บทที่ 67 – ชนเผ่ามังกร หลิน (5)
“ก๊าซซซ!”
“ก๊าา!”
โครงกระดูกได้ทำตามคำสั่งของอัศวินโครงกระดูกและเข้ามาโจมตีฉัน อย่างไรก็ตามหอกของฉันมันได้พุ่งออกไปแล้ว โครงกระดูกที่อยู่ในเส้นทางนั้นได้แตกกระจายเป็นชิ้นๆโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย พวกมันได้แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆโดยที่ไม่ได้ทำให้หอกช้าลงเลย
ตามปกติอัศวินโครงกระดูกคงจะไม่มีเวลาแม้แต่จะหลบมัน เขาได้รีบที่จะยกดาบของมันขึ้น แต่ว่าหอกของฉันได้อยู่ที่ใบ้หน้าของมันแล้ว ดาบของมันได้กระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า ในขณะที่หอกของฉันก็เจาะทะลุหมวกได้อย่างดีเยี่ยมและระเบิดออกมาด้วยสายฟ้า
[ติดคริติคอล!]
[ก๊าค๊ากก! มนุษย์!]
อัศวินโครงกระดูกได้ร้องออกมาสั้นๆ หมวกของมันได้แตกกระจายออกไปเป็นชิ้นๆและหัวกระโหลกของมันก็ได้ถูกเปิดเผยออกมา หอกเงินก็ยังคงติดคาอยู่ที่หน้าผากที่แตกของมันในขณะที่ประกายสายฟ้าออกมาด้วย จากนั้นดวงตาของมันก็ได้ลุกโชนสว่างจ้าขึ้น มันได้คำรามออกมาและดึงหอกออกไปเหวี่ยงทิ้งกับพื้น จากนั้นมันก็ส่ายหัวอย่างรุนๆและปัดเศษหมวกออกไป ในเวลาเดียวกันไพก้าก็ออกมาจากหอกเงินและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
[กรี๊ด! นายปฏิบัติกับสุภาพสตรีได้แย่มาก]
“ไพก้ากลับมา!”
[โอเค!]
เมื่อได้กลืนโพชั่นขนาดกลางลงไป ฉันก็หยิงหอกดินดำขึ้นมา
“เจ้าโครงกระดูกขี้ขลาด! หยุดกลัวแล้วมาต่อสู้กับฉันได้แล้วนะ!”
[คุณได้ใช้ยั่วยุ! ศัตรู ‘เกือบ’ ทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆจะเข้ามาหาคุณ]
“ก๊าซซซ….ฆ่านักทำลายกระโหลก”
“ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่ากระดูกของฉันแข็งแค่ไหน”
“การเข้าใจถึงความอันตรายและถอนตัวมันไม่ใช่ความขี้ขลาดแต่เป็นความกล้าหาญ”
ในขณะที่โครงกระดูกส่วนใหญ่ได้พุ่งเข้ามาหาฉันอย่างเกลียดชัง ก็มีพวกมันบางส่วนที่พูดคำพูดที่ชาญฉลาดออกมาและถอยกลับไป ไม่ว่ายังไงก็ตามฉันก็ได้ใช้เท็มเพรสในการจัดการกับพวกมันทั้งหมดในทีเดียว เสียงแตกหักของโครงกระดูกได้ดังไปทั่วสนามรบ
[ลุกขึ้นอีกครั้งและฆ่าเหล่าศัตรู! การตื่นของโครงกระดูก!]
“เฮ้ นายจะเข้ามาสู้แล้วหรอ?”
[ฆ่ามัน]
ไอห่ารากนี่ เขาได้เมินฉัน! ด้วยการเฝ้ามองโครงกระดูกที่เพิ่มกลับมามากขึ้นมันได้ทำให้ฉันรู้สึกว่ากำลังปวดหา มันไม่เหมือนกับซอมบี้โครงกระดูกมันสามารถที่จะสร้างความเสียหายให้กับฉันได้บ้าง นั่นหมายความว่าฉันไม่สามารถจะเมินมันทั้งหมดและมุ่งตรงไปหาอัศวินโครงกระดูกเลยได้ ในกรณีแบบนี้…
“เท็มเพรส!”
หลังจากที่ใช้เท็มเพรสไปอีกครั้งโครงกระดูกส่วนใหญ่ก็หมดสภาพไปไม่สามารถจะต่อสู้ได้ จากนั้นฉันก็พุ่งเข้าไปหาอัศวินโครงกระดูก ฉันได้มาถึงเบื้องหน้าของมันก็ที่จะได้ทันร่ายเวทย์
“มาสู้กับฉัน!”
[ลุกขึ้นอีกครั้งและ….แอ๊ก!]
“ฉันบอกว่าให้มาสู้กับฉันไง!”
เจ้านี้มันได้หุบปากลงไปเมื่อมันกำลังเสียเปรียบ! ฉันได้ตัดขาม้าโครงกระดูกไปตั้งแต่ช่วงเข่า จากนั้นฉันก็แทงหอกของฉันออกไปอย่างต่อเนื่อง อัศวินโครงกระดูกไปป้องกันหอกและตะโกนออกมา
[ลุกขึ้นอีกครั้งและฆ่า….แอ๊ก!]
“มาลองดูกันเถอะแกจะร่ายมันไปได้นานแค่ไหนกัน!”
ทุกๆครั้งที่มันเหวี่ยงดาบหนึ่งครั้งฉันก็จะแทงหอกออกไปสามครั้ง หนึ่งครั้งที่หัวของม้า อีกครั้งหนึ่งที่ดาบของอัศวินโครงกระดูก และครั้งสุดท้ายที่ใบหน้าของมัน! หลังจากนั้นหลายครั้งม้ามันก็ไม่สามารถจะทนกับความเจ็บปวดของการโจมตีได้และได้แตกกระจายเป็นชิ้นๆ อัศวินโวกระดูกได้กลายมาเป็นไร้คำพูดเมื่อมาอยู่บนพื้น
แน่นอนว่าเพราะว่าความสูงที่ต่างกันเกินกว่า 60 เซนติเมตร ฉันก็เหมือนกับเด็กที่เงยหน้าขึ้นไปมองผู้ใหญ่
[ลุกขึ้นอีกครั้ง…อ๊ากก!]
“ฉันเบื่อที่จะได้ยินมันแล้วนะ ไอเวรเอ้ย!”
แม้ว่าในขณะที่มันกำลังร่ายเวทย์ มันก็สามารถที่จะป้องกันฮีโรอิค สไตรค์ได้ด้วยดาบ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามันเป็นอาวุธของบอสประจำชั้นมันก็เลยไม่ได้พังไป แม้อย่างนั้นมันก็ต้องถอยหลังไปหลายก้าวจากแรงปะทะ
“ดี ถ้างั้นก็ร่ายเวทย์ต่อไป!”
มันคงจะไม่มีใครที่ควรจะถูกถอดออกจากการเป็นอัศวินไปมากกว่าเจ้านี่อีกแล้ว! ฉันได้กัดฟันแน่นและโจมตีไปที่อัศวินโครงกระดูกซึ่งมันได้ทำให้ฉันรำคาญตั้งแต่เริ่มแล้ว ไม่เหมือนกับบอสชั้นที่ 25 แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่สามารถจะต่อสู้กับฉันได้อยู่ดี
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ติดคริติคอล!]
[ก๊าซซ! เจ้า นักทำทำลายกระโหลก!]
เกราะของอัศวินโครงกระดูกได้เริ่มที่จะพังลง มันเป็นผลมาจากการที่มันไม่สามารถจะป้องกันการโจมตีของฉันได้ ถ้ามันไม่ได้มีร่างกายเป็นกระดูก มันก็คงจะช้ำไปทั้งตัวแล้ว
“ฮ่าห์”
[ติดคริติคอล!]
[ก๊าซ ก๊าซซซซซ!]
ในท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังคงไม่สามารถที่จะร่ายเวทย์ได้ และด้วยการโจมตีอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องได้ทำให้เกราะอกของมันแตกออกไป ซึ่งทำให้มันร้องออกมาอย่างไม่สามารถจะอดทนได้ ทันทีหลังจากนั้นการเคลื่อนไหวของฉันก็ได้หยุดลง ฉันสงสัยว่ามันอาจจะเป็นทักษะใช้หยุดเวลา แต่ว่าปรากฏว่ามันไม่ใช่มันเป็นเพียงแค่การทำให้การเคลื่อนไหวของฉันช้าลงอย่างมาก
[อัศวินโครงกระดูกได้ใช้ทักษะ ‘อันเดตคำรวม’! ผู้ที่ยังมีร่างกายที่มีชีวิตอยู่เหลือความเร็วเพียง 5% ของความเร็วสูงสุด!]
“ห า า า า า า!”
อ่า แม้แต่การพูดของฉันก็ยังช้าลง! โชคดีที่ฉันได้เริ่มเรียนรู้การใช้ทักษะโดยที่ไม่ต้องพูดออกมาแล้ว ฉันได้ใช้ทักษะความเร็วศักดิ์สิทธิ์ เมื่อฉันสังเกตุว่ามันทำสำเร็จฉันก็ดำเนินการต่อทันที
“ว๊ากกกกกกก!”
[คุณได้ใช้วอคลาย! สมาชิกในปาตี้ทุกคนได้รับการเคลียสถานะด้านลบ ทุกคนในปาตี้พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 50% ในระยะเวลาหนึ่ง และได้เข้าสู่สถานะสุดยอดเกราะไม่สกสะท้านกับการโจมตีของศัตรู]
ความรู้สึกอ่อนแอที่ได้ปกคลุมตัวของฉันมันได้หายไป มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันไม่อยากจะนึกถึงมันอีกเลย ฉันได้ปลดปล่อยความตรึงเครียดออกไปจากบ่าและเล็งหอกของฉันไปที่หอกของมัน
“แกได้ตายไปแล้ว”
[ดะ ได้ยังไง? อันเดตคำรามของฉัน!]
“ตาย!”
จากนั้นฉันก็ได้โจมตีไปเรื่อยๆ อีกครั้ง และอีกครั้งจนกว่าที่หัวกระโหลกของมันจะแตกออกมา ในครั้งนี้ฉันได้ทำให้มันไม่มีโอกาสได้ปริปากซักนิดเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มันทำอะไรแปลกๆอีก โครงกระดูกตัวอื่นๆที่ยังรอดอยู่ก็ได้ถอยห่างออกไป
“ฉันก็แค่ต้องการอย่างจะฆ่าตัวตายเงียบๆน่ะ”
“อย่าแม้แต่หายใจนะ! เดี๋ยวเขาจะเห็น!”
“ฉันไม่ต้องการที่จะถูกฆ่าโดยเขา…ถ้างั้นเขามาฆ่ากันและกันเถอะ”
“นั่นแหละๆ”
[ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่! คุณได้เอาชนะบอสประจำชั้นอัศวินโครงกระดูกด้วยตัวคนเดียว!]
[คุณได้กลายเป็นเลเวล 31 คุณได้รับคุณสมบัติที่จะก้าวไปสู่ชั้นที่ 31]
[คุณได้รับโบนัสสเตตัส 5 แต้ม]
[คุณได้รับฉายา ‘ผู้พิฆาตอัศวินโครงกระดูก’ สเตตัสทั้งหมดของคุณเพิ่มขึ้นอย่างถาวร 1 แม้ว่าจะไม่ได้สวมใส่ฉายานี้]
[คุณได้กลายเป็นระดับเงิน 6 ขอแสดงความยินดีด้วย!]
[คุณได้เอาชนะอัศวินโครงงกระดูกด้วยตัวคนเดียว คุณได้รับรางวัลพิเศษ ‘เกราะส่วนบนของอัศวินโครงกระดูก’]
[คุณได้รับ 50000 ทอง]
[เลือกรางวัลของคุณ]
[1.หนังสือเวทย์การขับขี่]
ฉันได้มองไปรอบๆและทิวทัศน์ที่เงียบสงบก็ได้อยู่ในสายตาของฉัน โครงกระดูกทั้งหมดมันได้หายตัวไปและทุกสิ่งทุกอย่างในที่นี่ได้โล่งว่างเปล่ามีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องลงมา ‘ฟู่’ ด้วยการถอนหายใจออกมา ฉันก็กลับไปตรวจสอบรางวัลการจู่โจม หนังสีอเวทย์การขับขี่?
[คุณได้เรียนการขับขี่ คุณสามารถจะนั่งและขี่ม้า ช้าง เปกาซัส รถ รถถัง … ได้ในการต่อสู้ และข้อเสียทั้งหมดของการขี่พวกมันเหล่านั้นจะหายไป]
มันเป็นเวทย์ที่น่าทึ่งมาก มันครอบคุมสัตว์ขี่และแม้แต่รถถังอีกด้วย! มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเวทย์นี้มันน่าอัศจรรย์มากกว่าเทคนิคอื่นๆซะอีก ความรู้และเทคนิคของการ ‘ขับขี่’ ได้ฝังลึกเข้าไปในใจของฉัน ตราบเท่าที่มันสามารถจะขี่ได้ ฉันก็จะรู้วิธีขี่มัน โชคไม่ดีที่มันไม่มีวิธีการขี่กันดั้ม เมื่อตระหนักได้ว่าไม่มีกันดั้มในโลกใบนี้ ฉันก็ได้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“รางวัลของการจู่โจมเพียงลำพังมันพิเศษจริงๆ…ถ้างั้นตอนนี้กลับดีกว่า
[นายท่านหอก!]
“โอ้ จริงสิ”
ด้วยการเตือนของไพก้า ฉันก็ได้ไปหยิบหอกเงินที่โยนออกไปในตอนแรก จากนั้นฉันก็เปิดประตูออกไปจากพื้นที่นี้ มันมีชั้นขายของอยู่ห่างออกไปพวกไม่กี่ก้าวเท่านั้น หลินได้ขยี้ตาอย่างมากหลังจากที่เห็นฉันเดินออกมา เมื่อฉันได้ปิดประตู ปากของเขาก็ได้อ้ากว้าง ซึ่งนั่นทำให้บุหรี่ของเขาล่วงไปบนพื้น
“นะ นาย…!”
“นายลืมชื่อของฉันหรอ?”
“นาย ผะ ผ่านหรอ? ในการลองเพียงครั้งเดียว?”
“ใช่แล้ว”
“นะ หนึ่ง หนึ่ง…”
หลินเกือบจะดูเหมือนไม่สามารถจะหายใจออกมาได้ในขณะที่ทำปากพะงาบๆซ้ำไปซ้ำมา หางของเขาก็ได้เหวี่ยงไปรอบๆเช่นกัน
“กี่คน? กี่คนที่ผ่านมา? ไม่สิมันจะต้องสิบคน! แล้วนายรวบรวมคนสิบคนได้ในวันเดียวได้ยังไง? ปกติแล้วมันจะต้องใช้เวลา 4 วันสำหรับการรวบรวมคน 10 คน…!”
“เอ๊ะ? นายกำลังพูดอะไร?”
ฉันแปลกใจจริงๆเลยว่าเขากำลังพูดถึงอะไร
“นายบอกให้ฉันเคลียร์มันด้วยตัวคนเดียวนะ นายจำไม่ได้แล้วหรอ?”
“เมื่อนตอนนั้นฉันบอกว่าเคลียร์ดันเจี้ยนแน่นอน แต่ที่ฉันหมายถึงก็คือพวกชั้นปกติ นายจะไปเคลียร์บอสประจำชั้นด้วยตัวคนเดี…ตัวคนเดียวหรอ?”
“ใช่แล้ว”
หลินได้ปิดปากแน่น ฉันได้เอียงหัวของฉันในขณะที่จัดการอัพแต้มเสตตัสและยืดเส้นเพื่อที่จะไปสู้กับบอสอีกครั้ง ทันใดนั้นหลินก็ถามออกมา
“ตั้งแต่ชั้นที่ 25! นายจู่โจมด้วยตัวคนเดียวหรอ?”
“ใช่”
“ฮ่าห์…นั่นมันหมายว่าจำนวนทักษะในนาฬิกาพกพาของนายคือ?”
“ห้า”
“….”
หลินได้หยิบบุหรี่อันใหม่ออกมาและใส่ไปในปาก
“ผู้หญิงคนนั้น เธอส่งฉันมาดูแลนายเพราะวัตถุประสงค์นี้…!”
“โรเล็ตต้าหรอ? ทำไม?”
“เธออาจจะคาดหวังให้ฉันกับนายพนันกัน แล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นยังไง…”
ฉันได้คิดว่าเขาเข้าใจผิดและหัวเราออกมา ในทางกลับกันหลินมีท่าทางที่พูบึ้ง เขาไม่ได้สูบบุหรี่ที่อยู่ในปากแต่เขาได้แทะมัน ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจลึกออกมา
“ฉันผิดเองแหละมันเป็นเพราะาฉัน ชิ แต่ว่า…นายก็ไม่เลวเลยนะฮีโร่ของโลก”
“ฉันบอกว่าอย่าเรียกฉันแบบนั้น”
ฉันไม่รู้ล่ะ เพียงแค่นายจะไปได้ไกลแค่ไหนเท่าที่นายต่อการกันนะ หลินคนนี้จะคอยเฝ้ามองนายเอง”
“ว้าว นั่นมันก็เหมือนกับสิ่งที่โรเล็ตต้าได้พูดเลย”
“…อ่า…อย่างนั้นหรอ..?”
ฉันได้คิดว่ามันเป็นแบบนั้น แต่การแสดงออกของหลินได้กลายเป็นยิ่งกว่าแย่ แม้ว่าฉันจะอยากถ่ายภาพหน้าของหลินตอน ก่อน-หลัง ก็ตาม แต่ฉันก็โชคร้ายที่ไม่ได้พกกล้องมา แล้วก็มันไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องพกกล้องเข้ามาในดันเจี้ยนอีกด้วย
เมื่อคิดถึงมันแล้ว ฉันก็นึกไปถึงหมูป่าที่อยู่ในช่องเก็บของของฉัน ฉันจะต้องทำยังไงกันมันดี ถ้าฉันขายมันบนโลกคนอื่นๆก็จะรู้ได้ในทันที และมันก็ไม่น่าจะพอกับชั้นในดันเจี้ยน…
‘เอ่อ ตอนนี้ฉันจะต้องเก็บมันเอาไว้สินะ’