Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 523 : ความร่วมมือ

ราชันเร้นลับ 523 : ความร่วมมือ

เมื่อออกจากอาคารหมายเลข 47 บนถนนเขาดำ ไคลน์สำรวจสถานการณ์เบื้องต้นของวินเทอร์ โดยปลอมตัวเป็นตำรวจและไล่สอบปากคำเพื่อนบ้านอย่างแนบเนียน

ผลลัพธ์เป็นไปอย่างราบรื่น

“เกาะไซมีมอยู่สุดขอบของหมู่เกาะรอสต์ หากเดินทางจากบายัม ต้องใช้เวลานานสี่ถึงห้าชั่วโมงด้วยเรือโดยสาร และมีเพียงสองเที่ยวต่อวัน คือเก้าและสิบโมงเช้าเท่านั้น ซึ่งวันนี้เลยเวลามาแล้ว… พ่อและแม่ของวินเทอร์จากโลกนี้ไปเมื่อหลายปีก่อน ไม่มีญาติสนิท สายสัมพันธ์เดียวคือหญิงสาวนามว่าเรนนี่ ซึ่งวินเทอร์ไม่มีโอกาสได้บอกรักหล่อน องค์ประกอบค่อนข้างเหมาะกับผู้ไร้หน้ามือใหม่อย่างเรา สำหรับใช้เติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของคนตาย… แต่การจะให้สารภาพรักต่อหน้าใครสักคนนี่มันออกจะ… น่าอายชะมัด… แล้วจะทำอย่างไรถ้าอีกฝ่ายตอบตกลงขึ้นมา? ควรเอาตัวรอดด้วยคำพูดแบบไหนดี…”

ไคลน์พยายามใช้ความคิด

มันกำลังเค้นสมองนึกถึงบทของนิยายจากโลกเก่า รวมถึงบทละครทีวีชื่อดังในอดีตหลายเรื่อง เพื่อหาทางออกในอุดมคติให้กับความซับซ้อนยุ่งเหยิงคราวนี้

เพียงไม่นาน มันเริ่มได้ข้อสรุป ห้วงอารมณ์กลับมาสงบนิ่ง พลางมุ่งความสนใจไปยัง ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้เพียงผู้เดียว

“ถ้ามิสเมจิกเชี่ยนส่งเครื่องรับโทรเลขถึงมือเราทันเวลาก็คงดี…” ไคลน์ถอนหายใจแผ่วเบาพลางเดินขึ้นรถม้าเช่า

เบ็คลันด์ เขตเชอร์วู้ด

ฟอร์สแกะเปิดจดหมายซึ่งซิลถือติดมือกลับเข้ามาในบ้าน

เป็นจดหมายจากอาวีลล์ นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดังประจำกรุงเบ็คลันด์ ภายในจดหมาย อีกฝ่ายมีความสุขมากกับการได้แบ่งปันความน่าตื่นเต้นของเทคโนโลยีการรับส่งคลื่นวิทยุแสนซับซ้อนให้มิสวอลล์

ฟอร์สอ่านข้ามช่วงต้นและกึ่งกลางไป โดยมุ่งประเด็นไปยังส่วนท้ายกระดาษ

“มีน่าสนใจอยู่สามรุ่น แหล่งซื้อขายถูกอธิบายไว้อย่างชัดเจน โดยราคาเครื่องสูงสุดมีมูลค่าสิบสองปอนด์”

ฟอร์พลันถอนหายใจยาว เมื่อตระหนักว่าการแลกเปลี่ยนในคราวนี้มิได้เกี่ยวพันกับเงินก้อนใหญ่

หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่า ศักดิ์ศรีของตนฟื้นฟูกลับคืนมาเล็กน้อย

คงเป็นเพราะเธอได้ฟังตัวเลขจำนวนมหาศาล หลักหลายร้อยหลายพันปอนด์ จากการแลกเปลี่ยนภายในชุมนุมทาโรต์บ่อยครั้งเกินไป เงินจำนวนเพียงสิบกว่าปอนด์จึงแทบไม่อยู่ในสายตา

มิสเตอร์เวิร์ลมีช่องทางในการหาทรัพยากร แถมยังค่อนข้างเงินหนา เราอาจได้ซื้อขายกับเขาในอนาคต… ถ้าอย่างนั้น… ขายราคาทุนก็แล้วกัน อาจบวกเพิ่มในค่าเดินทางและค่าวัตถุดิบพิธีกรรมไปอีกเล็กน้อย…

ฟอร์สได้ข้อสรุป พลางมองออกไปนอกหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว

กรุงเบ็คลันด์ยังคงมืดสลัวเช่นเคย ท้องฟ้ามีฝนโปรยปรายเล็กน้อย แต่หมอกควันไม่หนาทึบเท่าเมื่อก่อน

“ถ้าถุงกระเพาะของผู้กลืนวิญญาณส่งมาถึงมือเร็วๆ ก็คงดี…” ฟอร์สออกท่าทางกระวนกระวาย เธอคงอยากถีบตัวเองให้พ้นจากลำดับ 9 เต็มทีแล้ว

เมืองเงินพิสุทธิ์ บ้านตระกูลเบเกอร์

เดอร์ริคเตรียมถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณเรียบร้อย รวมไปถึงวัตถุดิบวิเศษตามความต้องการของมิสเตอร์แฮงแมนอีกสองสามชนิด แต่ชายหนุ่มยังไม่ใจร้อนสังเวยถึงเดอะฟูลทันที

มันอดทนรออย่างใจเย็น รอให้ประมุขของเมืองนำทีมออกไปสำรวจ หรือไม่ก็ประกอบพิธีกรรมสำคัญสักชนิดเสียก่อน

“ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว… ห้ามประมาทเด็ดขาด!” เดอร์ริคย้ำเตือนกับตัวเองหนักแน่น พลางเปิดอ่าน ‘จดหมายเหตุวังราชาคนยักษ์ ฉบับบันทึกด้วยมือโดยศิลาดำ’

มันเคยอ่านเนื้อหาบางส่วนไปแล้ว และสามารถจินตนาการถึงภาพลักษณ์ของวังราชาคนยักษ์จากสมัยบรรพกาล

หากคำอธิบายไม่ผิดพลาด

นี่คือวังแห่งทวยเทพ!

คล้ายกับห้วงมิติในบริเวณดังกล่าวถูกแช่แข็งกระแสเวลาให้หยุดนิ่งในช่วงเวลาพลบค่ำ บรรยากาศท่วมท้นด้วยความตระการตา ตึกรามบ้านช่องบางแห่งสูงเสียดก้อนเมฆ

หากมนุษย์ย่างกรายเข้าไป พวกมันจะมีขนาดกระจ้อยร่อยจนดูด้อยค่าไปโดยปริยาย ห้วงอารมณ์จะเกิดความศรัทธาต่อผู้เป็นเจ้าของทัศนียภาพอันสมบูรณ์แบบแห่งนี้จากก้นบึ้งหัวใจ

กรุงเบ็คลันด์ เขตฮิลสตัน

บ้านตระกูลเวย์แมนดี้

หลังจากฟังคำอธิบายจบ เอ็มลิน·ไวท์หวีผมจัดแต่งทรง พลางจงใจซักถามเข้าประเด็น

“ท่านบารอน ข้าไม่มั่นใจนักว่าตัวเองเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน แต่จำได้รางๆ ว่า สมัยอดีตกาล เคยมีเมืองชื่อ ‘เงินพิสุทธิ์’ ดำรงอยู่ในช่วงต้นยุคสมัยที่สอง… เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่?”

อีกอยู่ในฝ่ายในสภาพหวีผมเรียบร้อย สวมเชิ้ตผ้าฝ้ายสีแดงสด มือข้างหนึ่งถือกล้องยาสูบ สีหน้ากำลังเพลิดเพลินไปกับความอบอุ่นของสภาพอากาศ

“ไม่น่าใช่… หรืออย่างน้อย ในความทรงจำของข้าก็ไม่มีเมืองชื่อเงินพิสุทธิ์ในช่วงก่อนยุคมหาภัยพิบัติ”

โดยไม่ปล่อยให้เอ็มลินแสดงความยินดีปรีดาจนเลยเถิด เวย์แมนดี้เสริม

“แต่มีอาณาจักรชื่อเงินพิสุทธิ์อยู่ เคยถูกปกครองโดยราชาคนยักษ์ และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอาณานิคมในภายหลัง”

อาณาจักรเงินพิสุทธิ์?

เอ็มลิน·ไวท์เค้นสมองคิด

“ท่านบารอน แล้วมีคำอธิบายเฉพาะเจาะจงมากกว่านี้ไหม? เกี่ยวกับอาณาจักรเงินพิสุทธิ์บรรพกาลนั่น”

เวย์แมนดี้เงยหน้ามอง พลางเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะกล่าว

“อาณาจักรเงินพิสุทธิ์มีสถานะพิเศษภายในวังราชาคนยักษ์ พวกมันมิได้รับใช้ราชาอย่างเออร์เมียร์โดยตรง ความศรัทธาดังกล่าวจะถูกมอบให้กับราชินีแห่งวังราชาคนยักษ์… โอมีเบล่า”

‘เมืองแห่งการให้’ บายัม เขตท่าเรือ

ถนนมะนาวเปรี้ยว โรงแรมวายุคราม

ไคลน์ยืนตรงหัวมุมถนน ปลดจี้บุษราคัมจากข้อมือซ้าย และทำนายเพื่อยืนยันว่าการกลับเข้าไปจะไม่มีอันตรายใดเกิดขึ้นกับตน

เมื่อเบาใจ ชายหนุ่มกลับไปยังโรงแรมอย่างไม่รีบร้อน เดินขึ้นชั้นสามและเปิดประตูห้องพักสุดหรูเข้าไป

ไคลน์มีอันต้องประหลาดใจเมื่อได้เห็น ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิส เอาแต่นอนซังกะตายบนเก้าอี้เอนหลังพลางจิบเหล้า

หลังจากยืนครุ่นคิด ไคลน์ตัดสินใจซักถามอย่างเย็นชา

“ตอนนี้กี่โมง”

“ตรงนั้นก็มีนาฬิกาแขวนไม่ใช่รึไง” เดนิสพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์

มันเงยหน้าและขานเวลาจากหน้าปัดนาฬิกาบนผนังฝั่งตรงข้าม

“บ่ายสามสี่สิบ…”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง เดนิสพลันได้สติ จึงรีบพยุงตัวนั่งหลังตรงและหัวเราะแห้งสองหน

“ฉันได้ถามคนรู้จักทุกคนและตระเวนไปยังแหล่งข่าวทุกแห่งจนทั่วแล้ว! การออกไปข้างนอกนานไม่ใช่เรื่องดีนัก มันเพิ่มความเสี่ยงในการถูกพบตัว และนั่นจะทำให้แผนการล่าของนายล้มเหลว!”

ไคลน์ดึงเก้าอี้มานั่งและพูดเสียงเยือกเย็น

“เจออะไรมาบ้าง เล่าให้หมด”

“นายคิดว่าฉันทำงานบกพร่อง? จริงอยู่ ฉันอาจเป็นนักผจญภัยกระหายสมบัติ แต่ก็ถือเป็นโจรสลัดมากประสบการณ์คนหนึ่งเหมือนกัน!” เดนิสรู้สึกคล้ายกับตนกำลังถูกดูแคลนสติปัญญา

หลังจากสำรวจสีหน้าของเกอร์มัน·สแปร์โรว์เล็กน้อย มันยิ้มแห้ง ก่อนจะอธิบายเหตุการณ์ตั้งแต่ช่วงเช้าและบ่ายอย่างละเอียด เข้าไปหาใครบ้าง บทสนทนาเป็นอย่างไร และฝากฝังสิ่งใด ทุกสิ่งถูกเล่าอย่างฉะฉาน

แต่หลังจากได้ยินเดนิสรำพันว่า โจรสลัดนาม ‘อัลเจอร์’ กัปตันเรือผีสิงลึกลับ ทราบถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในท่าเรือแบนชี ชายหนุ่มเริ่มขมวดคิ้วชนกัน

แม้แต่คนในของโบสถ์วายุสลาตันอย่าง ‘แฮงแมน’ ก็ยังไม่ทราบข่าวเมืองท่าแบนชีจนกระทั่งเราบอกผ่านเดอะเวิร์ล แล้วนายอัลเจอร์คนนี้เป็นใคร? ทราบได้อย่างไร?

สมาชิกระดับสูงของโบสถ์วายุสลาตันผู้ปลอมตัวเป็นโจรสลัด? หรือจะเป็นหนึ่งในสมาชิกลัทธิโบราณบนเมืองท่างแบนชี?

หืม… ถ้าจำไม่ผิด มิสเตอร์แฮงแมนใช้ชีวิตอยู่บนทะเลเกือบจะตลอดเวลา… เป็นไปได้…

ไคลน์เพ่งสมาธินึกถึงรูปลักษณ์ของแฮงแมนในหัว

จริงอยู่ หากเป็นบนห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา มันจะมองเห็นใบหน้าอีกฝ่ายได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ถ้าเป็นรายละเอียดโดดเด่นอย่างสีผมหรือเพศ มันไม่มีวันมองพลาดไปแน่!

ชายหนุ่มยกมือขึ้น เป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายหยุดเล่าชั่วคราว ตามด้วยการถามเสียงต่ำ

“ผ้าเผ้ายุ่งเหยิง สีน้ำเงินเข้มเหมือนกับสาหร่ายทะเล?”

“นายก็รู้จักด้วยหรือ? กะแล้วเชียว! เจ้านั่นไม่ใช่โจรสลัดธรรมดาจริงด้วย!” เดนิสถอนหายใจ

ไม่ผิดคาด… หึหึ แต่เราก็คิดไม่ถึงว่าจะหาตัวอีกฝ่ายพบด้วยวิธีนี้…

ไคลน์เพียงโน้มตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยด้วยบรรยากาศเงียบงัน มิได้ซักถามสิ่งใดเพิ่มเติม

“กลับเข้าเรื่อง”

เดนิสมิได้ใส่ใจเรื่องเดิม มันกลับมาอธิบายขั้นตอนการสืบข่าวของตนจนจบ

“นายต้องเข้าใจก่อนว่า การหาข่าวของโจรสลัดไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อลองทำอย่างสุดฝีมือแล้ว สิ่งเดียวคือการสวดภาวนาและรอคอยให้ทุกสิ่งเป็นใจ โดยส่วนใหญ่มักใช้เวลาค่อนข้างนาน”

“แต่ฉันมีวิธีลัด ไม่ต้องให้เสียเวลา”

ไคลน์จงใจกล่าวคลุมเครือ

“วิธีอะไร?” เดนิสถามด้วยสีหน้างุนงง

ไคลน์ใช้ปลายนิ้วขยับกรอบแว่น พลางยกยิ้มชั่วร้ายตรงมุมปาก

“ใช้เหยื่อล่อ”

เหยื่อล่อ? เดนิสประสานสายตากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสับสน

จนกระทั่งเริ่มฉุกคิดบางสิ่ง

นอกจากตัวมัน ก็ไม่มีสิ่งใดสามารถใช้เป็นเหยื่อล่อได้อีกแล้ว!

ตามหลักการตกปลาทั่วไป นักตกปลาไม่เคยสนใจว่าเหยื่อจะมีสภาพอย่างไรหลังจากถูกปลางับ! มันสนแต่ปลาเท่านั้น!

สรุปโดยสั้น การยอมเป็น ‘เหยื่อ’ เท่ากับส่งตัวเองเข้าไปสู่ประตูนรก!

“ฮะฮะ! วิธีดังกล่าวไม่ได้ผลหรอก เชื่อฉันสิ ยิ่งไปกว่านั้น ญาณวิเศษของฉันกำลังบอกว่า แถวๆ โรงละครแดงต้องมีเบาะแสสำคัญของ ‘เหล็กกล้า’ ซ่อนอยู่แน่! ฉ…ฉันจะรีบออกไปสืบข่าวเดี๋ยวนี้!”

เดนิสรีบสวมโค้ทตัวใหญ่อย่างลนลาน ก่อนจะเดินพ้นประตูห้องพักบานใหญ่

เดิมที ไคลน์มีแผนจะสะกดรอยตามเพื่อดูว่าเดนิสได้พบเบาะแสใดบ้าง แต่กลับได้ยินเสียงวิงวอนจากใครบางคนเสียก่อน

เป็นเสียงผู้ชาย

ชายหนุ่มหยุดยืนครุ่นคิด และตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ

ราวสิบวินาทีถัดมา ไคลน์ส่งจิตตัวเองขึ้นไปยังวังสายหมอกสีเทา และพบว่าดาวแดงตัวแทน ‘แฮงแมน’ กำลังยุบพองเป็นจังหวะ

นึกแล้วเชียว… มันเอนหลังพิงเก้าอี้พลางถ่ายวิญญาณเข้าไปในดาวแดง

เสียงของแฮงแมนดังอย่างแจ่มชัด

“ถึงท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ขณะผมได้รับมอบหมายให้สืบสวนกุญแจเทพมรณาของพลเรือโทธารน้ำแข็ง ระหว่างทางได้พบกับ ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิสเข้าโดยไม่ตั้งใจในบ่อนพนันเหรียญทอง และทราบว่าชายคนนั้นคือหนึ่งในพยานรู้เห็นเหตุการณ์บนเท่าเรือแบนชี โดยภายหลังยังได้ทราบว่า ชายคนนั้นเตรียมวางแผนแก้แค้น ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้ร่วมกับตัวตนทรงพลังสักคนหนึ่ง ผมสงสัยว่า ‘เพลิงพิโรธ’ เดนิสกำลังทำงานร่วมกับข้าหนึ่งในรับใช้ของท่าน จึงตัดสินใจส่งข้อความวิงวอนในครั้งนี้ หากนั่นเป็นความจริง และเขาต้องการความช่วยเหลือ ผมสามารถมอบความช่วยเหลือได้ตามสถานการณ์”

มิสเตอร์แฮงแมนคาดเดาตัวตนแท้จริงของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ออกแล้วสินะ… ในตอนแรก เขาอาจแค่สงสัย แต่มั่นใจหลังจากได้ถามหยั่งเชิงเดนิส… นั่นสินะ ถ้ามีความช่วยเหลือจากบุคคลในท้องถิ่น การล่า ‘เหล็กกล้า’ แม็ควิตี้คงราบรื่นกว่าเดิมมาก…

เว้นเสียแต่ว่า แฮงแมนจะพบวิธีจัดการกับเดอะฟูลโดยตรง ไม่อย่างนั้น เขาไม่มีวันหักหลังหรือวางกับดักข้ารับใช้เดอะฟูลแน่นอน… ถ้าประเมินจากท่าทีตอบสนอง ชายคนนั้นยังมิได้เคลือบแคลงในตัวเดอะฟูล… ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น เราไม่เคยทิ้งช่องโหว่ให้สืบสาว…

ไคลน์สรุปความคิด

หลังจากทำนายยืนยัน ชายหนุ่มสร้างหมอกเทียมขึ้นมาปกคลุมรอบ ‘เดอะเวิร์ล’ ตัวปลอม และแสร้งทำเป็นสวดวิงวอนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ถึงมิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ผมต้องการความช่วยเหลือจากเขา”

หลังจากจัดการตัวเองเสร็จ ไคลน์ส่งภาพและเสียงเข้าไปในดวงดาวสีแดงเข้มตัวแทนมิสเตอร์แฮงแมนทันที

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset