Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 479 : รอยยิ้มไร้คำอธิบาย

ราชันเร้นลับ 479 : รอยยิ้มไร้คำอธิบาย

พ่อบ้านชรา ฟังเกล กำลังวิ่งหนีท่ามกลางทุ่งกว้างอันแห้งแล้ง

มันสูญเสียหมวก และเส้นผมสีเทาอันเคยหวีเรียบกำลังมีสภาพยุ่งเหยิง เสื้อผ้าสกปรกเปรอะเปื้อนหลายจุด

แฮ่ก… แฮ่ก…!

มันหยุดพักครู่หนึ่ง พลางหันกลับไปมองข้างหลังด้วยลมหายใจหอบเหนื่อย เมื่อพบว่าไม่มีใครตามมาจึงเผยสีหน้าโล่งใจ

แต่เมื่อหันหน้ากลับ ฟังเกลมองเห็นบุคคลผู้หนึ่งกำลังยืนจ้องมองตน!

อีกฝ่ายสวมชุดคลุมยาวสีดำ ผ้าคลุมหัวปกปิดใบหน้า แววตาปราศจากอารมณ์ ภายใต้ผ้าคลุมมีเพียงดวงตาสีดำหนึ่งคู่

รูม่านตาฟังเกลพลันหดเกร็งทันที

ขณะกำลังจะกล่าวบางสิ่งด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ มันพบว่าจมูกของตนได้อันตรธานหายไปอย่างเป็นปริศนา จึงไม่มีเสียงใดดังเล็ดลอดออกมา ใบหน้าเผยเพียงความหวาดผวาสุดขั้ว

ถัดมาไม่นาน ฟังเกลถูกลบตัวตนไปพร้อมกับเสื้อผ้า ไม่หลงเหลือสิ่งได้ไว้บนโลกอีกเลย

ฮัดเช่ย! แค่ก! แค่ก!

ท่ามกลางการกระหน่ำโจมตีอย่างไม่หยุดพักของมิสเตอร์ A ผนวกกับภาวะป่วยไข้เรื้อรังและรุนแรง ไคลน์ไม่มีโอกาสได้ใช้งานกระโจนไฟหรือควบคุมไฟแม้แต่ครั้งเดียว

จนกระทั่งถึงจุดย่ำแย่สุดขีด ไม่สามารถใช้ได้แม้กระทั่งกระสุนอากาศ

ขณะความกลัวในความไม่รู้เริ่มกัดกินจิตใจชายหนุ่มอย่างหนักหน่วง นิมิตลางสังหรณ์ของตัวตลกช่วยให้ ‘มองเห็น’ ภาพร่างกายของตนถูกป่นเป็นเศษเล็กเศษน้อย บางที มันอาจไม่คืนชีพกลับมาอีกครั้งในสภาพดังกล่าว

โดยไม่รีรอ ไคลน์ล้วงกระเป๋าและหยิบวัตถุชิ้นหนึ่งออกมา

นี่คือทางออกสำหรับเหตุการณ์เลวร้ายทุกชนิด ซึ่งมันเคยคิดเผื่อไว้นานแล้ว

ไม่ว่าจะกำลังเผชิญวิกฤติในรูปแบบใด นักมายากลต้องเตรียมความพร้อมไว้ในระดับพื้นฐานเสมอ จะได้ไม่ลนลานระหว่างกำลังต่อสู้

มือข้างหนึ่งถือนกหวีดทองแดง ไคลน์ออกแรงเป่าสุดหลอดลมพลางจามและไอกระแอมเป็นระยะ

บรรยากาศรอบตัวยังคงปรกติ แต่ไคลน์สามารถมองเห็นผ่านเนตรวิญญาณได้แจ่มชัด น้ำพุโครงกระดูกกำลังผุดขึ้นจากพื้นดินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก่อตัวกลายเป็นผู้ส่งสารร่างยักษ์ผู้มีเบ้าตาลุกโชนด้วยเพลิงดำ

ทันใดนั้น หน้าหนังสือมายาในมือมิสเตอร์ A พลันหยุดพลิกเปิด เสียงสวดคาถาอันล่องลอยหยุดลงในเวลาไล่เลี่ยกัน

เพียงพริบตา เสาลำแสงสีเขียวอ่อนขนาดมหึมา ถูกยิงออกมาจากหนังสือมายาเบื้องหน้ามิสเตอร์ A ด้วยความเร็วสูง แน่นอน เป้าหมายคือไคลน์ แต่ลำแสงปริศนาดันไปกระทบกับ ‘ผู้ส่งสาร’ โครงกระดูกสูงสี่เมตรเข้าเสียก่อน

โครงกระดูกแหลกละเอียดกลายเป็นละอองสีขาวกระจัดกระจายทุกทิศ

พร้อมกันนั้น ม่านพลังปริศนาซึ่งคอยทำให้ไคลน์วิ่งวนเป็นวงกลมตลอดเวลา ถูกทำลายลงไปพร้อมกับแรงปะทะมหาศาล

ในสภาพเสื้อโค้ทสีดำกระดุมสองแถว ชายหนุ่มไม่รอดพ้นจากพลังอำนาจของเสาลำแสงสีเขียวอ่อนเช่นกัน ร่างไคลน์พลันแหลกเป็นผุยผงประหนึ่งรูปปั้นทรายถูกพายุพัดผ่าน

ทว่า เศษชิ้นส่วนอันกำลังปลิวว่อนไปในอากาศมิใช่เนื้อหนังของมนุษย์ แต่เป็นจุดสีขาวคล้ายกับเศษกระดาษถูกป่นละเอียด

ร่างจริงไคลน์โผล่ออกจากอีกฝั่งในท่าคุกเข่าอย่างหมดสภาพ

หากไม่เพราะมีโครงกระดูกผู้ส่งสารช่วยบังการโจมตีไว้ให้ มันคงไม่เหลือเวลามากพอสำหรับฝืนข่มอาการจามและใช้พลังกระดาษคนตัวแทน

แต่แม้จะผ่านพ้นวิกฤติมาได้ อาการจามของไคลน์กลับยิ่งทวีความย่ำแย่ถึงขีดสุด ถึงขั้นแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงสำหรับปกป้องตัวเอง

พร้อมกันนั้น มิสเตอร์ A ผู้เพิ่งใช้ท่าไม้ตายไปอย่างล้มเหลว เริ่มแสดงอาการสำรอกอย่างหนักในสภาพย่ำแย่กว่าไคลน์หลายเท่าตัว

มันล้มลงไปนอนขดตัวบนพื้น มุมปากผุดฟองเลือดแดงข้นอย่างน่าสยดสยอง

แค่ก! แค่ก! แค่ก!

มิสเตอร์ A สำรอกอวัยวะภายในและก้อนเนื้อจำนวนมากออกทางปาก จากนั้น ด้วยความยากลำบาก มันพยายามอ้าปากและก้มลงไปเลียเพื่อกินสิ่งสำรอกกลับเข้าไปใหม่

เกิดอะไรขึ้น…?

ไคลน์ยังไม่เข้าใจสถานการณ์

แต่สภาพอันย่ำแย่ของมิสเตอร์ A ก็ไม่ช่วยให้มันหยุดไอ ชายหนุ่มบรรจงยกแขนขวาขึ้นพร้อมกับเล็งลูกโม่ไปยังศีรษะอีกฝ่าย

ในวินาทีนี้ มันเริ่มเข้าใจในบางสิ่ง :

ขณะมิสเตอร์ A ได้รับบาดเจ็บหลังจากเหตุการณ์แท่นบูชาระเบิด เวทมนตร์เลือดเนื้อของมันสามารถรักษาได้เพียงร่างกาย มิใช่จิตใจหรือพลังวิญญาณ

ตามปรกติแล้ว มิสเตอร์ A ควรสลับเป็นพลังด้านรักษาเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูอย่างเต็มประสิทธิภาพเสียก่อน แต่เนื่องจากถูกความคับแค้นผลักดัน จึงตัดสินใจข่มอาการบาดเจ็บและเลือกไล่ตามไคลน์มาแทน ดังนั้น เมื่อใช้พลังติดต่อกันโดยไม่หยุดพักจนกระทั่งร่างกายถึงขีดจำกัด ปฏิกิริยาย้อนกลับจึงกำเริบจนทรุดหนักกว่าเดิม

ปัง! ปัง! ปัง!

ไคลน์ส่งกระสุนผ่านปากกระบอกลูกโม่ ประกอบด้วยกระสุนทองอ่อน ทองแดง และเงินพุ่งตรงไปยังเป้าหมายซึ่งอยู่ไม่ห่างมากนัก

แต่น่าเสียดาย ชายหนุ่มมิอาจอดกลั้นการจามและไอได้ระหว่างยิง กระสุนจึงพลาดเป้าไปสามจากห้านัด นัดหนึ่งตรงเข้าใส่ศีรษะมิสเตอร์ A อย่างแม่นยำ อีกหนึ่งนัดพุ่งเข้าปะทะกับช่วงลำตัว

โผละ!

เสียง ‘โผละ’ คล้ายกับแตงโมแตกดังสนั่น แต่เมื่อพิจารณาให้ดี ไคลน์สังเกตเห็นว่าศีรษะของมิสเตอร์ A ไม่มีกะโหลกห่อหุ้ม กระสุนเพียงพุ่งผ่านเศษเนื้อเน่าเข้าไปยังด้านหลัง ส่วนอีกหนึ่งนัดฝังอยู่ในลำตัวโดยไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ใดนอกจากส่องแสงสว่างคล้ายดวงอาทิตย์

มิสเตอร์ A เงยหน้าขึ้น รูโหว่บนศีรษะยังคงเผยให้เห็นอย่างน่าหวาดเสียว

มันยังไม่ตาย… ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด!

นี่คือความหนังเหนียวบัดซบของนักบวชกุหลาบ!

เห็นเช่นนั้น ไคลน์รีบตัดสินใจอย่างชาญฉลาด มันเหลียวหลังกลับทันทีและเริ่มออกวิ่งด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า ละทิ้งการโจมตีอย่างสูญเปล่าโดยไม่ลังเล

ทางด้านมิสเตอร์ A มันกำลังนอนหายใจรวยรินอย่างเหนื่อยหอบ พลางก้มหน้าลงไปเลียอวัยวะภายในกลับเข้าร่างกายต่อจนกว่าจะครบ

ท่ามกลางเสียงไอจามตลอดเวลา ไคลน์สุ่มวิ่งหนีในทิศทางส่งเดช มีการกลิ้งตัวหลบอุปสรรคอย่างประปราย

จนกระทั่งมาถึงขอบผาสูงชันไม่ต่ำกว่าห้าสิบเมตร

ด้านล่างเป็นแม่น้ำทัสซอคในสภาพไหลเอื่อย ไม่เชี่ยวกรากมากนัก ขนาดของแม่น้ำค่อนข้างกว้างและมีสภาพขุ่นมัว

โดยไม่ลังเล ไคลน์ย่อตัวพร้อมกับส่งแรงกระโดดไปยังขาทั้งสองข้าง

มันทิ้งดิ่งเหมือนลูกข่าง ปล่อยตัวตามสบายและพุ่งลงมาด้วยร่างกายเบาหวิว

ผิวหนังเสียดสีกับอากาศขณะพยายามจัดระเบียบร่างกายให้เป็นท่าพุ่งหลาวของนักกระโดดน้ำ

แค่ก! ฮัดเช่ย!

อาการป่วยส่งผลให้การหมุนตัวรอบสามเกิดชะงักกลางคัน ส่งผลให้ลำตัวและฝ่ามือไม่ได้อยู่ในท่าถูกต้อง

ร่างกายไคลน์กระทบสายน้ำอย่างผิดท่าจนเกิดเสียงปะทะหนักแน่น ก่อนจะกลายเป็นเพียงเศษกระดาษสีขาวลอยบนผิวลำธาร

เศษกระดาษเริ่มเปียกชุ่มและอยู่ในสภาพกึ่งจมกึ่งลอย

ในจุดใต้น้ำไม่ห่างออกไป ไคลน์โผล่ออกจากความว่างเปล่าด้วยร่างกายสั่นเทา

เสื้อผ้าเปียกแฉะ รวมถึงกระดาษรูปคนใบอื่นและธนบัตรในกระเป๋าสตางค์ล้วนมีสภาพไม่ต่างกันมากนัก

หลังจากรักษาระยะจากมิสเตอร์ A ได้ อาการไข้ของเราทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด…

ไคลน์ครุ่นคิดด้วยสีหน้าตื่นกลัว

หากอาการไอจามไม่หายไปในวินาทีสุดท้ายขณะใช้สลับตำแหน่งกระดาษรูปคน เกรงว่าป่านนี้มันคงกระแทกกับผิวน้ำจนเกิดอาการช้ำในตายไปแล้ว

แต่อย่างน้อย ถ้าตายในสภาพดังกล่าว โอกาสคืนชีพใหม่มีค่อนข้างมาก…

หลังจากเตะขาขึ้นเพื่อส่งตัวเองขึ้นมาลอยใกล้กับผิวน้ำ ไคลน์สร้างท่ออากาศล่องหนเพื่อช่วยให้ตนสามารถหายใจใต้น้ำได้อย่างปราศจากปัญหา

นี่คือหนึ่งในพลังของนักมายากลซึ่งแทบไม่มีโอกาสใช้งานมาก่อน

ไคลน์ใช้ปากเพื่อหายใจเข้า และใช้จมูกพ่นลมหายใจออกขึ้นไป เพื่อมิให้เกิดฟองบนผิวน้ำและถูกพบความผิดปรกติ

มันพยายามว่ายไปยังอีกฝั่งอย่างเงียบงันพลางภาวนามิให้มิสเตอร์ A ตามมาพบตัว

ช่างน่าเสียดาย แถวนี้ไม่ใช่เขตเมือง พลังผู้ไร้หน้าของเราจึงกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ไม่อย่างนั้นคงปะปนกับฝูงชนและหลุดพ้นจากการตามล่าได้ทันที…

ขณะแหวกว่าย ไคลน์ครุ่นคิดหลายเรื่อง

จนกระทั่ง มันเริ่มหวนนึกถึงเวทมนตร์ธาตุวายุซึ่งมิสเตอร์ A ใช้ในตอนเปิดศึก

ในทางทฤษฎี เวทวายุอยู่ในขอบเขตของเทพวายุสลาตัน… และบนเส้นทางดังกล่าว นอกจากเวทมนตร์วายุแล้ว ยังมีเวทมนตร์ธาตุวารีอีกเป็นกระบุง หนึ่งในนั้นคือการช่วยให้แหวกว่ายในน้ำได้เหมือนปลา…

แหวกว่ายในน้ำได้เหมือนปลา…

คนเลี้ยงแกะเอาเปรียบกันไปแล้วโว้ย!

หัวใจไคลน์แทบหยุดเต้นเมื่อฉุกคิดได้

มันรีบโผล่พ้นน้ำและสับแขนว่ายอย่างสุดฝีมือ ไม่สนการหลบซ่อนอีกต่อไป!

ขณะเริ่มเข้าใกล้ฝั่ง หางตาไคลน์เหลือบไปเห็นใบหน้าอันสง่างามแกมชั่วร้ายของมิสเตอร์ A จากด้านหลัง ลำตัวของอีกฝ่ายกำลังถูกปกคลุมด้วยเกล็ดปลาและครีบเหงือกสำหรับหายใจ!

มิสเตอร์ A ผู้กำลังลอยตัวบนผิวน้ำในชุดคลุมสีแดงเลือด เริ่มยกโค้งมุมปากอย่างมีเลศนัย ดวงตาแฝงจิตอาฆาตไว้อย่างเต็มเปี่ยมโดยไม่คิดเก็บซ่อน

ต้องสู้… มีแต่ต้องสู้เท่านั้น!

ต้องยื้อไว้จนกว่ากำลังเสริมจากโบสถ์หลักจะมาถึง หรือไม่ก็จนกว่ามิสเตอร์อะซิกจัดการกับทางนั้นเสร็จและกลับมาช่วยเรา….

โดยไม่ลังเล ไคลน์ ผู้เริ่มแสดงอาการไอจามอย่างหนักอีกครั้งหลังจากเข้าสู่ระยะการแพร่โรคของอีกฝ่าย รีบยกแขนขวาขึ้นหวังดีดนิ้วกระทำบางสิ่ง

แต่ทันใดนั้น คนทั้งสองพลันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือแม่น้ำอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย ราวกับเป็นสัญชาตญาณร่วมกันในส่วนลึกจิตใจผู้วิเศษทุกคน

หญิงสาวปริศนาปรากฏกายจากความว่างเปล่าทีละนิด สวมชุดคลุมยาวสีดำ สวมผ้าคลุมปกปิดศีรษะ

สตรีลึกลับหันไปทางมิสเตอร์ A ด้วยดวงตาอันว่างเปล่า

ในวินาทีนี้ ไคลน์กำลังเป็นประจักษ์พยานการหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ของมิสเตอร์ A

คนเลี้ยงแกะลำดับ 5 สุดทรงพลัง เป็นรองเพียงครึ่งเทพ กลับมิอาจต่อต้านขัดขืนอีกฝ่ายด้วยประการทั้งปวง มันถูกลบหายไปราวกับใช้ยางลบขูดไปบนภาพวาดดินสอ

ร่องรอยสุดท้ายของมิสเตอร์ A คือสีหน้าหวาดผวาและสิ้นหวังจากก้นบึ้ง สิ่งนี้ยังคงตราตรึงในความทรงจำไคลน์ ผู้เป็นพยานเพียงคนเดียวในการเหตุการณ์อันยากจะหาคำอธิบายใดมารองรับ

นี่มัน… พลังระดับไหน?

เป็นพลังอะไรกันแน่!

ขณะเกิดคำถามมากมาย ไคลน์สังเกตเห็นว่าสตรีปริศนาเริ่มหันกลับมามองตนบ้างแล้ว

ใบหน้าของเธองดงามไร้จุดบกพร่อง เพียงแต่แววตาว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง ปราศจากอารมณ์ใดทางสีหน้า ดวงตาดำลุ่มลึกราวกับเป็นหลุมดำของจริงมากกว่าสี ๆ หนึ่ง

ขณะหัวใจชายหนุ่มกำลังเต้นโครมครามประหนึ่งจะหลุดออกมาเสียให้ได้ ขณะสมองกำลังลนลาน จินตนาการภาพตัวเองถูกลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่สามารถคืนชีพได้เหมือนในอดีต หญิงสาวปริศนาเพียงส่งรอยยิ้มกลับมาให้อย่างอ่อนโยน

เธอยิ้มให้เรา…?

ไคลน์พลันผงะ ทำได้เพียงคิดว่าตนกำลังฝันไป

จนกระทั่งคืนสติกลับมาอีกครั้ง มันพบว่าสตรีปริศนาไม่อยู่อีกแล้ว รอบตัวไคลน์มีเพียงเสียงน้ำไหลเอื่อยดังก้องอย่างเป็นธรรมชาติ

แม้จะกำลังสับสนสุดขีด แต่ไคลน์ก็ไม่ลืมว่ายน้ำกลับขึ้นฝั่งให้เรียบร้อย ตามด้วยการมองไปรอบตัวอย่างฉงนและไม่เข้าใจ

มันเริ่มแน่ใจว่า ตำแหน่งปัจจุบันของตนค่อนข้างทุรกันดาร ไม่มีแม้แต่ถนนหรือผู้คนพักอาศัยใกล้เคียง การเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวคือสายน้ำไหลเอื่อย

จบง่ายแบบนี้เลยหรือ…

มิสเตอร์ A หายไปทั้งอย่างนั้นเนี่ยนะ?

เธอเป็นใครกันแน่ ทรงพลังถึงขั้นมิสเตอร์ A ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้ส่งเสียงร้อง…

เธอยิ้มให้เราทำไม…

บางที ท่านอาจเป็นตัวตนระดับเทวทูต…

แต่น่าแปลก นอกจากสันตะปาปา สามโบสถ์หลักก็ไม่น่าจะมีเทวทูตเดินดินอีกแล้ว… และตัวตนอย่างสันตะปาปาก็ไม่น่าจะอาศัยอยู่ในกรุงเบ็คลันด์…

ไคลน์ไม่อยากเชื่อว่าตนจะรอดชีวิตมาได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีคำอธิบาย

หลังจากพินิจพิเคราะห์ ชายหนุ่มเริ่มผูกโยงเรื่องราวเข้าด้วยกัน

ท่านคงเป็นเสาหลักของบางโบสถ์ และถ่อมาไกลเช่นนี้เพราะต้องการช่วยเรา หรือไม่ก็เจาะจงจำกัดมิสเตอร์ A…

ถ้าเราไม่แจ้งมิสจัสติสล่วงหน้า ทางโบสถ์คงไม่มีเวลาเตรียมตัวได้ทัน และเราคงเสร็จมิสเตอร์ A ไปแล้วเป็นแน่แท้ อาจเลวร้ายถึงขั้นไม่ได้คืนชีพกลับมาอีก…

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นเพราะการยื้อชีวิตจนสุดความสามารถของเราด้วย สามารถลากการต่อสู้ออกมาได้ยาวนานจนกำลังเสริมมาถึง…

ทำได้ไม่เลว…

หลังจากถอนหายใจยาว ไคลน์เริ่มมองหาทางกลับ

“เนรเทศ!”

ชายสวมหน้ากากสีทองชี้นิ้วไปทางอะซิก·อายเกส พร้อมกับส่งบุรุษผิวแทนกระเด็นเข้าไปในห้วงมิติอันว่างเปล่าและไม่มีใครทราบปลายทางแท้จริง

จากนั้น มันหันมากล่าวกับอินซ์·แซงวิลล์ ผู้กำลังจ้องตนด้วยสีหน้าฉงน

“พวกเราไม่เหลือเวลาอีกแล้ว การสังหารชายคนนั้นจะทำให้เสียเวลามากเกินไป! ตอนนี้ต้องรีบซ่อนตัวโดยด่วน คุณคงไม่อยากให้ทางโบสถ์หลักค้นพบความลับหรอกใช่ไหม” ชายสวมหน้ากากตำหนิอย่างหัวเสีย

อินซ์·แซงวิลล์หายสงสัย เพียงพยักหน้ารับและเดินไปหยิบ 0-08 ซึ่งหยุดเขียนมาสักพัก

สภาพร่างกายของมันค่อนข้างดูไม่จืด กึ่งกลางตาตุ่มสองข้างยังมีขอบกางเกงขายาวกองอยู่ แต่ก็ใกล้ขาดเต็มทีหลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดแลกชีวิตมาหมาด ๆ

ภายในคฤหาสน์กุหลาบแดง องค์ชายเอ็ดซัคกำลังนั่งข้างหน้าต่างเต็มบานด้วยสายตาเหม่อลอยอย่างผิดธรรมชาติ

“องค์ชาย ได้โปรดเร่งมือด้วย” เสียงของบุคคลผู้หนึ่งดังย้ำเตือน

ดวงตาขององค์ชายกลับมาส่องประกายแวววาวอีกครั้ง ก่อนจะสูดลมหายใจยาวพร้อมกับหยิบลูกโม่บนโต๊ะข้างลำตัวขึ้นมาจ่อขมับแนบชิด

ด้านในบรรจุกระสุนชนิดพิเศษ

กระสุนทำลายวิญญาณ

เอ็ดซัค·ออกัสตัสหันหน้าไปมองสนามกอล์ฟและลานกว้างสำหรับขี่ม้าเล่น

ปัง!

มันลั่นไกโดยไม่กล่าวคำใด

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset