บทที่ 66 – ชนเผ่ามังกร หลิน (4)
[ฉันประสบความสำเร็จในการทะลวงผ่านชั้นที่ 25 ได้ด้วยตัวเอง]
“โอ้นั่นมันเร็วมาก!”
[ต้องขอบคุณการฝึกอบรมของนายและอิลิเซอร์เสริมกล้ามเนื้อ]
เมื่อฉันได้อยู่ในช่วงกลางของการวิ่งผ่านทางชั้นที่ 30 เรนก็ได้ติดต่อเข้ามา ในขณะที่ฉันได้บดขยี้โครงกระดูกที่ขวางทางฉันก็ได้ตอบกลับไป
“จริงๆมันมีคนไม่มากในชั้นที่ 25 ถ้านายมีปัญหาในการหาปาตี้ให้ถามกับร้านขายของถึงหุ่นไล่กาสมาชิกปาตี้เอานะ นายสามารถใช้ไอเทมพวกนั้นได้”
[เอ๊ะ? ฉันไม่ได้จะทำมันกับเจ้าชายรัชทายาทหรอ?]
“ฉันได้ผ่านมันมานานแล้ว”
[กึก นั่นมันเร็วมาก….อย่างที่ฉันคาดจากอาจารย์ของฉันเลย]
“เร็นนายก็เร็วเหมือนกันแหละ กูลยักษ์มันง่ายใช่มั๊ยล่ะ?”
[ถ้าหากว่าจะมีสิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากนายมันก็คือการหลบการโจมตี ฉันสามารถหลบการโจมตีของพวกมันได้ แต่ว่า…ทักษะไม่ยอมตายของมันน่ารำคาญมาก เพราะแบบนี้ฉันก็เลยจะต้องใช้เวลาถึง 5 ชม. ในการล้มมัน]
“ถ้านายทำลายหัวใจของมันในตอนใช้ทักษะมันก็จะตาย”
[เจ้าชายนี้คือคนเพียงคนเดียวที่ทำสิ่งแปลกๆได้เลยนะ อีกอย่างฉันก็ได้รับฉายาการโต้คืนความตายมา การโซโล่มันก็ควรจะง่ายขึ้นนะ]
ในขณะที่ฉันใช้ฮีโรอิค สไตรค์ และความเร็วศักดิ์สิทธิ์ในการจัดการกับมอนสเตอร์ที่มีชื่อว่าโครงกระดูกนักรบสงครามและโครงกระดูกสเก๊า ฉันก็ได้ตอบเร็นกลับไป
“ฉันชอบทัศนคติของนายจริงๆเลยนะเร็น ขอให้โชคดีล่ะ อย่าได้ปล่อยให้ไอเจ้ากูลยักษ์นั่นฆ่านายนะ”
[เจ้าชายน่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่เรียกบอสชั้นที่ 25 แบบนั้นแหละนะ….]
“อ่า แต่ว่าเร็นนายไม่สามารถจะเก็บทักษะได้เหมือนฉันนี่นา นายจะต้องเลือกระหว่างไม่ยอมตายกับผิวมังกร ฉันอยากจะแนะนำให้นายใส่เซ็ตของอัศวินลิซาร์ดแมนนะ เซ็ตของกูลยักษ์มันไม่ใช่สิ่งที่สมควรจะสวมใส่”
[แล้วฉันสามารถจะซื้อนาฬิกาพกพาแบบนายได้จากไหนกันหรอ?]
“นายก็ลองไปถามเจ้าของชั้นขายของดูนะ”
[ฉันได้ลองดูแล้ว แต่เขากลับถามฉันว่าฉันไปได้ยินเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์โบราณนี่มันจากไหน…แล้วก็ผู้หญิงที่ชื่อโรเล็ตต้าเธอเป็นใคร?]
ขณะที่ฉันบดขยี้โครงกระดูกนักรบสงครามไปมันก็ดรอปเพียงแค่ 5000 ทอง และของอย่างหน้าไม้กระดูกเงินที่โครงกระดูกสเก๊าดรอปออกมา ฉันก็ตอบเร็นกลับไปอีกครั้ง
“พี่สาวเจ้าของร้านที่สวยงามและใจดี…?”
[เธอใจดีแค่กับเจ้าชาย…]
โอ้ หน้าไม้อันนี้มันสวยมาก ถ้าหากมีลูกธนูหน้าไม้อยู่ในช่องเก็บของมันก็จะรีโหลดโดยอัตโนมัติและยิงออกไปเรื่อยๆ นี่มันไม่ใช่ปีนกลหรอ!? สำหรับหน้าไม้นี้มันได้ถูกจากขึ้นมาจากกระดูกสีเงิน ฉันแน่ใจได้เลยว่ามันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม โอ้! มันยังจะได้รับโบนัสความเสียหายเพิ่มขึ้นอีกถ้าลูกธนูมันทำมาจากกระดูกของโครงกระดูกบนพื้น
“ไม่ว่ายังไงก็เอาเป็นว่าโชคดีนะเร็น พวกเราสามารถที่จะจู่โจมด้วยกันอีกที่ชั้นที่ 50 นะ”
[มันไม่มีใครที่สามารถจะปีนไปถึงชั้นที่ 50 ได้]
“เร็นนายสามารถทำมันได้”
ฉันได้แสดงความหงุดหงิดออกมาในขณะที่แขวนหน้าไม้ไว้ที่เอว
“เพราะว่าเร็นนายเป็นศิษย์ของฉัน”
[…นั่น….นายยอมรับฉันแล้วหรอ?]
“ฉันแค่พูดความจริงอย่างนึงฉันอยากที่จะฝึกนายเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี”
[ฉันจะไม่เป็นศิษย์ของนาย]
“ฉันล้อเล่นน่ะ นายทำได้ดีมาก ไปล่ะ”
[อ่า อะ เดี๋ยวก่อน!]
“ว่าไง?”
ในขณะที่โครงกระดูกได้วิ่งหนีฉันไปเพราะฉายาของฉัน ฉันก็เลยได้ใช้ทักษะยั่วยุออกมาพวกดึงดูดพวกมัน จากนั้นฉันก็ใช้เท็มเพรสทำลายพวกมันในขณะที่ถามเร็น
[นะ…นายเคยได้ยินชื่อเลอร์บิค แวนเดี่ยน การ์แนร์มั๊ย?]
“ไม่นะ ฉันไม่เคยได้ยิน”
[…ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า…ฉันก็ถามนายเผื่อไว้น่ะ]
“อย่างที่ฉันพูด ฉันไม่รู้”
[ถ้านายได้ยินอะไรแม้แต่ชื่อนี้ซักนิด…ช่วยบอกฉันทีนะ ฉันขอร้อง]
เพราะว่าเสียงของเร็นนั้นตรึงเครียดผิดปกติ ฉันก็เลยกลายเป็นจริงจังขึ้นในขณะที่ตอบเขาไป เมื่อฉันได้เห็นประตูชั้นที่ 30 ฉันก็ได้กลายเป็นจริงจังมากขึ้น
“เพราะว่าฉันมักจะปีนขึ้นไปในดันเจี้ยนด้วยตัวเองเสมอฉันก็เลยไม่ค่อยได้ยินชื่อของใครนัก….แต่ว่าแน่นอนถเาฉันได้ยินฉันจะบอกนายแน่”
[ขอบคุณมาก]
“ฉันไม่เคยรู้เลยนะว่านายจะห่วงใยชายที่ทำให้นายกลายเป็นนักสำรวจดันเจี้ยนด้วย”
[ฉันไม่ได้เป็นห่วงซะหน่อย! เจ้าชายจริงๆแล้วนายเป็นคนที่มีความคิดที่สกปรกจริงๆ]
ในอดีตเร็นเคยพูดเอาไว้ว่าเซอร์ เลอร์บิคนั้นเป็นคนที่ทำให้เขากลายมาเป็นนักสำรวจดันเจี้ยน ดูเหมือนว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนพิเศษของเร็นเพราะว่าเร็นไม่สามารถจะลืมเขาไปได้
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน เขาเป็นอาจารย์คนแรกของนายใช่มั๊ย? ฉันสงสัยว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ”
[ฟุ ฉันรู้ดีว่าเลยเป็นคนที่มีความสามารถในการแข่งขัน แต่ฉันสงสัยว่านายจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้มั๊ย? ถ้าหากเซอร์เลอร์บิคยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ควรที่จะเป็นอย่างน้อยระดับทอง…อ่า]
“…ตอนนี้ฉันอยู่ที่หน้าประตูบอสชั้นที่ 30 แล้ว ฉันจะมาคุยกับนายในภายหลังนะ”
[อะ อืมมม เข้าใจแล้ว ถ้างั้น…ไว้คุยกันในภายหลัง]
ฉันได้จบบทสนทนาไปและเริ่มที่จะโฟกัสไปที่ห้องของบอส
เอาล่ะตอนนี้ฉันได้ให้เหตุผลกับตัวเองแล้ว ฉันควรที่จะเข้าไปต่อสู้กับบอสได้แล้ว ‘ครั้งแรก’ ของชั้นที่ 30 มันได้ถูกคนอื่นเอาไปแล้ว แต่แม้อย่างนั้นมันก็จะปลอดภัยกว่าถ้าต่อสู้กับมันแบบ 10 คนเต็มแต่ฉันก็เลือกที่จะไม่ทำ
ในตอนนี้ฉันรู้ว่าฉันแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับนักสำรวจคนอื่นๆ ฉันมีความมั่นใจว่าสามารถจะจัดการบอสประจำชั้นที่ 30 ได้ด้วยตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่ฉันมีความสามารถในการเป็นผู้ใช้ธาตุและนาฬิกาพกพา นอกจากนี้เพราะว่าหลินได้ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ว่าฉันจะต้องทะลวงผ่านไปได้โดยที่ไม่ใช่ปาตี้เท่านั้น ฉันก็เลยไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้
“มาต่อสู้กับฉัน!”
ด้วยเสียงร้อง ฉันได้กระแทกเปิดประตูออกไป สนามที่กว้างใหญ่ไพศาล ดวงจันทร์สีน้ำเงินฉายแสงส่องจากท้องฟ้ายามมืดมิด ในพื้นที่นี้ซึ่งมีขนาดใหญ่มากกว่าของชั้นที่ 25 มาก มันมีโครงกระดูกประมาณ 200 ตัวยืนเรียงรายกันอยู่ ทุกคนได้สวมใส่ชุดสูทเกราะและมีการติดอาวุธพร้อมรบ ฉันยังสามารถจะเห็นโครงกระดูกจอมเวทย์และโครงกระดูกนักธนูในหมู่พวกมันได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามการตั้งแถวเป็นเส้นตรงมันได้ถูกทำลายลงเมื่อฉันเข้ามาสู่พื้นที่
“กี้ มันเป็นนักทำลายกระโหลก!”
“อย่าได้ถูกข่มขู่สิ กัปตันจะลงโทษแก!”
“นะ นักทำลายกระโหลก! พวกเราไม่มีที่ให้วิ่งเลย!”
“อา ถ้าพวกเรายังอยู่นี่และปล่อยให้กัปตันล่ะ?”
“นั่นแหละๆ”
[พวกแกทั้งหมดเงียบ!]
เสียงดังสนั่นได้ดังออกมาจากด้านหลังนั้นซึ่งทำให้พวกโครงกระดูกยืนตรงนิ่ง เมื่อฉันจ้องมองไปที่ที่มาของเสียงนั่น ฉันก็ได้ตกใจอย่างมาก โอ้พระเจ้า!
“ม้าโครงกระดูกนี่! น่าอิจฉาจัง!”
[มันเป็นเพราะว่าผู้ท้าชิงปรากฏตัวสินะ….]
บอสชั้นที่ 30 เป็นโครงกระดูกที่สวมใส่เกราะเต็มตัวและถือดาบใหญ่ที่ทำมาจากกระดูก การปรากฏตัวของมันนั้นเหมือนกับอัศวินเลยทีเดียว มันเป็นอัศวินที่มีขนาดตัวใหญ่กว่า 2.5 เมตร เขาได้พูดด้วยเสียงที่เหมือนออกมาจากขุมนรก
[ข้าเป็นอัศวินโครงกระดูก จดจำไปหน้าของข้าเอาไว้ ข้าจะเป็นคงที่ส่งแกไปสู้ความสิ้นหวังที่ไม่สิ้นสุด]
“ใช่แล้วฉันควรที่จะจดจำใบหน้าของคนขี้ขลาดที่เรียกตัวเองว่าอัศวิน แต่กลับพยายามจะต่อสู้กับฉันด้วยกองทัพของมัน”
[…ฆ่าเจ้าโง่ที่เต็มไปด้วยคำพูดซะ!]
“กัปตัน พวกเราไม่สามารถจะทำได้!”
“ฉันไม่รู้กับกัปตัน แต่กระดูกของเราจะถูกบดขยี้ในการโจมตีครั้งเดียว!”
“พวกเราสามารถจะมัดกัปตันและส่งให้เขาได้มั๊ย? จากนั้นเราก็ยอมรับ!”
“นั่นแหละๆ!”
[ไอ้พวกชั่ว]
นี่คือหายนะของการที่สติปัญญาของโครงกระดูกสูงเกินไป พวกเขาคิดบางสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างมากและคิดที่จะยอมแพ้ มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับเหตุการณ์ในดันเจี้ยนแบบนี้ ฉายานักทำลายกระโหลกมันเป็นอะไรที่น่าทึ่งยิ่งกว่าที่ฉันจินตนาการซะอีก
[ต่อสู้กับมัน เดี๋ยวนี้!]
“ชิ พูดซะใหญ่เลยนะสำครับคนที่จะหลบอยู่หลังคนอื่นจนถึงตอนจบ”
“นี่แหละน้าอัศวิน”
“เฮ้อ เอาละแค่ไปสู้กันเถอะ เฮ้ ถ้าพวกเราตายไปแล้วก็อย่ามายุ่งกับพวกเรานะ ถ้านักทำลายกระโหลกเหนือยและแพ้ให้กับกัปตัน เขาจะต้องแค้นแน่ๆ”
“นั่นแหละๆ!”
[ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมด]
ในขณะที่โครงกระดูกทั้งหมดจมไปอยู่แต่กับความพ่ายแพ้ ฉันก็ได้โจมตีไปที่จอมเวทย์และนักธนูที่ซ่อนอยู่ในหมู่พวกมัน
“ไพก้าฝากด้วยนะ!”
[ฉันเข้าใจแล้วนายท่าน! ศรสายฟ้า!]
ด้วยสิ่งนี้ศรสายฟ้านับร้อยได้ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า โครงกระดูกที่กำลังมองไปที่กันและกันและพูดคุยกันอยู่ทั้งหมดได้หันหน้าไปมองที่ศรเวทย์ ในชณะนั้นเองศรสายฟ้าก็ดิ่งลงมาจากท้องฟ้า
“ผู้ใช้ธาตุ!”
“ก๊าซซซซ!”
“พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ!”
“ก๊าก๊าก๊า!”
[ยังดีไม่พอ!]
ในขณะที่พวกโครงกระดูกกำลังตื่นตระหนกมีเพียงแค่อัศวินโครงกระดูกเท่านั้นที่ป้องกันตัวเองด้วยการเหวี่ยงดาบใหญ่ของมัน อย่างไรก็ตามศรสายฟ้านั้นเพียงแค่ป้องกันไม่ใช่มันไปช่วยปกป้องลูกน้องโครงกระดูกเท่านั้น
ในขณะที่มันกำลังป้องกันศรสายฟ้าที่เข้ามาหา ศรอื่นๆจำนวนมากก็ได้ทำหน้าที่ของมัน มันได้พุ่งเข้าไปที่จอมเวทย์และนักธนูและได้เจาะทะลุเข้าไปในเป้าหมายและระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆ
“อึก! นักเวทย์และนักธนูนักหมดถูกฆ่า!”
“ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันไม่ใช่นักธนู!”
“อา ถ้าพวกเราต้องการที่จะรอด พวกเราก็ต้องก็ต้องทำให้มือของกัปตันมีธนู”
“นั่น…อ๊ากกก!”
อัศวินโครงกระดูกได้เหวี่ยงดาบและตัดพวกลูกน้องโครงกระดูกไป สถานที่แห่งนี้ที่เต็มไปด้วยเสียของเหล่ากระดูได้กลายไปเป็นเงียบสนิทไปชั่วขณะหนึ่ง
[พวกแกกำลังทำอะไรกับศัตรูที่อยู่เบื้องหน้า! ไอพวกโง่!]
“พูดได้ดีอัศวินโครงกระดูก! ฉันเริ่มที่จะรำคาญแล้วเหมือนกัน”
ฉันนั้นเห็นด้วยกับอัศวินโครงกระดูก ฉันได้งอเขาและพุงตัวถอยกลับไป แทนที่จะใช้หอกดินดำ ฉันได้ถือหอกเงินเอาไว้และดึงแขนกลับไปจากนั้นไพก้าก็ได้เข้ามาในหอกตามที่ตกลงไว้
“แต่ว่า…ฉันก็รำคาญคนที่ตัดพรรคพวกของตัวเองมากกว่าซะอีก!”
[พวกแกทุกคนเข้าไป! ขยี้มันซะ! ใครที่มันปฏิเสธมันจะถูกทำลายกระดูกด้วยดาบของข้า!]
“ก๊าาาา! ปฏิบัติตามคำสั่งของกัปตัน”
“พวกเรามีชีวิตอยู่เพียงเพราะคำสาปร่างกายนี้ มาลองกันซักตั้งเถอะ”
“ชีวิตของเรามันได้จบลงมานานแล้ว ฉันต้องต้องการที่หมดสิ้นวันเวลาที่ถูกบังคับให้เป็นทหารแม้แต่จะตายแล้ว”
ฉันได้ดึงแขนกลับมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และเชื่อมต่อไปกับพลังของฉัน หอกเงินในมือของฉันได้แผ่แสงสว่างสีขาวสดใจและประกายสายฟ้า สายตาของฉันยังคงตั้งมั่นอยู่ ไม่ใช่โครงกระดูกที่เข้ามาหาฉันแต่เป็นอัศวินโครงกระดูกที่อยู่บนม้า
[ป้องกันการโจมตี! ทำลายมัน!]
“ลองดูสิ..ถ้าแกทำได้!”
ในขณะที่ฉันตอบกลับไปเสร็จ ฉันก็ปาหอกของฉันไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดของฉันที่รวบรวมมา แม้ว่าฉันจะไม่ได้พูดคำว่าฮิโร่อิค สไตรค์หรือความเร็วศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันได้ใช้งานแล้ว มันเป็นเพราะว่าหอกของฉันมันเร็วกว่าปกติไปมาก
ฉันได้จำได้ว่าเคยมีอะไรคล้ายๆแบบนี้ในอดีตบ้างง ถ้าฉันให้ความสนใจกับมันมากๆทักษะจะถูกเปิดใช้งานโดยที่ไม่ต้องพูดออกมา