ด้านนอกคฤหาสน์กุหลาบแดง ไคลน์เดินออกจากรถม้าพร้อมด้วยไม้ค้ำในมือซ้าย
ชายหนุ่มหลับตาลงเพื่อสงบจิตใจ ก่อนจะลืมตาจ้องทหารองครักษ์ชุดแดงผู้ยืนประจำการหน้าประตูหลัก
ในเมื่อสมบัติปิดผนึก 0-08 คอยสร้างความบังเอิญมิให้เราได้พบกับหญิงสาวปริศนาเจ้าของแหวนพลอยสีฟ้ามาตลอด คราวนี้ก็คงไม่มีข้อยกเว้น… เราไม่น่าจะโชคร้ายบังเอิญพบเธอในคฤหาสน์ ฉะนั้น ขอเพียงเราอาศัยมารยาตีหน้าเศร้าให้องค์ชายเชื่อว่าเราอ่อนแอ ทุกสิ่งจะผ่านไปอย่างราบรื่น…
ไคลน์รีบวางแผนพลางเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่
หลังจากถูกค้นตัวและยึดปืนกับซองปืนไปเก็บชั่วคราว ชายหนุ่มเดินตามบุรุษรับใช้ไปตามแนวถนนหินสีเทา ผ่านน้ำพุซึ่งกำลังพ่นละอองของเหลวสีใสตลอดเวลา จนกระทั่งเข้ามาในตัวอาคารหลัก
เพียงไม่นาน ชายหนุ่มขึ้นมายังชั้นสองและหยุดยืนหน้าห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องกระจกสำหรับอ่านหนังสือ
ตลอดการเดิน ไคลน์ปิดปากเงียบสนิท ด้วยความกังวลว่าอาจมีสถานการณ์ไม่ปรกติเกิดขึ้น จนส่งผลให้ตนถอนตัวกลับไม่ทัน
ก็อก. ก็อก. ก็อก.
บุรุษรับใช้เคาะประตูห้องสามครั้ง ตามด้วยการโน้มตัวเข้าไปใกล้และเปล่งเสียง
“นักสืบเชอร์ล็อกขอรับ”
ความเงียบงันผ่านนานไปสิบวินาทีเต็ม จึงค่อยมีเสียงทุ้มดังเล็ดลอดมาจากด้านใน
“เข้ามาได้ เขาเป็นแขกขององค์ชาย”
เมื่อบานประตูเปิดแง้ม สายลมอบอุ่นพลันพรั่งพรูปะทะใบหน้าไคลน์ อากาศเบาสบายกว่าภายในโถงทางเดินยาวค่อนข้างมาก
หลังจากผ่านการตรวจตราอย่างละเอียดโดยองครักษ์ร่างใหญ่สองคน ไคลน์ย่างกรายเข้าไปในห้องซึ่งมีพรมสีเหลืองผืนหนา
มันเดินอ้อมตู้แสดงสมบัติ ผ่านฉากกั้นกึ่งกลางห้องและได้พบกับองค์ชายเอ็ดซัคนั่งอยู่ริมหน้าต่าง ท่าทางคล้ายกำลังดื่มด่ำแสงแดดอันหายากในฤดูหนาว
ใบหน้ากลมกลึง ผิวพรรณสะอาดสะอ้านสมกับเป็นเชื้อพระวงศ์ เอ็ดซัคกำลังเงียบขรึมและไม่เผยรอยยิ้มใด บรรยากาศภายในห้องจึงค่อนข้างอึมครึมและอึดอัด
ด้วยอุณหภูมิจากเตาผิงหรูหราและท่อแก๊สผสมผสานเข้าด้วยกัน อากาศด้านใจจึงอบอุ่นไม่ต่างจากช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ
องค์ชายสามมิได้สวมโค้ท เพียงสวมเชิ้ตสีขาวพับแขน และทับด้วยกั๊กสีเหลืองหรูหรา
เห็นเช่นนั้น ไคลน์ผ่อนคลายตัวเองทันที เนื่องจากภายในห้องไม่มีหญิงสาวปริศนาเจ้าของแหวนพลอยสีฟ้าอยู่ด้วย
ชายหนุ่มรีบก้าวขาไปข้างหน้าและคำนับ
เอ็ดซัค·ออกัสตัสกำลังถือถ้วยชาดำหอมกรุ่นและมีควันลอยอยู่ด้านบน บรรยากาศรอบตัวยังคงเงียบขรึม มิได้เชื้อเชิญให้ไคลน์นั่งลงตามมารยาท
เอ็ดซัคกล่าวด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเย็นชา
“มีความคืบหน้าบ้างไหม”
“ไม่ขอรับ ทั้งการทำนาย การสื่อวิญญาณ การสอบปากคำ และการสอบสวนทั้งหมด ผลลัพธ์ล้วนตรงกันระบุว่าทาลิมเสียชีวิตเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว” ไคลน์กล่าวด้วยสีหน้าสำนึกผิดและตำหนิตัวเองอย่างหนัก “กระหม่อมอ่อนแอเกินไปในทุกด้าน องค์ชาย ท่านควรจ้างใครสักคน ผู้มีพลังและความชาญฉลาดมากกว่ากระหม่อม”
ระดับองค์ชายน่าจะหาได้ไม่ยาก…
มันกลืนคำสุดท้ายลงคอ
ขณะเดียวกัน องค์ชายเอ็ดซัคเริ่มตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ นักสืบหนุ่มผู้นี้แก่ชราลงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าอิดโรยประหนึ่งอดหลับอดนอนติดต่อกันเป็นเวลานาน
นี่มิใช่ภาพลวงตาหรือการคิดไปเอง แต่เป็นเพราะไคลน์ใช้พลังผู้ไร้หน้า เปลี่ยนให้ผิวหนังของตนแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เปลี่ยนให้หนวดเครารกรุงรัง และเปลี่ยนให้ถุงใต้ตามีลักษณะคล้ำจนเด่นชัด
องค์ชายสามเงียบงันครู่ใหญ่ ก่อนจะวางแก้วกระเบื้องเคลือบเลี่ยมทองลง
“เข้าใจแล้ว เราคงฝืนเจ้าเกินไป ไม่ต่างอะไรกับการใช้เข็มหมุดอุดหลุมใหญ่… ตกลง เราจะให้คนอื่นตามสืบเรื่องนี้ต่อ รบกวนเตรียมเอกสารรายงานอย่างละเอียดไว้ด้วย อย่าให้ขาดตกบกพร่องเป็นอันขาด”
ต้องอย่างนั้น!
ไคลน์กระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ตามด้วยการล้วงหยิบกระดาษปึกหนึ่งออกจากกระเป๋า
“องค์ชายไม่จำเป็นต้องรอ กระหม่อมมีนิสัยชอบจดบันทึกเป็นกิจวัตร”
หลังจากส่งสัญญาณให้คนสนิทหยิบกระดาษแทนตน เอ็ดซัค·ออกัสตัสเปิดอ่านหลายวินาทีจะวางลงบนโต๊ะ
“เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่”
“ไม่ขอรับ องค์ชาย ขอเพียงอนุญาตให้กระหม่อมลาพักร้อนก็พอ เอ่อ… กระหม่อมวางแผนจะลาพักร้อนทางใต้สักพัก ร่างกายต้องการแสงแดดเพื่อช่วยเยียวยาหัวใจอันเจ็บปวด”
ไคลน์ถอนหายใจ
“ฉลองปีใหม่สินะ วัฒนธรรมปรกติของชาวโลเอ็น” เอ็ดซัคพยักหน้าเล็กน้อยพลางหันไปมองฟังเกล พ่อบ้านแก่ชรา และออกคำสั่ง “ส่งนักสืบเชอร์ล็อกกลับไปด้วยรถม้า”
จากคฤหาสน์กุหลาบแดง เมืองใกล้สุดอยู่ห่างประมาณสิบห้าถึงยี่สิบนาทีด้วยการเดินเท้า ถ้าไปถึงจะมีรถม้าคอยให้บริการ
“ขอรับ องค์ชาย” พ่อบ้านชราโค้งคำนับ
ไคลน์ยังไม่ลดความระแวงลงขณะเดินกลับออกจากคฤหาสน์
มันตามหลังพ่อบ้านชราจนกระทั่งถึงหน้าทางเข้า และรับปืนกับซองปืนกลับคืนมา
ไม่ถึงสิบนาที ไคลน์ขึ้นไปนั่งรถม้าประจำคฤหาสน์กุหลาบแดงอย่างผ่อนคลาย
มันเอนหลังอิงเบาะพลางจ้องมองภาพคฤหาสน์ด้านหลังเล็กลงทุกขณะ
จนกระทั่งลับสายตา จึงค่อยถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าโล่งอก หัวใจกลับมาสุขุมเยือกเย็นและปราศจากอาการตื่นเต้นได้อีกครั้ง
ไคลน์มั่นใจ ตอนนี้ตนออกจาก ‘เวที’ เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อไปคือ เราต้องบอกลาเบ็คลันด์และเดินทางลงใต้ ปิดม่านการแสดงลงอย่างสมบูรณ์… จากนั้นค่อยเปลี่ยนหน้าตาและย้อนกลับเข้าใหม่มาอย่างเงียบเชียบ…
ชายหนุ่มเริ่มวางแผนล่วงหน้า
ทันใดนั้น พลังวิญญาณไคลน์พลันสั่นกระเพื่อมรุนแรง มุมสายตาเหลือบเห็นประตูรถม้าเปิดแง้มชั่วครู่ และปิดสนิทอย่างเงียบงันภายในเวลาไม่กี่วินาที!
ยังไม่ทันได้ตอบสนอง มันมองเห็นสตรีผู้หนึ่งกำลังนั่งบนเบาะฝั่งตรงข้าม สวมเดรสสีดำหรูหรารุงรัง และมีแหวนพลอยสีฟ้าเม็ดใหญ่อยู่บนมือ
แหวนพลอยสีฟ้า!
ฉากตรงหน้าทำให้ไคลน์ ผู้คิดไม่ทันว่าตนควรหลบหนีหรือโจมตีกลับ ทำได้เพียงหรี่ตาลงและนั่งนิ่งโดยไม่กล้าบุ่มบ่าม
สตรีปริศนาผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือเจ้าของสมบัติปิดผนึกระดับ 0 หรือไม่ก็เป็นครึ่งเทพในระดับใกล้เคียงกัน!
นี่มัน…
เคยมีคำกล่าวว่า ยิ่งพยายามหลีกหนีสิ่งใด โชคชะตาก็ยิ่งนำพาสิ่งนั้นให้เข้ามาหา!
ทำไมคราวนี้ 0-08 หรืออะไรทำนองนั้น ถึงไม่ยอมสร้างความบังเอิญให้เธอคลาดกับเรา!
ทั้งจิตใจและวิญญาณไคลน์พลันหดเกร็ง ทำได้เพียงประสานสายตากับบุคคลตรงหน้าอย่างเงียบงัน
อายุจริงของหญิงสาวไม่สอดคล้องกับลักษณะการแต่งกาย หน้าตาประมาณสิบแปดสิบเก้า ใบหน้ากลมกลึง ดวงตาเรียวคม แผ่กลิ่นอายอ่อนโยนและสง่างาม
ลึกลงไป ไคลน์พบว่าสตรีผู้นี้มีรูปโฉมอ่อนหวานและงดงามจนน่าตกตะลึง
นี่มัน…!
ชายหนุ่มพลันถูกสะกด แต่เพียงไม่นานก็โพล่งขึ้นหลังจากจดจำอีกฝ่ายได้
“ทริสซี่!”
เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอดีตนักกระตุ้น ทริส ผู้กลายเป็นแม่มด ทริสซี่ในตอนหลัง!
จากคนร้ายในประกาศจับ หล่อนกลายมาเป็นผู้หญิงข้างกายองค์ชายเอ็ดซัคได้ยังไง…
ทำไมสมาชิกของนิกายแม่มด ถึงมาเป็นคนรักขององค์ชายสามแห่งราชวงศ์ออกัสตัสได้!
แถมยังเป็นผู้ถือครองสมบัติปิดผนึกระดับ 0 หรือไม่ก็ใกล้เคียง!
เมื่อจ้องมองอีกครั้ง ไคลน์พบว่ามีบางจุดแตกต่างไปจากทริสซี่คนเดิม สำหรับปัจจุบัน ไม่เพียงใบหน้าจะงดงาม แต่ยังเปี่ยมด้วยความอ่อนละมุนและตึงกระชับ เมื่อรวมทุกองค์ประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งหมดส่งเสริมให้เธอกลายเป็นบุคคลซึ่งบุรุษยากจะเบือนสายตาหนีไปทางอื่น
หลังจากได้ยินไคลน์โพล่ง ตรงข้ามกับอาการตื่นกลัว ทริสซี่พลันยินดีปรีดาอย่างออกนอกหน้า
“คุณรู้จักฉัน… คิดไว้แล้วเชียว! นักสืบผู้มีพลังพิเศษย่อมสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายบนประกาศจับได้แม่นยำ!”
เห…? เอ่อ… ทำไมเธอถึงดีใจ?
ไคลน์ซักถามด้วยสีหน้างุนงง
“คุณต้องการอะไร”
ชายหนุ่มยังจำได้แม่นยำว่า หญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่คนดีนัก ทริสเคยสร้างโศกนาฏกรรมร้ายแรงบนเรืออัลฟาฟ่าด้วยตัวตนเดียว และทริสซี่ก็เคยทำให้ชาวเมืองทิงเก็นจำนวนมากต้องตาย
ทริสซี่เม้มปาก พลางเผยรอยยิ้ม
“ง่ายมาก รีบรายงานเรื่องของฉันให้เหยี่ยวราตรี ทูตพิพากษา หรือจิตแห่งจักรกลทราบโดยด่วน! เรียกให้พวกเขามาจับฉัน!”
เรียกตำรวจให้มาจับตัวเอง?
กะเทย— เอ่อ… ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียสติไปแล้วแน่…
ไคลน์พูดไม่ออกไปพักใหญ่
แต่เพียงไม่นาน เมื่อลองไตร่ตรอง มันเริ่มพบความนัยแฝง :
ทริสซียอมถูกขังหลังประตูยานิส มากกว่าต้องอยู่ในคฤหาสน์กุหลาบแดงต่อ เธอกำลังหาทางหลบหนีออกจากตรงนั้น…
สรุปโดยสั้น ทริสซี่เชื่อว่าการถูกหน่วยพิเศษของทางการจับตัว มีความทรมานน้อยกว่าต้องทนทุกข์ในคฤหาสน์กับองค์ชาย…
ไคลน์พยายามควบคุมสีหน้า
“คุณกำลังหนีจากสิ่งใด”
ทริสซี่เงียบงันหลายวินาที ก่อนจะมอบคำตอบด้วยดวงตาเหม่อลอย
“ใครบางคนกำลังบงการชีวิตฉัน รอบตัวฉันมักเกิดความบังเอิญติดต่อกันหนแล้วหนเล่าจนแทบจะกลายเป็นบ้า ฉันเป็นตัวเองน้อยลงทุกที”
กล่าวถึงตรงนี้ หญิงสาวยกมุมปากจืดชืด
“คุณพอจะจินตนาการออกหรือไม่ ในอดีตเคยหลงรักบรรดาสาวใช้ขี้อายและน่าทะนุถนอม แต่แล้ววันหนึ่ง คุณกลับตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษเปลือยกาย”
พอแค่นั้นแหละ! นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงไม่อยากเข้าใกล้นักลอบสังหารหรือแม่มด…
ไคลน์อดนึกภาพตามไม่ได้ และนั่นทำให้ชายหนุ่มเกิดอยากอาเจียน
ทริสซี่เล่าต่อด้วยรอยยิ้มขื่นขม
“ฉันเข้าใจเอาเองว่า การเลื่อนลำดับกลายเป็น ‘สุขสม’ จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากภาวะดังกล่าว จึงพยายามหาคนช่วยรวบรวมวัตถุดิบหลักของโอสถแทน แต่ผลลัพธ์กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ในบางครั้ง สมองของฉันว่างเปล่าอย่างกะทันหัน โดยมีหลายสิ่งเกิดขึ้นในระหว่างนั้น ฉันพยายามกล้ำกลืนความน่าขยะแขยงและล่อลวงทาลิม ให้เขาพาฉันออกไปจากคฤหาสน์ แต่ใครจะไปรู้ว่า ฉันดันสาปทาลิมเข้าโดยไม่รู้ตัว… คุณเชื่อคำพูดฉันไหม ฮะฮะ…! บ้าบอสิ้นดี พวกมันเปลี่ยนแม้กระทั่งชื่อของฉัน พยายามทำให้ฉันละทิ้งอดีตและกลายเป็นคนอื่นโดยสมบูรณ์… ไม่ยอมเด็ดขาด! แต่เรื่องน่าสนุกก็คือ พวกมันดันเชื่อว่า ฉันสามารถเอาชนะความบังเอิญได้แค่ไม่กี่ครั้ง ก่อนจะกลับไปอยู่ในลู่ทางปรกติ แต่ความจริงคืออะไรรู้ไหม ฉันแค่แสร้งทำให้พวกมันเข้าใจแบบนั้น! หากต้องการ ฉันสามารถหลุดพ้นจากความบังเอิญได้ตามใจชอบ เหมือนกับตอนนี้ยังไงล่ะ คุณนักสืบ”
สุขสม… แม่มด… วัตถุดิบหลัก…
ไคลน์พลันหวนนึกถึงเหตุการณ์ในชุมนุมลับของเนตรแห่งปัญญา มันยังจำได้ว่า ชายคนหนึ่งพยายามซื้อวัตถุดิบหลักของโอสถแม่มดสุขสมกลับไป แม้ว่าไคลน์จะทราบสูตรโอสถ แต่มันตระหนักถึงความอันตรายและตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ผู้ช่วยของทริสซี่นี่เอง… ตอนนั้นเธออยู่กับองค์ชายเอ็ดซัคแล้วหรือ… ชิ! ทำไมรอยยิ้มของหล่อนถึงได้เจิดจ้าและน่าหลงใหลเช่นนี้!
เส้นทางแม่มดน่ารังเกียจชะมัด…
ไคลน์สูดลมหายใจยาว
หลังจากเรียบเรียงความคิดตัวเองเสร็จ ชายหนุ่มซักถามอย่างเป็นกันเอง
“พวกมันเปลี่ยนชื่อคุณเป็นอะไร”
ทริสซี่ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พลางมอบคำตอบด้วยสีหน้าเหม่อลอย
“ทริสซี่·ชีค”
ทริสซี่·ชีค…
ชีค…?
ไคลน์เริ่มชาไปทั้งตัว ดวงตาจ้องมองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามด้วยร่างกายแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้นแกะสลัก
สมองนึกทบทวนไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์หน้าหนึ่ง ซึ่งมีข้อความลงท้ายว่า :
“5 มิถุนายน เราค้นพบหนังสือโบราณกล่าวถึงนามของแม่มดบรรพกาล…เธอชื่อว่า ‘ชีค’ …”
……………………