ถ้าเราขุดคุ้ยเข้าไปลึกกว่านี้ อาจนำพาตัวเองไปสู่ ‘กุหลาบไถ่บาป’ หรือแม้กระทั่ง ‘เทวทูตสีชาด’ ผู้อยู่เบื้องหลัง… เราเฉียดใกล้อันตรายชนิดห่างกันเพียงไม่กี่คืบ แต่โชคดีว่ายังระงับความอยากรู้อยากเห็นได้ทัน จึงตัดสินใจปล่อยวางความผิดปรกติของภัตตาคารมะนาวและสำนักงานโทรเลข…
ขณะกำลังทบทวนตัวเอง ไคลน์พบว่าเข็มกลัดสุริยันไม่ช่วยบรรเทาความเย็นเฉียบอันเกิดจากเหงื่อเม็ดใหญ่กลางหลัง
ท่ามกลางสถานการณ์ปริศนาและไม่มีคำอธิบาย ไคลน์มองว่าเรื่องนี้น่ากลัวยิ่งกว่าการลงมาจุติของ ‘พระผู้สร้างแท้จริง’ เสียอีก
มันอดคิดไม่ได้ว่า หากตนพังประตูสำนักงานโทรเลขเข้าไป หรืออ้อมไปปีนหน้าต่างด้านหลังอาคาร จะได้เข้าไปเห็นภาพอันน่าสยดสยองสักเพียงใด
ขณะเดียวกัน ไคลน์เตรียมใจผลิตน้ำมนต์จำนวนมากบนเรือ และมอบให้กับผู้โดยสารทุกคนซึ่งเคยเข้าไปกินอาหารในภัตตาคารมะนาว เพื่อขจัดภัยอันตรายแอบแฝง
“มีอะไรหรือ” ไอร์แลนด์สังเกตเห็นความผิดปรกติของเกอร์มัน·สแปร์โรว์
“เปล่า แค่เรื่องในอดีต” ไคลน์อาศัยพลังตัวตลกเพื่อควบคุมสีหน้า ขณะเดียวกันก็รู้สึกขอบคุณความรอบคอบของตัวเอง
อย่างน้อย ตอนนี้ตนก็หลุดพ้นออกจากเมืองท่าแบนชีเรียบร้อยแล้ว
สำหรับความลับของ ‘กุหลาบไถ่บาป’ และราชาเทวทูตซึ่งอาจซ่อนอยู่บนเกาะ ในหัวไคลน์กำลังคิดวิธีจัดการได้แค่ทางเดียว :
รีบรายงานให้ทางการทราบโดยเร็ว!
ถ้าไม่รายงานเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะปล่อยให้พวกมันอยู่ฉลองปีใหม่ 1351 รึไง!
จริงอยู่ ทางเลือกฉลาดก็คือ ปิดข่าวไว้ก่อน รอจนกว่าตนจะมีลำดับสูงมากพอ จึงค่อยเข้าไปจัดการเพื่อ ‘เก็บเกี่ยว’ ผลประโยชน์มหาศาล
อย่างไรก็ตาม หากอันตรายซ่อนเร้นบนเกาะเกิดปะทุขณะตนกำลังพัฒนาฝีมือ จนผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก ไคลน์คงมิอาจสลัดความคิด ‘เราคือต้นเหตุทำให้พวกเขาตาย’ ได้แน่ มันจะรู้สึกผิดอย่างมากและเอาแต่โทษตัวเองว่า ทำไมถึงไม่ยอมแจ้งหน่วยพิเศษของทางการตั้งแต่แรก
แน่นอนว่า การรายงานต้องกระทำอย่างถูกวิธีและเป็นความลับ ไคลน์ไม่โง่พอจะเดินไปบอกไอร์แลนด์โต้งๆ หรือเขียนจดหมายจากชายนิรนามถึงโบสถ์วายุสลาตัน
นั่นจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ประการแรก เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะถูกตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด หากยิ่งสืบเข้าไปลึก เพียงใด ก็จะยิ่งพบความผิดปรกติในหลายเรื่องให้แกะรอย
ประการสอง นี่อาจเป็นการเปิดเผยตัวตนของไคลน์ต่อกุหลาบไถ่บาป จนเรื่องไปถึงหูของราชาเทวทูตเข้า
ไคลน์จึงวางแผนว่า เมื่อชุมนุมทาโรต์ในอีกสองวันข้างหน้าเริ่มขึ้น มันจะให้เดอะเวิร์ลเปิดประเด็นเกี่ยวกับความผิดปรกติของท่าเรือแบนชี จากนั้น เดอะฟูลก็จะบอกใบ้ไปในทิศทางของกุหลาบไถ่บาปและราชาเทวทูต เพียงเท่านี้ก็มากพอจะทำให้แฮงแมน หนึ่งในสมาชิกของโบสถ์หลัก ทราบว่าควรจัดการอย่างไรต่อไป
นี่คือโอกาสสร้างผลงานชิ้นโตให้แฮงแมน!
สำหรับหยดเลือดของทายาทตระกูลเมดีซี ไคลน์มิได้กังวลในเรื่องนี้ เพราะตนและชารอนเห็นพ้องร่วมกันว่า จะไม่ยื่นมือช่วยเหลือวิญญาณมารในซากปรักหักพังใต้ดินเด็ดขาด
เมื่อมั่นใจว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่ต้องการเล่าอดีตของตน ไอร์แลนด์เพียงยิ้ม และนำกล่องไม้สีดำใบเล็กออกจากเสื้อโค้ท โยนมาทางไคลน์
ชายหนุ่มใช้มือรับ สายตาเผยความสงสัยโดยไม่ปิดบัง
“ถุงน้ำดีของเมอร์ล็อก สามารถนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษซึ่งมีประโยชน์ทางทะเล”
ตะกอนพลังเมอร์ล็อก…มูลค่าราวหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์…กัปตันใจถึงมาก…
ไคลน์เกือบลืมไปชั่วขณะ ว่านักผจญภัยเลือดเย็น เกอร์มัน·สแปร์โรว์ ต้องแสดงอากัปกิริยาเช่นไรในสถานการณ์แบบนี้
แต่โชคยังดี มันเคยผ่านประสบการณ์การแสดงมาอย่างโชกโชน จึงเผยสีหน้าอึมครึมและกล่าวเสียงเข้ม
“ผมไม่ได้ช่วยคุณเพื่อรางวัล”
ไอร์แลนด์หัวเราะ. ยิ้ม.
“ผมไม่ได้มอบให้เพราะคุณช่วยเหลือ พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือ ผมเห็นว่าเพื่อนตัวเองยังขาดแคลนในบางสิ่ง จึงมอบให้โดยไม่คิดเงิน นี่ถือเป็นเรื่องปรกติของเพื่อน”
สมเหตุสมผล ปฏิเสธไม่ได้เลย…
มือข้างหนึ่งถือกล่องไม้สีดำในมือ ไคลน์พยักหน้ารับเล็กน้อยโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ไอร์แลนด์หาวปิดปาก พลางถอดหมวกพับทรงทหารเรือออก
“ขอตัวกลัวไปนอนชดเชยก่อน ไว้พบกันใหม่ตอนเที่ยงวัน”
ไคลน์โบกมืออำลาอย่างสุภาพ ตามด้วยการพาเดนิสไปทางห้องพัก 312
ผ่านไปสักพัก มันเห็นดอนน่าและแดนตันผู้ตื่นตั้งแต่เช้าครู่ กำลังยืนรอหน้าประตูห้องตน
“คุณลุงสแปร์โรว์ ถืออะไรอยู่ในมือคะ?” ดอนน่าซักถามอย่างซุกซน
ไคลน์ไม่ตอบ เพียงเปิดฝ่ากล่องไม้สีดำออก
ด้านในถูกบุด้วยกำมะหยี่สีดำหลายชั้น กึ่งกลางเป็นวัตถุโปร่งใส ลักษณะคล้ายอัญมณีก้อนกลม ถูกวางไว้อย่างเงียบงัน
“ของตัวเมอร์ล็อกวันนั้น…!” แดนตันครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะโพล่ง “ถุงน้ำดี!”
ไคลน์ส่งสายตาบอกให้เดนิสเปิดประตูและเดินตามเข้าไป
ดอนน่าเดินตามติด พลางเหยียดแขนสองข้างไพล่ไว้ด้านหลัง
ในมือเด็กสาวถือธนบัตรเงินสดปึกใหญ่ มีทั้งสิบปอนด์และห้าปอนด์คละเคล้า
“พ่อกับแม่ ลุงคลีฟส์ และลุงดิเมอดอร์ให้หนูนำเงินมามอบให้ลุงสแปร์โรว์ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์!” ดอนน่าฉีกยิ้มกว้าง และกล่าวด้วยเสียงสดใส “พวกเขาบอกว่า เงินจำนวนเท่านี้คงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของลุงสแปร์โรว์ได้หมด เพียงแต่ว่า อย่างน้อยก็ขอชดเชยค่ากระสุนและอุปกรณ์สิ้นเปลืองชนิดอื่นๆ ของคุณลุง พวกมันคงมีราคาสูงมากใช่ไหมคะ”
“ค่อนข้าง” ไคลน์ไตร่ตรองเล็กน้อย ก่อนจะรับเงินขอบคุณจำนวนหนึ่งร้อยห้าสิบปอนด์ไว้แต่โดยดี เพื่อมิให้คนธรรมดาอย่างเออร์ดี้เกิดความกระวนกระวาย
เมื่อเห็นลุงสแปร์โรว์ยัดปึกธนบัตรกับกล่องไม้สีดำใบเล็กใส่กระเป๋าเสื้อโค้ท ดอนน่าแสดงสีหน้าผ่อนคลาย เนื่องจากภารกิจหลักของพ่อแม่ได้จบลงแล้ว
เด็กสาวกลับมาเป็นตัวของตัวเอง และทำตามจุดประสงค์แท้จริงของการมาเยือน
คำถามมากมายพลันถูกพรั่งพรู :
“คุณลุงสแปร์โรว์ สัตว์ประหลาดเมื่อคืนเป็นประเภทไหนหรือคะ? ผีสางมีจริงรึเปล่า? คุณสามารถกระโดดออกจากกองไฟได้ตั้งแต่เกิดเลยไหมคะ? รวมถึงการปล่อยแสงสว่างลงมาจากท้องฟ้าด้วย!”
หยุด หยุด หยุด! สาวน้อย เธอถามมากเกินไปแล้ว…
ไคลน์ ผู้มิอาจอดกลั้นต่อความอบอ้าว ตัดสินใจถอดเข็มกลัดสุริยันออกและโยนลงบนโต๊ะไม้มะฮอกกานีอย่างไม่แยแส
“สิ่งนี้เรียกว่าพลังพิเศษ สามารถได้รับจากพิธีกรรมและการดื่มโอสถ ผีสางมีจริงไหม ขอตอบว่าจริง และมีหลายประเภทมาก เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดเมื่อคืน พวกมันถูกสร้างขึ้นจากพิธีกรรมชั่วร้าย ส่วนเรื่องอื่น ถามเขาเอาเอง”
ไคลน์มองไปทางเดนิส
“วิเศษมาก…” แดนตันและดอนน่ากล่าวประสานเสียงด้วยอารมณ์หลากหลาย
ดวงตาของดอนน่าเริ่มลุกวาว
“คุณลุงสแปร์โรว์คือ ‘ซูเปอร์แมน’ ในความหมายของจักรพรรดิโรซายล์ใช่ไหมคะ? เราสองคนจะเป็นแบบคุณลุงบ้างได้ไหม? ประกอบพิธีกรรมและดื่มโอสถจนได้รับพลังพิเศษ!”
แดนตันรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อ เด็กชายกำลังคิดในสิ่งเดียวกับพี่สาวทุกประการ
ทันใดนั้น ดอนน่าสังเกตเห็นว่า ดวงตาของลุงเกอร์มัน·สแปร์โรว์เปลี่ยนสีเล็กน้อย
และยังเห็นรอยยิ้มตรงมุมปาก ซึ่งแฝงอารมณ์แปลกประหลาดจนอธิบายไม่ถูก
ไคลน์กล่าวเสียงทุ้ม
“สิ่งนี้มิใช่เรื่องน่าอิจฉา และไม่ควรเป็นความฝันของใครทั้งสิ้น… หากพวกเธอเลือกเดินบนเส้นทางเดียวกับฉัน อนาคตวันข้างหน้าจะมีเพียงอันตรายและความบ้าคลั่งรออยู่ พวกเธออาจได้รับชัยชนะนับร้อยนับพันครั้งติดต่อกัน แต่หากพ่ายแพ้เพียงหนเดียว ชะตากรรมก็จะเหมือนกับบิชอปคนนั้น”
ขณะเล่า ชายหนุ่มวางไม้ค้ำพิงผนัง ถอดเสื้อคลุมออก และพับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้น
แขนข้างหนึ่งเหี่ยวย่นราวกับคนแก่อายุเกินหนึ่งร้อยปี ส่วนอีกข้างโปร่งใสจนมองเห็นส่วนประกอบภายในอย่างแจ่มชัด มีทั้งเส้นเลือด มัดกล้ามเนื้อ และพังผืด
ขณะเดียวกัน บนใบหน้าไคลน์ปรากฏตุ่มเนื้อขนาดเล็กจำนวนมากเรียงติดกันเป็นพืด ดอนน่าและแดนตันพลันหวาดผวาและเซถอยหลังหลายก้าวจนชนประตู
ไคลน์ ผู้ยังมีตุ้มเนื้อเม็ดเล็กเต็มหน้า กล่าวพลางอมยิ้มเยือกเย็น
“เห็นหรือยัง… นี่คือความบ้าคลั่ง”
ไม่…!
ดอนน่าและแดนตันแทบสิ้นสติ เด็กทั้งสองเดินโซเซไปเปิดประตูและรีบวิ่งออกไป
ผ่านไปไม่กี่ก้าว พวกเขาล้มลงเนื่องจากแข้งขาพัวพัน
“น่ากลัวมาก…” แดนตันพึมพำ
พร้อมกันนั้น ประตูห้องพัก 312 ถูกปิดตามหลังจนเกิดเสียงโครม
ดอนน่าเริ่มสงบจิตใจ ได้รับความกล้าหาญกลับคืนมาบางส่วน แต่เธอยังไม่กล้านึกถึงภาพลักษณ์ของคุณลุงสแปร์โรว์เมื่อครู่—ตุ่มเนื้อเม็ดเล็กจำนวนมากปกคลุมทุกซอกมุมของใบหน้า แขนข้างหนึ่งแก่ชรา ส่วนอีกข้างโปร่งใสจนเห็นส่วนประกอบภายใน ความน่าขยะแขยงไม่ได้ด้อยไปกว่าสัตว์ประหลาดเมื่อคืนเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม คำพูดของอีกฝ่ายยังคงกังวานในหัว :
“เห็นหรือยัง…นี่คือความบ้าคลั่ง”
วิสัยทัศน์ดอนน่าพลันพร่ามัว น้ำตาไหลรินอาบสองแก้มไม่หยุด
“ดอนน่า เป็นอะไรไป?” แดนตันเห็นห่วงอาการของพี่สาวจนลืมแม้กระทั่งความกลัวของตัวเอง
ดอนน่าสะอื้นตอบ
“พี่ก็ไม่รู้…แต่รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก”
ภายในห้อง 312
เมื่อเดนิสเห็นไคลน์กลับเป็นปรกติ มันอดตำหนิไม่ได้
ไม่เห็นต้องขู่เด็กให้กลัวด้วยวิธีนี้เลย รังแต่จะเกิดแผลใจเปล่าๆ แค่บอกว่าการดื่มโอสถจะเป็นอันตรายก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ”
เมื่อพูดจบ เดนิสเห็นไม้ค้ำสีดำ เปื้อนเลือดและคราบสกปรก กำลังลอยพุ่งมาทางตน
ตามด้วยประโยคไร้อารมณ์
“ล้างให้สะอาด”
มันใช้มือคว้าไว้ด้วยรอยยิ้มจืดชืด
…
กรุงเบ็คลันด์ เขตราชินี
ภายในคฤหาสน์หรูของเอิร์ลฮอลล์
ออเดรย์ยืนอยู่หลังราวบันไดสีทองสลับขาวมุกบนทั้งสอง สายตาจ้องมองลงมายังกลุ่มคนรับใช้ซึ่งกำลังวุ่นวายบนชั้นหนึ่ง
ตามธรรมเนียมของอาณาจักรโลเอ็น หากขุนนางคนใดมีดินแดนในครอบครอง จะต้องเดินทางออกไปจากเบ็คลันด์เมื่อครบหนึ่งสัปดาห์หลังงานเลี้ยงปีใหม่
เป้าหมายของการเดินทางคือดินแดนของแต่ละคน และเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของชนบทหรือปราสาทส่วนตัว จึงค่อยกลับเมืองหลวงใหม่อีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายน ถัดจากนั้นจะเป็นงานเข้าสังคมอย่างต่อเนื่องโดยมีคิวแน่นขนัด
อย่างไรก็ตาม นอกจากเอิร์ลฮอลล์จะเป็นขุนนางใหญ่ มันยังเป็นนายธนาคารใหญ่ด้วย จึงต้องแวะเวียนกลับมาจัดการเอกสารในเมืองหลวงเป็นครั้งคราว
สำหรับการลาพักร้อนยาวต้นปี ปัญหาสำคัญคือการ ‘ขนของ’ หลายสิ่งต้องถูกเตรียมความพร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ถึงขั้นต้องมีการเกณฑ์คนจากดินแดนกลับมาช่วยงานในคฤหาสน์เป็นกรณีพิเศษ จนกว่าเจ้านายจะพร้อมออกเดินทางโดยไม่ติดขัด
เมื่อชุมนุมทาโรต์จบ เราจะนั่งรถจักรไอน้ำไปยังแคว้นเชสเตอร์ตะวันออกทันที… หวังว่ามิสเตอร์แวมไพร์จะหาผลของต้นคนชราและเลือดมังกรกระจกมาให้เราทัน จะได้เป็นนักจิตบำบัดก่อนเดินทางออกจากเบ็คลันด์…
ออเดรย์ปล่อยความคิดล่องลอย
ทันใดนั้น เคาต์เทสเคทลินเดินเข้ามาใกล้และถามด้วยรอยยิ้ม
“กำลังคิดอะไรอยู่หรือ… จริงสิ เจ้าจะเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวหลังจากกลับมายังกรุงเบ็คลันด์ในเดือนมิถุนายน คิดไว้บ้างแล้วหรือยัง ว่าอนาคตอยากจะทำอะไร?”
ออเดรย์แทบไม่มีโอกาสประดิษฐ์คำตอบล่วงหน้า จึงตอบกลับไปอย่างเถรตรง
“ท่านแม่ ดิฉันอยากไปทำงานกับองค์กรการกุศลของโบสถ์รัตติกาล”
เราอยากรู้จักโลกให้มากกว่านี้… เธอเสริม
“แนวคิดดี” เคาต์เทสเห็นด้วย
หลังจากสนทนากันอีกเล็กน้อย เคทลินเดินลงจากชั้นสองเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยของงานเคลื่อนย้าย
ออเดรย์ปรับเปลี่ยนอารมณ์ หันหัวไปด้านข้างและโน้มตัวเข้าหาสุนัขขนสีทองฟูฟ่อง
“ซูซี่ ตื่นเต้นรึเปล่า? เธอกำลังจะได้วิ่งเล่นไปบนทุ่งหญ้าเขียวขจี รวมถึงได้วิ่งไล่สัตว์ภายในป่าเขียวชอุ่ม!”
หญิงสาวกำลังล้อเลียนซูซี่ เนื่องจากโกลเดนรีทรีเวอร์ตัวนี้ไม่ผ่านคุณสมบัติหมาล่าเนื้อ จึงถูกแถมมาให้เอิร์ลฮอลล์ในฐานะของขวัญ
ใจจริง ซูซี่อยากจะแลบลิ้นใส่ออเดรย์กลับตามสัญชาตญาณ แต่เกิดเปลี่ยนใจกลางคันและทำตัวเรียบร้อยประหนึ่งสตรีเลอค่า
สุนัขตัวใหญ่ตอบตามความจริง
“แน่นอน ฉันชอบวิ่งในทุ่งกว้าง แต่ก็เกลียดขี้หน้าพวกป่าเถื่อนไม่แพ้กัน”
หมายถึงสุนัขล่าเนื้อ? ออเดรย์ใช้มือป้องปากเพื่อมิให้อีกฝ่ายเห็นว่ากำลังหัวเราะ
เมื่อเงยหน้าขึ้น หญิงสาวพบว่าปัจจุบันใกล้ถึงช่วงเวลาของชุมนุมทาโรต์แล้ว
……………………