เมื่อได้เห็นเรือจักรพรรดิมืดเต็มสองตา ไคลน์พลันเกิดความระแวงและหวาดผวา เนื่องจากกำลังคิดในใจว่า หนึ่งในสี่ราชาโจรสลัด ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร นาสต์ มาที่นี่เพื่อตามหาตน
แต่หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ไคลน์ตัดสมมติฐานดังกล่าวทิ้งทันที เหตุผลไม่ซับซ้อน เพราะมันแทบไม่เคยนำไพ่จักรพรรดิมืดลงมายังโลกความจริงเลย ส่วนใหญ่จะถูกใช้งานภายในโลกวิญญาณเสียมากกว่า เคยปรากฏตัวบนโลกความจริงแค่ไม่กี่หน และทุกครั้งก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ หลังจากพิธีกรรมอัญเชิญ ก่อนจะรีบเข้าไปในโลกวิญญาณทันที
เมื่อผนวกกับเรื่องที่ว่า มิติสายหมอกมีพลังแทรกแซงผลการทำนายพอสมควร อีกทั้ง ไพ่เย้ยเทพทุกใบของโรซายล์ จะมีระบบป้องกันการทำนายถึงและแกะรอยทุกรูปแบบ ฉะนั้น ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นนาสต์ แต่ก็ไม่มีทางระบุพิกัดของเราได้แม่นยำแน่นอน!
เมื่อเรือลำมหึมาแล่นไปทางเงาดำสุดขอบฟ้า ฉากเหตุการณ์บนดาดฟ้าของเรือลำดังกล่าวเริ่มชัดเจน ลูกเรือหลายคนกำลังขัดถูกทำความสะอาดพื้น หลายคนเมามาย และหลายคนยืนโอ้อวดที่กราบเรือ ไม่มีใครชักดาบถือปืน บ่งบอกชัดเจนว่าเจตนาไม่ใช่การปล้น
ใกล้กับห้องเครื่อง ไคลน์เห็นบัลลังก์ขนาดใหญ่ที่สร้างจากหิน ลวดลายกระดำกระด่างเผยกลิ่นอายความเก่าแก่ และสูงราวสามเมตร
บนเก้าอี้มีชายร่างยักษ์กำลังนั่งผ่อนคลาย
ทว่า ยังไม่ทันที่เดนิสจะได้เห็นว่านาสต์หน้าตาเป็นเช่นไร ร่างกายของมันพลันสั่นเทาหนักหน่วง เกิดความรู้สึกอยากคุกเข่าเสียเต็มประดา ศีรษะก้มต่ำอย่างมิอาจหักห้าม
ไคลน์เองก็สัมผัสถึงความน่าเกรงขามที่กำลังท่วมท้นห้วงมิติได้ไม่ต่างกัน
ชายหนุ่มไม่ขัดขืน ปล่อยศีรษะให้ก้มต่ำลงตามธรรมชาติ ด้วยเกรงว่า หากทำเป็นเก่งยืนจ้องโดยไม่เกรงกลัว อีกฝ่ายอาจเอะใจและหันหัวเรือกลับ นั่นจะเป็นนำพาความฉิบหายมาถึงตัว
ถ้าเก็บงำความลับไว้มาก ก้มหัวได้ก็ต้องก้ม!
ไคลน์ก้มหน้าพลางเกร็งคอ จ้องพรมในห้องราวกับมันงดงามเสียเต็มประดา
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ จนกระทั่งแสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างอีกครั้ง โลกอันมืดมิดเมื่อครู่เลือนหายไปโดยสมบูรณ์
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น เรือใบสีดำลำใหญ่ไม่อยู่อีกแล้ว เหลือเพียงสายลมเอื่อยและคลื่นเรียบเงียบสงบ รวมถึงท้องฟ้าอันกว้างใหญ่และมหาสมุทรที่มีขอบเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
“ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้… สายข่าวเพิ่งจะรายงานเข้ามาว่า นาสต์ปรากฏตัวใกล้กับทะเลหมอกเมื่อไม่กี่วันก่อน” เดนิสขมวดคิ้ว
เรือจักรพรรดิมืดสามารถท่องโลกวิญญาณ การเดินทางจากทะเลหมอกมาถึงตรงนี้ภายในไม่กี่วัน คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก… และนี่คงเป็นเหตุผลว่าทำไม นาสต์ถึงเป็นราชาโจรสลัดอันดับหนึ่งแห่งท้องทะเล…
ไคลน์พึมพำเงียบ
มันเชื่อว่า สาเหตุที่นาสต์ ราชาแห่งห้าห้วงสมุทร ปรากฏตัวในละแวกนี้ เป็นเพราะอีกฝ่ายกำลังตามหาเบาะแสอันเลือนรางของไพ่จักรพรรดิมืด เพียงแต่ว่า นาสต์มิอาจระบุตำแหน่งได้ชัดเจน จึงแล่นเรือค้นหาแบบเดาสุ่ม
ไคลน์กลับมานั่ง ทำหน้าเย็นชาประหนึ่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ระยะทางจากบายัมไปดีลินุสไม่ไกลมาก ถ้าเดินทางเป็นเส้นตรงจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทว่า เส้นทางเดินเรือที่ปลอดภัยนั้นวกวน ส่งผลให้กว่าจะถึงก็เป็นช่วงพลบค่ำ
จากนั้น ไคลน์แปลงโฉมและซื้อตั๋วโดยสารไปยังกีรากัสด้วยบัตรประชาชนปลอม ทุกสิ่งถูกจัดการเสร็จเรียบร้อยก่อนฟ้ามืด ทั้งสองจึงทันขึ้นเรือเที่ยวสุดท้ายในวันเดียวกัน และไปถึงกีรากัสในช่วงเช้ามืดของวันถัดไป
เดนิสไม่พาไคลน์เข้าเมือง เพียงเดินนำทางไปยังท่าเรือส่วนตัวแห่งหนึ่ง และขับเรือประมงลำเล็กออกจากท่า
ผ่านไปสองชั่วโมง ไคลน์มองเห็นเรือลำใหญ่ซึ่งมีความยาวหลายสิบเมตร ผิวเรือสะอาดและมันเงา เมื่อสะท้อนแสงแดดจะมอบความรู้สึกคล้ายทองคำ
ลักษณะภายนอกแตกต่างจากเรือประเภทเดียวกันค่อนข้างมาก โดยเฉพาะปืนใหญ่กระบอกมหึมาที่พาดยาวตั้งแต่กลางลำเรือไปจนถึงหัวเรือ ผิวโลหะของปืนมีอักษรเวทมนตร์สลักอย่างซับซ้อน ขณะเดียวกันก็มีละอองแสงไหลเวียนตลอดเวลา
“นั่นคือปืนใหญ่ชำระล้าง! ยิงได้เพียงสิบนัด จากนั้นก็ต้องให้นักบวชอาวุโสหกคนช่วยกันประกอบพิธีกรรมถึงเทพบางองค์ เพื่อเติมพลังวิญญาณกลับเข้าไปใหม่” เดนิสยืดอกเล่า
ยันต์ขนาดใหญ่สินะ… แบบนี้ก็หมายความว่า พลังวิญญาณจะเสื่อมถอยตามกาลเวลา… หืม… โบสถ์สุริยันเจิดจรัสคือผู้อยู่เบื้องหลังพลเรือโทธารน้ำแข็ง? หรือว่าจะเป็นองค์กรลับใดสักแห่งที่มีนักบวชเส้นทางสุริยัน…
ไคลน์วิเคราะห์ในใจ ใบหน้ายังคงเย็นชา
ขณะได้เห็นฝันทองคำครั้งแรกในความฝันเดนิส ไคลน์ไม่คิดว่านั่นจะเป็นเรื่องจริง เพราะสิ่งที่เห็นในความฝัน อาจไม่ตรงกลับความเป็นจริงเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่า ช่วงนั้นได้รับอิทธิพลจากสิ่งใดมากเป็นพิเศษ บางที เดนิสอาจชื่นชอบเรือรบหุ้มเกราะเป็นทุนเดิม
แต่เมื่อได้เห็นของจริง ปืนใหญ่สุดพิสดารของฝันทองคำ ตรงตามความฝันเดนิสทุกประการ
ชายหนุ่มค่อนข้างผิดคาด ไม่คิดว่าฝันทองคำจะถูกสร้างด้วยวิธีการซับซ้อนทั้งทางด้านกลไกและเวทมนตร์เช่นนี้ เชื่อได้เลยว่า องค์กรลับเบื้องหลังจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
เพียงไม่นาน ฝันทองคำปล่อยเรือเล็กออกมาหนึ่งลำ เดนิสรีบขับเรือประมงแล่นเข้าไปใกล้
จากนั้น เดนิสกางแขนกว้าง กำหมัดแน่น และกระโดดลงไปบนเรือเล็กอย่างชำนาญโดยไม่สูญเสียการทรงตัว
มันผิวปากอย่างมีความสุข ใช้มือตบบ่าคนขับเรือเล็กพลางเกิดความรู้สึกที่ว่า ชีวิตอันน่าปลาบปลื้มบนท้องทะเลได้หวนคืนมาอีกครั้ง!
อย่างไรก็ตาม ห้วงอารมณ์ดังกล่าวคงอยู่ได้ไม่นานนัก เรือเล็กทรุดตัวลงเล็กน้อย ตีความได้ว่า มีอีกหนึ่งคนกระโจนตามขึ้นมาบนเรือ
จริงสิ… เราลืมคนบ้าเสียสนิท…
เดนิสหุบยิ้มและนั่งลง
ไคลน์กวาดตามองโจรสลัดรอบตัว จึงค่อยกดหมวกลงและทิ้งตัวนั่งโดยไม่กล่าวสิ่งใด
เพียงไม่นาน ทุกคนก็มาถึงดาดฟ้าเรือฝันทองคำ ณ ที่นั่น ไคลน์เห็นเอ็ดวิน่า·เอ็ดเวิร์ดกำลังยืนตรงมุมหนึ่งของกราบเรือ
พลเรือโจรสลัดสาวสวยแทบไม่มีจุดใดเปลี่ยนไปจากความฝัน การแต่งหน้าทำผมยังเหมือนเดิมทุกประการ เปลี่ยนเพียงกระโปรงเป็นกางเกงขายาวรัดรูปสีดำ รองเท้าบูตหนัง
ด้วยใบหน้าอันงดงามแฝงความทรงปัญญา บรรยากาศรอบตัวเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน
รอบนี้ดูเหมือนโจรสลัดมากกว่าคุณครู…
ไคลน์ยิ้ม ทักทายอย่างสุภาพ
“อรุณสวัสดิ์ มาดามกัปตัน”
“อรุณสวัสดิ์ มิสเตอร์เกอร์มัน” เอ็ดวิน่าทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น หญิงสาวหมุนตัวกลับหลัง และเดินไปทางอวนดักปลาที่ถูกตากจนแห้ง พลางส่งสัญญาณบอกให้โจรสลัดคนอื่นรีบไปสะสางงานตัวเองให้เสร็จ
อวนดักปลา… ยังเป็นกลุ่มโจรสลัดอยู่อีกหรือ ถ้าไม่บอกนึกว่าเป็นนักล่าสมบัติ… เพื่อแก้ปัญหาความจำเจของอาหาร?
ไคลน์เดินตามเอ็ดวิน่าโดยไม่ซักถามมากเรื่อง ส่วนเดนิสเริ่มมองหาพรรคพวกที่สนิทกัน และเดินเข้าไปเตรียมดื่มพลางโอ้อวด
แน่นอน มันยังไม่วางใจ คอยแอบชำเลืองอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเกรงว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์และกัปตันของตนอาจสาวหมัดใส่หน้ากันและกันได้ทุกเมื่อ หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว มันจะได้ตามเพื่อนไปช่วยกันรุมกระทืบ
ไคลน์ไม่ถามว่าทำไมเอ็ดวิน่าถึงชักชวนตน เพียงยืนใคร่ครวญสักพักและถามออกไป
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเทรซี่บ้าง”
มันชิงเป็นฝ่ายถามก่อน เพราะหากปล่อยให้อีกฝ่ายขอร้องก่อน ถ้าตนตอบปฏิเสธ ถึงตอนนั้นก็คงเกรงใจที่จะซักถามข้อมูลจากอีกฝ่าย
“เทรซี่?” เอ็ดวิน่าขยับดวงตาเล็กน้อย “แม่มด… ลำดับ 5 แม่มดทุกข์ระทม”
เชี่ย… แม่มด!
ไคลน์เกือบหลุดอุทาน มันประหลาดใจอย่างมากที่ตนมีชะตาต้องพัวพันกับแม่มดมากมาย ไล่ตั้งแต่แม่มดทริสซี่ แม่มดสุขสม มาดามเชอรอน แม่มดสุขสม ทริสซี่·ชีคที่เติบโตขึ้น แม่มดลำดับสูงสักคนที่ได้ยินแต่เสียงในนิมิต
และรายสุดท้าย แม่มดทุกข์ระทม เทรซี่
เอ็ดวิน่ามิอาจสัมผัสถึงความสั่นคลอนภายในจิตใจไคลน์ จึงเล่าต่อด้วยเสียงเรียบเฉย
“เธอแตกต่างจากแม่มดคนอื่น มีคติพจน์และการวางตัวผิดไปจากธรรมเนียม ถือเป็นตัวประหลาดของนิกายโดยแท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำงานให้องค์กรโดยไม่บกพร่อง เป็นงานจำพวกการค้ามนุษย์และพฤติกรรมชั่วร้าย”
แตกต่างจากแม่มดคนอื่น? หรือเจ้านั่นจะยังไม่ละทิ้งความเป็นชาย และเลือกสร้างความสุขสมแต่กับเพศหญิง…
ไคลน์วิเคราะห์ถึงกรณีของเอลเลนผมแดง
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่กล้าฟันธง เนื่องจากเส้นทางแม่มดไม่จำว่าเป็นต้องถูกเปลี่ยนจากชายเป็นหญิงเท่านั้น เพราะหญิงแท้จำนวนไม่น้อยก็ชื่นชอบการเป็นนักลอบสังหาร
ไคลน์เล่าเรื่องราวต่อ เป็นการหยั่งเชิงอีกฝ่าย
“พวกเราพบนาสต์และจักรพรรดิมืดของเขาระหว่างทางมายังที่นี่ ในช่วงหนึ่งเดือนหลัง ทั้งคุณ เซนอล เทรซี่ และนาสต์ ต่างเข้ามาพัวพันกับทะเลแถบนี้ในเวลาไล่เลี่ยกัน ในสายตาผม เรื่องนี้ไม่ปรกติสักเท่าไรนัก”
จากบรรดาสี่ราชาโจรสลัดและเจ็ดพลเรือโจรสลัด มีมากถึงสี่คนที่เข้ามาพัวพันกับน่านน้ำรอบหมู่เกาะรอสต์ นี่ยังไม่ได้นับรวมสมาชิกใหม่ของชุมนุมทาโรต์ พลเรือเอกดวงดาว แคทลียา
หากมองในมุมความน่าจะเป็น เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก
แน่นอน ไคลน์มีคำตอบในใจแล้ว เพียงแต่ต้องการทราบความเห็นของหญิงสาวทรงปัญญาและมากไปด้วยข้อมูล
เอ็ดวิน่าเงียบงันสักพัก ก่อนจะเดินไปหยิบอวนตาเล็กตรงมุมกราบเรือขึ้นมาขึงให้ตึง จากนั้น เธอล้วงเข้าไปในเสื้อและช่องลับเข็มขัด พลางหยิบปากกาหมึกซึม กริชทองแดง ขวดโลหะ และสิ่งของติดตัวอีกจำนวนหนึ่ง ออกมาวางลงบนอวนตาเล็กที่ถูกดึงจนตึงแน่น โดยปลายอีกฝั่งกำลังยึดติดกับกราบเรือ
จนกระทั่ง สิ่งของและอวนอยู่ในสภาพคงที่เป็นเวลานาน ไม่มีอะไรขยับเขยื้อน
ถัดมา เอ็ดวินาโน้มตัวลงไปหยิบก้อนหินที่ใช้ถ่วงอวนเป็นประจำ และโยนมันลงไปยังกึ่งกลางอวนตาเล็กที่ถูกขึงจนตึง
อวนยุบตัวลงทันที พร้อมกับทำให้ปากกาหมึกซึม กริชทองแดง รวมถึงสิ่งของชนิดอื่นไหลไปรวมรอบก้อนหิน
“คำตอบของดิฉันก็คงประมาณนี้ ท่ามกลางตาข่ายแห่งโชคชะตา บุคคลลึกลับได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมกับดึงดูดผู้คนมากมายเข้าไปใกล้” เอ็ดวิน่าอธิบายด้วยการสาธิต
นี่คงเป็นหลักการทำงานของกฎการดึงดูดพลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียง…ไคลน์พยักหน้า
คำอธิบายของเอ็ดวิน่าทำให้ชายหนุ่มเกิดความคลางแคลงเล็กน้อย จริงอยู่ มันและเธออาจคิดเหมือนกัน แต่หลักการดังกล่าวกลับไม่ช่วยให้ทุกข้อสงสัยได้รับคำตอบ
ในกรณีของนาสต์ เราดึงดูดเข้าหาด้วยไพ่จักรพรรดิมืด เรื่องนี้พอเข้าใจได้ ส่วนในกรณีของเทรซี่ ลองคิดเข้าข้างตัวเองให้มากที่สุด เรื่องนี้อาจเกิดขึ้นเพราะเราเกี่ยวข้องกับทริสซี่·ชีค… ทว่า ทั้งเซนอลและเอ็ดวิน่าไม่เข้าข่ายข้างต้น… หรือจะเป็นความบังเอิญโดยแท้จริง? หรือจะเป็นผลสืบเนื่องจากสองเหตุการณ์แรก?
ไคลน์เว้นวรรคพลางวิเคราะห์ปัญหา
จากนั้น มันตัดสินใจถามเข้าเรื่อง
“มาดามกัปตัน คุณต้องการให้ผมช่วยอะไร”
เอ็ดวิน่าจ้องไคลน์ด้วยสายตาลุ่มลึก
“บัตรประชาชนระบุว่าคุณมาจากเบ็คลันด์ แต่จากข้อมูลของดิฉัน ตัวตนดังกล่าวไม่ตรงกับความเป็นจริงสักเท่าไร เพราะเบ็คลันด์ไม่มีนักล่าค่าหัวมือฉมังนามเกอร์มัน·สแปร์โรว์”
องค์กรลับของเธอแข็งแกร่งมาก แถมยังมีเครือข่ายในเบ็คลันด์พอสมควร ทราบทันทีว่าตัวตนเกอร์มัน·สแปร์โรว์เป็นของปลอม…
ไคลน์ไม่สั่นคลอน เพียงยิ้มอย่างสุขุม
“ทุกคนล้วนมีความลับ”
เอ็ดวิน่าเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“…ก่อนคาเวทูว่าจะตาย คุณประกอบพิธีกรรมสังเวยบางสิ่งถึงมัน”
ไคลน์หมุนคอเล็กน้อย หางตาชำเลืองเดนิสที่กำลังดื่มเบียร์
พรวด! แค่ก! แค่ก!
เดนิสพลันสะดุ้ง ความหวาดผวาทำให้มันสำลักเบียร์กะทันหัน
ไคลน์เบือนหน้ากลับ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธคำพูดของอีกฝ่าย
เอ็ดวิน่ากล่าวต่อไปด้วยท่าทีเยือกเย็น
“หลังจากคาเวทูว่าตาย เทพสมุทรยังคงตอบสนองคำวิงวอนของสาวกตามปรกติ”
……………………