Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 489 : ข้อเสนออันนำไปสู่ความวุ่นวาย

ราชันเร้นลับ 489 : ข้อเสนออันนำไปสู่ความวุ่นวาย

หลังจากการสนทนารอบใหม่เริ่มต้นขึ้น เดอะซันโพล่งถามกับทุกคน

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราควรใช้สัญลักษณ์มือแบบใดเพื่อสรรเสริญท่าน?”

สัญลักษณ์มือ? ไคลน์พลันผงะกับคำถามเหนือความคาดหมายจากเด็กหนุ่ม

มันไม่เคยแนะนำให้สมาชิกต้องวาดสัญลักษณ์จันทร์แดงเป็นวงกลมกึ่งกลางหน้าอกเหมือนกับโบสถ์รัตติกาล หรือการใช้กำปั้นขวาชกหน้าอกเหมือนกับโบสถ์วายุสลาตัน

เทพเก๊อย่างเราไม่ควรล้ำเส้น… มันรำพัน

เมื่อเห็นมิสเตอร์ฟูลทำเพียงอมยิ้มโดยไม่กล่าวสิ่งใด คล้ายกับกำลังรอให้สมาชิกช่วยกันเสนอแนะ ออเดรย์เริ่มเกิดแรงบันดาลใจมากมายพร้อมกับคำถามใหม่

หญิงสาวมองไปรอบตัวด้วยสายตาเปล่งประกายวิบวับ

“ทุกคนคะ ดิฉันคิดว่าพวกเราควรกำหนดสัญญาณอย่างลับๆ เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของชุมนุม จริงอยู่ ชุมนุมทาโรต์อาจยังมีสมาชิกไม่มาก จึงแทบไม่มีโอกาสได้พบกันในชีวิตจริง แต่สำหรับอนาคต สิ่งนี้คงต้องเกิดขึ้นสักครั้งสองครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องใช้ ‘สัญญาณลับ’ เพื่อจำแนกระหว่างมิตรและศัตรู”

น่าสนใจ… นึกออกแล้ว ใช้ไอ้นั่นเป็นไง…!

ไคลน์หวนนึกถึงสัญลักษณ์มือจากโลกเก่ามากมาย หนึ่งในนั้นคือการสอดมือใส่ร่องเสื้อ

ขณะไคลน์กำลังจะบังคับให้เดอะเวิร์ลเสนอแนวคิด แฮงแมนชิงพูดตัดหน้า

“มิสจัสติส ผมคิดว่าแนวคิดดังกล่าวยังมีข้อบกพร่อง เมื่อเทียบกับองค์กรลับอื่น เอกลักษณ์สำคัญของชุมนุมทาโรต์คือการไม่เคยพบหน้ากันในหมู่สมาชิกมาก่อน ยกตัวอย่างเช่น… เอ่อ อาจจะฟังดูสุดโต่งไปสักนิด แต่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลย สมมติให้สมาชิกคนหนึ่งถูกจับไปสอบสวนด้วยวิธีพิเศษ การไม่มีสัญลักษณ์มือจะช่วยให้สมาชิกคนอื่นไม่เกิดความเดือดร้อนในภายหลัง นอกเสียจากฝ่ายศัตรูจะมีใครสามารถทะลวงผ่านพลังแทรกแซงของมิสเตอร์ฟูลได้ ซึ่งนั่นไม่มีทางเกิดขึ้นจริงอยู่แล้ว แต่หากพวกเราตกลงใช้สัญลักษณ์มือร่วมกันและข้อมูลดังกล่าวบังเอิญรั่วไหลออกไปสู่ภายนอก ถึงคราวนั้น สมาชิกจะถูกล่อลวงออกไปจัดการทีละคนเนื่องจากไม่ทันระวังตัว หรือคุณต้องการอวดโอ่การมีอยู่ของชุมนุมทาโรต์ให้บุคคลภายนอกได้รับทราบ?”

“…” ออเดรย์มิอาจหาข้อโต้แย้ง “แต่ว่า…”

“ไม่ต้องห่วง ผมเข้าใจความกังวลของคุณ และเชื่อว่าสมาชิกชุมนุมคงมีโอกาสได้พบกันในอนาคตจริง โดยปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก เพียงแค่พวกเรานัดแนะ ‘สัญญาณชั่วคราว’ ใหม่ทุกครั้งในการชุมนุมทุกวันจันทร์”

เมื่อทราบว่ามิสจัสติสกำลังจะทำเงินก้อนโตให้ตน อัลเจอร์อธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ออเดรย์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“นั่นสินะคะ เมื่อมีการชุมนุมในทุกวันจันทร์ พวกเราสามารถทราบได้ว่า สมาชิกแต่ละคนมีโอกาสได้ร่วมงานกันในชีวิตจริงหรือไม่ เพื่อเป็นการแยกแยะมิตรศัตรู พวกอาจออกแบบ ‘สัญญาณชั่วคราว’ สำหรับยืนยันตัวตน และเมื่องานดังกล่าวจบลง ก็จะไม่มีการใช้สัญญาณนั้นอีก อา… ถ้าไม่มีการนัดแนะในสัปดาห์นั้นว่าจะได้ร่วมงานเดียวกัน แล้วเกิดมีคนแอบส่งสัญญาณลับ ให้สวดวิงวอนถึงมิสเตอร์ฟูลเพื่อยืนยันความถูกต้องเสียก่อน”

“ก็ประมาณนั้น” อัลเจอร์ตอบพอเป็นพิธี

ขณะเดียวกัน เดอร์ริคกล่าวด้วยสีหน้าสำนึกผิด

“ต้องขอโทษด้วย ผมเผลอถามออกไปด้วยความโง่เขลา มิสเตอร์ฟูลไม่เคยเอ่ยถึงสัญลักษณ์มือเพราะท่านไม่อยากให้สมาชิกเปิดเผยตัวตน ช่วยลืมเรื่องนี้ไปเถอะครับ”

ทันใดนั้น เด็กหนุ่มหันไปมองหัวมุมโต๊ะทองแดงยาว

“ความประสงค์ของท่านคือความประสงค์ของพวกเรา”

แต่เราอุตส่าห์คิดสัญลักษณ์มือเท่ๆ ได้แล้ว..

ไคลน์ทำได้เพียงหัวเราะในลำคอ

“ตกลงตามนั้น”

ชายหนุ่มมองไปยังสมาชิกคนอื่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“วันนี้พอแค่นี้”

“สุดแล้วแต่ท่าน!” สมาชิกชุมนุมทาโรต์เกือบทุกคนยกเว้นเดอะมูน ลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมเพรียงและโค้งศีรษะคำนับ

เอ็มลินชะงักราวหนึ่งวินาที ก่อนจะรีบลุกพรวดอย่างลนลานและทำท่าทางเดียวกัน

ทันใดนั้น แสงสีแดงเข้มได้ฉาบภาพการมองเห็นทั้งหมดของผีดูดเลือดหนุ่ม พร้อมกับความรู้สึกคล้ายจิตกำลังดำดิ่ง

เพียงพริบตา ทิวทัศน์รอบตัวเอ็มลินกลับเป็นปรกติอีกครั้ง มันมองเห็นตุ๊กตาหลากหลายขนาดภายในห้องนอนส่วนตัว

ฟู่ว…

จิตใจอันตื่นตระหนกเริ่มสงบลง ตามด้วยการนึกทบทวนรายละเอียดของชุมนุมทาโรต์ครั้งแรกอย่างละเอียด

นอกจากมิสเตอร์ฟูล สมาชิกคนอื่นดูไม่ค่อยทรงพลังสักเท่าไร… บางทีอาจเป็นเหมือนกับเรา ถูกเลือกด้วยเหตุผลบางประการ…

ในกรณีของเรามีท่านบรรพชนหนุนหลัง แล้วของพวกเขามีใคร?

ช่างน่าขัน ในตอนแรก เราดันนึกว่าเดอะซันเป็นครึ่งเทพผู้หลบหนีการไล่ล่าจากเทวทูตอย่างหวุดหวิด แต่ในความเป็นจริง เขากลับเป็นแค่ลำดับ 8 ผู้กำลังจะเลื่อนเป็นลำดับ 7!

เด็กไม่รู้จักมารยาทคือเด็กยังไม่โต!

อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์รอบเมืองเงินพิสุทธิ์ค่อนข้างประหลาดและไม่เคยผ่านหูเรามาก่อน คงต้องหาโอกาสซักถามลอร์ดนีบาส… ไม่สิ… ต้องลองถามหยั่งเชิงจากท่านคาซีมีดูก่อน รวมถึงพ่อแม่ของเรา เผื่อว่าพวกเขาจะมีข้อมูลของเมืองเงินพิสุทธิ์

ฮึ่ม… หนังสือประวัติศาสตร์ของเมืองเงินพิสุทธิ์กล้าดียังไงถึงได้บันทึกเรื่องเท็จของผีดูดเลือดอันยิ่งใหญ่ลงไป!

มิสจัสติสเป็นคนเบ็คลันด์ และยังร่ำรวยจนน่าทึ่ง อาจเป็นบุตรสาวของนายธนาคารใหญ่หรือไม่ก็ขุนนางใหญ่ แต่บางที เธออาจเป็นเจ้าของธนาคารหรือขุนนางใหญ่เสียเอง…

มิสเมจิกเชี่ยนมองเราด้วยสายตาแตกต่างจากคนอื่น เธอคงยกย่องในความสง่างามของผีดูดเลือดกระมัง ค่อนข้างพูดน้อยและไม่เปิดเผยข้อมูลของตัวเองมากนัก เรียกว่ามีบุคลิกเงียบขรึม

มิสเตอร์แฮงแมนเป็นผู้ใหญ่ใจดี ประสบการณ์ชีวิตโชกโชน และเป็นคนน่านับถือ ยินดีตอบคำถามของสมาชิกใหม่โดยไม่แสดงท่าทางรังเกียจ แถมยังช่วยมอบข้อมูลเป็นประโยชน์ได้มาก คงโดดเด่นกว่าใครในหมู่สมาชิกทุกคน แม้แต่เดอะซันกับเดอะเวิร์ลก็ยังมาขอคำปรึกษา

เดอะเวิร์ลเป็นคนน่ารังเกียจ เสียงของเขาคล้ายกับมีเสมหะติดอยู่ในลำคอตลอดเวลาโดยไม่ยอมบ้วนทิ้งสักที เราเกลียดคนประเภทนี้เข้าไส้! มั่นใจได้เลยว่าเลือดต้องไม่อร่อยแน่.. อุปนิสัยค่อนข้างเงียบ และเก็บซ่อนอารมณ์เก่งมาก ขณะเดียวกันก็สามารถหาตะกอนพลังลำดับ 6 มาขายสมาชิกได้เรื่อยๆ แถมยังสัญญาณว่าจะนำตะกอนพลังของนักจิตบำบัดมาขายให้ในอีกสองเดือน…

หามาจากไหนกัน… ค่อนข้างเจ๋งทีเดียว…

หลังจากรายละเอียดจำนวนมากแล่นผ่านหัวสมอง เอ็มลินตระหนักว่าชุมนุมทาโรต์ค่อนข้างธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรมดาขนาดนั้น และเหนือสิ่งอื่นใด มิสเตอร์ฟูลมิได้แทรกแซงการแลกเปลี่ยนของสมาชิกมากนัก

ท่านสนใจใน ‘ไดอารีจักรพรรดิโรซายล์’ เป็นพิเศษ… ขณะเดียวกันก็คอยอำนวยความสะดวกระดับน่าอัศจรรย์ให้กับสมาชิกเสมอ…

ครุ่นคิดมาถึงจุดนี้ เอ็มลินเกิดความภูมิใจเล็กน้อยกับการได้รับโค้ดเนม ‘เดอะมูน’

หลังจากกวาดสายตามองไปรอบห้องอันเต็มไปด้วยตุ๊กตาหนึ่งหน ผีดูดเลือดหนุ่มเริ่มตระหนักถึงปัญหาใหม่ของตัวเอง

มรดกตกทอดจากผีดูดเลือดอาวุโสมีราคา 4,000 ถึง 5,000 ปอนด์… ทางลัดในการได้เป็นบารอน… ทำไมถึงตัดสินใจยากแบบนี้…

แม้เอ็มลินจะยังตัดสินใจไม่ได้ แต่มันกลับรู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องเริ่มอึมครึมลงเล็กน้อย คล้ายกับหนี้ก้อนโตกำลังแผ่ปกคลุมทุกซอกมุม

ณ วังโบราณเหนือสายหมอกสีเทา

ไคลน์กำลังนวดคลึงขมับด้วยนิ้วโป้งและนิ้วกลางของมือข้างขวาอย่างอ่อนโยน

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน ชายหนุ่มเสกให้เข็มกลัดขนาดเล็กลอยออกจากกองขยะมาตกลงบนโต๊ะทองแดงยาวตรงหน้า เข็มกลัดมีขนาดประมาณดวงตามนุษย์ มองผิวเผินจะเห็นสัญลักษณ์ ‘โชคชะตา’ และ ‘การปกปิด’ เขียนไว้ ไม่ใช่สิ่งใดนอกจากทรัพย์สินติดตัวมากับศพลาเนวุส

ด้านหลังมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘สามารถเข้าร่วมได้ถ้ามีสิ่งนี้’ เป็นภาษาเฮอร์มิส รวมถึงมีข้อมูลของการชุมนุมถูกระบุไว้อย่างคร่าว เช่น ‘4 มกราคม 1350 สองทุ่มตรง ณ ลำธารหุบเขาบาบูร์’

คำถามของไคลน์ในตอนนี้คือ ตนควรเสี่ยงแวะไปยังลำธารหุบเขาบาบูร์ภายในคืนวันพรุ่งนี้หรือไม่

ว่ากันตามตรง มันไม่อยากพัวพันกับเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะถึงแม้จะเลื่อนลำดับเป็นผู้ไร้หน้าและปลอมตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่การไปเยือนต่างถิ่นก็ยังนับว่าเสี่ยงอันตรายมากอยู่ดี มันแทบไม่มีข้อมูลใดเกี่ยวกับชุมนุมลับดังกล่าวเลย

นักมายากลไม่ควรแสดงโดยไม่เตรียมตัว…

ชายหนุ่มพึมพำพลางหยิบเหรียญทองออกมาถือไว้ระหว่างสองนิ้ว

จากนั้น มือข้างหนึ่งเอื้อมหยิบเข็มกลัดพร้อมกับท่องประโยค :

“การไปเยือนชุมนุมลับ ณ ลำธารหุบเขาบาบูร์ในคืนวันพรุ่งนี้ถือเป็นเรื่องอันตราย”

หลังจากท่องจนครบเจ็ดหน ชายหนุ่มดีดเหรียญขึ้นฟ้า

เหรียญทองม้วนตัวในอากาศหลายตลบ ก่อนจะตกลงบนฝ่ามือในลักษณะตั้งตรงอย่างผิดธรรมชาติ

สิ่งนี้หมายถึง ผลการทำนายล้มเหลว

“กะแล้วเชียว…” ไคลน์ไม่ประหลาดใจ

ปัญหาดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นเพราะตนมีข้อมูลไม่มากพอ เพียงแต่ผลการทำนายไม่ถูกส่งกลับมาจากโลกดารา

ชายหนุ่มนั่งเงียบงัน พลางควงเหรียญเล่นไปรอบมือขวาอย่างชำนาญ

ลงเอยด้วย ไคลน์ตัดสินใจไม่เสี่ยงเข้าร่วม

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะปล่อยผ่านไปเช่นกัน…สองทุ่มวันพรุ่งนี้สินะ… หึหึ…

ชายหนุ่มเผยยิ้มมุมปาก ตามด้วยการส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง

4 มกราคม 10:35 น.

ไคลน์ยืนหน้าโต๊ะไม้มะฮอกกานีพร้อมกับหยิบธนบัตรปึกหนึ่งขึ้นมาถือ ประกอบด้วย ธนบัตรสิบปอนด์ห้าใบ และธนบัตรห้าปอนด์สิบใบ รวมเป็นเงินทั้งสิ้นหนึ่งร้อยปอนด์พอดิบพอดี

นี่คือค่าตอบแทนเบาะแสของบาลุนจากมิสเตอร์แฮงแมนผ่านพิธีกรรมสังเวย

ธนบัตรจำนวนสิบห้าใบทำให้กระเป๋าสตางค์ของไคลน์ดูอวบอ้วนทันที การควักเงินจ่ายค่าบัตรโดยสารเรือเดินสมุทรจึงไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจอีกต่อไป

มือขวานำกระเป๋าสตางค์เก็บในเสื้อ จากนั้นก็หยิบถุงมือหนังมนุษย์บนโต๊ะขึ้นมาสวมในมือซ้าย

หนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของยุบพองหิวโหยคือ ขณะไม่ถูกใช้งาน มันสามารถพรางตัวได้อย่างอิสระ และแทบไม่มีโอกาสถูกตรวจพบได้โดยพลังพิเศษปรกติ หมายความว่าไคลน์สามารถสลับไปมาระหว่างรูปลักษณ์แต่ละชนิดได้ตามใจชอบ เช่น รูปลักษณ์เดิม (หนังมนุษย์) รูปลักษณ์หลากสี (ตามสีของวิญญาณภายในถุงมือ) และรูปลักษณ์ขณะพรางตัว

ปัจจุบัน ไคลน์เลือกให้มันพรางตัวอยู่ในร่างของถุงมือหนังสีดำ

เพื่อให้เข้าไม่ถูกสงสัย ชายหนุ่มได้เตรียมถุงมือสีดำธรรมดาไว้สวมคู่กันอีกข้าง

ถัดมา ไคลน์ผนึกขวดพิษชีวภาพไว้ในกล่องบุหรี่โลหะและกำแพงวิญญาณ จากนั้นก็ซ่อนไว้ในช่องล่างสุดของกระเป๋าเดินทาง

เฉกเช่นเข็มกลัดสุริยัน สิ่งนี้จะมอบความร้อนทางใจขณะพกพา ไคลน์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากผนึกด้วยกล่องบุหรี่โลหะกับกำแพงวิญญาณ และซ่อนไว้ในช่องล่างสุดของกระเป๋า

กระสุนชำระล้างเก้านัด กระสุนปราบมารสิบห้านัด และกระสุนปัดเป่าสามนัด…

ไคลน์หยิบปืนพกกับกล่องกระสุนวางบนโต๊ะ และบรรจงบรรจุให้เต็มโม่

กริ๊ก! ชายหนุ่มตบโม่กลับพร้อมกับสอดปืนไว้ในซองรักแร้ฝั่งซ้าย

จากนั้น มันสวมโค้ทขนสัตว์สีดำกับหมวกทรงกึ่งสูง หยิบกระเป๋าเดินทางกับไม้ค้ำ และเดินออกจากห้องพักของโรงแรม

นอกจากดวงตาดำล้วนและสิ่งของใช้การไม่ได้ชนิดอื่นบนมิติสายหมอก ไคลน์ในปัจจุบันพร้อมรบเต็มอัตราศึก

หลังจากโดยสารรถม้า ชายหนุ่มเดินทางมาถึงจุดขายบัตรโดยสารในเขตกุหลาบขาวประจำท่าเรือพริสต์

บริษัทขายบัตรเดินทางอยู่ภายในอาคารทรงโบราณสามชั้น ลักษณะค่อนข้างเก่า หน้าประตูมีป้ายเตือนเขียนกำกับไว้

ไคลน์เดินเข้าไปใกล้เพื่ออ่าน

“ระเบียบปฏิบัติมีดังนี้ : 1. รักษากฎอย่างเข้มงวด ต้องต่อแถวเพื่อซื้อบัตรเท่านั้น 2. ห้ามปัสสาวะอุจจาระเรี่ยราด รวมถึงห้ามถ่มน้ำลายส่งเดช 3. หากมีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น ให้ไปตามคนคุมภายในห้องรับรอง 4. ห้ามเปิดฝากระป๋องปลาหมาป่าโดยเด็ดขาด! ไม่ว่าจะอยู่ในห้องใดก็ตาม!”

ปลาหมาป่ากระป๋อง? อะไรอีกล่ะนั่น?

ไคลน์ขมวดคิ้ว

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset