ผ่านไปสักพัก ไคลน์ลูบหน้าผากพลางข่มสติ ตระหนักว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับตน
ชายหนุ่มไม่มีแรงจูงใจให้เข้าไปพัวพัน กองทัพโลเอ็นจะพบตัวทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ตนไม่ได้รู้สึกผูกพันกับอาณาจักรโลเอ็นสักเท่าไร สิ่งที่เคยทำในอดีตมีจุดประสงค์เพียงเพื่อขับเคลื่อนวิถีชีวิตมนุษย์ให้ดีขึ้น ป้องกันไม่ให้พลเมืองตายไปอย่างไร้ค่า หากเป็นไปได้ก็อยากผลักดันสังคมให้เดินไปข้างหน้า ชนชั้นรากหญ้าจะได้มีชีวิตแบบคนปรกติเสียที
คิดไม่ถึงว่าเราจะกลายเป็นนักสิทธิมนุษยชนหลังจากเดินทางข้ามโลก… ไคลน์หัวเราะ เตรียมส่งตัวเองกลับโลกจริงเพื่อหลับพักผ่อน ปล่อยให้ความโกลาหลด้านนอกเป็นไปตามครรลอง
แต่ทันใดนั้น มุมสายตาชำเลืองไปเห็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุดในกองขยะ – เครื่องรับโทรเลขไร้สาย
จริงสิ… ฝ่ายใดกำลังควบคุมตัวทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนอยู่? ถ้าเป็น ‘ราชินีเงื่อนงำ’ แบร์นาแดตก็ไม่น่ากังวล เธอยึดถือหลักการ ‘ทำอะไรก็ได้แต่ไม่เดือดร้อนใคร’ อย่างเคร่งครัด คงไม่ทำในสิ่งเลวร้าย…
แต่ถ้าเป็นโรงเรียนกุหลาบที่อยู่เบื้องหลังพลเรือเอกโลหิต นั่นคงไม่ใช่เรื่องดี พวกมันพยายามกวาดล้างฝ่าย ‘ระงับความกระหาย’ ขององค์กรอย่างป่าเถื่อน แถมยังนับถือ ‘เทพผู้ถูกล่าม’ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ‘มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย’ พวกนี้ชั่วช้าไม่ต่างจากชุมนุมแสงเหนือ หากได้ครอบครองเทคโนโลยีล้ำยุค เกรงว่าอาจจะเกิดความโกลาหลครั้งใหญ่… ไคลน์ยกเลิกการนำพลังวิญญาณมาห่อหุ้มร่างกาย ใช้ปลายนิ้วเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาว
เพียงไม่นาน ชายหนุ่มผุดไอเดียใหม่ นั่นคือการนำเครื่องรับโทรเลขไร้สายกลับไปยังโลกความจริง ปรับไปยังย่านความถี่หนึ่ง ดักฟังโทรเลขจากเครือข่ายของพลเรือเอกโลหิต จากนั้นก็ใช้สมุดถอดรหัสแปลความหมาย
ชาวเมืองทุกคนถูกสอบปากคำแบบปูพรม ต้องเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญมาก… หากพวกมันควบคุมตัวเฮลโมซีนอยู่จริง มีโอกาสสูงที่จะเกิดการส่งโทรเลข… ด้วยวิธีการติดต่อดังกล่าว ทั้งสภาเมือง กองทัพโลเอ็น หรือกระทั่งโบสถ์วายุสลาตัน ล้วนไม่มีใครครอบครองเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากพอ ถือเป็นช่องทางที่ปลอดภัย… ลำพังการตายของเฒ่าควินน์อาจไม่ถึงกับทำให้พวกมันเปลี่ยนย่านความถี่และรูปแบบการถอดรหัส… คุ้มค่าที่จะลองเสี่ยง… ตัดสินใจได้ ไคลน์ไม่รีรอ รีบกลับโลกความจริง เตรียมพิธีกรรมรับมอบ
หลังจากนำเครื่องรับโทรเลขมาไว้ในห้อง ชายหนุ่มไม่รีบร้อนเปิดใช้งาน เพียงนำกริชเงินสำหรับประกอบพิธีกรรมมาสร้างกำแพงวิญญาณ ผนึกห้องอย่างมิดชิด
ทำเช่นนี้ก็เพื่อขจัด ‘ออร่า’ ของหมอกสีเทา!
สำหรับชายหนุ่ม การระบุฝั่งที่กำลังควบคุมเฮลโมซีนไม่ใช่เรื่องยาก แค่ปล่อยให้เครื่องรับโทรเลขเจือกลิ่นอายของสายหมอก เชื่อมต่อกับ ‘กระจกวิเศษ’ อาโรเดสและถามในสิ่งที่อยากรู้ แต่ปัญหาคือ การถามตอบครั้งล่าสุดเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน หากกลิ่นอายของหมอกสีเทาปรากฏบ่อยครั้ง เกรงว่าเทพมารอย่างพระผู้สร้างแท้จริงและแม่มดบรรพกาลจะสัมผัสถึง
ไคลน์ตัดสินใจไม่ประมาท พึ่งพาเฉพาะความสามารถของตัวเอง
ราวเจ็ดแปดนาทีถัดมา หลังจากสัมผัสได้ว่า ‘ออร่า’ เลือนหายไปจนหมด ชายหนุ่มปลดกำแพงวิญญาณ เปิดใช้งานเครื่องรับโทรเลขเพื่อดักฟัง
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ คลื่นความถี่ที่ตั้งไว้เริ่มมีการตอบสนอง!
ไคลน์ข่มความยินดี รีบจำข้อความและเปิดคู่มือการถอดรหัสซึ่งสร้างจากเทคนิคทำนาย จากนั้นก็ถอดความหมาย
เพียงไม่นาน มันเขียนประโยคหนึ่งลงบนแผ่นกระดาษ
“อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ เจ็ดโมงเช้า”
เป็นอย่างที่คิด… ฝ่ายพลเรือเอกโลหิตกำลังควบคุมเฮลโมซีน ในหมู่พวกมันน่าจะมีบุคคลทรงพลังของโรงเรียนกุหลาบอยู่เบื้องหลัง… ไคลน์สรุปสมมติฐาน
ข้อสรุปนี้ไม่ได้มาจากเนื้อหาโทรเลข แต่การ ‘ได้รับ’ โทรเลขต่างหากที่เป็นเครื่องยืนยัน
หากเฮลโมซีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลเรือเอกโลหิต คืนนี้ตนคงไม่บังเอิญได้รับโทรเลขที่เกี่ยวกับถนนเส้นหนึ่งในบายัม!
เนื้อหาของโทรเลขหมายถึง ให้ไปพบกันที่อาคารหมายเลข 32 ของถนนพริกไทยดำก่อนเจ็ดโมงเช้าวันพรุ่งนี้? หรือโอเดลและเฮลโมซีนกำลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่น จึงแจ้งตำแหน่งตัวเองให้พลเรือเอกโลหิต? ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ตัดสินใจส่งตัวเองกลับมิติหมอก นำข้อมูลมาวิเคราะห์และเขียนประโยคทำนาย
“ตำแหน่งปัจจุบันของทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีน”
มือหนึ่งถือกระดาษ หลังเอนพิงพนัก ไคลน์พึมพำประโยคทำนายและส่งตัวเองเข้าสู่ความฝันด้วยการเข้าฌาน
ท่ามกลางโลกมายาสีเทา ชายหนุ่มเห็นโถงใต้ดินที่มีโคมตะเกียงผนังจำนวนมาก
ภายในโถงมีเครื่องจักรซับซ้อนขนาดใหญ่ ด้านในประกอบด้วยกระบอกทองแดง คันโยก คาน และเฟืองจำนวนมาก กินเนื้อที่ราวหนึ่งในสามของห้องโถง
ชายชราร่างกายผมบาง ผมสีขาวรุงรัง สวมชุดคลุมตัวหนา กำลังเดินวนเวียนไปมาด้านหน้าเครื่องจักร โยนลูกอมใส่ปากและเคี้ยวเสียงดัง
“ไม่ได้… มันไม่ควรถูกเรียกว่าเครื่องหาผลต่าง เด็กที่น่ารักคนนี้สามารถคำนวณและหาคำตอบได้ด้วยตัวเอง… ใช่แล้ว ชื่อของมันต้องเป็น ‘เครื่องคำนวณ’ !” ชายชราพูดกับตัวเอง จนกระทั่ง ‘หน้าจอ’ ไคลน์เลื่อนขึ้นจากห้องใต้ดิน ฉายภาพรวมของตัวงอาคารด้านบน
อาคารสามชั้นขนาดเล็กแห่งนี้คือคฤหาสน์ที่มีสวนและสนามหญ้า ด้านนอกมีป้ายเลขที่บ้านเขียนไว้ว่า :
“32 ถนนพริกไทยดำ” !
เป็นที่นี่จริงๆ … ไคลน์ลืมตา ถอนหายใจแผ่ว
จากนั้น ชายหนุ่มเริ่มพบปัญหาในแผนการขั้นถัดไป
นักวิทยาศาสตร์ไม่มีประโยชน์กับเรา รังแต่จะสร้างปัญหา และเราก็ไม่สามารถเก็บเขาไว้ในมิติหมอก… ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือเอง… ทำยังไงดี… แจ้งข่าวให้กองทัพโลเอ็นหรือโบสถ์วายุ? การทำแบบนี้จะช่วยตัดกำลังโรงเรียนกุหลาบได้มาก แต่ต้องไม่ลืมว่า ในกองทัพมีคนที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมมหาหมอกควันแห่งเบ็คลันด์ การที่เฮลโมซีนตกไปอยู่ในมือพวกมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน… ทางด้านโบสถ์วายุสลาตันเองก็มีเชื่อเสียงในด้านไม่ดีนัก ปฏิการจู่โจมอาจทำให้เฮลโมซีนได้เข้าเฝ้าเทพที่เขาศรัทธา… ไคลน์ไตร่ตรองอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ผุดแนวคิดใหม่ที่บ้าบิ่น
ประกาศตำแหน่งของทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีนออกสู่สาธารณะ ทางกองทัพหรือโบสถ์จะได้ไม่กล้าแย่งชิงตัวไปเก็บไว้คนเดียว!
ความสมดุลคือกุญแจ… ไคลน์ยิ้มพลางพึมพำ เสกคทาเทพสมุทรด้วยการกวักมือ
ในอดีต หากไคลน์ต้องการกระจายข่าว วิธีเดียวคือการแอบติดใบปลิวทั่วเมือง แต่สำหรับปัจจุบัน มันมีวิธีที่สะดวกและได้ประสิทธิภาพมากกว่านั้น!
เลือกสาวกที่เพิ่งสวดวิงวอนมาคนหนึ่ง ไคลน์ซูมภาพออก มองเห็นทัศนียภาพรอบจุดดังกล่าวไกลถึงห้ากิโลเมตร
จากนั้น ชายหนุ่มใช้คทาเทพสมุทรควบคุมลมในละแวกใกล้เคียง!
เพ่งสมาธิสักพัก ไคลน์ถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในฉาก ดัดเสียงให้ทุ้มต่ำและกล่าว
“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”
ฟ้าว!
ภายในบายัม สายลมกระโชกพัดผ่านทุกซอกมุม มาพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่น่าเกรงขาม
“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”
“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”
…
เสียงดังกล่าวแพร่กระจายทั่วบายัมอย่างรวดเร็ว คล้ายกับการส่งเสียงตามสายไปรอบเมือง
ในเวลาเดียวกัน ‘อสรพิษเหรียญเงิน’ โอเดลกำลังสวมเสื้อคลุมหัว แสร้งปลอมตัวเป็นเฮลโมซีน ซ่อนตัวอยู่ในย่านสลัมของชาวเลือดผสม โผล่ตัวออกมาเป็นครั้งคราว หลอกล่อให้คนของ MI9 และกรมตำรวจหลงทาง
แต่ทันใดนั้น สายลมกระโชกพัดผ่าน เสียงหนึ่งดังแว่ว
“เฮลโมซีนอยู่ที่อาคารหมายเลข 32 ถนนพริกไทยดำ!”
อะไรกัน…? ขณะเสียงกังวาน สีหน้าโอเดลพลันชะงัก เสียหลักตกหลังคาจนเกือบได้รับบาดเจ็บหนัก
ณ ด้านหลังมหาวิหารคลื่นสมุทร ภายในอาคารเล็กๆ ใกล้กับสภาเมือง แยนน์·ค็อตแมนและโรเบิร์ต·เดวีส์ได้ยินเสียงจากสายลมก่อนใคร
ท่าทีตอบสนองแรกคือการแหงนหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็หันไปยังทิศทางของถนนพริกไทยดำ
หลังจาก ‘ส่งเสียงตามสาย’ เสร็จ ไคลน์โยนคทาเทพสมุทรเข้าไปในกองขยะอย่างอารมณ์ดี กลับมายังโลกความจริง
ชายหนุ่มไม่รีบร้อนที่จะนำเครื่องรับโทรเลขขึ้นมิติหมอก รอดักฟังการส่งข้อความครั้งถัดไป
ด้วยแผนการนี้ ต่อให้บุคคลทรงพลังของโรงเรียนกุหลาบกำลังซ่อนตัวอยู่ในเมืองบายัมจริง มันก็คงไม่กล้าโผล่หัว… หึหึ ไม่อย่างนั้น ชะตากรรมเดียวของมันคือการ ‘มอบตัว’ กับอาณาจักร! น่าเสียดายที่เราไม่ชอบเขียนไดอารีเหมือนจักรพรรดิ ไม่อย่างนั้นคงบันทึกลงไปว่า : วันนี้ก็ได้ทำความดีอีกแล้ว! ไคลน์ถอนหายใจ ถอดเสื้อโค้ทและกลับไปนอน ไม่สนใจว่าด้านนอกจะเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ใช่เรื่องของตนอยู่แล้ว
หลับไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ ชายหนุ่มตื่นขึ้นกะทันหัน นั่งลงบนเตียงพร้อมกับได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง
ใครอีก? เคาะประตูในยามวิกาล… ตอนนี้เราคือจอห์น·ยอร์ด… ไคลน์สวมยุบพองหิวโหย หยิบลางมรณะจากใต้หมอนและเดินตรงมายังประตู
ภาพของผู้มาเยือนปรากฏในใจ เป็นชายผมสีเทารุงรัง สวมแจ็คเก็ตผ้าฝ่าย โค้ทขนสัตว์ กำลังโยนลูกอมสีน้ำตาลใส่ปาก
ทูรานี่·ฟอน·เฮลโมซีน!
เชี่ย! หมอนั่นมาหาเราทำไม? เราเป็นแค่คนธรรมดานามว่าจอห์น·ยอร์ด! นอกจากนั้น เขาหนีรอดจากการไล่ล่าของเหล่าครึ่งเทพได้ยังไง? ไคลน์อยากตอบกลับไปว่า คุณเคาะประตูผิดห้องแล้ว แต่สุดท้ายก็กลืนคำ เพียงถามกลับไป
“คุณกำลังมองหาใคร”
เฮลโมซีนหัวเราะแหบพร่า
“ข้าสังเกตเห็นเจ้าตั้งแต่ในผับสาหร่ายทะเลแล้ว แต่ตอนนั้นไม่มีโอกาสได้พูดคุย… ฮะฮะ! ชีวิตของข้าใกล้ถึงจุดจบแล้ว จึงมีหลายสิ่งให้ขบคิดก่อนตาย… ได้โปรดให้ข้าแนะนำตัวเอง… เจ้าสามารถเรียกข้าว่า ‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน”
‘แสงส้ม’ ฮิลลาเรี่ยน? ไคลน์ผงะในตอนแรก ก่อนจะถามกลับอย่างเคลือบแคลง
“แล้วคุณต้องการอะไร”
เฮลโมซีนหัวเราะ
“ข้ามาที่นี่เพื่อเตือนให้เจ้าระวังมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย!”
มันเว้นวรรค
“เอาล่ะ ข้าต้องไปแล้ว ถึงเวลาตายและกลับสู่โลกวิญญาณ…”
“…”
“เจ้ามีศัตรูแถวนี้ไหม”
“ถามทำไม?” ไคลน์ถามกลับอย่างสับสน
เฮลโมซีนกระแอม
“ข้าจะไปตายหน้าประตูห้องของเจ้านั่นให้ ไม่มีวิธีการแก้แค้นใดได้ผลกว่านี้แล้ว”
……………………………………….