หลังจากช่วงเวลาอันวุ่นวายจบลง ไคลน์เปิดประตูห้องนอน มองไปทางห้องนั่งเล่น และพบว่าเดนิสกำลังนอนหลับสนิทบนเก้าอี้เอนหลัง
ถึงจะได้ยินเสียงกรนมาสักพักแล้ว แต่เมื่อได้เห็นด้วยตาตัวเอง ชายหนุ่มกล่าวตำหนิในใจพลางส่ายหัว
บ่ายสามโมงกว่าแล้ว แต่กลับยังไม่ตื่นมาเฝ้าเครื่องรับโทรเลขอีก ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วรึไง…
ทว่า หลังจากยืนใช้ความคิดสักพัก ไคลน์เริ่มฉีกยิ้มกว้าง เนื่องจากพบว่า นี่คือสิ่งที่ตนกำลังตามหาอยู่
สำหรับไคลน์ การจะมีสติภายในความฝันของตัวเองได้ จำเป็นต้องให้ใครสักคนบุกรุกความฝันเสียก่อน มันไม่สามารถนอนหลับและตื่นอย่างมีสติในความตัวเองได้ เพราะปราศจากพลัง ‘ชี้นำทางจิต’ เหมือนกับมิสจัสติส
ดังนั้น ไคลน์จึงต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอกเพื่อให้การทดลองสำเร็จ นั่นก็คือ มันต้องเป็นฝ่าย ‘บุกรุก’ เข้าสู่ความฝันผู้อื่นเสียเอง ลักษณะคล้ายกับการใช้พลังฝันร้าย
เดิมที ชายหนุ่มต้องการออกไปข้างนอกและหาเหยื่อที่เหมาะสมเพื่อทดลอง แต่เมื่อได้เห็นเดนิสกำลังหลับในท่าสบาย ไม่ยอมทำงานทำการ จึงเกิดความรู้สึกอยากเตะก้นสักป้าบ
ลองวิธีนี้ดีกว่า… ไคลน์ผุดแนวคิดใหม่
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ชายหนุ่มเล็งเห็นว่าการใช้ยันต์ห้วงความฝันนั้นไม่ปลอดภัย
เดนิสคือผู้วิเศษลำดับ 7 นักวางเพลิง ชื่อโบราณคือจอมอาคมอัคคี ไคลน์จึงพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายมีสัมผัสวิญญาณค่อนข้างเฉียบแหลม หากตนท่องคาถาด้วยเฮอร์มิสโบราณที่กระตุ้นพลังธรรมชาติ เดนิสอาจสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน
และถ้าเป็นเช่นนั้น ไคลน์ก็ไม่มั่นใจว่าตนจะบุกรุกความฝันเดนิสได้ทัน
เมื่อได้ข้อสรุป ชายหนุ่มล้วงหยิบวัตถุสีดำสนิท ผิวแข็งเหมือนอัญมณี แต่มีรูปทรงและความมันวาวคล้ายเจล ออกมาถือ
สิ่งนี้คือตะกอนพลังฝันร้าย
ช่วยให้ไคลน์ยืมใช้พลังฝันร้ายได้โดยตรง เหมือนที่เคยทำกับตะกอนพลังโรซาโก้ เพียงแต่ ประสิทธิภาพจะด้อยกว่าการนำไปทำเป็นสมบัติวิเศษหลายเท่า ยกตัวอย่างเช่น ด้วยตะกอนพลังฝันร้ายในมือ ไคลน์มิอาจบุกรุกความฝันผู้คนทั้งเมืองบายัมได้เหมือนฝันร้ายตัวจริง ไม่สามารถลากเป้าหมายเข้าสู่ห้วงความฝัน แต่ถ้าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานอย่างการเข้าฝันเป้าหมายในระยะใกล้ เรื่องนี้ยังพอทำได้
ไคลน์ยืนถืออัญมณีสีเข้ม พลางถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไป
ทันใดนั้น ทัศนวิสัยชายหนุ่มถูกความมืดมิดครอบงำโดยสมบูรณ์ ไม่เหลือแม้แต่ภาพเดนิสกำลังนอนกรนตรงหน้า
จนกระทั่ง จุดแสงสว่างทรงรี สีขาว ได้สว่างแทนจุดที่เดนิสเคยนอน
ขณะไคลน์เตรียมแผ่พลังวิญญาณออกไปสัมผัส วิวทิวทัศน์รอบตัวพลันแปรเปลี่ยนกะทันหัน ทุกสิ่งหมุนวนว่องไว จนกระทั่งหยุดลงที่ฉากของเรือใหญ่ลำหนึ่ง ตัวเรือมีความยาวหลายสิบเมตร ปล่องควันด้านบนพ่นกลุ่มหมอกเจือจางตลอดเวลา ใบเรือกางเต็มผืนทุกต้นเสา พื้นดาดฟ้าถูกขัดจนแวววาว เมื่อสะท้อนกับแสงแดด จะส่องแสงประหนึ่งเหรียญทองคำ
เดนิสกำลังยืนกอดอกใต้ปืนใหญ่กระบอกหลัก ปากตะโกนออกคำสั่งลูกเรือเป็นระยะ
“ขัดให้สะอาดกว่านี้! ไอ้พวกแม่เย็*! อยากคัดพจนานุกรมภาษาฟุซัคโบราณร้อยจบนักรึไงวะ!”
หืม… ถ้าเป็นบนฝันทองคำ หมอนี่เบ่งเอาเรื่องเหมือนกัน…
ไคลน์ไม่แยแสเจ้าของความฝัน เพียงบินไปยังท้ายเรือและหาจุดซ่อนตัวเพื่อทำการทดลอง
สิ่งที่มันต้องการพิสูจน์นั้นไม่ซับซ้อน แค่ต้องการทราบว่า ด้วยภาวะ ‘มีสติ’ ภายในความฝันตัวเอง หากเปล่งนามเต็มเดอะฟูล คำวิงวอนดังกล่าวจะถูกส่งมาถึงตนหรือไม่
ถ้าใช่ หมายความว่า มิสจัสติสสามารถเปล่งนามเต็มเดอะฟูลเพื่อขอความช่วยเหลือขณะสำรวจห้วงทะเลจิตรวม…
ชายหนุ่มเอนหลังเล็กน้อย สีหน้าเป็นไปอย่างเคร่งขรึม :
“เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย ผู้ปกครองลึกลับเหนือห้วงสายหมอกเทา ราชันเหลืองดำผู้ครองพลังโชคลาภ”
…
เมื่อสิ้นเสียงภาษาเฮอร์มิส นามเต็มเดอะฟูลถูกเอ่ยอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีข้อผิดพลาด แต่ไคลน์กลับยังไม่ได้ยินเสียงเพรียกมายาในหัว
ไม่สำเร็จ…?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วไตร่ตรอง โดยยังไม่พบคำตอบว่าทำไมการทดลองถึงล้มเหลว
หรือว่า… การเปล่งเสียงในความฝัน มิได้ทำให้เกิดเสียงภายในโลกจริง ลำพังภาษาเฮอร์มิสจึงไม่เพียงพอต่อการวิงวอน… เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เราต้องใช้ภาษาที่กระตุ้นพลังธรรมชาติอย่างเฮอร์มิสโบราณ เป็นหลักการเดียวกับรหัสผ่านบัญชีธนาคารเบ็คลันด์…
ไคลน์พยักหน้ารับ ตามด้วยการเปล่งนามเต็มเดอะฟูลด้วยเฮอร์มิสโบราณอย่างระมัดระวัง
มันมิได้กลัวอุบัติเหตุ แต่กำลังกังวลว่า ตนอาจถูกพลังธรรมชาติปลุกให้ตื่นจากฝัน
บรรทัดแล้วบรรทัดผ่านไป จนกระทั่งไคลน์ท่องนามเต็มครบ โสตประสาทชายหนุ่มพลันได้ยินเสียงเพรียกมายาชวนวิงเวียนศีรษะ
แต่ในทางกลับกัน ความฝันเดนิสเริ่มสั่นคลอน เรือฝันทองคำเริ่มพังถล่ม
ไคลน์ไม่รีรอ รีบออกจากความฝันและปิดประตูกลับเข้าห้องนอนก่อนเดนิสจะตื่น
ราวเจ็ดแปดวินาทีถัดมา เดนิสลุกนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้ามึนงงสุดขีด ริมฝีปากขยับพึมพำ
“ทำไมเราถึงฝันว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ชายเสียสติคนนั้น มาก่อความวุ่นวายบนฝันทองคำ… ฝันร้ายฉิบหาย! แม่เย็*! ต้องเป็นเพราะเราเอาแต่กังวลเกี่ยวกับหมอนั่นแน่!”
ภายในห้องนอน ไคลน์เดินทวนเข็มสี่ก้าวและส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอก โดยผลลัพธ์ไม่ผิดไปที่คาดมากนัก มีการกระเพื่อมของวงแสงใกล้กับที่นั่งเดอะฟูล
ได้ผล… ภายในความฝัน หากเปล่งนามเต็มเดอะฟูลด้วยเฮอร์มิสโบราณหรือคนยักษ์ เราสามารถตอบสนองคำวิงวอนได้… เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีคนจำนวนไม่น้อย เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุขณะหลับฝัน ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด… พวกเขาเหล่านั้นคงศึกษาศาสตร์เร้นลับมากเกินไป จนเกิดอาการละเมอในความฝัน และเผลอวิงวอนถึงใครสักคนเข้า… อันตรายลักษณะนี้ ไม่มีทางป้องกันล่วงหน้าได้เลย…
ไคลน์สลายจุดแสงที่กระเพื่อม พลางครุ่นคิดว่าตนควรบอกให้จัสติสทราบดีหรือไม่
ถ้าบอกไปตามตรง ภาพลักษณ์เดอะฟูลอาจเสียหาย… แต่มิสจัสติสมีนิสัยอยากรู้อยากเห็น ถึงจะได้รับคำเตือนจากแฮงแมนกับเฮอร์มิท และแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่เธอก็อาจซุกซนเสี่ยงอันตรายเข้าไปสำรวจ… แน่นอน มันคือความรับผิดชอบของตัวเธอเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา…
ขณะไตร่ตรอง ไคลน์หวนนึกถึงความใสซื่อและจงรักภักดีของจัสติส หวนนึกถึงความสดใสร่าเริงที่ทำให้ตนอารมณ์ดีในหลายโอกาส
อีกทั้ง เธอยังเป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของชุมนุมทาโรต์ เป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกให้ ‘ข้ารับใช้เดอะฟูล’ หนแล้วหนเล่า
ลงเอยด้วย ไคลน์ยิ้มกับตัวเอง
“คงต้องตักเตือนกันสักหน่อย ถือเป็นสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า VIP”
…
แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก
ภายในห้องหรูหราประจำคฤหาสน์
ออเดรย์กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในสภาพหันข้าง สมองใคร่ครวญคำเตือนจากแฮงแมนและเฮอร์มิท
หลังจากได้ยินคำอธิบายของรุ่นพี่ในวงการทั้งสองคน หญิงสาวพลันกระจ่างในหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ เธอมิได้เป็นอัจฉริยะที่สามารถคิดค้นวิธีใช้พลัง ‘ชี้นำทางจิต’ เพื่อให้มีสติขณะฝันและสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวม
แต่ที่ไม่มีใครเคยทำก็เพราะมันเต็มไปด้วยอันตราย
แล้วทำไมสมาคมแปรจิตถึงไม่เตือนเรา?
เหตุการณ์ในลักษณะนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่ และมีคนตายไปไม่น้อยระหว่างการทดสอบ… อย่างน้อยก็ควรเตือนกันบ้าง… อ๊ะ! จริงสิ… พวกเขาเข้าใจว่าเรายังเป็นแค่ลำดับ 8 นักอ่านใจที่ไม่มีพลัง ‘ชี้นำทางจิต’ จึงไม่จำเป็นต้องเตือน…
ออเดรย์กระจ่าง
ขณะเธอเตรียมให้ซูซี่เข้ามาในห้องเพื่อบรรเทาอาการผิดหวัง ทัศนวิสัยรอบตัวพลันถูกห้อมล้อมด้วยทะเลหมอกไร้ขอบเขต
ท่ามกลางความว่างเปล่าสีเทา บุคคลผู้หนึ่งกำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูง และเปล่งเสียงโดยก้มมองลงมาเล็กน้อย
“อย่าได้ทดลองโดยไม่เตรียมพร้อมเด็ดขาด”
ขณะออเดรย์กำลังมึนงง น้ำเสียงแสนสง่างามและน่าเกรงขามดังขึ้นต่อเนื่อง
“แต่หากเผชิญหน้ากับอันตรายในความฝัน เจ้าจงเอ่ยนามเต็มของเรา”
เอ่ยนามเต็มของท่าน…
ดวงตาออเดรย์พลันลุกวาว ใบหน้าเปี่ยมความสุขล้นปรี่
“ค่ะ! มิสเตอร์ฟูล”
เมื่อเห็นว่าจัสตินไม่แสดงท่าทีเคลือบแคลง อีกทั้งยังแสดงอาการยินดี ไคลน์เริ่มรู้สึกเบาใจ
ชายหนุ่มกล่าวเสริม :
“ด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ”
เมื่อสิ้นเสียงดังกล่าว ภาพมายาของเดอะฟูลและสายหมอกพลันเลือนหาย
ออเดรย์นั่งนิ่งหลายวินาที ก่อนจะรีบเม้มปากอย่างรักษากิริยา
มิสเตอร์ฟูลตักเตือนเราด้วยตัวเอง! อีกทั้งยังอนุญาตให้เอ่ยนามเต็มของท่านในความฝัน!
ออเดรย์เดินวนไปรอบห้องอย่างตื่นเต้น พลางเชื่อเอาเองว่า เธอได้กลายเป็นหนึ่งในข้ารับใช้ของเทพเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธอนำคำเตือนจากทุกคนมาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รอจนกว่าจะพร้อม จึงค่อยสำรวจทะเลจิตใต้สำนึกรวมอีกครั้ง
หญิงสาวยกมุมปากขึ้น ตามด้วยการทำสัญลักษณ์ส่งเดชกลางหน้าอกและพึมพำ :
“มิสเตอร์ฟูลจงเจริญ!”
…
ณ วังสายหมอก ไคลน์กำลังใช้ความคิดอยู่กับเรื่องอื่น
เอลเลนผมแดง เป้าหมายภารกิจแจ้งเบาะแสที่มีมูลค่าหนึ่งพันปอนด์ แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องกับพลเรือโทโรคภัย เทรซี่!
เทรซี่ได้ฮุบกลุ่มโจรสลัดคีลิงเกอร์ไปเป็นของตัวเอง และเปลี่ยนชื่อเรือธงเป็น ‘กาฬมรณะ’ … คีลิงเกอร์เคยจับตัวพ่อค้ามั่งคั่งนาม ‘จิมมี่·เน็ค’ เป็นตัวประกัน… พ่อค้าคนดังกล่าวครอบครองเอกสารโบราณบางส่วนที่เกี่ยวกับเทพมรณา โดยสมบัติชิ้นดังกล่าวถูกขโมยมาจากอนุสาวรีย์บรรจุศพราชวงศ์ไบลัมแห่งทวีปใต้… ข้อมูลข้างต้นอ้างอิงจากดวงวิญญาณฝันร้ายในยุบพองหิวโหย สามารถเชื่อถือได้… เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับมิสเตอร์อะซิก เราควรลงมือตรวจสอบ…
ไคลน์ได้อีกหนึ่งข้ออ้างในการตามหาเอลเลนผมแดง
มันจึงเปลี่ยนแผน จากแต่เดิมที่จะรอถามกระจกวิเศษอาโรเดส เป็นการมอบวิวรณ์แก่สาวกเทพสมุทรทันที หวังใช้อิทธิพลและอำนาจของกลุ่มต่อต้านให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ในตอนแรก ด้วยเงินตอบแทนเพียงหนึ่งพันปอนด์ ภารกิจตามหาเอลเลนผมแดงจึงเล็กน้อยเกินกว่าจะพึ่งพาสาวก แต่ปัจจุบันไม่ใช่อีกต่อไป เพราะเริ่มมีพลเรือโทโจรสลัดเข้ามาเอี่ยว…
ไคลน์เสกภาพเหมือนเอลเลน พร้อมกับสั่งให้คทาเทพสมุทรลอยมาอยู่บนมือ
ชายหนุ่มมิได้กระจายวิวรณ์ไปยังสาวกทุกคนในคราวเดียว ด้วยเกรงว่าพลังวิญญาณของตนอาจไม่เพียงพอ
ไคลน์ตัดสินใจเลือกส่งวิวรณ์เฉพาะกับไครัท เอ็ดมันตัน และสมาชิกระดับสูงคนอื่น
จากนั้น มันสร้างฉากหลังเป็นคลื่นทะเลและพายุเกรี้ยวกราด พร้อมกับเปล่งเสียงกังวาน
“ค้นหาเธอ และปกป้องเธอ คอยระวังอันตรายจากเทรซี่ให้ดี”
ไคลน์ไม่อธิบายเพิ่มเติม เพียงคัดลอกภาพเหมือนของเอลเลนจำนวนหนึ่ง และส่งเข้าไปในละอองแสงสีขาวตัวแทนสมาชิกที่กำหนด
……………………