แคทลียาหันไปด้านข้างเล็กน้อย มองหน้าเมจิกเชี่ยน
“ปัญหานี้ค่อนข้างซับซ้อน ฉันแนะนำให้คุณรออีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้ยังไม่สามารถสัญญาอะไรได้ บอกได้เพียงว่า ในอนาคต น่าจะมีใครสักคนช่วยคุณสร้างสมบัติวิเศษได้”
น่าจะมีใครสักคน… หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นช่างฝีมือคนเก่า… เธอคิดจะบ่มเพาะช่างฝีมือขึ้นมาเอง หรือเปลี่ยนช่างฝีมือคนเดิมให้กลายเป็นสมบัติปิดผนึกและใช้มันสร้างสมบัติวิเศษ? อา… มาดามเฮอร์มิทเป็นผู้มากประสบการณ์อย่างที่คิด… ถ้าต้องฆ่าอีกฝ่าย แปลว่าตัวเองไม่ได้อยู่บนเส้นทางดังกล่าว… ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดนั่งเงียบ วิเคราะห์หลายสิ่งภายในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่มันตั้งใจในการประชุม
“ไม่มีปัญหา” ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สเชื่อใจมาดามเฮอร์มิทโดยไม่เคลือบแคลง เพราะท้ายที่สุด อีกฝ่ายเพิ่งได้รับหยดเลือดของสัตว์ในตำนาน อีกไม่นานก็คงเกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ
ถึงตรงนี้ เธอได้ยินเสียง ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์กล่าวอย่างแหบพร่า
“ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกมาได้ทุกเมื่อ”
ทั้งการที่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายหมกมุ่นอยู่กับมิติหมอกจนน่าแปลกใจ รวมถึงคำเตือนของโรซายล์ที่ระบุว่า ‘ระวังดวงจันทร์ให้ดี’ สำหรับไคลน์ซึ่งกำลังค้นหาความลับของการเดินทางข้ามโลกและประตูแห่งแสง ย่อมให้ความสนใจในโรงเรียนกุหลาบและดวงจันทร์บรรพกาล ซึ่งช่างฝีมือคนดังกล่าวกำลังพัวพันอยู่กับทั้งสองสิ่ง
แคทลียามิได้คาดหวังว่าเดอะเวิร์ลจะเสนอตัว จึงเงียบไปสักพักก่อนจะพยักหน้า
“ตกลง ถ้าฉันจัดการไม่ไหว จะขอความช่วยเหลือคุณผ่านมิสเตอร์ฟูล”
เธอจงใจเอ่ยประโยค ‘ขอความช่วยเหลือผ่านมิสเตอร์ฟูล’ เพื่อจะบอกสมาชิกใหม่ว่า ชุมนุมทาโรต์มีวิธีการติดต่อสื่อสารแสนวิเศษ ไม่ต้องมัวติดขัดในเรื่องพื้นฐาน ถึงเวลาก็จะเข้าใจกันเอง
ในฐานะนายพลโจรสลัดที่มีค่าหัวสูงที่สุดในห้าห้วงสมุทร ณ ปัจจุบัน และผู้นำกลุ่มโจรสลัดที่มีสมาชิกหลายร้อย การที่เธอทำเช่นนี้ มิใช่เพราะเมตตาโดยสุจริต หรือเพราะกลัวว่าคำถามของสมาชิกใหม่จะขัดอรรถรสของชุมนุมทาโรต์ แต่เธอทำไปเพื่อสร้างแรงสะกดข่มต่อสมาชิกหน้าใหม่
แน่นอน ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ที่มีเวลาจำกัด จนเธอประกอบพิธีกรรมอัญเชิญผู้ส่งสารของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ทัน แคทลียาจะไม่เลือกวิธีที่รบกวนมิสเตอร์ฟูลเด็ดขาด
ขอความช่วยเหลือผ่านมิสเตอร์ฟูล… ซิลเข้าใจบางสิ่ง พยายามข่มใจให้ไม่มองฟอร์ส
ขอความช่วยเหลือผ่านมิสเตอร์ฟูล? เลียวนาร์ดครุ่นคิดหลายสร้าง สร้างข้อสันนิษฐานในใจ
เมื่อเห็นใครบางคนสาธิตเป็นตัวอย่าง มันผ่อนคลายลงเล็กน้อย คิดสักพักก่อนจะพูด
“ผมต้องการสมบัติวิเศษ”
“ประเภทใด?” ‘จัสติส’ ออเดรย์ตอบทันที เพื่อป้องกันมิให้บรรยากาศกระอักกระอ่วน
เลียวนาร์ด ‘เอ่อ’ ยาวและแสดงความลังเล ก่อนจะตอบตามจิตใต้สำนึก
“ผมไม่ทราบ…”
มันแค่วางแผนไว้ แต่ยังมิได้ไตร่ตรองรายละเอียดเชิงลึก เพราะเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้หลังจากเข้ามานั่งในชุมนุมทาโรต์เรียบร้อยแล้ว
ไม่ทราบ… นายมันบ้า… ไคลน์ฝืนหุบยิ้มไม่ให้ขำใส่เลียวนาร์ดที่มักทำตัวง่ายๆ
เมื่อเห็นทุกคนมองมาทางตน สายตาแฝงอารมณ์หลากหลาย ‘เดอะสตาร์’ เลียวนาร์ดรู้สึกอับอายทันที รีบเสริมอย่างรวดเร็ว
“ผมหมายความว่า จำเป็นประเภทใดก็ได้ ขอเพียงมีประสิทธิภาพด้านการโจมตีและมีพลังช่วยในการอำพรางตัว รวมถึงผลข้างเคียงต่ำ ที่เหลือไม่ติดขัด”
มันต้องการใช้ประโยชน์จากพลังการตรึงที่แข็งแกร่งของ ‘ฝันร้าย’ งานควบคุมศัตรูจะเป็นของตน ส่วนพาลีส·โซโรอาสเตอร์จะคอยควบคุมสมบัติวิเศษ สร้างความเสียหายหนักหน่วงแก่ศัตรูที่ถูกตรึง และเมื่อกลายเป็น ‘จอมอาคมวิญญาณ’ อาศัยความช่วยเหลือจากวิญญาณหรือเงาดำที่ผนึกไว้ในฟัน มันสามารถทำหลายสิ่งพร้อมกันได้มากกว่าคนปรกติถึงสามเท่า
หลังจากเดอะสตาร์อธิบายจบ อัลเจอร์ไม่ทวนรายละเอียด เพียงถาม
“ต้องการสมบัติวิเศษในระดับใด?”
“แข็งแกร่งกว่าสมบัติปิดผนึกระดับ 2 เล็กน้อย… เอ่อ… ประมาณลำดับ 5 หรือ 6” เลียวนาร์ดติดนิสัยชอบเปรียบเทียบกับสมบัติปิดผนึก จึงรีบเปลี่ยนคำเรียกในตอนหลัง
ทันใดนั้น ความคิดที่เหมือนกันผุดขึ้นในใจออเดรย์ แคทลียา อัลเจอร์ และซิล:
เดอะสตาร์เป็นผู้วิเศษของทางการ หรืออย่างน้อยก็เคยเป็น!
จากมุมมองของพวกมัน ผู้วิเศษเถื่อนมีสิทธิ์ในการเปรียบเทียบระดับกับสมบัติปิดผนึกก็จริง แต่เมื่อเป็นสิ่งที่ต้องการรายละเอียดแน่ชัด โดยทั่วไปแล้วมักจะเปรียบเปรยกับอย่างอื่น เช่นการนำไปเปรียบกับลำดับพลังซึ่งแบ่งแยกได้ชัดเจนกว่า ง่ายต่อการเข้าใจมากกว่า
ดังนั้น ทุกคนจึงสรุปตรงกัน
และนั่นทำให้สถานการณ์น่าสนใจมากขึ้น
หืม… ทำไมมิสเตอร์เวิร์ลถึงสนิทกับผู้วิเศษของทางการ… พวกเขารู้จักกันได้ยังไง? แล้วทำไมถึงกล้าชวนเข้าชุมนุมทาโรต์? ออเดรย์ปิดปากเงียบ สงวนมารยาทของผู้ชม สนุกสนานไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้น อัลเจอร์อืมในลำคอ
“สมบัติวิเศษในลำดับ 5 จะมีมูลค่าอย่างน้อยเก้าพันปอนด์ แต่ถ้าจะเอาที่ตรงใจคุณ ราคาคงไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์”
ตรงไปตรงมาดี… เลียวนาร์ดพยักหน้า
“เข้าใจแล้ว”
หลังจากได้ยินคำตอบ ไคลน์เกือบจะเผลอเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้า ภายในใจถอนหายใจยาว
แบบนี้ไม่เท่ากับปล่อยไก่ต่อหน้ามิสเตอร์แฮงแมนหรอกหรือ?
กล้าพนันได้เลยว่า หากชายคนนั้นพบสมบัติวิเศษที่เหมาะสม เขาจะขายให้นายแพงกว่าหนึ่งหมื่นสองพันปอนด์แน่นอน!
นอกจากเจ็ดพันปอนด์จาก ‘อินธน์’ เลียวนาร์ดยังมีเงินเก็บเหลือจากส่วนอื่น… นั่นสินะ หากมีคุณปู่นักจารกรรมสิงอยู่ในตัว การออมเงินก็คงไม่ใช่เรื่องยาก ไม่อย่างนั้นคงไม่รวยพอจะซื้ออินธน์ได้ตั้งแต่แรก…
เข้าใจแล้ว หมอนั่นไม่กลัวการถูกโก่งราคาเพราะตัวเองยังเข้าร่วมชุมนุม ‘ผู้สันโดษแห่งชะตา’ และสามารถเปรียบเทียบราคาจากสองฝั่ง แต่ปัญหาคือ ชุมนุมนั่นจัดขึ้นปีละครั้ง เป็นความถี่คนละเรื่องกับชุมนุมทาโรต์…
ในวินาทีนี้ ไคลน์ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหาของมาขายให้นักกวีเพื่อนรักด้วยตัวเอง อาจเป็นของที่ไม่ค่อยได้ใช้งานหลังจากกลายเป็นครึ่งเทพ หรือไม่ก็เป็นประเภทที่มีพลังซ้ำกับเส้นทาง
ขณะเดียวกัน แฮงแมนตอบอย่างสุขุมลุ่มลึก
“ตกลง ผมจะช่วยดูให้”
“ตกลง” แคทลียาและสมาชิกคนอื่นต่างก็ตอบรับในแบบเดียวกัน
หลังจากนั้น ไม่มีธุรกรรมใหม่เกิดขึ้น ส่งผลให้ชุมนุมทาโรต์เข้าสู่ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ
โดยไม่รอให้แฮงแมนถาม เดอร์ริคยกมือพูด
“ผมกลับมาถึงเมืองเงินพิสุทธิ์แล้ว ท่านเจ้าเมืองบอกว่า การสำรวจวังราชาคนยักษ์เบื้องต้นจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า… เขากำลังหมายความว่า ให้ผมรีบเลื่อนลำดับกลายเป็นนักบวชแสง?”
วังราชาคนยักษ์? ทีมสำรวจวังราชาคนยักษ์? เลียวนาร์ดหันไปมองเด็กวัยรุ่นเก้าอี้ติดกันด้วยความประหลาดใจ
เท่าที่มันทราบ วังราชาคนยักษ์ถูกทำลายไปนานแล้วนับตั้งแต่ยุคสมัยที่สอง พาลีส·โซโรอาสเตอร์ที่เป็นเทวทูตเล่าว่า สถานที่ดังกล่าวเลือนหายไปกับแม่น้ำแห่งกาลเวลาแล้ว
ใครจะไปคิดว่า เดอะซันแห่งชุมนุมทาโรต์กลับกำลังจะไปสำรวจที่สุด แถมยังไม่มีสมาชิกคนใดประหลาดใจ!
ใช่แล้ว ไม่แม้แต่คนเดียว กระทั่งมิสจัดจ์เมนต์ที่เป็นเด็กใหม่เหมือนกัน ก็ยังดูเหมือนจะทราบเรื่องนี้และวางตัวปรกติ
หรือว่า… มิสเมจิกเชี่ยนอัปเดตข้อมูลการชุมนุมให้มิสจัดจ์เมนต์จนถึงครั้งล่าสุด จึงเหลือเพียงเลียวนาร์ดที่ไม่รู้อะไรเลย… ‘เดอะฟูล’ ไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้พลางวิเคราะห์พฤติกรรมของตัวเอง
หลังจากดึงเลียวนาร์ดขึ้นมาบนมิติหมอกและมอบไพ่เดอะสตาร์ ไคลน์ก็ละเลยอีกฝ่ายมาตลอด ไม่แม้แต่จะเขียนจดหมายแนะนำสถานการณ์เบื้องต้น!
เทียบกับผู้หญิง ผู้ชายมักหลงลืมเรื่องแบบนี้… ขณะไคลน์เตรียมควบคุม ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ให้อธิบายกับเลียวนาร์ด ‘เดอะมูน’ เอ็มลินชำเลืองนักกวีข้างๆ ตนพลางตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ
“วังราชาคนยักษ์อยู่ในดินแดนเทพทอดทิ้ง”
กล่าวจบ มันไม่แยแสท่าทีตอบสนองของเลียวนาร์ด เพียงหันไปกล่าวกับเดอะซัน
“เจ้ามีวัตถุดิบโอสถนักบวชแสงแล้วหรือยัง?”
มันทราบว่า อีกฝ่ายเพิ่งได้รับสูตรโอสถไปเมื่อหนึ่งถึงสองสัปดาห์ก่อน
“ครับ ผมได้มาจากมิสเตอร์เวิร์ล” เดอร์ริคตอบเถรตรง แต่ไม่เล่ารายละเอียด
ในเวลาเดียวกัน สมองเลียวนาร์ดเต็มไปด้วยคำว่า ‘ดินแดนเทพทอดทิ้ง’ และ ‘วังราชาคนยักษ์’ รู้สึกราวกับตนกำลังเดินหลงเข้ามาในโลกแห่งเทพนิยาย
สัญชาตญาณของมันบอกให้ปรับตัวเข้ากับข้อมูลของชุมนุมทาโรต์โดยเร็ว เริ่มตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงของคำกล่าวที่ว่า ‘ทุกคนมาจากต่างสถานที่’
แม้แต่เจ็ดโบสถ์หลักก็ยังมิอาจตามหาดินแดนเทพทอดทิ้งพบ แต่ชุมนุมทาโรต์กลับทำได้ แถมยังดึงคนของที่นั่นมาเป็นสมาชิก… นอกจากนั้น อะซิก·กายเอสที่น่าจะถือไพ่ ‘เดธ’ ก็ยังไม่ได้เข้าร่วมชุมนุม… บางที สมาชิกส่วนหนึ่งอาจรับคำสั่งจากมิสเตอร์ฟูลโดยตรง… ไม่ผิดจากที่เราคิดไว้ ชุมนุมทาโรต์คือองค์กรลับที่สามารถพัฒนาไปถึงเจ็ดโบสถ์หลัก มิได้อ่อนแอไปกว่าชุมนุมแสงเหนือหรือโรงเรียนกุหลาบ แถมยังแข็งแกร่งกว่าในบางเรื่อง… นี่คือชุมนุมแห่งเทพของจริง… เลียวนาร์ดเต็มไปด้วยความคิด ในเวลาเดียวกัน อัลเจอร์เห็นพ้องกับข้อสันนิษฐานของเดอะซัน
“น่าจะเป็นแบบนั้น… การสำรวจวังราชาคนยักษ์เป็นภารกิจที่อันตราย เขาคงต้องการให้คุณเติบโตขึ้นจนสามารถถ่วงดุลอำนาจกับอาวุโสคนเลี้ยงแกะ”
‘เดอะซัน’ เดอร์ริคพยักหน้ารับทราบ
“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากมิสเตอร์แฮงแมน”
จากนั้น เด็กหนุ่มเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ในเมืองนอร์ธ ทำให้ซิลและเลียวนาร์ดต่างพากันนั่งอึ้ง จินตนาการภาพที่อีกฝ่ายบรรยายไม่ถูก ทั้งตัวเมืองและบรรยากาศ
อย่างไรก็ตาม ‘เดอะฟูล’ ไคลน์สัมผัสถึงบางสิ่งที่คุ้นเคย พบว่ามีความคล้ายคลึงกันระหว่างเมืองนอร์ธและหมู่บ้านสายหมอก
ชาวเมืองที่เดินไปเดินมา มีโอกาสสูงที่จะเป็นหุ่นเชิดไร้ชีวิต!
หมายความว่า มีวัตถุหรือสัตว์ประหลาดลำดับสูงของเส้นทางนักทำนายอยู่แถวนั้น? ไคลน์ไม่กล่าวสิ่งใด เพียงจดบันทึกเมืองนอร์ธลงไปในสมอง
ทันใดนั้น จัดจ์เมนต์หันไปกล่าวกับเดอะเวิร์ลด้วยท่าทีค่อนข้างเป็นมิตร
“MI9 กำลังสืบสวนเกี่ยวกับภูมิหลังของเกอร์มัน·สแปร์โรว์”
………………………………