สายหมอกสีเทาไร้ขอบเขตกำลังไหลเวียนไปรอบมิติอย่างเงียบงัน พวกมันจะเกิดแรงเสียดทานเล็กน้อยเมื่อเคลื่อนตัวไปบนผิวของโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ
ไคลน์เปลี่ยนท่านั่ง ครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณมารอย่างละเอียด ไม่เข้าใจว่าทำไมตนและมาดามชารอนถึงได้มองข้ามปัญหาเกี่ยวกับราฟเตอร์·พาวน์ในขณะนั้นโดยสิ้นเชิง
“หรือจะเป็นเพราะพลังของ ‘นักวางแผน’ บนเส้นทางนักบวชสีชาด…? เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับการหลอกลวงตามธรรมชาติโดยมิได้พึ่งพาพลังพิเศษ มิติสายหมอกของเราจึงไม่ช่วยให้ระลึกถึงความจริงเบื้องหลัง และจะไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกจนกว่าจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบ? ถ้าไม่ใช่เพราะเราบังเอิญทราบข้อมูลจากมิสเตอร์อะซิกว่า วิญญาณมารตนดังกล่าวคืออดีต ‘เทวทูตสีชาด’ เมดีซี ที่ร่วงหล่นไปเมื่อหลายพันปีก่อน เราคงไม่มีทางพบความผิดปรกติในเรื่องนี้เลย และไม่จ้างมิสเมจิกเชี่ยนให้คอยจับตามองถนนวิลเลียมส์”
ก้มหน้าครุ่นคิดหลายวินาที ไคลน์หยิบปากกาและกระดาษออกมาวาง เตรียมยืนยันทฤษฎีของตนด้วยการทำนาย
ผ่านไปสักพัก ชายหนุ่มเขียนประโยคที่จะใช้ในเทคนิคทำนายด้วยความฝัน
“บาโรเน็ตราฟเตอร์·พาวน์ในปัจจุบัน”
วางปากกาหมึกซึมสีแดงลง ไคลน์ถือกระดาษพร้อมประโยคทำนาย เอนหลังพิงพนักเก้าอี้
ก่อนอื่น มันต้องเรียกข้อมูลที่เกี่ยวกับราฟเตอร์·พาวน์ทั้งหมดในความทรงจำเพื่อให้การทำนายประสบผลสำเร็จ จากนั้นก็หลับตาลง พึมพำเสียงแผ่วและเข้าฌานเพ่งสมาธิ
จิตไคลน์เข้าสู่ภาวะสงบนิ่ง โลกความฝันสีเทาหม่นปรากฏขึ้นตรงหน้า
ท่ามกลางโลกอันพร่ามัว ฉากเหตุการณ์ถูกฉายผ่านสายตาชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งหยุดลงที่บ้านเลขที่ 29 ถนนซิลวารัส
ภายในห้องนั่งเล่นบรรยากาศอบอุ่น บาโรเน็ตราฟเตอร์·พาวน์ สวมชุดนอนผ้าฝ้าย มือหนึ่งถือแก้วไวน์บรรจุของเหลวสีแดง ยืนมองไปทางกรมตำรวจประจำเมืองหลวงที่อยู่เยื้องฝั่งตรงข้าม
จุดสีขาวบนจอนข้างขมับราฟเตอร์·พาวน์ชัดเจนขึ้นจากแต่ก่อนมาก ถุงใต้ตาปรากฏความหมองคล้ำชัดเจน ริ้วรอยตรงหน้าผากและหางตาลึกเกินกว่าจะเป็นชายวัยสี่สิบ
รูม่านตาอาจยังมีชีวิตชีวา แต่ก็ขยายขนาดมากกว่าปรกติเล็กน้อย ผิวแก้มแดงระเรื่อ ยิ้มอ่อนมุมปากตลอดเวลา ไคลน์พบรายละเอียดยิบย่อยมากมายซึ่งแตกต่างจากราฟเตอร์·พาวน์ที่ตนเคยรู้จัก
นึกแล้วเชียว มีบางสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นกับราฟเตอร์·พาวน์…
ไคลน์ส่งตัวเองออกจากความฝัน ครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับวิญญาณมาร
แต่ก็ไม่เสียเวลาต้องไตร่ตรองนานนัก เพราะมันมีวิธีแก้ปัญหาในใจอยู่แล้ว ประกอบกับที่ตนไม่สามารถติดต่อกับมาดามชารอนได้ สิ่งแรกที่ต้องรีบทำคือการ ‘รายงาน’ ให้ทางการทราบ!
แต่จะรายงานด้วยวิธีไหน…
ไคลน์ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะเสกเดอะเวิร์ลขึ้นมาทำท่าสวดวิงวอน :
“จงใช้ช่องทางที่น่าเชื่อถือ ส่งข้อมูลต่อไปนี้ให้กับโบสถ์เทพจักรกลไอน้ำและโบสถ์รัตติกาล ข้อมูลก็คือ : สายสืบระดับสูงจากฟุซัคและอินทิสกำลังรวมตัวบนถนนวิลเลียมส์ เป้าหมายที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด ค่าตอบแทนของภารกิจนี้คือหนึ่งร้อยปอนด์”
ข้อความดังกล่าวคือผลลัพธ์จากการใคร่ครวญอย่างละเอียดของชายหนุ่ม หากตนเปิดเผยความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับราชาเทวทูต นักบวชสีชาด ตระกูลเมดีซี และราชวงศ์ทูดอร์ ไม่เพียงอาคารโบราณใต้ดินจะถูกทางการกับกองทัพขุดค้น แต่ตัวมิสเมจิกเชี่ยนเองก็จะถูกสอบปากคำสถานหนัก อาจถึงขึ้นถูกจับคุมขัง ผลลัพธ์ที่ตามมาจะอันตรายอย่างมาก
ในทางกลับกัน ข้อมูลที่ว่า ‘สายลับระดับสูงของฟุซัคและอินทิสกำลังรวมตัวกันบนถนนวิลเลียมส์’ ไม่เพียงจะลดระดับความอันตรายลง แต่ยังกลมกลืนไปกับเหตุการณ์ปรกติที่ผู้วิเศษทั่วไปสามารถพบเห็นได้โดยบังเอิญ และระดับความอันตรายยังสูงพอจะกระตุ้นให้โบสถ์หลักกับกองทัพส่งมือดีมาสืบสวนด้วยตัวเอง นับเป็นข้ออ้างที่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ในส่วนของผลการสืบสวนหลังจากนั้น รวมไปถึงคะแนนผลงานส่วนตัวของหน่วยพิเศษแต่ละคน จะไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับคนแจ้งข่าว มิสเมจิกเชี่ยนอยู่ในสถานะปลอดภัยไร้กังวล
ไคลน์ตัดสินในไม่เรียกมิสเตอร์อะซิกมาช่วย เนื่องจากศัตรูเป็นถึงวิญญาณมารของราชาเทวทูต แต่มิสเตอร์อะซิกยังฟื้นฟูความทรงจำกลับมาไม่สมบูรณ์ ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ในการดวล
อาศัยการเพ่งสมาธิเล็กน้อย ไคลน์เปลี่ยนให้ฉากสวดวิงวอนของเดอะเวิร์ลกลายเป็นกระแสพลังงาน ไหลซึมเข้าไปในดาวแดงเข้มที่เป็นตัวแทนของเมจิกเชี่ยน
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด
หลังจากได้รับคำตอบจากเดอะเวิร์ล ฟอร์สทำสีหน้าตกตะลึง
“แท้จริงแล้ว… คนเหล่านั้นเป็นสายลับระดับสูงจากฟุซัคและอินทิส?” หญิงสาวประหลาดใจหนักหน่วง เชื่อว่าลำพังข้อมูลที่ตนบรรยายส่งไป ไม่มากพอจะช่วยให้อนุมานเป็นแบบนั้นได้แน่!
แต่เพียงไม่นาน ฟอร์สเริ่มเข้าใจสถานการณ์
คงเป็นเพราะมิสเตอร์เวิร์ลมีเบาะแสอยู่ก่อนแล้วว่าถนนวิลเลียมส์ถูกสายลับแทรกซึม เมื่อเราเล่าถึงความหนาแน่นของชาวฟุซัคและอินทิส นั่นเป็นการยืนยันข่าวกรองของเขาถูกต้อง…
ให้ส่งข้อความถึงโบสถ์จักรกลไอน้ำและโบสถ์รัตติกาล? เขากำลังบอกใบ้ทางอ้อมให้เรา ‘รายงาน’ เข้าไปสินะ… น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้รับรู้ความคืบหน้าหลังจากนี้ อดเห็นฉากเด็ดที่อาจนำไปใช้เขียนนิยาย…
การแจ้งข่าวให้หน่วยพิเศษทราบ เรื่องนี้มิได้ไกลตัวฟอร์สสักเท่าไร เพราะเหนือสิ่งอื่นใด รูมเมทของเธอคือนักล่าค่าหัวที่มีชื่อเสียง
เพียงไม่นานก็ได้ข้อสรุป หญิงสาวตัดสินใจฝากฝังให้เพื่อนผู้เชี่ยวชาญ รับหน้าที่รายงานไปยังหน่วยพิเศษของโบสถ์หลักประจำกรุงเบ็คลันด์
เดินออกจากห้องนอน ฟอร์สเห็นซิลกำลังนั่งบนโซฟาตัวโปรด โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย สายตาเพ่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับเป้าหมายภารกิจ มือข้างหนึ่งขยับขึ้นมาสางผมที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงเป็นระยะ สีหน้าคล้ายกำลังเคร่งเครียด
ฟอร์สแวะหยิบของตกแต่งชิ้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กับโซฟา จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้
“มากินเค้กกัน”
ซิลชำเลืองจานเค้กเนยฉ่ำครีม ตามด้วยการเหยียดแขนคว้าโดยไม่เบือนหน้าจากกระดาษเอกสาร
ทันใดนั้น ฟอร์สบิดข้อมือ เปลี่ยนให้จานเค้กกลายเป็นดอกไม้กระดาษสีทอง
“ตกใจไหม” เธอถามพร้อมรอยยิ้ม
ซิลกลอกตามองบนอย่างเอือมระอา
“เลิกเล่นกลไร้สาระสักที ฉันต้องการอาหารของจริงมากกว่า!”
“ตกลง เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ฉันมีงานด่วนมาให้เธอทำ ค่าตอบแทนเจ็ดสิบปอนด์”
ฟอร์สนั่งลงพลางยิ้ม
…
หลังจากจัดการเรื่องของวิญญาณมารเสร็จ ไคลน์ส่งตัวเองกลับสู่โลกจริง ประกอบพิธีกรรมนำเครื่องรับโทรเลขไร้สายที่แช่ออร่าสายหมอกมาแล้วหลายวัน ลงมายังห้องนอนใหญ่
ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนบนเตียง ด้วยความช่วยเหลือจากการเข้าฌาน มันหลับสนิทอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงดัง ‘กุกกัก’ ของเครื่องรับโทรเลขไร้สาย
เมื่อไคลน์ลืมตา แสงจันทร์สีแดงเข้มด้านนอกกำลังส่องสลัว บางส่วนฉายเข้ามาในห้อง ปกคลุมเครื่องรับโทรเลขบนโต๊ะที่กำลังพ่นกระดาษมายาสีขาว
ยังกับอยู่ในหนังสยองขวัญ…
แต่ในความเป็นจริง เครื่องรับโทรเลขไร้สายกำลังเชื่อมต่อกับกระจกวิเศษไร้ยางอายและไม่มีขีดกำจัดล่าง…
ไคลน์พยุงตัวนั่งบนเตียง จากนั้นก็ลุกเดินเข้าไปใกล้ ก้มหน้าอ่านตัวหนังสือภาษาโลเอ็นบนกระดาษมายา
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่เหนือโลกวิญญาณ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ อาโรเดส มาคอยรับใช้ท่านแล้ว! นายท่านต้องการทดสอบข้าใช่ไหม”
เห็นไหม… เห็นไหม! นี่คือศาสตร์แห่งการสนทนาอย่างไร้ยางอาย! มืออาชีพตัวจริง!
ในตอนนี้ ไคลน์นึกอยากลากตัวนักปรุงยาร่างท้วม ดัควีลล์ เข้ามาฟังวาทศิลป์อันคมคายของกระจกวิเศษอาโรเดส อีกฝ่ายจะได้เลิกตายเพราะปากหมา
ทั้งที่เราเป็นฝ่ายเตรียมคำถาม แต่ทางนั้นกลับเปลี่ยนมันให้เป็นบททดสอบของตัวเอง แถมยังชิงสร้างคำถามเก็บสะสมไว้ล่วงหน้าอย่างแนบเนียน…
ไคลน์ฝืนเกร็งมุมปาก ตอบเสียงแผ่ว
“ถูกต้อง”
“เชิญนายท่านถามมาได้เลย อาโรเดสผู้โง่เขลาและตื้นเขินพร้อมรับการทดสอบแล้ว!”
ท่ามกลางเสียงกุกกัก บนกระดาษมายาไม่เพียงจะมีตัวหนังสือภาษาโลเอ็น แต่ยังพ่วงท้ายด้วยสัญลักษณ์รอยยิ้มแสนสดใส
นี่คงเป็นต้นกำเนิดของอีโมจิ…
หมอนี่วิวัฒนาการไวชะมัด…
ไคลน์ซักถามไม่อ้อมค้อม
“ฉันจะตามหาสมบัติวิเศษที่สามารถช่วงชิงพลังพิเศษของคนอื่นได้จากที่ไหน”
ทันใดนั้น เสียงกุกกักดังหนักแน่นยิ่งกว่าเก่า กระดาษมายาสีขาวเริ่มพ่นภาพเสมือนจริงราวกับเป็นฉากในภาพยนตร์
ประกอบด้วยภาพด้านในประตูยานิสเมืองทิงเก็นที่ไคลน์ยังไม่ลืม ภาพของเลียวนาร์ด·มิเชล นักกวีหล่อเหลาเจ้าของเส้นผมสีดำขลับและดวงตาเขียวมรกต ภาพของชายวัยกลางคนกำลังนั่งบนโซฟา มุมปากอมยิ้มพลางจ้องหญิงสาวตระกูลขุนนางฝั่งตรงข้าม ภาพของหญิงสาวมาดสง่างาม กำลังเดินเตร็ดเตร่ภายในท่อระบายน้ำอันมืดมิด
มีทั้งหมดสิบสองภาพ ปิดท้ายด้วยข้อความภาษาโลเอ็น
“นี่เป็นเพียงช่องทางที่นายท่านสามารถหาได้ง่ายหรือสะดวกในการเข้าถึง ความจริงยังมีมากกว่านี้ แต่มันซับซ้อนและอันตราย หรือไม่ก็มีระดับสูงจนข้ามิอาจมองทะลุ”
ไม่เลว… รู้จักคัดกรองข้อมูลก่อนถึงมือเราเพื่อความสะดวก… นี่มันกูเกิ้ลรุ่นเฉลียวฉลาดแห่งโลกศาสตร์เร้นลับ…
ไคลน์พยักหน้ารับ ซักถามในสิ่งที่ตนทราบคำตอบอยู่ก่อนแล้ว
“ถึงคิวเจ้าถาม”
“ท่านได้ตอบไปแล้ว” บนกระดาษมายาขาว อาโรเดสได้ตอบในสิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมาย
ไคลน์หัวเราะในลำคอ ซักถามต่อไป
“เลียวนาร์ด·มิเชลอยู่ที่ไหน”
เสียงกุกกักดังอย่างดุดันอีกครั้ง ฉากแล้วฉากเล่าปรากฏสู่สายตาไคลน์ในลักษณะรูปภาพจำนวนมากเรียงต่อกัน
เป็นภาพของหนึ่งในสถานที่สำคัญประจำกรุงเบ็คลันด์ หอคอยโกธิกสีดำสูงตระหง่าน ด้านบนสุดมี ‘ระฆังประกาศิต’ แขวนอยู่
ด้านล่างเป็นป้ายบอกชื่อถนน
เขียนไว้ว่า ‘ถนนพินสเตอร์’
ณ บ้านแถวเลขที่ 7 ด้านในมีชายสวมโค้ทตัวใหญ่สีดำ ถุงมือสีแดง ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเลียวนาร์ด·มิเชล นักกวีสุดหล่อที่เป็นอดีตเพื่อนร่วมหน่วยของไคลน์
เลียวนาร์ดกำลังก้มหน้าอ่านแฟ้มคดีคาพินและลาเนวุส
หมอนั่นกำลังอยู่ในเบ็คลันด์ แถมยังสืบคดีของคาพินกับลาเนวุส?
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…
มุมปากไคลน์พลันกระตุก เค้นสมองไตร่ตรองว่าตนเหลือเบาะแสใดทิ้งไว้ในคดีดังกล่าวบ้าง
เบาะแสเดียวก็คือ การมีส่วนร่วมในทั้งสองคดีของนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ หากนายบุกรุกความฝันเดซีย์ ก็จะได้พบความเชื่อมโยงดังกล่าว แต่ตอนนั้นเราสวมหนวดเครารุงรัง เป็นการปลอมตัวที่ยอดเยี่ยม ลำพังฉากพร่ามัวในความทรงจำเดซีย์คงมิอาจระบุตัวตนได้ชัดเจน…
หรือต่อให้รู้จักแล้วยังไง เชอร์ล็อก·โมเรียตี้มิได้เกี่ยวอะไรกับเราที่เป็นเกอร์มัน·สแปร์โรว์สักหน่อย…
ไคลน์นำสติกลับเข้าประเด็น พยายามจดจำที่อยู่ปัจจุบันของเลียวนาร์ด·มิเชล
7 ถนนพินสเตอร์ เขตเหนือของกรุงเบ็คลันด์
ชายหนุ่มเตรียมฝากฝังให้เดอะมูน·เอ็มลินแห่งชุมนุมทาโรต์ แวะไปเยี่ยมเลียวนาร์ดภายในวันมะรืน พร้อมกับใช้เข็มกลัดของชุมนุมผู้สันโดษแห่งชะตาเพื่อเจรจาขอซื้อสมบัติวิเศษ
หวังว่าสหายเก่าของเราจะมีสมบัติวิเศษสำรองไว้หลายชิ้น… ไม่อย่างนั้น เกรงว่าราคาคงถูกโก่งขึ้นจากปรกติ…
ไคลน์หันไปกล่าวกับเครื่องรับโทรเลข
“ตาเจ้าถามแล้ว”
ว่ากันตามตรง ไคลน์อยากรู้ว่ากระจกวิเศษไร้ยางอายจะบ่ายเบี่ยงคำถามไปในทิศทางใด
กุกกัก. กุกกัก.
เครื่องรับโทรเลขพ่นกระดาษมายาสีขาวที่มีภาษาโลเอ็นออกมา
“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ เลียวนาร์ด·มิเชลมีความลับสำคัญอยู่หนึ่งเรื่อง ท่านอยากทราบหรือไม่”
ถามแบบนี้ก็ได้หรือ…
ไคลน์เงยหน้าขึ้นด้วยความขบขันปนตะลึง เพ่งมองดวงจันทร์กำลังแผ่แสงสีแดงนวลอย่างเงียบงันท่ามกลางทะเลสีดำ
ชายหนุ่มตอบกลับอย่างซื่อตรง
“แน่นอน”
……………………