ทิวลิปดำ… พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์… หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ … ไม่โชคร้ายไปหน่อยหรือ? ไคลน์ผู้กำลังลอยตัวกลางอากาศ มองเห็นเรือใบที่แล่นเข้ามาเป็นคนแรก มันอดไม่ได้ที่จะก้มมองแอนเดอร์สันผู้กำลังถือกริชสีดำสนิทพลางตรวจสอบอาการสัตว์ประหลาด
แอนเดอร์สันรีบแหงนมองตอบด้วยความสงสัย ขณะเดียวกันคอยระวังอันตรายจากก้อนเนื้อสีเทาดำที่อาจพุ่งโจมตีได้ทุกเมื่อ
“มองฉันด้วยสายตาแบบนี้… เกิดอะไรขึ้นอีก?”
ยังไม่ทันกล่าวจบ มันรีบหุบปากตามสัญชาตญาณเนื่องจากเหลือบไปเห็นบางสิ่ง ตามด้วยการกระโดดม้วนตัวอย่างคล่องแคล่ว หลบหลีกเศษเนื้อสีเทาดำที่แยกออกจากสัตว์ประหลาดซึ่งกำลังทำให้เล็บมือของตนงอกยาว เพียงไม่นานก็พาตัวเองไปถึงกราบเรืออีกฝั่ง
ขณะยืนยืดเส้นยืดสาย แอนเดอร์สันพลันผงะ
“พลเรือเอกขุมนรก…”
อีกฝ่ายมิใช่บุรุษจิตใจโอบอ้อมอารี หากแต่เป็นนายพลโจรสลัดเลือดเย็นที่ชื่นชอบการฆ่าฟัน ย่อมไม่มีความลังเลที่จะฉกฉวยผลประโยชน์ในยามที่ผู้อื่นกำลังเผชิญวิกฤติ!
หากประเมินแล้วว่า ตัวเองสามารถใช้สัตว์ประหลาดดุร้ายเป็นเครื่องมือในการสังหารพลเรือเอกดวงดาวและลูกเรือทุกคนของอนาคตกาล อีกทั้งยังจะได้กอบโกยสมบัติมหาศาล ลูเธอร์ไวล์ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไปแน่นอน!
ความซวยของเรามิได้ลดลงเลยสักนิด… เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นการฝากประจำและถอนเงินก้อนใหญ่ในคราวเดียว! แอนเดอร์สันหัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก
ขณะเดียวกัน ข้อมูลหนึ่งแล่นผ่านความคิดไคลน์
พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ เฉพาะค่าหัวในโลเอ็นก็มากถึงห้าหมื่นห้าพันปอนด์!
ผู้สื่อวิญญาณสุดทรงพลัง เจ้าของค่าหัวอันดับหนึ่งจากบรรดาเจ็ดนายพลโจรสลัด!
บนทิวลิปดำ เรือธงของมัน มีโจรสลัดอยู่ไม่มากนัก งานพื้นฐานส่วนใหญ่ถูกจัดการโดยสิ่งมีชีวิตประเภทอันเดดและวิญญาณที่มันบงการ
ลูเธอร์ไวล์มักเอาชีวิตคนโดยปราศจากความปรานี แต่ใช่เพราะหลงใหลการฆ่า หากแต่เป็นความตั้งใจที่จะส่งดวงวิญญาณไปสู่ปรโลกเสียมากกว่า
มันมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับนิกายวิญญาณ โดยกล่าวกันว่า ลูเธอร์ไวล์ครอบครองแหวนที่เป็นมรดกตกทอดของ ‘เทพมรณา’ บรรพกาล!
ขณะไคลน์และแอนเดอร์สันจ้องไปยังทิวลิปดำ เข็มกลัดสีทองคำบนเสื้อคลุมแคทลียาเริ่มเปล่งแสงแดดอันบริสุทธิ์และเจิดจ้า
ณ ห้องกัปตัน ร่างอันพร่ามัวร่างตนหนึ่งเริ่มขยายขนาด
ร่างดังกล่าวแฝงกลิ่นอายความตายและความเงียบสงบอันน่าขนลุก แต่บรรยากาศรอบตัวกลับอบอุ่นคล้ายแสงแดด
นี่คือตัวตนอันผิดแผก วิญญาณอาฆาตที่เกิดจาก ‘น้ำมนต์สุริยันศักดิ์สิทธิ์’ !
มีทั้งความศักดิ์สิทธิ์และชั่วร้ายในตนเดียว!
‘วิญญาณอาฆาตสุริยัน’ เริ่มกางแขนบินด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง โอบกอดเศษเนื้อสีเทาดำ
เกิดเสียงไขมันละลายดัง ‘ฉ่า’ วิญญาณอาฆาตสุริยันและเศษเนื้อสีเทาดำเริ่มหักล้างกันและกันจนไม่มีร่องรอยใดหลงเหลืออยู่
ยิ่งสีม่วงในดวงตาของพลเรือเอกดวงดาวทวีความเข้มข้น เข็มกลัดสีทองก็ยิ่งสาดแสง เกิดเป็นวิญญาณอาฆาตสุริยันตนใหม่อย่างรวดเร็ว พุ่งตรงเข้าไปจัดการกับเศษเนื้อสีดำเทาที่พยายามบุกรุกอนาคตกาล
ขณะเดียวกัน ผู้ไร้เลือด ฮีธ·ดอลย์ ทำการปกป้องแฟรงค์ นีน่า และลูกเรือคนอื่นด้วยเทคนิคการ ‘เขมือบย่อย’ มันพยายามต่อกรกับสัตว์ประหลาดที่มีพลังชีวิตในระดับน่าทึ่งอย่างสุดฝีมือ
ทิวลิปดำมีความเร็วสูงกว่าที่ไคลน์คำนวณ เพียงไม่กี่วินาที เรือลำใหญ่ได้แล่นเข้าสู่ระยะอันตรายสำหรับอนาคตกาล
เรือใบสีดำที่มีแสงสีเขียวแซม เริ่มแล่นช้าลงและหยุดนิ่งที่ด้านข้าง คล้ายกับต้องการตรวจสอบสถานการณ์ให้แน่ชัด
ทันใดนั้น ไคลน์เหลือบเห็นดวงตาเกือบโปร่งใสปรากฏขึ้น ณ กึ่งกลางท้องฟ้าเหนืออนาคตกาล ด้วยรูม่านตาซีดเผือด ‘เนตร’ ดังกล่าวกำลังก้มมองลงมาโดยไม่กะพริบตา
นี่มัน… กล้องส่องทางไกลฉบับผู้สื่อวิญญาณ? แทบจะในพริบตา ไคลน์ชักปืนพกด้วยมือขวา ปากกระบอกเล็งไปยังดวงตาของสิ่งมีชีวิตจากโลกวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มเริ่มเกิดความลังเล หากประเมินว่าตนคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักผจญภัยผู้บ้าบิ่นและอำมหิต การยิงดวงตาทิ้งคือทางเลือกที่สอดคล้องกับบุคลิกที่สุด แต่ในปัจจุบัน พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ ยังไม่แสดงท่าทีเป็นศัตรู บางที องค์กรลับเบื้องหลังแคทลียาอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้มันลังเล ด้วยเหตุผลข้างตน หากไคลน์ทำลาย ‘กล้องส่องทางไกล’ ส่งเดช สถานการณ์จะดำเนินไปถึงจุดที่มิอาจย้อนกลับ เป็นจุดที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยอันตราย!
ท่ามกลางความลังเลเพียงไม่กี่วินาที ดวงตามายาโปร่งใสพลันเลือนลับ ทิวลิปดำที่เคยอยู่ห่างออกไปไกล เริ่มขยับเข้าใกล้มากขึ้นทีละนิด
ด้านบนสุดมีโครงกระดูกสีขาวที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าหรือเสื้อหนัง กำลังก้มหน้าตั้งใจปรับใบเรืออย่างขยันขันแข็ง ส่วนด้านล่างเป็นกลุ่มซอมบี้ที่กำลังเดินลาดตระเวนพร้อมดาบยาวในมือ พวกมันกวาดตาซ้ายขวาด้วยเนตรเปลวไฟสีเขียว เงารางของภูตผีและสิ่งมีชีวิตพิสดารจำนวนมากบินโฉบไปมาเป็นระยะ บ้างบินเข้าไปในตัวเรือจนทำให้มีใบหน้าและคิ้วอันเลือนรางปรากฏอยู่ตามผนัง
จากที่ไคลน์เห็น มีเพียงบุคคลเดียวที่อาศัยอยู่บนทิวลิปดำ นั่นคือกัปตันเรือผู้กำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าและจ้องมายังอนาคตกาลอย่างเงียบงัน การแต่งกายดูคล้ายกับเพศชาย
กัปตันสวมหมวกทรงสามเหลี่ยมใบใหญ่ที่มีกะโหลกและขนนกสีขาวประดับ สวมเชิ้ตขาวลายลูกไม้และสวมโค้ทสีน้ำตาลทับ ดาบเรเพียร์เล่มบางห้อยลงจากเข็มขัดหนังวัวที่กำลังรัดติดเสื้อขาว
เค้าโครงใบหน้าถูกซ่อนอยู่หลังหน้ากากสีเงิน บริเวณช่องว่างตำแหน่งดวงตา จมูก และปาก มีเส้นลึกลับช่วยเน้นให้ดูน่าสะพรึงกลัว
ตรงตามภาพจำของพลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ ทุกประการ!
แล้วรองกัปตัน ผู้ช่วยกัปตัน ผู้ช่วยรองกัปตันไปไหน? ไคลน์ประหลาดใจเมื่อพบว่ามีเพียงบุคคลเดียวที่อยู่บนทิวลิปดำ แต่หลังจากนั้นก็คลายความกังวล
เฉกเช่นที่อนาคตกาลส่งผู้ช่วยรองกัปตัน ผู้บังคับการปืนใหญ่ และลูกเรือจำนวนมากไปประจำการยังเรือลำอื่นภายในกองเรือ เหลือไว้เพียงจำนวนต่ำสุดสำหรับการล่องน่านน้ำอันตราย พลเรือเอกขุมนรกก็คงไม่ปล่อยให้ลูกน้องแสน ‘เปราะบาง’ ของตนตามมาเช่นกัน เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มันสามารถขับเคลื่อนเรือได้ด้วยกองทัพอันเดดและวิญญาณอยู่แล้ว
ในวินาทีนี้ ทิวลิปดำเริ่มหันกราบเรือฝั่งขวาใส่พร้อมกับเล็งปืนใหญ่หลายสิบกระบอก
เมื่อพลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์ เลื่อนมือขึ้นมาจับหน้ากากเงิน เสียงระดมยิงสุดสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นในพริบตา
กระสุนปืนใหญ่นัดแล้วนัดเล่า บ้างยิงไม่ถึง ลอยตกทะเลตรงหน้าจนเกิดเป็นคลื่นน้ำ บ้างพุ่งเลยออกไปไกลและตกลงที่ด้านหลัง
นี่คือการ ‘ยิงปรับเป้า’ !
เพียงไม่นาน ทิวลิปดำเริ่มกระหน่ำยิงระลอกที่สอง
ขณะไคลน์เตรียมกระตุ้นยุบพองหิวโหยและใช้พลัง ‘บิดเบือน’ ของบารอนแห่งการเน่าเปื่อยเพื่อเบี่ยงเบนให้กระสุนพลาดเป้า ชายหนุ่มบังเอิญเหลือบเห็นแอนเดอร์สัน·ฮู้ดยกมือขวาผลักไปข้างหน้า
อีกาเพลิงสีส้มแสดก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนจะพุ่งออกไปทำลายกระสุนปืนใหญ่ทุกนัดอย่างแม่นยำ!
บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!
เปลวเพลิงลุกโชนเต็มน่านฟ้า เศษโลหะกระจัดกระจายคล้ายกับพลุดอกไม้ไฟหลายสิบนัด
คงต้องยอมรับว่า พลังของ ‘นักวางเพลิง’ มีประโยชน์อย่างมากในทะเล ไม่ต่างอะไรกับระบบต่อต้านขีปนาวุธแบบฉบับผู้วิเศษ… แต่ทั้งนี้ เป็นเพราะแอนเดอร์สัน นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุด อยู่บนลำดับ 5 ของเส้นทาง หากเปลี่ยนเป็นเดนิส คงไม่มีทางทำลายกระสุนทุกนัดทิ้งในคราวเดียวแน่ ได้สักครึ่งหนึ่งก็นับว่าเก่งมากแล้ว… เฮ่อ… พลัง ‘ควบคุมไฟ’ ของเราจัดการได้แค่ทีละเป้าหมายเท่านั้น… ขณะไคลน์ถอนหายใจ ทิวลิปดำหยุดการระดมยิงพร้อมกับเร่งความเร็ว ย่นระยะเข้าหาอนาคตกาลอย่างรวดเร็ว
เมื่อขยับเข้าใกล้ แสงแดดสีทองบนผิวน้ำพลันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท มิได้ดำเช่นหมึก หากแต่คล้ายกับค่ำคืนอันมืดมิดที่ปราศจากแสงดาวและดวงจันทร์
ท่ามกลางผิวน้ำสีดำตรงหน้า สิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงซึ่งมีร่างกายโปร่งแสงกึ่งมายาค่อย ๆ ทยอยคืบคลานออกมา รวมไปถึงซากศพสีซีดที่พยายามเหยียดท่อนแขนเน่าเปื่อย และเปลวเพลิงสีแดงเข้มหรือไม่ก็เย็นยะเยือก ที่ก่อตัวกันเป็นดวงตาเปลวเพลิง
ทันใดนั้น ราวกับผืนทะเลดังกล่าวแปรเปลี่ยนเป็นประตูนรก ฝูงอันเดดจำนวนมหาศาลตะเกียกตะกายขึ้นจากผิวทะเล เช่นเดียวกันกับน้ำทะเลที่พุ่งกระเซ็นอย่างเกรี้ยวกราด
แอนเดอร์สันมองกลับไปยัง ‘วิญญาณอาฆาตสุริยัน’ ที่กำลังสลายตัวเพราะเศษเนื้อสีเทาดำ เมื่อพบว่าพลเรือเอกดวงดาวกำลังประสบความยากลำบากในการรับมือสัตว์ประหลาดทรงพลัง นักล่าที่แข็งแกร่งที่สุดพลันซี้ดปาก เงยหน้ายิ้มขื่นขมให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังลอยตัวกลางอากาศ
ขณะเตรียมวางมือลงบนกราบเรือเพื่อยิงเปลวไฟสีแดงเข้มออกไป หมายสกัดกั้นการรุกรานของกองทัพอันเดด แอนเดอร์สันพลันตะลึงเมื่อเห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์หันหลังกลับและรีบเหาะไปยังห้องพักส่วนตัว
คิดจะหนีหรือไง…? บ้าน่า… สีหน้าแอนเดอร์สันเริ่มหม่นหมอง
ก่อนจะกลับมายิ้มแห้งและโน้มตัวไปข้างหน้า วางมือกดลงบนกราบเรือ
โดยแทบไม่มีเสียง เปลวไฟสีแดงเข้มปรากฏขึ้นจากอากาศอันว่างเปล่าและเริ่มกระจายตัวออกไปทางด้านหน้า
ทันใดนั้น ยันต์โลหะแผ่นหนึ่งตกลงตรงหน้าแอนเดอร์สัน พร้อมกับเสียงคาถาเฮอร์มิสโบราณดังแว่ว
“พายุ!”
หือ…? แอนเดอร์สันแหงนหน้ามองตามสัญชาตญาณ ได้เห็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้สวมเสื้อเชิ้ตคอกลมและแจ็คเก็ตน้ำตาล ถูกสายลมพัดพาลอยไปยัง ‘ทิวลิปดำ’ อย่างรวดเร็ว
ม…หมอนั่นคิดจะฆ่าตัวตายรึไง! เราไม่เข้าใจความบ้าบิ่นระดับนี้เลยสักนิด… แอนเดอร์สันอ้าปากค้างครึ่งหนึ่ง สีหน้าเผยความสับสนชัดเจน
ฟ้าว!
อาศัยพลังจากยันต์ ไคลน์ถูกแรงลมส่งลอยไปถึงทิวลิปดำ
พลเรือเอกขุมนรก ลูเธอร์ไวล์เงยหน้ามอง เปลวเพลิงสีซีดสองดวงกำลังลุกโชนอย่างเงียบงันภายใต้หน้ากากเงิน
เหล่าภูตผี เงาดำ และวิญญาณบนทิวลิปดำที่อยู่ในขอบเขตอำนาจเส้นทางมรณา ต่างกรูเข้ามารุมโจมตีใส่ศัตรูแปลกหน้าทันที
บ้างอ้าปากส่งเสียงหวีดร้องแผ่วเบา บ้างแลบลิ้นเรียวยาวที่มีใบหน้าเล็กๆ ฝังอยู่ ดูคล้ายกับกำลังตื่นเต้นยินดี
ไคลน์จ้องพวกมันด้วยสีหน้าเรียบเฉย มือซ้ายซุกกระเป๋าเพื่อปลด ‘กำแพงวิญญาณ’ ที่ห่อหุ้มรอบกล่องเหล็กสี่เหลี่ยม
จากนั้น มันโยนนกหวีดทองแดงอะซิกที่ผูกกับไม้ขีดไฟสามก้าน ลงไปยังดาดฟ้าด้านหลังทิวลิปดำ
เพียงพริบตา เหล่าเงาดำและวิญญาณซึ่งมีร่างกายโปร่งใสและเย็นยะเยือก พากันชะงักงันคล้ายกับหนอนแมลงที่ถูกแช่แข็ง
ทันใดนั้น พวกมันหันหลังกลับโดยปราศจากความลังเล รีบพุ่งตัวไปยังดาดฟ้าท้ายเรือทิวลิปดำด้วยความเร็วสูงสุด สัตว์วิญญาณลึกลับชนิดอื่นต่างก็พุ่งตามไปไม่ห่าง
ไม่ถึงหนึ่งวินาทีถัดมา แม้กระทั่งโครงกระดูกและซอมบี้ที่คอยควบคุมเรือและเล็งปืนใหญ่ ต่างก็ทอดทิ้งพลเรือเอกขุมนรกและปรี่ไปยังดาดฟ้าท้ายเรือ ส่งผลให้ดาดฟ้าหัวเรือว่างเปล่า เหลือเพียงลูเธอร์ไวล์ยืนอยู่ตามลำพัง
กึก!
ไคลน์ร่อนลงบนดาดฟ้าในท่ากดหมวก เผชิญหน้ากับลูเธอร์ไวล์
ชายหนุ่มโน้มตัวไปหน้าเล็กน้อยพลางปล่อยมือขวาข้างที่กดหมวก ประสานสายตากับพลเรือเอกขุมนรกผู้กำลังสวมหน้ากากสีเงิน
…………………………………………..