Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1049 : สัญชาตญาณของ ‘ผู้ชม’

เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง… ต่อให้ซิลและฟอร์สไม่มัวชักช้า เร่งความเร็วสูงสุดไปตลอดทาง ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบห้านาทีกว่าจะถึงวิหารรัตติกาลที่ใกล้ที่สุด… โชคดีที่เราค่อนข้างระวังตัว สวดวิงวอนล่วงหน้าเพื่อขอพรจากเทวทูตของมิสเตอร์ฟูล และเมื่อครู่ได้ทำการสะกดจิตซิลกับฟอร์สไปจริงๆ … กระแสความคิดมากมายผุดขึ้นในใจออเดรย์ ก่อนที่เธอจะรีบสลัดทิ้งไป

ดวงตาของหญิงสาวเผยความสับสนในตอนต้น ตามด้วยการทำหน้าตกตะลึงกะทันหัน คล้ายกับได้ตื่นจากความฝันอันยาวนาน สามารถจดจำทุกสิ่งที่เคยถูกลืมเลือน

“มิสเตอร์แรมบิส ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่…” ออเดรย์จงใจกล่าวด้วยเสียงล่องลอยเล็กน้อย คล้ายกับกำลังมัวเมาไปกับความฝัน

ขณะกล่าว เธออาศัยความเป็นนักจิตบำบัดเพื่อควบคุมอารมณ์ สั่งให้เกิดความวิตกเฉกเช่นคนปรกติ ไม่มากไม่น้อยจนเกินพอดี

ในเมื่อสิ่งนี้เป็นเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย ย่อมเป็นธรรมชาติที่จะทำตัวไม่ถูก

แต่ภายในใจ หญิงสาวตระหนักว่าเธอต้องเตรียมตอบคำถามของเฮอร์วิน·แรมบิส ไม่ให้ครึ่งเทพรายนี้สังเกตเห็นความผิดปรกติ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสจะกลับไปภายในสามถึงห้านาที ส่งผลให้ซิลกับฟอร์สยังไปไม่ถึงวิหารรัตติกาล พลาดขั้นตอนที่จะทำให้สมาคมแปรจิตเข้าใจผิด และการเผาขนนกบนหมวกเพื่ออัญเชิญ ‘เดอะเวิร์ล’ มาสู้ ก็จะไม่ช่วยแก้ปัญหาที่จะตามมาในอนาคต

อย่าดีกว่า… คงต้องปล่อยโอกาสนี้ผ่านไป เราไม่ควรฝืนดำเนินแผนการโดยปราศจากการเตรียมตัว… ความอดทน อดกลั้น และรอบคอบ คือปัจจัยสำคัญของโลกผู้วิเศษ… อย่างน้อยเฮอร์วิน·แรมบิสก็มีแผนจะหลอกใช้เราในระยะยาว คงไม่กำจัดทิ้งเร็วนัก… มันต้องการให้เราแต่งงานกับเจ้าชาย กว่าจะดำเนินการเสร็จก็ต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งปี… ใช่แล้ว เรายังพอมีเวลา สามารถรอจนถึงโอกาสที่สอง ที่สาม ที่สี่ หรือแม้แต่โอกาสครั้งที่ห้า… แต่ปัญหาก็คือ เราต้องแจ้งซิลและฟอร์ส รีบบอกให้พวกเธอซ่อนตัวโดยเร็ว… หลังจากคิดไวทำไว ออเดรย์กลับมามีแววตาเป็นปรกติ เผยความกลัวออกมาเล็กๆ

สังเกตเห็นภาษากายของหญิงสาว เฮอร์วิน·แรมบิสยิ้มและตอบคำถาม:

“นี่คงเป็นครั้งแรกที่คุณจะได้สะกดจิตคนจริงๆ … ผมกังวลว่าจะเกิดข้อผิดพลาด จึงมาช่วยคุ้มครองเพื่อมิให้เกิดเรื่องใหญ่… หึหึ… พิจารณาจากชาติตระกูลของคุณ ชีวิตประจำวันคงไม่มีโอกาสได้ทำเรื่องเช่นนี้”

น้ำเสียงของมันทั้งนุ่มนวลและช่วยขจัดความกังวล โดยที่ไม่รู้ตัว ความตื่นตระหนกและสั่นกลัวในดวงตาออเดรย์เริ่มจางลงทีละนิด

ขณะเดียวกัน ภายในโลกแห่งจิตของออเดรย์ เป็นอีกครั้งที่สติของเธอถูกแบ่งแยก ภาพการมองเห็นของเธอลอยขึ้นสูงก่อนจะก้มลงไปมอง ‘เกาะ’ และ ‘ทะเล’ ด้านล่าง

ฉากตรงหน้าทำให้หญิงสาวตระหนักได้อย่างชัดเจน ความรู้สึกดีๆ และความมั่นคงที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แท้จริงแล้วเป็นพลังของการถูกชี้นำทางจิต

เมื่อเฮอร์วิน·แรมบิสเห็นว่าออเดรย์กลับเป็นปรกติ มันพยักหน้ารับ

“เมื่อสักครู่ พวกเธอตอบคำถามคุณว่าอะไรบ้าง”

ออเดรย์เล่าเถรตรง

“ซิลกล่าวว่า ทั้งการสืบสวนไวเคาต์สตาร์ฟอร์ดและการไล่ตามความลับของกษัตริย์ ทุกสิ่งเกิดจากเจตนาของเธอเอง เพราะต้องการทราบสาเหตุการตายของบิดาบังเกิดเกล้า… บิดาของเธอคืออดีตหัวหน้าราชองครักษ์… เอิร์ลเมสัน·เดียร์… แต่เธอยังเล่าด้วยว่า ก่อนจะลงมือ เธอได้รับพรจากใครบางคน”

ขณะเล่า ออเดรย์เกือบชะงักคำพูด เพราะท่ามกลางผืนนภาวิญญาณ ‘เธอ’ ที่กำลังมองลงไปยังเกาะแห่งจิตใต้สำนึกและท้องทะเลจิต พบร่างหนึ่งกำลังเดินขึ้นจากก้นทะเลด้วยความเร็วสูง บันไดขั้นแล้วขั้นเล่าถูกสร้างขึ้น จนกระทั่งแหวกผ่าน ‘ห้วงจิตใต้สำนึก’ และขึ้นมายังเกาะที่เป็น ‘กายปัญญา’ ของเธอ

บุคคลดังกล่าวสวมชุดสูทสามชิ้นสีดำ ผมสีขาวโพลน เป็นเฮอร์วิน·แรมบิสอีกคนหนึ่ง

ใบหน้าของเฮอร์วิน·แรมบิสคนนี้ปราศจากรอยยิ้มโดยสิ้นเชิง นิสัยไร้ยางอาย บางส่วนของผิวหนังปกคลุมด้วยเกล็ดสีเทา ดวงตาไม่เพียงจะเปลี่ยนจากสีฟ้าอ่อนเป็นสีทอง แต่รูม่านตาก็นังกลายเป็นทรงรีในแนวตั้ง ดูคล้ายกับสัตว์ร้ายบางชนิด

หากไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน ออเดรย์คงตึงเครียดจนมิอาจควบคุมตัวเอง มิอาจแสร้งทำเป็นไม่พบความผิดปรกติ และมิอาจรักษาคำพูดไม่ให้ตะกุกตะกัก

ขณะเดียวกันบนโลกความจริง เฮอร์วิน·แรมบิสมองใบหน้าที่บริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของออเดรย์ด้วยรอยยิ้ม สอบถามเพิ่มเติม:

“พรของใคร?”

ออเดรย์ส่ายหน้า บังคับให้เกาะแห่งจิตใต้สำนึกเปล่งเสียง:

“ในตอนที่ถามถึงเรื่องนี้ ซิลและฟอร์สต่อต้านอย่างรุนแรง ถึงขั้นส่งสัญญาณของภาวะเกือบหลุดการสะกดจิต เราจึงไม่กล้าถามต่อ”

แน่นอน พรของตัวตนลึกลับสามารถถูกตีความได้ว่า เป็นความกังวลล่วงหน้าของมิสเตอร์ฟูล และในภายหลัง สิ่งนี้จะถูกตีความว่าเป็นพรของเทพธิดารัตติกาล

เฮอร์วิน·แรมบิสยังคงจดจ่ออยู่กับประเด็นเดิม ซักถามถึงรายละเอียดของการสะกดจิตเมื่อครู่

สองสามนาทีถัดมา มันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ:

“ไม่เลว… คุณมีพรสวรรค์ด้านการสะกดจิต ไว้เหตุการณ์นี้จบลงเมื่อไร ผมจะมอบโอสถนักท่องฝันให้ รวมถึงการช่วยจัดพิธีกรรม… อา… แล้วก็อย่าได้รังเกียจความรักหรือการแต่งงานมากนัก คุณยังมีอายุไม่ถึงยี่สิบ ยังเหมาะแก่การดื่มด่ำสิ่งเหล่านี้… ด้วยเสน่ห์ของคุณ เป็นธรรมดาที่บุรุษทุกคนจะชื่นชอบ ช่วยให้คุณได้เพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้อย่างเต็มที่”

เฮอร์วิน·แรมบิสใช้การบอกใบ้และการโน้มน้าวทางอ้อม เพื่อแรงต้านด้านความรักและแต่งงานภายในใจออเดรย์ลง

ไอ้เวรตะไล… ออเดรย์ใต้ผืนนภาวิญญาณทำแก้มป่อง สบถอย่างโกรธเคือง ก่อนจะควบคุม ‘ตัวเอง’ ที่อยู่บนเกาะแห่งจิตใต้สำนึกให้ทำท่าทางเขินอายและโหยหา

เฮอร์วิน·แรมบิสซึ่งลงมือตามหลักจิตวิทยา ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกอย่างง่ายดาย เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้า มันถอนจิตใต้สำนึกที่กำลังบุกรุกจิตใจของอีกฝ่าย นำตัวตนมายาออกจากเกาะ

จากนั้น ตัวมันบนโลกความจริงหันหลังกลับและกล่าว

“จงลืมว่านั่นคือสิ่งที่ผมพูด จงจดจำว่านั่นคือความคิดที่เกิดขึ้นเองภายในหัวใจของคุณ… และเมื่อผมจากไป เมื่อผมไปจากสายตาของคุณ จงลืมว่าผมเคยมาที่นี่”

ได้ยินถ้อยคำดังกล่าว ออเดรย์ที่ลอยอยู่ใต้ผืนนภาวิญญาณ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเงียบ เพราะประโยคเมื่อครู่บอกเป็นนัยว่า เฮอร์วิน·แรมบิสกำลังจะจากไป

แม้จะผ่านไปเพียงห้านาทีหลังจากได้พบกัน ก็คงยังไม่เพียงพอที่ช่วยให้ซิลและฟอร์สไปถึงวิหารรัตติกาลที่ใกล้ที่สุด แต่ออเดรย์ยังคงหวังอย่างใจจดใจจ่อว่าเฮอร์วิน·แรมบิสจะจากไปโดยเร็ว เพราะการต้องเผชิญหน้ากับครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม จิตใจต้องรับภาระหนักหน่วง

ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน… ขอแค่เรายังมีสติ นั่นแปลว่ายังมีโอกาส… ออเดรย์ อย่าได้ซึมเศร้า ห้ามใจร้อนเด็ดขาด… ออเดรย์ปลอบตัวเองเงียบงัน เฝ้ามองเฮอร์วิน·แรมบิสหมุนตัวกลับและเดินไปยังห้องโถง

เธอยังไม่ผ่อนคลาย ไม่พักหายใจ ยังคงใช้พลังงานเพื่อรักษาท่าทีปรกติ

แต่ทันใดนั้น เฮอร์วิน·แรมบิสชะงักฝีเท้าและหันกลับมา ดวงตาสีฟ้าอ่อนหรี่ลงเล็กน้อย จ้องออเดรย์พร้อมกับกล่าว:

“ในตอนที่ได้พบกับผมครั้งแรก ทำไมคุณถึงต้องกลัวขนาดนั้น?”

ร…เราตกใจเกินไป… มีบางอารมณ์ในตอนนั้นที่เราควบคุมได้ไม่ดี? ออเดรย์พลันเย็นไปถึงสันหลัง ความคิดมากมายแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจถามออกไปด้วยความฉงน:

“ทำไมหรือคะ? การที่จู่ๆ ก็มีคนปรากฏตัวขึ้นข้างๆ คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะตกตะลึง”

เฮอร์วิน·แรมบิสพยักหน้ารับ คล้ายกับพึงพอใจในคำอธิบาย จากนั้น มันจ้องหน้าออเดรย์และกล่าว

“ตามปรกติแล้ว คุณจะพกพาสมบัติวิเศษที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงติดตัวเสมอ… ทำไมวันนี้ถึงไม่ได้พกมาด้วย?”

สำหรับผู้ชม นี่คือรายละเอียดที่ผิดปรกติอย่างไม่ต้องสงสัย

ได้ยังไงกัน… เราซ่อน ‘คำลวง’ ไว้ใต้เสื้อผ้าทุกครั้ง ไม่น่าจะมีใครสังเกตเห็น แล้วทำไมเขาถึงรู้ว่าเราไม่ได้พกมาด้วย? มันแอบอ่านความทรงจำ? ความทรงจำในจุดที่เราจงใจไม่ปิดบังเพื่อให้ดูปรกติ… เมื่อเผชิญคำถามที่ไม่คาดฝันของเฮอร์วิน·แรมบิส ออเดรย์รู้สึกราวกับความคิดของเธอกำลังหยุดนิ่ง

เหตุผลที่เธอไม่ใส่ ‘คำลวง’ นั้นไม่ซับซ้อน เธอกังวลว่าเครื่องประดับชิ้นดังกล่าวจะ ‘ขยาย’ อารมณ์ให้เข้มข้น ส่งผลให้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม ความคิดบางส่วนอาจเผลอเล็ดลอดออกไป

และนั่นหมายความว่า เธอคาดเดาล่วงหน้าว่าวันนี้จะได้พบกับเฮอร์วิน·แรมบิส ซึ่งภายใต้ภาวะของการถูกสะกดจิต ออเดรย์ไม่มีทางล่วงรู้ได้ด้วยตัวเอง!

เพียงพริบตา ออเดรย์ฉุกคิดบางสิ่งได้ จึงเผยรอยยิ้มจางๆ :

“ผลข้างเคียงของสิ่งนั้นจะขยายอารมณ์ของดิฉันให้เข้มข้น การสวมมันอาจทำให้ดิฉันสะกดจิตล้มเหลว เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ดิฉันจึงไม่ได้สวมมาด้วย”

เฮอร์วิน·แรมบิสพยักหน้ารับ

“อย่างนี้นี่เอง…”

ขณะจิตใจออเดรย์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ครึ่งเทพเส้นทางผู้ชม หรี่ตาลงทันที

“ถ้ามีแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว นั่นคงไม่น่าสงสัยเท่าไร แต่เมื่อผนวกกับเรื่องที่คุณตกใจมากในตอนที่เห็นผมครั้งแรก ดูเหมือนว่าคุณกำลังปิดบังบางสิ่ง…”

กล่าวจบ ดวงตาสีฟ้าอ่อนของเฮอร์วิน·แรมบิสพลันแปรเปลี่ยนเป็นแนวตั้ง จากนั้นก็ถูกย้อมด้วยสีทองอย่างรวดเร็ว

ภายในรูม่านตาสีทองแนวตั้งทั้งสองข้าง ภาพของออเดรย์ที่สวมชุดขี่ม้าถูกสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน

ท่ามกลางเสียงอื้ออึง สติออเดรย์พลันเกิดความโกลาหล มีเพียง ‘เธอ’ ที่อยู่ใต้ผืนนภาวิญญาณเท่านั้นที่ยังครองสติไว้ได้คมชัด

เธอเห็นคลื่นบนท้องทะเลจิตของตนกำลังถาโถมเข้าใส่เกาะแห่งจิตใต้สำนึก

ขณะเดียวกัน เฮอร์วิน·แรมบิสมายาที่ดูชั่วร้ายได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันหยุดนิ่งใต้ผิวทะเล จากนั้นก็ยิงเกล็ดมังกรสีเทาอ่อนใส่ฐานรากของเกาะ ซึ่งตรงนั้นเป็นตำแหน่งของจิตใต้สำนึกที่สำคัญที่สุดของมนุษย์

ออเดรย์พบว่าความคิดของตนพลันบิดเบี้ยว ภายในใจอยากเล่าทุกสิ่ง สารภาพความลับทั้งหมด

อาศัยสติอันกระจ่างชัดของ ‘ตัวเธอ’ ใต้ผืนนภาวิญญาณ หญิงสาวควบคุมตัวเองอย่างยากลำบาก ไม่ยอมเปิดเผยความลับใดๆ แม้จะทราบดีว่า การขัดขืนเช่นนี้จะทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่เธอไม่มีเวลามัวคิดเล็กคิดน้อย รีบอาศัยพรจากเทวทูตและสติอันกระจ่างชัดบนท้องฟ้า แอบกระทำบางสิ่งที่เฮอร์วิน·แรมบิสไม่ทันสังเกตเห็น

หนึ่งในนั้นคือการสอดฝ่ามือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อฝั่งซ้าย

ขณะเดียวกัน เฮอร์วิน·แรมบิสที่กำลังบุกรุกโลกแห่งจิต สีหน้าดำมืดมากขึ้นทุกขณะ ก่อนจะคำรามต่ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา:

“ไม่ถูกต้อง… มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง!”

หากออเดรย์อยู่ในสถานะปรกติ เธอต้องพรั่งพรูความลับและความเป็นส่วนตัวทั้งหมดออกมาทีละข้อโดยเริ่มจากเรื่องสำคัญที่สุดก่อน ไม่ใช่เอาแต่ปิดปากเงียบเช่นนี้!

ในทำนองเดียวกัน เนื่องจากการ ‘บงการ’ เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ออเดรย์จึงไม่มีเวลาเตรียมตัวและสร้างความลับปลอมๆ มาเล่าให้อีกฝ่ายฟัง และหากเล่าออกไปส่งเดช เรื่องที่เธอยังครองสติไว้ได้ก็จะความแตกอยู่ดี

หลังจากยืนยันความผิดปรกติ เฮอร์วิน·แรมบิสไม่ลังเลอีกต่อไป ดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ผิวหนังถูกปกคลุมด้วยเกล็ดสีเทา

พายุในทะเลจิตทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ ออเดรย์ใต้ผืนนภาวิญญาณเริ่มซวนเซ

หลังจากถูกคลื่นทะเลลูกแล้วลูกเล่าโหมกระหน่ำ แนวป้องกันชั้นสุดท้ายของจิตใต้สำนึกกำลังจะพังครืน

“ฮึ่ม!” เฮอร์วิน·แรมบิสยกระดับความรุนแรงของพายุจิต ก่อนจะเผยสีหน้าพึงพอใจเมื่อเห็นเกาะแห่งจิตใต้สำนึกของออเดรย์เริ่มสั่นคลอน

สิ่งนี้หมายความว่า มันใกล้ควบคุมอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์!

แต่ทันใดนั้น ถ้อยคำโบราณพลันกังวานในโสตประสาทของมัน

“โชคชะตา!”

บนโลกความจริง เฮอร์วิน·แรมบิสเงยหน้าขึ้นด้วยอากัปกิริยาตกตะลึงสุดขีด เนื่องจากมันกำลังเผชิญกับดวงตาสีเขียวมรกตของออเดรย์ซึ่งถูกฉาบด้วยแสงสีทองสว่าง ทั้งงดงามและน่าหลงใหลเกินกว่าจะพรรณนา

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset