Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 750 : แรงดึงดูด?

ราชันเร้นลับ 750 : แรงดึงดูด?

ไคลน์ที่เคยอ่านนิตยสารหลายเล่ม ย่อมทราบว่าในสังคมที่ตนอยากเข้าร่วม มีงานเลี้ยงมากมายรออยู่ จึงไม่แปลกใจหรือคัดค้านคำแนะนำของวอลเตอร์ เพียงพยักหน้ารับ

“ตกลง”

กล่าวจบ ชายหนุ่มหันไปทางริชาร์ดสัน บุรุษรับใช้ส่วนตัว

“เตรียมรถม้า ผมจะไปวิหารนักบุญแซมมวล”

ไคลน์ยังไม่ลืม จุดประสงค์หลักของตนคือการแสร้งทำเป็นสาวกเปี่ยมศรัทธาของเทพธิดารัตติกาล พยายามมองหานักบวชที่เป็นเป้าหมาย จะได้สวมรอยเข้าไปในประตูยานิส ดังนั้น มันวางแผนที่จะแวะไปวิหารทุกครั้งที่มีโอกาส ทำตัวเป็นสาวกที่ดีอย่างแนบเนียน

“ครับนายท่าน” ริชาร์ดสันตอบด้วยท่าทีเคารพ

ถัดมาไม่นาน ไคลน์ในเสื้อโค้ทและหมวกทรงสูงเดินขึ้นรถม้าสี่ล้อหรูหราที่เพิ่งเช่า เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์สองข้างทาง พลางจิบชาดำคู่กับมะนาวฝาน

อันที่จริง ภายในห้องโดยสารมีบาร์ขนาดเล็กสำหรับเก็บเหล้ากลั่น จำพวกแลงติทองคำและแรนดี้ดำเหมันต์ที่พ่อบ้านวอลเตอร์เตรียมไว้ให้ รวมถึงไวน์ขาวและไวน์แดงนานาชนิดจากอินทิส

แต่ไคลน์ไม่ใช่คนชอบดื่ม ในฐานะผู้วิเศษ มันไม่ปลื้มกับความรู้สึกมึนเมาสักเท่าไร ภาวะดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งได้ง่าย ดังนั้น ชายหนุ่มใช้ข้ออ้างที่จะไปวิหารเพื่อปฏิเสธการดื่มสุรา และสั่งให้บุรุษรับใช้ส่วนตัว ริชาร์ดสัน เตรียมชาดำมาร์ควิสไว้ล่วงหน้า

“ถ้าหากเป็นไปได้ ผมก็อยากจะได้ชาเย็นหวานๆ สักแก้ว… รสชาติของทางใต้” ไคลน์พูดกับริชาร์ดสันอย่างติดตลก

“ผมจะเตรียมไว้สำหรับครั้งถัดไปครับ” ริชาร์ดสันตอบกระฉับกระเฉง

ไคลน์ยิ้มและส่ายหน้า

“ไม่ต้อง… การดื่มสิ่งนั้นทำจะให้ผมไม่สง่างาม… ไว้ผมสนิทกับเพื่อนบ้านมากกว่านี้ มีการจัดงานเลี้ยงครั้งใหญ่ ถึงตอนนั้นค่อยเตรียมชาเย็นหวานๆ ไว้ต้อนรับแขก… ฮะฮะ ผมคิดว่าพวกเด็กๆ น่าจะชอบ”

เมื่อริชาร์ดสันตระหนักว่าตนเข้าใจความหมายของคำพูดนายจ้างผิด มันรีบกล่าวอย่างประหม่า

“ผมจะจำเอาไว้ครับ”

จากบ้านเลขที่ 160 ถนนเบิร์คลุน ไปยังวิหารนักบุญแซมมวลบนถนนเฟลป์ หากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเสียเงินเช่ารถม้ามาแล้ว รวมถึงอยากรักษาความสง่างาม ไคลน์ชอบที่จะเดินมากกว่า จะได้ย่อยอาหารและยังดีต่อสุขภาพ

เพียงไม่นาน รถม้าหยุดลงตรงจัตุรัสด้านนอกวิหาร ไคลน์ถือไม้ค้ำเลี่ยมทอง ก้าวลงจากรถ หยุดเพื่อชมการเต้นระบำของนกพิราบขาว

เข้าไปในวิหาร มุ่งหน้าไปยังโถงสวดมนต์หลัก ชายหนุ่มส่งหมวกและไม้ค้ำให้ริชาร์ดสัน นั่งลงใกล้กับทางเดิน ก้มศีรษะพลางประสานมือ เริ่มกล่าวคำวิงวอนอย่างจริงจังและแผ่วเบา

ริชาร์ดสันนั่งอยู่ข้างหลัง เก็บสิ่งของให้เข้าที่ แหงนหน้ามองไปยังตราสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดบนแทนบูชา หลับตาลงตาม

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ ไคลน์สัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณของตนเกิดการกระจัดกระจายเล็กๆ แต่ชายหนุ่มไม่แปลกใจ เพราะสาวกทุกคนที่สวดมนต์ภายในวิหาร จะเผชิญเหตุการณ์ที่คล้ายกันเสมอ – เศษเสี้ยวพลังวิญญาณที่เกิดจากความซื่อตรงและจริงใจจะถูกดึงออกไปจากร่างกาย เสริมความแข็งแกร่งให้ผนึกประตูยานิสในห้องใต้ดิน

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ สัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มถูกกระตุ้น จึงลืมตาขึ้นอย่างเงียบงัน ค่อยๆ มองตรงไปข้างหน้า

ที่นั่นมีชายชราสวมชุดคลุมสีดำของนักบวช เส้นผมค่อนข้างบาง สีคล้ายน้ำแข็ง ใบหน้าขาวซีดราวกับคนใกล้ตาย

มองจากระยะไกล ออร่าของอีกฝ่ายเย็นเยียบ ปราศจากอารมณ์ในส่วนอื่น กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมมืดสลัวในโถงสวดมนต์ใหญ่

ผู้คุม… ไคลน์ได้ข้อสรุปจากการชำเลืองเพียงครู่เดียว ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งและสวดวิงวอน แน่นอน ชายหนุ่มจดจำรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายไว้หมดแล้ว

จมูกใหญ่ ดวงตาสีฟ้าอมเทา ผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่มีเครา

ชายชราที่แต่งกายในชุดนักบวชเองก็นั่งลงในเวลาไล่เลี่ย สวดวิงวอนถึงเทพธิดา ท่ามกลางโถงสวดมนตร์อันกว้างใหญ่ซึ่งช่องวางเพียงไม่กี่แห่งด้านบนกำแพง แสงอันบริสุทธิ์คล้ายดวงดาวพราวพรายส่องลอดเข้ามาจากช่องว่างดังกล่าว มอบความอ่อนโยนและศักดิ์สิทธิ์แก่สภาพแวดล้อมที่มืดมน

กระแสเวลาไหลผ่าน สัมผัสวิญญาณไคลน์ถูกกระตุ้นอีกครั้ง

ชายหนุ่มบรรจงลืมตา เห็นผู้คุมในชุดสีดำลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินเข้าไปที่ช่องลับด้านข้าง

ปลายทางน่าจะเป็นด้านหลังวิหาร… ผู้คุมก็อาศัยอยู่ในวิหารด้วยหรือ? ไม่มีญาติ ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้านให้กลับ? แต่ถ้าพิจารณาจากสถานะของอีกฝ่าย เรื่องนี้ไม่เหนือความคาดหมายมากนัก ผู้คุมด้านหลังประตูยานิสย่อมต้องถูกบิชอปจับตามองเป็นพิเศษ ถือเป็นพื้นฐานของมาตรการความปลอดภัย… หมายความว่า เราต้องเป็นเพื่อนกับบิชอปและนักบวชของวิหารนักบุญแซมมวล จึงจะมีสิทธิ์เข้าไปในเขตด้านหลังวิหาร… ไคลน์ไม่จ้องนักนาน หลับตาลงอีกครั้ง ครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

ถัดจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อน เดินไปหยุดหน้ากล่องบริจาค หยิบธนบัตรออกมาห้าสิบปอนด์ หย่อนลงไปด้วยสีหน้าสำรวม

สิ่งนี้ทำให้บิชอปและนักบวชที่เข้าเวรดูแล หันมองมาเป็นตาเดียว ใบหน้าเผยความอ่อนโยนและเป็นมิตร จดจำหน้าตาของ ‘เศรษฐี’

จัดการทั้งหมดเสร็จ ไคลน์พยักหน้าแผ่วเบาให้เหล่านักบวช เดินออกมาตามทางโดยมีริชาร์ดสันคอยถือหมวกและไม้ค้ำเดินตามหลัง

ออกจากโถงสวดมนต์ใหญ่ ชายหนุ่มเดินไปตามทางที่สองฝั่งเต็มไปด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม รวมถึงกระจกสีสันฉูดฉาดด้านบนสุด

ทันใดนั้น คนกลุ่มหนึ่งเดินสวนเข้ามา นำโดยชายวัยกลางคนที่มีจอนยาว ใบหน้าอ่อนโยน สวมชุดกันลมสีดำ ไม่สวมถุงมือ ไม่มีไม้ค้ำ

ด้านหลังฝั่งซ้ายของชายคนดังกล่าวคือบุรุษหนุ่มที่สวมชุดแบบเดียวกัน ผมสีดำเข้มและดวงตาสีเขียวมรกต ค่อนข้างหล่อเหลา แต่ทรงผมยุ่งเหยิงเล็กน้อย คล้ายกับไม่ได้ตั้งใจหวีสักเท่าไรหลังจากตื่นนอน

ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ ขนาดร่างกาย ไคลน์คุ้นเคยเป็นอย่างดี ภายในใจรู้สึกคิดถึงราวกับไม่ได้พบกันนานหลายสิบปี

เลียวนาร์ด·มิเชล!

รูม่านตาไคลน์หดลงเล็กน้อย ฝ่าเท้ายังคงก้าวเดิน รักษาจังหวะในตอนแรกได้โดยไม่มีพิรุธ หันหน้าไปมองกลุ่มเหยี่ยวราตรีในชุดกันลมสีดำ

ใช่แล้ว ไคลน์มั่นใจว่าคนเหล่านี้คือเหยี่ยวราตรี!

เมื่อกำลังจะสวนกัน ชายหนุ่มชำเลืองไปทางกลุ่มของเลียวนาร์ดโดยไม่เจาะจง จากนั้นก็เดินผ่านไปทางประตู

ประตูทางเข้าเปิดอยู่ ด้านนอกมีเมฆบางเบา แสงแดดบริสุทธิ์ และนกพิราบสีขาวกำลังโบยบิน

เลียวนาร์ด·มิเชลเหลียวหลังมองสุภาพบุรุษที่เพิ่งเดินสวนอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพ่นลมและกล่าว

“ผมหวังว่าพวกเราจะได้อยู่ในเบ็คลันด์อีกสักสองสามวัน นอนพักผ่อนให้เพียงพอ… คดีนี้ไม่เพียงจะอันตรายและดุเดือด แต่ยังสิ้นเปลืองพลังใจมากด้วย”

หน่วยถุงมือแดงของพวกมันเพิ่งเสร็จจากคดีปีศาจหนังมนุษย์ มีผู้ต้องหาถูกจับกุมสองราย

มองผิวเผิน งานนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่ความจริงแล้วเต็มไปด้วยอุปสรรค กว่าจะบรรลุภารกิจ ถุงมือแดงถูกล่อลวงเข้าหากับดักและถูกซุ่มโจมตีหนแล้วหนเล่า ผ่านความยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย

หัวหน้าโซสต์ส่ายศีรษะและยิ้ม

“นี่คือวิถีชีวิตของถุงมือแดงอย่างเรา เมื่อพวกคุณเลือกที่จะเข้าร่วม แปลว่าเตรียมใจรับชะตากรรมแบบนี้ไว้แล้ว… จริงสิ ขอแสดงความยินดีที่เลือนลำดับเป็น ‘ผู้ปลอบวิญญาณ’ สำเร็จ”

เลียวนาร์ด·มิเชลยิ้ม

“ช้ากว่าที่ผมคิดไว้มาก… และไม่ใช่แค่ผม หัวหน้าโซสต์ คุณเองก็เพิ่งเลื่อนเป็นลำดับ 5 เช่นกัน”

“นี่ไม่ใช่ปัญหาของทางโบสถ์ หากผมอดทนได้ดีกว่านี้ คงกลายเป็นจอมอาคมวิญญาณได้ตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนแล้ว” รอยยิ้มบนใบหน้าโซสต์พลันจางหาย เดินนำทุกคนไปยังโถงสวดมนต์ใหญ่ “จงสวดวิงวอนถึงพระองค์ วิธีนี้จะช่วยขจัดความอ่อนเพลียทางจิตใจได้ชะงักงัน ร่างฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว”

ขณะกล่าว หน่วยถุงมือแดงเดินเข้าไปในโถงที่มีบรรยากาศสลัวและเงียบเชียบ แต่ต่างคนต่างแยกกันหาที่นั่ง

ขณะเลียวนาร์ดเตรียมตั้งสมาธิสวดมนต์ เสียงค่อนข้างชราดังขึ้นภายในใจ

“มีบางอย่างไม่ถูกต้องเกี่ยวกับคนเมื่อสักครู่”

“ใคร?” เลียวนาร์ดก้มศีรษะ ถามเสียงต่ำ

เสียงค่อนข้างชราตอบกลับ

“หนึ่งในคนที่เดินสวนกันหน้าประตูทางเข้า ข้าอาศัยอยู่ในตัวเจ้า พลังยังฟื้นฟูกลับมาไม่เต็มที่ จึงมองเห็นได้ไม่ชัดสักเท่าไร”

เลียวนาร์ดพยายามนึก ยังคงใช้เสียงต่ำ

“ไม่ถูกต้องยังไง?”

“คนคนนั้นมีกลิ่นอายโบราณ” เสียงในใจเลียวนาร์ดตอบสั้นกระชับ

“หมายถึงผู้วิเศษที่อาศัยอยู่บนโลกมานาน?” เลียวนาร์ดพึมพำ “เดี๋ยวผมจะลองตรวจสอบดู”

ขณะเดียวกัน มันคิดในใจ

ตาแก่กำลังปกปิดบางอย่างจากเรา เขาไม่เคยเตือนออกมาเองแบบนี้ แถมยังอธิบายอย่างคลุมเครือ… หากเราพบเป้าหมาย ถ้ายืนยันว่ายังไม่มีพิษภัย จะปล่อยผ่านไปโดยไม่สนใจ… ไม่อยากนั้นอาจถูกลากเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดจากยุคสมัยที่สี่… แต่ถ้าบุคคลดังกล่าวเป็นตัวอันตราย คงต้องรายงานกับท่านอาร์ชบิชอปโดยตรง

เขตเชอร์วู้ด ภายในบ้านหลังหนึ่ง

“ที่ฉันยืมมาจากเธอ” ฟอร์สยื่นเงินจำนวนสองร้อยยี่สิบปอนด์ให้ซิล

เธอเพิ่งได้รับเงินหนึ่งร้อยปอนด์จากมิสเตอร์มูน และห้าร้อยปอนด์จากมาดามเฮอร์มิส

ซิล·เดียร์ชาใช้มือสางเส้นผมสีทองที่ยุ่งเหยิงและแข็งกระด้าง ก้มมองธนบัตร เงยหน้าขึ้นมองฟอร์สอีกครั้ง โพล่งออกไป

“เธอเล่นพนันเถื่อนมาจริงๆ ใช่ไหม? ฉันขอเตือนไว้ก่อน การพนันแบบนี้เต็มไปด้วยการคดโกงและเอาเปรียบ เจ้ามือจะยอมเสียเล็กน้อยเพื่อที่จะชนะครั้งใหญ่ในอนาคต! แม้ว่าเธอจะเป็นนักตุกติกและตบตาเจ้ามือได้ แต่การพนันทำนองนี้ไม่ได้มีลูกเล่นแค่อย่างเดียว!”

“หยุด หยุด หยุด!” ฟอร์สยกมือขึ้นทั้งสองข้าง กล่าวด้วยเสียงโกรธปนตลก “ฉันดูเหมือนคนเล่นพนันเถื่อนตรงไหน?”

“ทุกตรง!” ซิลตอบโดยไม่ลังเล “ในอดีต ถ้าฉันไม่ห้ามไว้ เธอคงเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่ไปเป็นกัญชาแล้ว!”

นั่นเพราะกัญชาช่วยลดความเจ็บปวดขณะเผชิญเสียงเพรียกระหว่างจันทร์เต็มดวงยังไงล่ะ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นอีกแล้ว… ฟอร์สไม่โต้เถียง อธิบายกลับไปเถรตรง

“ฉันขายข้อมูลเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับในชุมนุมผู้วิเศษ… หึหึ อีกฝ่ายใจกว้างมาก เสนอเงินให้ตั้งหลายร้อยปอนด์”

“งั้นหรือ…” ซิลสลัดความคิดก่อนหน้า หันไปกล่าว “มีชุมนุมลับของผู้วิเศษแห่งใหม่เกิดขึ้นในเขตตะวันออก ฉันได้รับเชิญ”

“ชุมนุมผู้วิเศษใหม่?” ฟอร์สผงะเล็กน้อย ก่อนจะผุดบางสิ่งในใจ

จากคำพูดของอาจารย์ตน โดเรี่ยน·เกรย์ รวมถึงมิสเตอร์ฟูล หญิงสาวทราบว่าลูอิส·เวย์นเป็น ‘ผู้ส่งสาร’ ของชุมนุมแสงเหนือ การมาเยือนเบ็คลันด์ในคราวนี้ ดูเหมือนว่าจะมาเพื่อทดแทนมิสเตอร์ A ที่หายตัวไป สร้างขุมกำลังของชุมนุมแสงเหนือขึ้นมาใหม่ ดังนั้น มีโอกาสพอสมควรที่มันจะปลอมตัว จัดชุมนุมผู้วิเศษใหม่ขึ้นมาแทนมิสเตอร์ A

ฟอร์สครุ่นคิดสักพัก กล่าวกับซิลโดยไม่มองหน้า

“แล้วเธอจะเข้าร่วมไหม?”

“แน่นอน ฉันยังต้องการสูตรโอสถ ‘นักสอบสวน’” ซิลยืนกรานหนักแน่น

ฟอร์สพยักหน้า ปิดปากหาว

“ถ้าได้สิทธิ์เชิญสมาชิกใหม่เมื่อไร อย่าลืมชวนฉันด้วย”

……………………………………………………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset