ราชันเร้นลับ 889 : คำเตือนถึงทุกคน
ไม่กล้าเอ่ยถึง ไม่กล้าแสดงภาพ… อย่างน้อยในสายตาอาโรเดส มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายก็มีตัวตนสูงส่งกว่าลำดับ 1 อย่างซาราธ ไม่สิ ยังสูงกว่า ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางสัตว์ประหลาดอย่าง ‘ลูกเต๋าความน่าจะเป็น’ ด้วย… คงมีบางวิธีที่ช่วยให้อาโรเดสเปิดเผยข้อมูลได้อย่างอิสระ เช่นการนำขึ้นมาบนมิติหมอก… หึหึ จะไปทำแบบนั้นได้ยังไง? เว้นเสียแต่เราจะกลายเป็นเทวทูตและได้ครอบครองพลังของมิติลึกลับนั่นอย่างสมบูรณ์เสียก่อน… ไคลน์กลอกตาเล็กน้อย ไม่ถามซักไซ้ เลือกจะเปลี่ยนหัวข้อ
“ตาเจ้าถามแล้ว”
แสงสีเงินเรียงตัวใหม่อีกครั้งบนผิวกระจกเต็มบาน กลายเป็นคำใหม่
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ มีอะไรให้ข้ารับใช้อีกไหม?”
ถามได้ดี! ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“หลังจากที่เราออกจากเบ็คลันด์ จงให้ความสนใจกับสถานการณ์ของบ้านนายแพทย์อลัน·คริสต์ และเมื่อภรรยาของเขาคลอดบุตร ให้นำข่าวมาแจ้งกับเราในตอนที่เจ้าถูกอัญเชิญ”
หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจัง ไคลน์พบว่าวิธีจับตามองสถานการณ์ของอสรพิษปรอทที่ดีที่สุดคือการฝากให้ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสดูแล เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถตรวจตราบ้านหลังนี้ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง สิ่งที่ไคลน์ต้องทำมีเพียงการเปลี่ยนบ้านทุกๆ เดือนเพื่อนำเครื่องรับสัญญาณโทรเลขออกจากมิติเหนือสายหมอก
“ขอรับ นายท่าน~” คำพูดบนกระจกกำลังแสดงอารมณ์ปัจจุบันของอาโรเดสอย่างเต็มเปี่ยม “ข้ามีคำถาม”
“ว่ามา” ไคลน์พยักหน้าอนุญาต
สำหรับคราวนี้ ขณะที่ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสกำลังเขียน มีการชะงักหยุดหลายครั้ง คล้ายกับออกอาการลังเล
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ท่านมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเด็กคนนั้น?”
ดูเหมือนมันจะกำลังสงสัยว่า เหตุใดผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณถึงต้องให้ความสำคัญกับทารกในครรภ์
หืม… เราเคยบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของนายแพทย์อลัน? อาโรเดสไม่ตระหนักถึงความผิดปรกติของวิล·อัสตินเลยสักนิด? ดูเหมือนว่า หากเป็นการปกปิดร่องรอยและโชคชะตา ‘อสรพิษปรอท’ นั้นยอดเยี่ยมกว่าเทวทูตตนอื่นหลายขุม… แต่กระจกวิเศษบานนี้เคยแจ้งเบาะแสเมื่อครั้ง ‘ผู้กลืนหาง’ โอโรเลอุสเดินทางออกจากเบ็คลันด์ได้แม่นยำ… หืม… คงเป็นเพราะเป็นการ ‘เริ่มต้นวงจรใหม่’ ของวิล·อัสติน ทำให้ยากที่จะพบความผิดปรกติแม้จะเป็นนักค้นหาระดับสูง… และคงเป็นเหตุผลเดียวกับที่สามารถหลบเลี่ยงจากสายตาของ ‘เทวทูตแห่งชะตา’ มาได้ตลอด… ไคลน์ตอบกลับด้วยความกระจ่าง
“มิตรสหาย”
ส่วนเรื่องจะเป็นบิดาอุปถัมภ์ให้วิล·อัสตินหรือไม่นั้น ชายหนุ่มเพียงแค่คิดเล่นๆ ไม่กล้าตัดสินใจหรือบังคับ ด้วยกังวลว่าอสรพิษแห่งชะตารายนี้จะรำคาญ
“แค่มิตรสหาย…” ระหว่างตัวอักษร อาโรเดสเผยความผิดหวังอย่างอธิบายไม่ถูก “นายท่านเชิญถามมาได้เลย”
ไคลน์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบ
“เจ้ารู้ไหมว่า คนที่เราเห็นในสโมสรนายทหารผ่านศึกไบลัมตะวันออกเป็นใคร? หากเจ้าไม่แน่ใจว่าหมายถึงใคร เราสามารถวาดให้ดูได้”
ภายในกระจกอันมืดมิด คลื่นน้ำกระเพื่อมบนพื้นผิว เผยให้เห็นภาพของชายหนวดเคราดกหนา ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ไม่ใช่ใครนอกจากครึ่งเทพที่ไคลน์สงสัยว่าจะอยู่ในเส้นทางจักรพรรดิมืด
ขณะเดียวกัน ข้อความที่สอดคล้องกันถูกเขียนอยู่ใต้ ‘ภาพถ่าย’
“ชายคนนั้นมีชื่อว่าโจนาส·โคลเกอร์ สังกัดหน่วย MI9 ยศปัจจุบันคือพลตรี ดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการ อยู่ในลำดับ 5 ของเส้นทาง ‘นักกฎหมาย’ แต่ถือครองสมบัติปิดผนึกที่ทรงพลัง”
MI9… รองผู้บังคับการ… ดูเหมือนว่าจะเป็น ‘ตัวแทน’ ที่ราชวงศ์ส่งมาทำงานในหน่วยข่าวกรองโดยเฉพาะ… ไคลน์นึกทบทวนข้อมูลที่กระจกวิเศษแจ้งให้ทราบ ครุ่นคิดอยู่สักพัก แต่ก็ไม่พบหนทางในการสืบสวน ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร เพราะท้ายที่สุด อีกฝ่ายเป็นครึ่งเทพ ไม่ว่าจะเฝ้าจับตามองหรือสืบประวัติ ไม่ว่าจะลงมือเองหรือจ้างคนอื่นทำ ทั้งหมดรังแต่จะทำให้อีกฝ่ายตื่นตัว แถมยังอาจถึงขั้นลงมือตอบโต้
วิธีเดียวที่พอจะพึ่งพาได้ในตอนนี้ก็คือ ให้มิสจัสติสช่วยรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น เพราะอีกฝ่ายไม่เพียงจะมีสถานะสูงส่ง แต่ยังมีเส้นสายในแวดวงทหาร แถมยังเป็นถึงลำดับ 6 ของเส้นทางผู้ชม สามารถชักนำหัวข้อสนทนาได้โดยไม่มีใครสงสัย
ต้องยอมรับว่า แม้เส้นทางผู้ชมจะไม่ถนัดในการต่อสู้ซึ่งหน้า แต่ก็มีประโยชน์มากในด้านอื่นๆ และด้วยความสามารถของนักจิตบำบัดกับ ‘นักสะกดจิต’ เส้นทางผู้ชมมีสิทธิ์ควบคุมและชี้นำการต่อสู้ได้ในระดับหนึ่ง… ไคลน์ถอนหายใจ ครุ่นคิดว่าตนควรถามกระจกวิเศษเกี่ยวกับเรื่องใดอีก
ทันใดนั้น แสงและเงาบนผิวกระจกจางลง เรียงตัวกันเป็นคำใหม่
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อยากทราบไหมว่าใครอยู่เบื้องหลังคดีฆ่าตัวตายของคารอน?”
คราวนี้เป็นฝ่ายริเริ่มบอกข้อมูลด้วยตัวเอง? สำหรับคดีดังกล่าว เราเอาตัวเองออกมาแล้ว เพราะไม่อยากพัวพันกับเรื่องยุ่งเหยิงมากเกินไปนัก เพียงแค่รอให้เหยี่ยวราตรีสืบสวนหาผลลัพธ์… เรามองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ จึงไม่อยากเสียเวลาถาม… ไคลน์พึมพำเงียบ พยักหน้าเล็กน้อย
“อยากสิ”
กระจกเงาเต็มบานเขียนบรรทัดตัวอักษรสีขาว
“ที่ปรึกษาของราชวงศ์ เฮอร์วิน·แรมบิส หนึ่งในคณะกรรมการของสมาคมแปรจิต”
สมาคมแปรจิต? ที่ปรึกษาราชวงศ์? ไคลน์พลันขมวดคิ้ว
นั่นเพราะชายหนุ่มยากจะคาดเดาว่า สมาคมแปรจิตกำลังวางแผนอะไร หรือเป็นเพราะราชวงศ์บางฝ่ายไม่พอใจกับสภาพการเมืองในปัจจุบัน จึงพยายาม ‘ผลักดัน’ ด้วยตัวเอง
สมาคมแปรจิตไม่ได้มุ่งเน้นไปในเชิงวิชาการและสำรวจโบราณสถานอย่างที่เราคิด… หรือว่าโดยธรรมชาติแล้ว เมื่อองค์กรลับเติบโตถึงจุดหนึ่ง เป้าหมายจะเปลี่ยนไปเป็นการแสวงหาอำนาจและแผ่อิทธิพลต่อโลกใบนี้? หรือพวกมันทำไปเพราะต้องการ ‘หลักยึดเหนี่ยว’ ? เรายังไม่ทราบว่าพฤติกรรมของเฮอร์วิน·แรมบิสเป็นเป้าหมายส่วนตัว หรือการตัดสินใจขององค์กร หากเป็นอย่างแรกก็ค่อยเบาใจ แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ยิ่งตำแหน่งในสมาคมแปรจิตของมิสจัสติสสูงขึ้น เธอก็จะยิ่งเผชิญความยากลำบาก… ความคิดมากมายแล่นผ่านสมองไคลน์ จากนั้นก็เล่นเกมถามตอบกับกระจก
“มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม?”
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น คำถามเช่นนี้คงไม่แคล้วถูกอาโรเดสเสกฟ้าผ่าแสกหน้า หรือไม่ก็ถูกจิกกัดอย่างเจ็บปวดด้วยเรื่องส่วนตัว แต่ในฐานะผู้ปกครองสูงสุดเหนือโลกวิญญาณ ไคลน์เชื่อว่าตนมีสิทธิ์ถาม ขณะเดียวกันก็เป็นการทดสอบขีดจำกัดล่างของอาโรเดสไปในตัว
บนผิวกระจกเต็มบาน แสงสีเงินบิดเบี้ยวและเรียงเป็นคำใหม่
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ตามที่ท่านคาดไว้ อามุนด์มาถึงเบ็คลันด์แล้ว… แต่เป็นการมาเยือนในฐานะร่างโคลน ข้าจึงมองเห็น”
ตามที่เราคาดไว้? หมายความว่ายังไง? เราไปคาดหวังตอนไหน? ไคลน์เลิกคิ้วตอบ
“ขอบใจ… วันนี้พอแค่นี้ก่อน หากมีสิ่งใดจะรบกวน เราจะใช้เครื่องรับสัญญาณโทรเลขเรียกหาเจ้า”
“ขอรับนายท่าน! อาโรเดส ข้ารับใช้ที่ถ่อมตนและซื่อสัตย์ของท่านพร้อมถวายการรับใช้ทุกเมื่อ! ลาก่อน~” ผิวกระจกถูกวาดเป็นรูปอีโมติค่อนโบกผ้าเช็ดหน้า
ไคลน์เฝ้ามองอย่างเงียบงัน รอจนกระทั่งทุกสิ่งกลับสู่ภาวะปรกติ
วันถัดมาซึ่งเป็นวันจันทร์ ชายหนุ่มเตรียมความพร้อมสำหรับเดินทางไปยังทวีปใต้ นอกเหนือจากกระเป๋าเดินทางใบหลักที่บรรจุเสื้อผ้าสองเซตหลัก เงินสดห้าร้อยปอนด์ และเสื้อผ้าจิปาถะอีกเล็กน้อย ไคลน์นำเงินสด 12,125 ปอนด์และอีกแปดสิบเจ็ดเหรียญทองโยนขึ้นไปบนมิติเหนือสายหมอก
เหตุผลที่ต้องเตรียมตัวอย่างรัดกุม เนื่องจากไคลน์ยังไม่ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการคืนชีพครั้งล่าสุด หากไม่ใช่เพราะยังมีเงินสดหลายร้อยปอนด์เหลืออยู่ในบัญชีลับที่มิสจัสติสฝากไว้ มันไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องนอนข้างถนนกี่วัน บางทีอาจต้องสมัครงานกับคณะละครสัตว์เพื่อเป็นตัวตลก หรือไม่ก็แอบเข้าไปในบ้านหัวหน้าแก๊งอันธพาลสักแห่งเพื่อ ‘ยืม’ เงิน
เมื่อเหลือบไปเห็นเวลาใกล้บ่ายสามโมง ไคลน์ส่งตัวเองเข้าสู่มิติเหนือสายหมอกอีกครั้ง เตรียมจัดชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์
ชายหนุ่มเคยทำนายบนมิติแห่งนี้และทราบว่า หากไม่ได้อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ‘ผู้เย้ยเทพ’ อามุนด์ก็มิอาจตรวจพบความผิดปรกติเกี่ยวกับสมาชิกชุมนุมทาโรต์ที่ถูกดึงจิตเข้ามาบนมิติเหนือสายหมอก
ถัดมาไม่นาน ท่ามกลางพระราชวังอันงดงาม แสงสีแดงเข้มทยอยสว่างขึ้น ร่างบุคคลอันเลือนรางเริ่มคมชัด
หลังจากทราบว่าคาบเรียนวิชาจิตวิทยาจะกลับมาเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ‘จัสติส’ ออเดรย์ที่ได้ติดต่อกับสมาคมแปรจิตอีกครั้ง หันไปมองยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวอย่างอารมณ์ดี ตามด้วยการยืนขึ้นและยกชายกระโปรงมายา โค้งคำนับนอบน้อม
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~”
ฝั่งตรงข้ามกับหญิงสาว แฮงแมนลุกขึ้นทำความเคารพไม่ต่างกัน แต่ภายในใจกำลังครุ่นคิดบางสิ่ง
เดิมที มันสัญญากับ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์ไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะส่งมอบสมบัติวิเศษที่สร้างจากตะกอนพลังผู้ขับขานสมุทรให้ภายในสัปดาห์เดียวกัน แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันกับช่างฝีมือ ทำให้ส่งงานได้ไม่ทันเวลา
ด้วยเหตุนี้ อัลเจอร์จึงอยากอธิบายให้เดอะเวิร์ลทราบถึงเหตุผลก่อน จึงค่อยไปช่วยช่างฝีมือแก้ปัญหา
หลังจากสมาชิกทักทายกันเสร็จ ขณะ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเตรียมพูด เธอเห็นมิสเตอร์ฟูลเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวที่มีลวดลายโบราณสองครั้ง
เสียงทื่อๆ ทำให้สมาชิกชุมนุมทาโรต์เกิดความตึงเครียด ไม่มีใครทราบว่ามิสเตอร์ฟูลกำลังจะกล่าวสิ่งใด
ต้องเป็นเรื่องสำคัญมากแน่! มิสเตอร์ฟูลถึงกับต้องแจ้งตั้งแต่เริ่มชุมนุม! ‘จัสติส’ ออเดรย์ประเมินในใจ
‘เดอะฟูล’ ไคลน์กวาดสายตาไปรอบตัว เผยรอยยิ้มเล็กๆ
“อามุนด์มาถึงเบ็คลันด์สักพักแล้ว… เป็นร่างโคลน”
อามุนด์? ผู้เย้ยเทพอามุนด์? ‘เดอะซัน’ เดอร์ริคพลันผุดความทรงจำอันเลวร้าย
ไม่ว่าจะเป็นปรสิตอามุนด์ที่สิงร่างหัวหน้าทีมสำรวจ อามุนด์ที่ถามเด็กหนุ่มว่า ‘กำลังมองหาข้าอยู่หรือ’ จากด้านหลัง อามุนด์ที่เลื้อยรัดร่างวิญญาณของมันเหมือนกับงู อามุนด์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำและหมวกปลายแหลม ทั้งหมดล้วนเป็นฝันร้ายที่เดอร์ริคยากจะลืมเลือน
ต้องไม่ลืมว่า ในฐานะชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ เดอร์ริค·เบเกอร์เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวมานับไม่ถ้วน ดังนั้น ตัวตนที่สามารถทำให้เด็กหนุ่มกระวนกระวายเพียงแค่จินตนาการถึง โลกนี้มีจำนวนไม่มาก!
อามุนด์เดินทางไปยังเบ็คลันด์ที่มิสจัสติสและมิสเมจิกเชี่ยนอาศัยอยู่? มันมีเป้าหมายอะไร? แล้วพวกเราต้องรับมือยังไง? เดอะซันพลันเป็นกังวลเกี่ยวกับพวกพ้องร่วมชุมนุม
อามุนด์… ราชาเทวทูตโบราณรายนี้กลับมาปรากฏตัวบนโลกความจริงแล้ว… เป็นอย่างที่คิด การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น กระแสของเวลากำลังผันผวนอย่างหนักหน่วง… ดวงตาของ ‘แฮงแมน’ อัลเจอร์หดลีบลง นึกทบทวนคำที่ ‘พลเรือโทวายุ’ คีลิงเกอร์เคยพูดกับตน
แคทลียาก็กำลังคิดในเรื่องเดียวกัน หากราชาเทวทูตปรากฏตัวอีกครั้งบนทวีปเหนือ เธอได้ ‘กลิ่น’ ของความวุ่นวายโกลาหลครั้งใหญ่ ถ้อยคำหนึ่งผุดขึ้นในใจทันที:
การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย!
อามุนด์! ‘เทวทูตกาลเวลา’ อามุนด์… ราชาเทวทูตจากยุคสมัยบรรพกาล… ‘จัสติส’ ออเดรย์พลันตัวสั่นด้วยความกังวล รีบมองหน้า ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและเดอะมูนที่กำลังเผยสีหน้ามึนงงเจือหวาดผวาไม่ต่างกัน หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวพร้อมกับตั้งคำถาม
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ ดิฉันขอแจ้งข่าวนี้ให้ทางศาสนจักรทราบได้ไหม?”