Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 544 : ผู้เชี่ยวชาญ

ราชันเร้นลับ 544 : ผู้เชี่ยวชาญ

ขณะไคลน์กำลังยืนจัดระเบียบความคิดในสมอง ไอร์แลนด์เดินเข้ามาใกล้ เผยรอยยิ้มอ่อนโยนและกล่าว

“ทางเราพบเป้าหมายแล้ว การสืบสวนจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป พวกคุณช่วยกลับโรงแรมไปก่อน ค่าจ้างจะถูกจ่ายให้ในอีกสองวัน แต่สำหรับวันนี้ ขอแนะนำให้อยู่แต่ในที่พัก”

ไคลน์ยังคงรักษามาดขรึมของนักผจญภัยบ้าดีเดือด เพียงพยักหน้ารับ ไม่กล่าวคำใด

ระหว่างทางกลับ เดนิสเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัยมากมาย แต่เนื่องจากมีคนของกองทัพอย่างไอร์แลนด์เดินประกบไม่ห่าง จึงทำได้เพียงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เป็นการคาดเดาว่าจะมีโจรสลัดชื่อดังคนใดถูกจับตัวบ้างในวันนี้

สำหรับเดนิส หากไม่ใช่สมาชิกฝันทองคำ โจรสลัดทุกคนบนโลกล้วนมิใช่พวกพ้อง ไม่มีความจำเป็นต้องเห็นอกเห็นใจ

หลังจากกลับถึงห้อง เมื่อเห็นไอร์แลนด์กลับไป เพลิงพิโรธปิดประตูและพึมพำ

“หนังสือแห่งภัยธรรมชาติ… โบราณสถานเอลฟ์… มีประเด็นน่าสนใจเต็มไปหมด ว่าแต่ทำไมเอลฟ์ถึงกลายเป็นปีศาจไปได้? แค่ขโมยหนังสือออกมา พลิกหน้าอ่าน ผู้หญิงคนนั้นก็เสียสติและคลุ้มคลั่งเลยหรือ?”

หมอนี่วาดฝันเอลฟ์ไว้แบบไหน? เป็นมิตรกับธรรมชาติ อาศัยบนภูเขา ทำอาหารเก่ง และรักสัตว์? จากข้อมูลของเดอะซันน้อย เหล่าเทพบรรพกาลทั้งแปดก่อนยุคสมัยมหาภัยพิบัติล้วนเป็นพวกป่าเถื่อน เกรี้ยวกราด และชั่วร้าย ไม่เว้นแม้แต่ราชาเอลฟ์ ซอนญาธริม ดังนั้น ไม่ว่าจะสาวกหรือข้าราชบริพารของราชาเอลฟ์ พวกมันย่อมไม่ใช่สิ่งมีชีวิตอ่อนโยน อาจเลวร้ายยิ่งกว่าพวกชุมนุมแสงเหนือเสียอีก… เผ่าพันธุ์วิเศษที่เอาตัวรอดจากยุคมืดมาได้ ไม่มีทางมี ‘จิตใจงดงาม’ แน่…

ไคลน์ตอบในใจ

แน่นอน มันมิได้มองข้ามความเป็นไปได้ที่เผ่าพันธุ์ทั้งหมดจะเริ่มพัฒนาศีลธรรมหลังจากเทพบรรพกาลอย่างมังกร คนยักษ์ เอลฟ์ และผีดูดเลือดทยอยร่วงหล่นตกตาม พฤติกรรมของสัตว์วิเศษกลุ่มนี้อาจดีขึ้นถึงขั้นอยู่ในระดับปรกติของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคงเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตลำดับต่ำเท่านั้น ไม่รวมเหล่าครึ่งเทพ พวกมันไม่มีทางลดความชั่วร้ายลงแน่ โดยเอลฟ์ลำดับสูงผู้เป็นเจ้าของ ‘หนังสือแห่งภัยธรรมชาติ’ ก็คงไม่ต่างกัน

ขณะสมองโลดแล่น ไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งกะทันหัน

เดนิสอ่านภาษาเอลฟ์ออก!

มันสามารถอ่านข้อความบนหน้าปกหนังสัตว์ของหนังสือแห่งภัยธรรมชาติ!

ระดับการศึกษาของลูกน้องพลเรือโทธารน้ำแข็งสูงจนน่าเหลือเชื่อ ไม่เพียงเชี่ยวชาญภาษาฟุซัคโบราณ แต่ยังรวมถึงภาษาเอลฟ์ซึ่งใช้ในการกระตุ้นพลังธรรมชาติ…

บางที ภาษาคนยักษ์และเฮอร์มิสโบราณอาจถูกบรรจุลงในคาบเรียนของฝันทองคำด้วยเช่นกัน… ช่างเป็นกลุ่มโจรสลัดที่เต็มไปด้วยความฝันและความรู้ แต่ว่า มาดามกัปตัน คุณเคร่งครัดวิชาการเกินไปรึเปล่า เดนิสถึงได้บกพร่องด้านอื่นมากขนาดนี้…

แต่หล่อนทำถูกต้องแล้ว สำหรับนักล่าสมบัติ สิ่งสำคัญเหนืออื่นใดคือการอ่านภาษาโบราณออก…

ไคลน์เมินคำถามของเดนิส เพียงมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบงัน

ท้องฟ้ายังคงหม่นหมอง คล้ายกับพร้อมสาดเทสายฝนลงมาตลอดเวลา บรรยากาศอึมครึมเช่นนี้ย่อมทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด

ชายหนุ่มพยักหน้ากับตัวเอง

“เลติเซียถูกพบตัวแล้ว ความลับของโบราณสถานเอลฟ์ถูกเปิดเผย โบสถ์วายุสลาตันและกองทัพคงอาศัยมรดกชิ้นดังกล่าวเชื่อมต่อกับรังของคาเวทูว่าแน่ จากนั้นก็ตามหาตัวเทพสมุทรผู้ทวีความบ้าคลั่งขึ้นทุกขณะ หรือไม่ก็ใช้มรดกดังกล่าวเร่งความเร็วในการร่วงหล่น หากเหตุการณ์ดำเนินไปในลักษณะนี้ สาวกเดนตายของเทพสมุทรก็จะสังเวยชีวิตตัวเองเหมือนในความฝันของเรา แต่คนอื่นจะยังปลอดภัย…”

เดิมที ไคลน์มีแผนจะสืบหารังของเทพสมุทร·คาเวทูว่าผ่านโลกวิญญาณ ถ้าทำสำเร็จก่อนโบสถ์วายุสลาตันหรือกองทัพ มันจะรีบแทรกซึมเข้าไปขโมยสมบัติภายในรัง อย่างไรก็ตาม แผนการยังไม่ทันเริ่ม ก็พังลงไม่เป็นท่าเนื่องจากอีกฝ่ายถือครองหนังสือแห่งภัยธรรมชาติไว้ในมือ

เฮ่อ… คงต้องยอมปล่อยไป เราไม่มีความหวังมาตั้งแต่แรกแล้ว… ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในรังของมีอะไรซ่อนอยู่ การที่เรื่องราวจบลงอย่างสงบสุขก็นับว่าดีมากแล้ว…

ไคลน์เบือนหน้ากลับ พยายามข่มใจด้วยสีหน้าเจือความเสียดาย

ตลอดทั้งวัน ชายหนุ่มและเดนิสทำตามคำแนะนำของไอร์แลนด์เคร่งครัด ไม่ออกไปข้างนอกโรงแรมแม้แต่ก้าวเดียว

ภายในบายัม เสียงระเบิดและเสียงปืนยังคงดังขึ้นเป็นระยะ จนกระทั่งความมืดมิดคืบคลานเข้าปกคลุมอย่างสมบูรณ์

เช้าวันถัดมา ไคลน์ตื่นขึ้นตามปรกติ และพบว่าเมฆสีดำบนท้องฟ้าเลือนหายไปครึ่งหนึ่งอย่างผิดวิสัย บรรยากาศด้านบนยังคงมืดครึ้ม

สิ่งนี้คือเครื่องพิสูจน์ว่า การเผชิญหน้าระหว่างอาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์วายุสลาตัน อาวุโสใหญ่ของทูตพิพากษา แยนน์·ค็อตแมน และเทพสมุทร·คาเวทูว่า ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำไปก่อน

ไคลน์รู้สึกปวดแปลบท้องน้อย จึงเตรียมหยิบหนังสือพิมพ์เข้าไปอ่านในห้องน้ำ

แต่หลังจากหันไปเห็นเดนิสกำลังนอนแผ่หลาบนเก้าอี้เอนหลัง มือข้างหนึ่งถือขนมปังข้าวโอ๊ต ส่วนอีกข้างถือหนังสือพิมพ์อย่างสบายใจ ชายหนุ่มเปลี่ยนแผนทันที

การอ่านหนังสือพิมพ์ในห้องน้ำไม่ใช่สิ่งที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์พึงกระทำ!

ถึงจะน่าเบื่อไปบ้าง แต่เราต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวละคร… สิ่งนี้ยังช่วยให้เราพบความแตกต่างระหว่างอุปนิสัยแท้จริงและตัวละครสมมติ…

ไคลน์สรุปเข้าข้างตัวเอง พลางเดินเข้าห้องน้ำโดยไม่หยิบสิ่งใดติดมือ

ถอดกางเกงลง นั่งบนฝาชักโครก สายตาจ้องกำแพงสีขาวตรงหน้าเขม็ง ราวกับมันจะมีตัวอักษรปรากฏขึ้นมาให้อ่าน

ทันใดนั้น สัมผัสวิญญาณของชายหนุ่มถูกกระตุ้นฉับพลัน

ไคลน์รีบกระทบกรามสองหนเพื่อเปิดใช้งานเนตรวิญญาณ

กระดูกสีขาวสองท่อนใหญ่โผล่ขึ้นตรงหน้าในระยะประชิด เป็นท่อนขาสองข้างของผู้ส่งสารร่างยักษ์

ศีรษะของอีกฝ่ายสูงเลยเพดานด้านบน แต่ไคลน์ยังคงมองเห็นดวงตาเพลิงทมิฬผ่านเพดานอย่างเลือนราง

ผู้ส่งสารก้มศีรษะต่ำ มองลงมายังไคลน์ที่กำลังนั่งบนฝาชักโครง

ชายหนุ่มเงยหน้ามองกลับ ไม่มีใครเคลื่อนไหวนานหลายวินาที จนกระทั่งไคลน์เริ่มเกิดคำถาม :

เราควรทำตัวเหมือนผู้หญิง รีบแหกปากโวยวายเสียงดังและปกปิดของสงวนด้านล่าง หรือควรเผชิญหน้าอย่างเปิดเผยโดยปราศจากความหวาดกลัว?

โดยไม่ปล่อยให้ไคลน์ตัดสินใจ ผู้ส่งสารโครงกระดูกทำการโยนจดหมายใส่ตักชายหนุ่ม ก่อนจะสลายตัวกลายเป็นน้ำพุกระดูก จมลงใต้พื้นห้องน้ำและหายไปอย่างสมบูรณ์

ไคลน์รีบคว้าจดหมายของมิสเตอร์อะซิกอย่างตกใจ ด้วยเกรงว่าจะหล่นลงไปเปียก ชายหนุ่มหมดคำพูดและไม่กระดุกกระดิกร่างกายอยู่นาน

ผู้ส่งสารตัวใหม่นับวันยิ่งเสียมารยาท! ไม่เห็นรึไงว่าเรากำลังเข้าห้องน้ำ! อย่างน้อยก็ควรเคาะประตูบ้าง หรือไม่ก็สอดจดหมายเข้ามาทางช่องว่างใต้ประตู!

ไคลน์โวยวายแกมตลกขบขัน

แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี การจะให้สัตว์ประหลาดส่วนสูงสี่เมตร สอดจดหมายทางช่องว่างใต้ประตูนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อีกฝ่ายแทบจะต้องอยู่ในท่าหมอบคลาน

แค่คิดก็ตลกแล้ว… ฮะฮะ… คราวหน้าที่เขียนจดหมาย เราจะระบุท้ายกระดาษให้มิสเตอร์อะซิกช่วยอบรมสั่งสอนผู้ส่งสารเสียบ้าง! อย่างน้อยก็ต้องมีมารยาทกว่านี้สักนิด…

ไคลน์คลี่กระดาษจดหมายอ่านคำตอบ

“…จากความทรงจำปัจจุบันของผม หากต้องการระบุตำแหน่งเป้าหมายผ่านทางโลกวิญญาณ ผมมีคำแนะนำให้สองวิธี โดยวิธีแรกจะต้องเตรียมตัวล่วงหน้าเล็กน้อย เงื่อนไขแรก ถ้าวัตถุประจำตัวของคุณหรือคนใกล้ชิดอยู่ในแหล่งกบดานของคาเวทูว่า คุณสามารถใช้พลังทำนายถามถึงตำแหน่งของวัตถุดังกล่าวได้โดยตรง แต่วิธีนี้ยังมีเงื่อนไขด้วยว่า คุณต้องเข้าออกโลกวิญญาณได้อย่างอิสระ สำหรับเรื่องนี้ ผมค่อนข้างชำนาญ โดยจะอธิบายวิธียอดนิยมในการเดินทางเข้าสู่โลกวิญญาณเอาไว้เป็นตัวเลือก ให้คุณนำไปใช้งานตามที่สะดวก… วิธีที่สองก็คือ ประกอบพิธีกรรม ‘พันธสัญญาลับ’ กับ ‘แสงแดง’ ไอร์ โมเรีย โดยให้ท่านเข้าสิงร่างและแสดงเจตจำนงอย่างอิสระ แสงแดดมักโดดเด่นด้านสิ่งมีชีวิตและสถานที่ภายในโลกวิญญาณ…”

‘แสงแดง’ จากเจ็ดริ้วแรงแห่งโลกวิญญาณ มีชื่อว่าไอร์·โมเรียสินะ… หลักการทำงานของพิธีกรรมพันธสัญญาลับก็คือ ต้องมอมเมาตัวเองอยู่ในภาวะละเมอเทียม ปล่อยจิตและกายให้เป็นอิสระ ปล่อยให้เป้าหมายที่ตนสวดวิงวอนเข้ามาสิงร่าง กระบวนการดังกล่าวจะมอบความรู้ปริมาณมหาศาล แต่เมื่อมองเห็นความลับของอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็จะเห็นความลับเช่นกัน เป็นที่มาของชื่อพิธีกรรมพันธสัญญาลับ… แต่เรายังไว้ใจ ‘แสงแดง’ ได้ไม่เต็มที่… ตัวเรามีความลับมากเกินไป…

ไคลน์รีบตัดข้อสองทิ้ง

ในส่วนของข้อแรก โอกาสสำเร็จก็แทบไม่มีเลยเช่นกัน เพราะไคลน์มิได้ซ่อนวัตถุประจำตัวไว้ในรังเทพสมุทร·คาเวทูว่า

“นอกเสียจากเราจะให้คนของกลุ่มต่อต้านช่วยสังเวยบางสิ่งเข้าไปในรังเทพสมุทร หรือไม่ก็ตามหาคนที่เคยสังเวยวัตถุเข้าไปในรังเทพสมุทรมาก่อน โดยวัตถุดังกล่าวจะต้องพิเศษกว่าของคนอื่น…”

คิดมาถึงจุดนี้ ไคลน์เริ่มผุดไอเดีย

เมื่อพบแนวทาง ชายหนุ่มพยายามวิเคราะห์หาความเป็นไปได้และจุดบกพร่องอยู่นาน จนกระทั่งมองเห็นหนทางทำสำเร็จ

หลังจากลุกขึ้นยืน ไคลน์ล้างมือให้สะอาด เดินทวนเข็มสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าไปในห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา ทำนายถามถึงอันตรายและโอกาสสำเร็จ โดยผลลัพธ์ออกมาเป็น มีอันตรายพอสมควร แต่สามารถรับมือไหวหากจัดการอย่างถูกต้อง

เมื่อทุกสิ่งเสร็จสรรพ ชายหนุ่มส่งตัวเองกลับมายังห้องน้ำบนโลกจริง เดินกลับไปยังห้องรับแขก และตรงไปทางเก้าอี้เอนหลัง

เดนิสลุกพรวด เผยรอยยิ้มเหือดแห้ง :

“ม…มีอะไร?”

“รู้จักนามเต็มของเทพสมุทรไหม”

ไคลน์ซักถามเสียงเรียบ

เดนิสกางแขนออกเตรียมอธิบายพร้อมท่าทางประกอบ แต่ทันใดนั้นก็ต้องสบถ

“แม่เย็*!” มันส่งเสียงพลางเลื่อนมือขวามาจับเฝือกซ้าย ก่อนจะหัวเราะแห้ง “ต้องรู้อยู่แล้ว ฉันเคยได้ยินกลุ่มต่อต้านประกอบพิธีกรรมถึงเทพสมุทร เริ่มจาก…ข้ารับใช้แห่งท้องทะเลและโลกวิญญาณ ผู้พิทักษ์แห่งหมู่เกาะรอสต์ ผู้ปกครองมวลหมู่สัตว์ทะเล เจ้าแห่งสึนามิและลมพายุ คาเวทูว่าผู้ยิ่งใหญ่…

“แต่จากประสบการณ์ ฉันเคยเห็นคนทำสำเร็จแค่สองครั้ง และทั้งสองครั้งจะสวดเป็นภาษาเอลฟ์”

ข้ารับใช้แห่งท้องทะเลและโลกวิญญาณ…?

นามเต็มกระจอกชะมัด…ฟังดูไม่น่าเกรงขามและยิ่งใหญ่เหมือนของเรา…นั่นสินะ ก็เราเล่นดัดแปลงมาจากนามเต็มของเจ็ดเทพจารีตอีกทอดหนึ่ง…ไคลน์เหยียดหยัน

“รู้จักโกดังร้างหรือบ้านร้างบ้างไหม”

“แน่นอนอยู่แล้ว! โจรสลัดชื่อดังส่วนมากต้องรู้จักที่แบบนั้นไว้สักแห่งสองแห่ง”

เดนิสมอบคำตอบโดยไม่ลังเล

ไคลน์หมุนตัวไปทางราวแขวนผ้าหน้าห้อง

“นำทางไป”

คิดจะทำอะไรกันแน่?

แม้เดนิสจะสับสน แต่มันก็มิกล้าปริปากตั้งคำถาม

เขตท่าเรือ ในโกดังสกปรกและทรุดโทรม

เดนิสยืนมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์หยิบเทียนไขออกมาวางสามเล่ม รวมถึงขวดโลหะอีกจำนวนหนึ่ง จนกระทั่งมันทนไม่ไหว ตัดสินใจซักถามให้หายคาใจ

“นายคิดจะทำอะไรกันแน่?”

ไคลน์ไม่หันกลับไปมอง ตอบอย่างสุขุม

“สังเวย”

“ให้ใคร?” เดนิสถามส่งเดช

หลังจากสร้างแท่นบูชาเสร็จ ชายหนุ่มล้วงหยิบกล่องโลหะบุหรี่โลหะ ก่อนจะตอบเสียงราบเรียบ

“คาเวทูว่า”

การจะระบุตำแหน่งคาเวทูว่าให้ได้ ไคลน์วางแผนสังเวยวัตถุบางชนิดให้มันโดยตรง!

ขอเพียงคาเวทูว่ารับสิ่งนั้นไว้ เราก็จะทำนายระบุตำแหน่งแหล่งกบดานอย่างแม่นยำได้ทันที…

ส่วนคำถามที่ว่า คาเวทูว่าจะยอมรับของสังเวยหรือไม่ แน่นอน ไคลน์มองว่ามีโอกาสพอสมควร เหตุเพราะอีกฝ่ายกำลังอยู่ในภาวะเสียสติสุดขีด แทบไม่หลงเหลือเหตุผล ใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณดิบเถื่อน ออร่าของห้วงมิติสายหมอกจึงดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก

ฉะนั้น แผนของไคลน์คือการสังเวยกล่องบุหรี่โลหะให้คาเวทูว่า และถ้าอีกฝ่ายรับไว้ ขั้นตอนถัดไปจะเริ่มต้นทันที แต่ถ้าเทพสมุทรไม่รับสังเวย ก็ไม่มีอะไรเสียหายสักนิด

สังเวยให้เทพสมุทร·คาเวทูว่า?

ในวินาทีนี้ เดนิสรู้สึกว่าสมองตนกำลังหยุดทำงานโดยสมบูรณ์ มันไม่เข้าใจเจตนาของเกอร์มัน·สแปร์โรว์แม้แต่น้อย

“นายบ้าไปแล้วหรือ อีกฝ่ายมีเหตุผลอะไรต้องรับของสังเวย? แต่ถึงจะรับแล้วยังไงต่อ? พิธีกรรมบ้าบอของนายกำลังนำพาตัวเองไปสู่ความฉิบหาย!” เดนิสทำสีหน้างุนงง

ขณะเดียวกัน มันรำพันในใจ

…ไม่สิ เป็นเรื่องถูกต้องแล้วที่เราไม่เข้าใจพฤติกรรมของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพราะมันคือคนบ้า! ส่วนเราไม่ใช่!

ไคลน์ชำเลือง อธิบายสั้นกระชับ

“ไม่ต้องห่วง ฉันเชี่ยวชาญด้านนี้มาก”

พิธีกรรมสังเวย…ทำมาจนเบื่อแล้ว!

ชายหนุ่มไม่คิดถ่อมตัวเลยสักนิด

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset