาณสัมบูรณ์ แม้ว่าลมหายใจแห่งความจะไม่ได้มีเลเวลใดๆ แต่ว่าวิธีที่ลอร์ดแห่งความตายใช้พลังแห่งความตายได้อยู่ในระดับที่ต่างออกไป

[นี่คือพลังที่ฉันได้รับมาจากการล่ะทิ้งการเป็นมนุษย์ไป นี่คือพลังที่ทำให้ฉันแกร่งขึ้น ความตายคืออาวุธ คำสาป และเป็นเกราะที่ซ่อนฉันจากแสงสว่างแห่งชีวิต ฮีโร่ผู้กอบกู้ นายรู้จักความตายไหม?]
“ไม่ ฉันไม่รู้จัก”

ฉันได้ตอบกลับไปนิ่มๆ

“แต่ว่าวันนี้คือวันที่ฉันจะเรียนรู้เกี่ยวกับมัน”

จากนั้นฉันได้ปล่อยหอกแห่งวีรชนออกไปใส่พลังงานแห่งความตายที่กำลังบีบอัดอยู่ในตัวลอร์ดแห่งความตาย

Infinite Competitive Dungeon Society

Infinite Competitive Dungeon Society

ICDS, 무한경쟁던전사회
Score 7.8
Status: Ongoing Type: Author: , , Artist: Released: 2015 Native Language: Korean
อ่านนิยาย Infinite Competitive Dungeon Society เรื่องย่อ : เหตุการณ์ดวงจันทร์แฝดคือจุดเริ่มต้นชองการเปลื่ยนแปลงทุกอย่าง เพราะการปรากฏตัวของมอนสเตอร์และดันเจี้ยนในสังคมยุคใหม่ และผู้ที่ใช้ความสามารถของเขาต่อสู้กับมัน โลกได้กำลังเผชิญหน้ากับประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ นี่คือกำเนิดขึ้นของแหล่งพลังงานชนิดใหม่ๆ และอาชีพดั้งเดิมมากมายได้หดหายไป สามัญสำนึกปกติได้ถูกเปลื่ยนแปลงไปและจินตนาการได้กลายมาเป็นความจริง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset