ผ่านไปสักพัก เลียวนาร์ดกระแอมในลำคอพลางยิ้ม มันลดเสียงลงและพูด
“ตาแก่… ข้อเสนอของไคลน์… ฟังดูไม่เลวเลยนะ… เข้าท่ามาก… ผลลัพธ์ของยันต์น่าจะยอดเยี่ยมพอสมควร ลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูก่อนไหม? ไม่ใช่ว่าคุณเคยพูดหรือ ว่าจะช่วยผมแก้แค้นอย่างเต็มที่… ฮะฮะ… เคยคิดว่าหนอนกาลเวลาจะทำได้แค่การสร้างร่างโคลนและคอยสนับสนุน…”
มันพรั่งพรูออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนพาลีส·โซโรอาสเตอร์ยังคงนิ่งเงียบ ก่อนจะถอนหายใจหลังจากผ่านไปสักพัก
“สำหรับตอนนี้ ข้าสามารถให้ ‘หนอนกาลเวลา’ ได้มากที่สุดแค่สองตัว”
โดยไม่รอให้เลียวนาร์ดพูด พาลีสเสริมอีกสองประโยค
“หากต้องการล้างแค้นกับครึ่งเทพที่มีสมบัติปิดผนึกระดับ 0 สิ่งสำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งและระดับพลังของตัวเอง ไม่อย่างนั้น ถึงจะพกพายันต์คุณภาพสูงสักเพียงใด แต่ถ้าไม่มีโอกาสได้ใช้ก็เปล่าประโยชน์”
เลียวนาร์ดหุบยิ้มเล็กน้อย กล่าวหน้านิ่ง
“ผมจะพยายามย่อยโอสถ… ถ้าย่อยโอสถเสร็จเมื่อไร ถึงคะแนนผลงานจะไม่เพียงพอ แต่ผมก็มีช่องทางส่วนตัวสำหรับตามหาวัตถุดิบหลักของจอมอาคมวิญญาณ”
การที่มี ‘หนอนกาลเวลา’ เพียงสองตัว เลียวนาร์ดมิได้ผิดหวัง ตามความเห็นของมัน สองตัวถือเป็นกำไร การมีแค่ตัวเดียวก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ยิ่งมีสองตัวจะยิ่งหมายถึง มันและไคลน์สามารถแบ่งกันคนละตัว
หลังจากแสดงทัศนคติของตัวเอง มันถามด้วยความสงสัย
“ตาแก่… สำหรับหนอนกาลเวลาตัวที่แล้ว คุณคิดว่าไคลน์นำไปสร้างเป็นยันต์ไหม?”
มันยังจำได้แม่น ย้อนกลับไปในอดีต เพื่อจะหาว่าเอ็มลิน·ไวท์มาซื้อสมบัติวิเศษให้ใคร พาลีสได้ใส่หนอนกาลเวลาไว้ในถุงมือ ‘อินธน์’ แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อ ไม่มีข้อมูลใดถูกส่งกลับมาอีกเลย จนกระทั่งในภายหลัง เลียวนาร์ดสืบจนทราบว่าเอ็มลิน·ไวท์และเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ค่อนข้างสนิทกัน ทำให้สามารถอนุมานได้ว่า หนอนกาลเวลาตัวดังกล่าวถูกจัดการโดยเบื้องบนขององค์กรลับที่เชื่อในเดอะฟูล หรืออาจเป็นฝีมือของเดอะฟูลเองด้วยซ้ำ และมีความเป็นไปได้มากที่ศพหนอนกาลเวลาจะถูกมอบให้ไคลน์ ไม่อย่างนั้น อดีตเพื่อนร่วมงานของตนคงไม่ทราบถึงการมีอยู่ของหนอนกาลเวลา
พาลีส·โซโรอาสเตอร์เหยียดหยันในลำคอ
“ถ้ายังไม่เคยใช้และเห็นผลลัพธ์ด้วยตัวเอง ทางนั้นคงไม่เป็นฝ่ายออกปากขอเพิ่มแบบนี้”
“ก็ได้… ข้าจะแยกหนอนกาลเวลาให้ นั่นจะส่งผลให้หลับไปอย่างน้อยสองสัปดาห์ หากมีคำถามก็หาคนตอบเอาเอง”
กล่าวจบ มันไม่เปิดโอกาสให้เลียวนาร์ดถาม พาลีสแผ่พลังวิญญาณ สร้างก้อนแสงที่ ‘ลอย’ อยู่ภายในใจเลียวนาร์ด ราวกับบอกเป็นนัยว่าไม่ต้องการพูดอะไร
เลียวนาร์ดหัวเราะแห้ง กลับมาสนใจจดหมายที่ไคลน์·โมเร็ตติส่งมาให้ อ่านซ้ำอย่างระมัดระวัง
ถูกวิญญาณมารเข้าสิง… ต้องสืบหาต้นกำเนิดและจุดประสงค์ของวิญญาณมาร…
เราแทบไม่มีข้อมูลของวิญญาณมารเลย สมองขาวโพลนอย่างมาก…
ครุ่นคิดอยู่หลายนาที เลียวนาร์ดล้วงหยิบกล่องไม้ขีด เผากระดาษจดหมาย จากนั้นก็ออกจากห้องพักชั่วคราวที่ได้รับการจัดสรรจากเหยี่ยวราตรีท้องถิ่น เดินไปในแนวเฉียงและใช้นิ้วเคาะประตูห้อง
เพียงไม่นาน ดาลีย์·ซิโมเน่ซึ่งยังไม่ได้ลบขอบตาและปัดแก้มสีฟ้า เปิดประตูออกมาพลางเลิกคิ้ว
“ตั้งแต่เมื่อไรกันที่ผู้ไร้หลับกล้ามาเคาะประตูห้องนอนสตรีในยามวิกาล?”
“แฮ่ม… ผมมีเรื่องอยากปรึกษา” เลียวนาร์ดไม่กล้าเล่นไปตามเกมของดาลีย์ รีบแสดงจุดยืนทันที
ดาลีย์ชำเลืองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า ยิ้มและตอบ
“ฉันไม่มีหน้าที่ต้องให้คำปรึกษาไก่อ่อน”
กล่าวจบ หญิงสาวฉากหลบให้ เป็นนัยอนุญาตให้เลียวนาร์ดเข้าไปในห้อง
โดยไม่กล้ามองไปรอบๆ มันมุ่งตรงไปทางเก้าอี้และนั่งลงทันที กล่าวเข้าประเด็น
“มาดาม ผมต้องการข้อมูลของวิญญาณมาร… คุณเป็นถึงลำดับ 5 ของเส้นทางมรณา สิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลสูงกว่าผม ย่อมรู้มากกว่าผม”
“แล้วทำไมถึงมาถามฉัน” ดาลีย์กล่าวพลางนำมือวางลงบนขอบโต๊ะ
ยังไม่ทันที่เลียวนาร์ดจะตอบ เธอพึมพำ
“วิญญาณมารโดยส่วนใหญ่เกิดจากการตายของผู้วิเศษลำดับสูง มีส่วนน้อยที่พัฒนาจากวิญญาณอาฆาตซึ่งสามารถพัฒนาข้ามขีดจำกัดด้วยหลากหลายเงื่อนไข… กรณีแรกสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หลังจากผู้วิเศษลำดับสูงดื่มโอสถและได้รับครอบครองเศษเสี้ยวความเป็นเทพ ร่างวิญญาณจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับแก่น ส่งผลให้แม้พวกมันจะตายไป หรือไม่ก็สูญเสียพลัง แต่ร่างวิญญาณจะยังคงอยู่ อาจมีออร่าของเทพเจือปนอย่างเบาบาง ส่งผลให้น่าสะพรึงกลัวมาก ซึ่งกรณีหลังก็ไม่ต่างกันในเชิงโครงสร้างและหลักการ… ตามปรกติแล้ว วิญญาณมารจะค่อยๆ อ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป จนกระทั่งสลายตัวโดยสมบูรณ์ ทว่า พวกมันสามารถหลอมรวมกับสถานที่ที่ถือกำเนิดขึ้น แถมยังเปลี่ยนให้โลกวิญญาณ หรือกระทั่งโลกแห่งความตาย หลอมรวมเข้าด้วยกันในสถานที่ดังกล่าว จากนั้นก็ดึงพลังออกมาใช้เพื่อคงสภาพ… ด้วยเหตุนี้ วิญญาณมารจำนวนมากจึงมี ‘อาณาเขต’ ค่อนข้างจำกัด ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่ต้องการไปที่อื่น แต่ทำไม่ได้ต่างหาก ข้อยกเว้นเดียวก็คือ ต้องสั่งสมพลังจนถึงระดับที่สามารถเปลี่ยนโครงสร้างของระดับตัวตน”
เลียวนาร์ดไขว่ห้างขวาทับซ้าย ถามอย่างครุ่นคิด
“วิญญาณมารสามารถออกจาก ‘อาณาเขต’ ด้วยการสิงร่างมนุษย์ได้ไหม?”
“ทำได้ แต่คนธรรมดาและผู้วิเศษส่วนใหญ่มิอาจต้านทานภาระที่วิญญาณมารสร้างแก่ร่างกาย พลังวิญญาณจะรั่วออกจากร่างอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิร่างกายลดลง มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน” ขณะพูด ดาลีย์ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “วิธีที่ดีที่สุดจึงเป็นการสิงร่างผู้วิเศษเส้นทาง ‘มรณา’ แน่นอน อย่างน้อยก็ต้องลำดับ 5 เพราะ ‘ผู้เฝ้าประตู’ ทุกคนจะมีคุกส่วนตัวสำหรับกักขังวิญญาณคนตาย เรียกได้ว่าเป็นโลกแห่งความตายขนาดย่อม เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะจะให้วิญญาณมารอาศัย ไว้คุณได้เป็น ‘จอมอาคมวิญญาณ’ ก็จะมีพลังที่คล้ายคลึงกัน เพียงแต่เน้นไปในด้านการผนึกวิญญาณและทำให้พวกมันหลับใหล มากกว่าจะเกี่ยวข้องกับโลกแห่งความตาย หึหึ… แต่การมีวิญญาณเร่ร่อนและวิญญาณมารผ่านเข้าออกร่างกายบ่อยๆ ก็น่าหงุดหงิดไม่น้อยเหมือนกัน”
ลำดับ 5 ของอินซ์·แซงวิลล์คือ ‘ผู้เฝ้าประตู’ … เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงถูกวิญญาณมารสิงสู่ได้เป็นเวลานาน หรือจะเป็นเพราะมันพยายามทำให้วิญญาณมารเชื่อง แต่ลงเอยด้วยความล้มเหลว? สมองเลียวนาร์ดกำลังเปิดโล่ง พบว่าข้อมูลทั้งหมดเชื่อมถึงกันอย่างลงตัว
มันครุ่นคิดสองสามวินาที ถามอีกครั้ง
“วิญญาณมารต้องการอะไร?”
“ต้องการ? ร้องเพลง? เต้นรำ? เขียนกวี? ผู้ชาย? ผู้หญิง? ทะเลดวงดาว?” ดาลีย์ย้อนถามติดตลก
เลียวนาร์ดตระหนักถึงปัญญาในการเลือกใช้คำของตน จึงยกมือขึ้นมาสางผมเล็กน้อยและตอบ
“ผมหมายถึง วิญญาณมารมีความปรารถนาบ้างไหม?”
“ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกมันปรารถนาขณะยังมีชีวิตอยู่… โดยธรรมชาติแล้ว สัญชาตญาณของวิญญาณมารจะตรงกับความต้องการสมัยที่ยังมีชีวิต แถมยังไม่รักษาสมดุลกับเหตุและผล ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นคุณ วิญญาณมารตนนั้นคงพยายามเขียนบทกวี จากนั้นก็จับเหยื่อจำนวนหนึ่งมากักขังเพื่อถามความเห็น หรือไม่ก็พยายามทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับพวกพระเอกในนิยายหรือละคร” หลังจากติดตลก ดาลีย์เล่าอย่างมีสาระ “อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าสมัยที่ยังมีชีวิตจะเป็นคนยังไง แต่วิญญาณมารทุกตนจะมีความปรารถนาสองเรื่องร่วมกันเสมอ”
“สองเรื่อง?” เลียวนาร์ดเริ่มตั้งใจฟัง
ดาลีย์ชำเลืองด้วยหางตา
“เรื่องแรก การสูบวิญญาณของสิ่งมีชีวิต สิ่งนี้จะทำให้พวกมันมีความสุข ความสุขอันเกิดจากสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสายพันธุ์ นอกจากนั้น วิญญาณจำนวนมากที่สูบเข้าไป จะช่วยให้พวกมันปลดเปลื้องพันธนาการเกี่ยวกับ ‘อาณาเขต’ ของการใช้พลัง เพราะดวงวิญญาณจะเข้ามาแทนที่แหล่งพลังงานเดิมอย่างโลกวิญญาณและโลกแห่งความตาย… เรื่องที่สอง ตามหาวัตถุดิบโอสถของเส้นทางตัวเองสมัยยังมีชีวิต ด้วยสิ่งนี้ วิญญาณมารจะมีแหล่งพลังในการดำรงชีวิตเป็นของตัวเอง เมื่อถึงจุดหนึ่งจะไม่ต้องพึ่งพาพลังจากโลกวิญญาณหรือโลกแห่งความตายอีกต่อไป ไม่ถูกผูกมัดโดยอาณาเขต ในทางทฤษฎี พวกมันจะกลายร่างเป็นสัตว์วิญญาณชนิดพิเศษ”
เลียวนาร์ดเริ่มจับประเด็นบางอย่างได้ ทำหน้าครุ่นคิดสักพัก
“กล่าวอีกนัยหนึ่ง วิญญาณมารสามารถดื่มโอสถได้เช่นกัน?”
“ไม่ใช่… โอสถถูกออกมาเพื่อมนุษย์เท่านั้น เป็นการลดความเสี่ยงของภาวะคลุ้มคลั่ง แต่สำหรับสัตว์วิเศษ พวกมันไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ สามารถกินวัตถุดิบสดๆ เข้าไปได้โดยตรง โดยเฉพาะวิญญาณมาร… ต้องไม่ลืมว่า สิ่งมีชีวิตประเภทนี้เปี่ยมไปด้วยความหวาดระแวง ป่าเถื่อน เอาแต่ทำตามสัญชาตญาณ ไม่ต่างอะไรกับพวกกึ่งเสียสติ… ไม่จำเป็นต้องดื่มโอสถอย่างมีพิธีรีตอง นอกจากนั้น วิญญาณมารยังมีสถานะเป็นร่างวิญญาณ สามารถ ‘ปรองดอง’ กับวัตถุดิบได้โดยตรงไปพร้อมกับย่อยอย่างเชื่องช้า” ดาลีย์แก้ไขความเข้าใจของเลียวนาร์ด
นี่มัน… ในกรณีของวิญญาณมารที่สิงร่างอินซ์·แซงวิลล์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันกำลังพยายามตามหาวัตถุดิบหลักของเส้นทางตัวเองสมัยที่ยังมีชีวิต!เลียวนาร์ดตกใจในตอนต้น แต่เพียงไม่นานก็ฉุกคิดบางสิ่ง กล่าวด้วยสีหน้าเจือความยินดี
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากสำหรับคำตอบ”
พูดจบ มันลังเลสองสามวินาที เรียบเรียงคำพูดก่อนจะกล่าวต่อ
“มาดาม ผมคิดว่าพวกเราไม่ควรเอาแต่สืบสวนหาสาเหตุที่อินซ์·แซงวิลล์แอบพบกับครึ่งเทพของนิกายวิญญาณเพียงอย่างเดียว แต่ต้องสืบสวนย้อนกลับไปยังระหว่างทางจากเบ็คลันด์มาถึงไบลัมตะวันออก หาให้พบว่ามันทำอะไรลงไปบ้าง หรือรวบรวมสิ่งของแบบใด นั่นอาจช่วยให้พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์”
ดาลีย์เงียบไปสักพัก จนกระทั่งเลิกคิ้วพลางพึมพำ
“พูดได้ดี… ว่าแต่… เรื่องนี้เกี่ยวข้องยังไงกับวิญญาณมาร?”
“…ไม่เกี่ยว ผมตั้งคำถามเพราะว่าพวกเรากำลังจะได้เผชิญหน้ากับนิกายวิญญาณ มีโอกาสสูงที่จะได้ปะทะกับวิญญาณมารโดยตรง การเตรียมข้อมูลไว้ล่วงหน้าไม่ใช่เรื่องเสียหาย… ส่วนอย่างหลังเป็นแนวทางที่ผมคิดได้ขณะพักผ่อนในช่วงที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีโอกาสเล่าให้คุณฟัง” เลียวนาร์ดลดความเร็วให้การพูดลง และเพิ่มความเร็วสมองที่กำลังประมวลผลข้ออ้างตลบตะแลง
ดาลีย์ที่ฟังอย่างเงียบงัน หัวเราะในลำคอ
“ถ้าคุณโกหกเก่งแบบนี้ต่อหน้าสาวๆ ด้วยรูปลักษณ์ของคุณ ฉันรับประกันว่าคุณไม่มีทางโสดแบบทุกวันนี้… น่าเสียดาย ฉันดันเป็นผู้หญิงขี้สงสัย… ช่างเถอะ ไม่อยากฟังคำอธิบายแล้ว เชิญออกไปได้”
เลียวนาร์ดลุกขึ้นยืนโดยไม่พยายามกลบเกลื่อน เดินตรงไปทางประตู
ขณะจับลูกบิด เสียงอันล่องลอยของดาลีย์ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ฉันไม่รู้ว่าคุณซ่อนความลับอะไรไว้ หรือว่าไปรู้อะไรเข้า… เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญกับฉัน… แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอินซ์·แซงวิลล์ หากคุณต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อมาหาได้ทุกเมื่อ”
เลียวนาร์ดชะงักไปสองวินาที พะงาบปากสองสามหน แต่สุดท้ายก็ทำเพียงประตูและเดินออกจากห้อง
…
เมืองเงินพิสุทธิ์
เดอร์ริค·เบเกอร์ได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมทีมสำรวจ หัวหน้าทีมคือเจ้าเมืองโคลิน·อีเลียด จุดหมายคือเมืองนอร์ธ เป็นซากปรักหักพังของเมืองทางทิศเหนือที่มี ‘ตัวจำแลงกาย’ และสิ่งชีวิตที่น่าสะพรึงอื่นๆ อาศัยอยู่!
…………………………………….