Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 960 : เสียงถอนหายใจของเดอะฟูล

เมื่อได้ยินชื่อเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สมาชิกทุกคนหันไปยังอีกฝั่งของสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวทันที ไม่มีใครกล่าวคำใดขึ้นมาทำลายจังหวะ

ทุกคนทราบตรงกันว่า นักผจญภัยเสียสติ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ได้ก่อวีรกรรมครั้งใหญ่อีกหน นั่นคือการสังหาร ‘พลเรือเอกขุมนรก’ ลูเธอร์ไวล์ ทว่า ออเดรย์กลับปักใจเชื่อว่า นั่นมิใช่สาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายได้รับอาการทางจิต

และท่าทีของทุกคนทำให้เลียวนาร์ดสามารถยืนยันได้อีกหนึ่งเรื่อง: ทุกคนในชุมนุมรู้ว่าเดอะเวิร์ลคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์!

ไคลน์ปลอมตัวได้แนบเนียนมาก… แต่ว่า ทำไมถึงยอมให้สมาชิกคนอื่นทราบเกี่ยวกับตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์? ในชุมนุมลับทำนองนี้ ไม่ใช่ว่าควรปกปิดตัวตนให้มิดชิดหรอกหรือ? ขณะเลียวนาร์ดสงสัย เสียงอันแหบพร่าของเดอะเวิร์ลดังขึ้น

“MI9 ได้เบาะแสไปถึงไหนแล้ว”

โดยไม่รู้สึกละอายใจที่ทรยศ MI9 ซิลตอบเถรตรง

“พวกเขายืนยันได้แล้วว่า ตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นของปลอม และมีต้นกำเนิดมาจากเบ็คลันด์”

แน่นอน… ชื่อเก่าคือเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ โดยจะใช้ชื่อเกอร์มันในตอนที่ออกจากเบ็คลันด์… แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา… เลียวนาร์ดมองไปรอบๆ ตามจิตใต้สำนึก พบว่าแม้สมาชิกคนอื่นจะมิได้แปลกใจกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกสักเท่าไร ข้อมูลเกี่ยวกับไคลน์น่าจะผิวเผินมาก

ภายใต้การควบคุมของไคลน์ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์หัวเราะในลำคอ ตอบจัดจ์เมนต์

“เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”

สำหรับชายหนุ่ม การจะตรวจสอบว่าตัวตนปลอมของเกอร์มัน·สแปร์โรว์มาจากไหน อันดับแรกอีกฝ่ายต้องจับตัว ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตให้ได้เสียก่อน หรือไม่ก็สืบหาเบาะแสของเธอจากชารอน และไม่ว่าจะทางใดก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากทั้งคู่!

เมื่อเทียบกันแล้ว หากเลือกสืบแบบเลียวนาร์ด เริ่มจากการแกะรอยนักสืบเอกชนเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ โอกาสค้นพบความจริงจะมีมากกว่า แต่ในเมื่อ MI9 ติดกระดุมผิดเม็ดตั้งแต่ต้น เลือกเดินบนเส้นทางที่ท้าทาย ไคลน์ยินดีที่จะเฝ้ามองอย่างสนุกสนาน

มิสเตอร์เวิร์ลไม่สั่นไหวแม้แต่น้อย… เขามั่นใจในตัวเองมาก… ซิลถอนสายตากลับ มิได้กล่าวต่อ

ขณะเดียวกัน ออเดรย์พิจารณาสักพักก่อนจะถาม

“มิสเตอร์เวิร์ล คุณจะกลับมาที่เบ็คลันด์ตอนไหน? ตัวตนดอน·ดันเตสยังใช้งานอยู่ไหม?”

ในฐานะนักจิตบำบัดมืออาชีพ เธอจะไม่เล่าเรื่องอาการทางจิตของคนไข้ต่อหน้าทุกคน เพียงแต่อยากยืนยันให้แน่ใจว่า อีกฝ่ายจะกลับมายังกองทุนการกุศลอีกครั้ง เพราะนั่นจะช่วยให้เธอติดต่อกับเดอะเวิร์ลบนโลกความจริงได้ง่ายขึ้น

สำหรับเรื่องของดอน·ดันเตส เธอไม่มีเจตนาจะเก็บซ่อน เพราะสมาชิกเก่าต่างทราบเรื่องนี้กันทุกคน และมิสเตอร์สตาร์ก็สนิทกับมิสเตอร์เวิร์ล ส่วนซิลก็มีฟอร์สคอยเล่าให้ฟังล่วงหน้า

หืม… ได้ยินคำกล่าวของมิสจัสติส เลียวนาร์ดแทบไม่เชื่อหูตัวเอง ภายในใจเริ่มสับสน

ไคลน์·โมเร็ตติคือดอน·ดันเตส?

เราเพิ่งไปพบกับดอน·ดันเตสและถามเกี่ยวกับไคลน์·โมเร็ตติ…

ไม่ใช่… เป็นไปไม่ได้ ดอน·ดันเตสคือสัตว์ประหลาดที่เหลือรอดมาจากยุคสมัยที่สี่ กิริยาท่าทางของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจน!

ตาแก่ก็คิดแบบเดียวกับเรา!

ทันใดนั้น อารมณ์ของเลียวนาร์ดผันผวนอย่างหนัก ตัดสินใจไม่เชื่อคำพูดมิสจัสติส

หากไม่ใช่เพราะเป็นวิญญาณดารา เกรงว่าสีหน้าแววตาของตนคนเผยให้ทุกคนเห็นอย่างเด่นชัด

ตรงข้ามกับเลียวนาร์ด ซิลเองก็เงยหน้าขึ้นด้วยสายตาตกตะลึง

เขาคือดอน·ดันเตส? ดอน·ดันเตสคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์?

และเราก็ถูกจ้างงานจากพ่อบ้านของเขา… เคยทำภารกิจคุ้มกันเขา… และเคยเห็นใจเขา…

ทั้งที่เขาสามารถบี้เราได้ด้วยมือข้างเดียว…

ซิลหันศีรษะไปทางฟอร์ส

ถ้าเป็นเรื่องของมิสเตอร์เวิร์ล เราไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น อย่างมากก็เล่าแค่ผิวเผิน… ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สถอนสายตากลับด้วยความสำนึกผิด พึมพำท่ามกลางความเงียบ ฉากดังกล่าวทำให้อัลเจอร์และแคทลียาสามารถคาดเดาบางอย่าง

มิสเมจิกเชี่ยนและมิสจัดจ์เมนต์รู้จักกันบนโลกความจริง

มิสจัดจ์เมนต์เคยพบกับดอน·ดันเตสมาแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์

ในฐานะผู้ชมมากประสบการณ์ ออเดรย์พบความผิดปรกติเกี่ยวกับเดอะสตาร์และจัดจ์เมนต์ในทันที และพบว่าตัวเองลึกเกินไป

ออเดรย์ เธอต้องเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียน! เธอตำหนิตัวเองด้วยความอับอาย ภายในใจรีบนึกคำแก้ต่าง

“ดอน·ดันเตสเป็นตัวตนร่วม บ้างก็เป็นมิสเตอร์เวิร์ล บ้างก็เป็นข้ารับใช้คนอื่นของมิสเตอร์ฟูล”

แบบนี้นี่เอง… สมเหตุสมผล! เลียวนาร์ดโล่งใจเมื่อได้ยินคำอธิบายจากจัสติส จากนั้นก็พยายามทำความเข้าใจอีกหลายสิ่ง

ในช่วงก่อนจะแทรกซึมวิหารนักบุญแซมมวล ดอน·ดันเตสคนนั้นน่าจะเป็นไคลน์ แต่ในเวลาอื่นคือข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล… กงสุลมรณะ? จริงด้วย… สัตว์ประหลาดที่เหลือรอดมาจากยุคสมัยที่สี่… สายเก่าของตาแก่…

อา… อาจเป็นข้ารับใช้คนอื่นที่เราไม่รู้จักก็ได้ แต่ระดับไม่มีทางต่ำแน่… หืม… ข้ารับใช้คนอื่น… หมายความว่าไคลน์เองก็เป็นข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล?

เข้าใจแล้วว่าทำไมมิสเตอร์ฟูลถึงบอกว่า เขาเข้าร่วมการชุมนุม แต่เป็นในลักษณะที่แตกต่างจากเรา… และเนื่องจากเขาเป็นข้ารับใช้ที่ได้รับการอวยพรจากมิสเตอร์ฟูล จึงมีออร่าโบราณ ทำให้ตาแก่แยกแยะไม่ออกว่าดอน·ดันเตสเกิดจากการปลอมตัวของหลายคน?

นั่นอธิบายคำถามของเราเมื่อครู่… เกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นข้ารับใช้ จึงไม่ต้องเก็บเป็นความลับ…

แต่สำหรับจัดจ์เมนต์ การที่ดอน·ดันเตสจะเป็นตัวตนสาธารณะหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่เธอใส่ใจ สาเหตุที่เธอออกอาการมากเป็นพิเศษ เพราะหลังจากได้รู้ความจริง เธออับอายกับความคิดของตัวเองในช่วงเวลาเหล่านั้น

เมื่อเห็นบรรยากาศกลับเป็นปรกติ ไคลน์ถอนหายใจแผ่ว บังคับให้ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ตอบคำถามของจัสติส

“ใช่… เมื่อถึงเวลา ผมอาจต้องพึ่งพาความช่วยเหลือบางอย่างจากคุณ”

เมื่อกล่าวประโยคครึ่งหลังจบ เดอะเวิร์ลกวาดสายตาไปทางจัสติส เมจิกเชี่ยน จัดจ์เมนต์ เดอะสตาร์ และเดอะมูน

ข…เขากำลังวางแผนที่จะทำบางสิ่งในกรุงเบ็คลันด์? ออเดรย์เข้าใจความหมายของเดอะเวิร์ล เริ่มตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ขณะเดียวกันก็กังวล

ในแง่หนึ่ง เธอตื่นเต้นเพราะว่า ผู้ที่เข้าร่วมภารกิจล้วนเป็นคนที่ไม่สนิทชิดเชื้อในโลกความจริง ไม่รู้จักตัวตนของกันและกัน เป็นกิจกรรมที่เธอปรารถนามาตลอด แต่ในอีกแง่หนึ่ง เธอกังวลว่าภารกิจดังกล่าวอาจส่งผลถึงความปลอดภัยของเมือง รวมถึงชีวิตของผู้บริสุทธิ์

สำหรับความเสี่ยงของตน เธอเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องกังวลมากนัก เพราะมิสเตอร์เวิร์ลคงให้ทำงานวงนอกมากกว่า เช่นการรวบรวมข้อมูล การเบี่ยงเบนความเข้าใจของเป้าหมาย ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับศัตรู

เดอะมูนเป็นคนที่สองที่เข้าใจความนัยแฝงของเดอะเวิร์ล และมาจากสัญชาตญาณที่ไม่อยากเข้าไปพัวพันกับปัญหา

คงวุ่นวายไม่น้อย… มันขมวดคิ้ว แต่มิได้ตอบสนอง

หลังจากสมาชิกคนอื่นทยอยพบความในแฝง อัลเจอร์เหลือบไปทางเดอะเวิร์ลและพูด

“ผมเพิ่งได้รับข้อมูลล่าสุด อาร์ชบิชอปอินซ์·แซงวิลล์ ผู้ทรยศแห่งโบสถ์รัตติกาล ถูกฆ่าตายในไบลัมตะวันตก ก่อนจะเสียชีวิต เขาอยู่ในลำดับครึ่งเทพเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าตอนนี้ 0-08 ตกไปอยู่ในมือของใคร ทางนี้ยังไม่มีข้อมูล เรื่องเดียวที่แน่ชัดก็คือ ฝ่ายที่ปะทะกับอินซ์·แซงวิลล์คือโบสถ์รัตติกาล”

มิสเตอร์แฮงแมนข่าวไวมาก… เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วันเท่านั้น… ทางโบสถ์ควรเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดยอดไม่ใช่หรือ… แต่อาจเป็นเพราะว่า มีคนจากกองกำลังอื่นเดินทางไปที่จัตุรัสในวันนั้น… ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดตกตะลึงเล็กน้อย แต่มิได้ตอบสนอง

สำหรับออเดรย์และที่เหลือ นี่คือครั้งแรกที่ได้ยินข่าว อย่างไรก็ตาม ถึงคำสำคัญจะประกอบด้วย ‘อาร์ชบิชอป’ ‘ครึ่งเทพ’ และ ‘0-08’ แต่ก็มิได้เกี่ยวอะไรกับตน แทบไม่มีใครใส่ใจ โดยไม่หมู่พวกมัน แคทลียามีความอยากรู้อยากเห็นมากที่สุด เพราะตระหนักถึงความสำคัญของสมบัติปิดผนึกระดับ 0 จึงคิดจะสอบถามราชินีเงื่อนงำและนิกายมอสส์หลังจากกลับไปยังโลกความจริง

ท่ามกลางความเงียบสั้นๆ ‘เดอะฟูล’ ไคลน์เหยียดมือออกมาเคาะขอบโต๊ะ

มันรู้สึกว่าตนจำเป็นต้องเตือนสมาชิกเอาไว้

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า กระแสแห่งกาลเวลากำลังจะพัดมาพาถึง!

ได้ยินเสียงดังกล่าว สมาชิกทุกคนพลันเหยียดหลังตั้งตรง บ้างก็ตรงยิ่งกว่าเก่า พลางหันไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอย่างพร้อมเพรียง ไม่เว้นแม้กระทั่งเลียวนาร์ดและซิลที่เป็นสมาชิกใหม่ พฤติกรรมเช่นนี้เรียกได้ว่าเกิดขึ้นตามสัญชาตญาณ

จากนั้น ทุกคนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของตัวตนที่สูงศักดิ์

“ด้วยเหตุนี้… กระแสเวลาจึงเกิดการเปลี่ยนผัน”

ด้วยเหตุนี้… กระแสเวลาจึงเกิดการเปลี่ยนผัน? เหตุการณ์อินซ์·แซงวิลล์ทำให้กระแสเวลาเปลี่ยนไป? แม้นั่นจะเกี่ยวข้องกับสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ก็เถอะ… อัลเจอร์คาดไม่ถึงว่ามิสเตอร์ฟูลจะให้ความสำคัญมากขนาดนี้ เริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก

ในทำนองเดียวกัน ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดที่เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์อินซ์·แซงวิลล์โดยตรง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แม้จะทราบว่าสมบัติปิดผนึกน่ากลัวเพียงใด แต่ก็ไม่ถึงว่าถึงขั้นสามารถเปลี่ยนแปลงกระแสเวลา

จัสติสและคนอื่นๆ ต่างประหลาดใจอย่างพร้อมเพรียง สมาธิกำลังจดจ่อ แม้แต่ ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคที่ไม่มีส่วนร่วมก็ยังรอฟังคำพูดต่อไป

‘เดอะฟูล’ ไคลน์มองไปรอบๆ กล่าวกึ่งยิ้มกึ่งถอนหายใจ

“อาดัมขยับเข้าใกล้ความเป็นเทพเข้าไปทุกทีแล้ว”

……………………….

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset