Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 456 : ปลอมเป็นผี

ราชันเร้นลับ 456 : ปลอมเป็นผี

ด้านนอกผับวีรบุรุษ รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นไปบนถนนพร้อมกับส่งเสียงล้อบด

ภายในรถม้า ไคลน์สวมหมวกทรงกึ่งสูง กำลังนั่งฝั่งตรงข้ามชารอน ผู้สวมเดรสโกธิกสีดำเหมือนกับทุกครั้ง

เมื่อได้เห็นใบหน้าอันขาวซีดและไร้อารมณ์ของอดีตบอดี้การ์ด ไคลน์กระอักกระอ่วน ไม่ทราบว่าต้องเริ่มการทักทายตามมารยาทอย่างไร จึงตัดสินใจเข้าประเด็นทันที

“ผมเตรียมตัวเสร็จแล้ว”

ลำดับ 6 ผู้ไร้หน้า มีพลังชนิดใหม่เพิ่มขึ้นเพียงหนึ่ง นอกนั้นเป็นการเสริมประสิทธิภาพของพลังเก่าขึ้นจากเดิม ส่งผลให้การทำความเคยชินกับพลังใหม่ไม่ต้องใช้เวลานาน

แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พลังไร้หน้ามีศักยภาพสูง และสามารถกลายเป็นพลังระดับเทพได้ในบางสถานการณ์

ตัวอย่างเช่น การปลอมตัวเพื่อหลบหนีขณะถูกไล่ล่า หรือ การปลอมตัวเข้าไปในภารกิจแทรกซึม…ไคลน์ปลดปล่อยจินตนาการล่องลอย

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชารอนทวนคำ

“คืนนี้?”

หางเสียงของเธอเพิ่มขึ้นในตอนท้าย เป็นการเน้นย้ำว่านี่คือประโยคคำถาม

“ถ้าคุณพร้อม ผมก็พร้อม” ไคลน์ตอบกลับด้วยสีหน้ามั่นใจ แสดงให้เห็นว่าตนเตรียมพร้อมโดยไม่มีสิ่งใดติดค้าง

“ตกลง” ชารอนพยักหน้ารับ

ไคลน์กล่าวต่อหลังจากก้มหน้าเรียบเรียงคำพูดสักพัก

“คุณเคยได้ยินเบาะแสเกี่ยวกับนางเงือกบ้างไหม? ผมอยากทราบว่า สิ่งมีชีวิตในเทพนิยายอย่างพวกหล่อน สามารถถูกพบตัวได้แถวไหนบ้าง”

ดวงตาสีฟ้าของชารอนจ้องมองไคลน์ไม่กะพริบเป็นเวลานาน ประหนึ่งเธอกลายร่างเป็นตุ๊กตาโดยสมบูรณ์

ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

“ในดินแดนอาณานิคมของมนุษย์ไม่มีนางเงือกอาศัยอยู่นานแล้ว นอกจากชาวประมงมากประสบการณ์ของหมู่เกาะการ์กัส ก็ไม่เคยมีมนุษย์คนใดได้พบเบาะแสของนางเงือกอีก นานๆ ครั้งพวกเขาจะได้ยินเสียงนางเงือกร้องเพลงขณะล่องเรือฝ่าพายุโหมกระหน่ำระหว่างการล่าวาฬหางขาว”

ลึกเข้าไปในทะเลโซเนีย หมู่เกาะการ์กัสคืออาณานิคมทางทะเลอันดับหนึ่งในด้านระยะทางความไกล สินค้าท้องถิ่นสำคัญคือน้ำมันวาฬและเนื้อวาฬ

เชื่อถือได้แค่ไหนกัน… ไคลน์พยักหน้ารับ

“เข้าใจแล้ว”

เสียงระฆังยามค่ำคืนดังแผ่วเบาท่ามกลางความมืดสนิท คล้ายกับแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ในจุดห่างไกลออกไป

ใจกลางถนนวิลเลียมส์ หอสวดมนต์เก่าแก่แห่งหนึ่งยังคงตั้งเด่งตระหง่าน กำแพงเต็มไปด้วยวัชพืชและเถาวัลย์เลื้อยคด ตามซอกหินมีคราบสกปรกเกาะติดแห้งกรัง

ด้านในหอสวดมนต์ กองขยะและของเสียจากร่างกายมนุษย์ถูกทิ้งเรี่ยราดท่ามกลางก้อนหินและหญ้าแห้ง

ณ มุมหนึ่งซึ่งมีสภาพไม่ต่างจากซากปรักหักพัง ชายวัยกลางคน สวมเสื้อรัดรูปสีดำ ทำการเคลื่อนหินก้อนใหญ่ออกจากตำแหน่งจนเผยปากทางเข้าอุโมงค์ลึกด้านใน

ได้เห็นดังนั้น ชายคนเดิมเริ่มเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดี ก่อนจะรีบมุดเข้าไปอย่างระมัดระวังพร้อมกับอุปกรณ์ส่องแสง เครื่องมือสำหรับขุดดิน และตะกร้าตักดิน

จอนตรงขมับสีขาวหงอก ดวงตาปูดโปน

ไม่ใช่ใครนอกจากบาโรเน็ตตกอับ ราฟเตอร์·พาวน์ ผู้ถูกคนรอบตัวมองว่าสติฟั่นเฟือน แต่ความจริงแล้วเป็นทายาทของราชวงศ์ทูดอร์จากยุคสมัยที่สี่

มันมักเรียกโสเภณีราคาแพงมาใช้บริการถึงบ้านบ่อยครั้ง แต่ยามนี้กำลังมีสีหน้ามุ่งมั่นและแววตากระจ่างชัด ไม่เหมือนกับคนมีอาการเสพติดเหล้าเคล้านารีเลยสักนิด

มันหมอบลงและคลานด้วยศอกไปข้างหน้าอย่างขยันขันแข็ง เส้นทางลาดลงและคดเคี้ยวเล็กน้อย สายตาของราฟเตอร์·พาวน์กำลังมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว ประหนึ่งปลายทางคือแสงสว่างเดียวในชีวิต

เพียงไม่นาน มันส่งตัวเองมาถึงเขตหินเย็นและโคลนเปียกซึ่งเป็นความคืบหน้าการขุดล่าสุด

อุปสรรคมิได้ทำให้ราฟเตอร์·พาวน์ย่อท้อ มันขยับแขนขุดอย่างชำนาญเนื่องจากสั่งสมประสบการณ์มาแล้วพักใหญ่

ขณะกำลังขุดดิน ตักใส่ตะกร้า และขนออกมาด้านนอก มันเริ่มมองเห็นโพรงกว้าง ด้านในเป็นอาคารใต้ดินขนาดใหญ่

สีหน้าราฟเตอร์·พาวน์พลันยินดีปรีดา มันรีบตะเกียกตะกายเข้าไปในโพรงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ใช้มือล้วงจับเข็มกลัดสีดำ

เข็มกลัดรูปมือถือคทา

แววตาของมันเปี่ยมด้วยความหวัง

ขณะเตรียมนำเข็มกลัดออกมาติดหน้าอก วิวทิวทัศน์รอบตัวพลันแตกละเอียดคล้ายเศษกระจก ราฟเตอร์·พาวน์พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอุโมงค์แคบและคดเคี้ยวตามเดิม เบื้องหน้ายังคงเป็นโคลนเปียกและก้อนหินเย็น

ไม่สิ มีบางสิ่งเพิ่มเข้ามาด้วย

ตัวอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองกลับมา!

ไม่มีดวงตา ไม่มีจมูก ไม่มีปาก ไม่มีคิ้ว และไม่มีหู

ตาดำบาโรเน็ตพลันหดเกร็ง อาการชาแล่นไปทั่วร่างอย่างนอกเหนือการควบคุม

ไม่มัวคิดให้ปวดหัว มันรีบโยนเครื่องมือขุดทิ้งพร้อมกับคลานหนีตายออกจากอุโมงค์

ข้อศอกถูไถกับขอบจนเกิดบาดแผลเหวอะ แต่ด้วยความแตกตื่น มันไม่หยุดเคลื่อนไหวร่างกายแม้แต่วินาทีเดียว

จนกระทั่ง ราฟเตอร์·พาวน์กลับออกจากอุโมงค์และมาโผล่ภายในหอสวดมนต์สำเร็จ

แต่เนื่องจากโยนอุปกรณ์มอบแสงทิ้งไป ทิวทัศน์รอบตัวจึงเกือบมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวสีแดงจากข้างนอกเล็ดลอดเข้ามาเล็กน้อย

ทันใดนั้น ซากเถาวัลย์เหี่ยวเฉาเริ่มเคลื่อนไหวไปมาราวกับงูตัวใหญ่ พร้อมกันกับการปรากฏกายของเงารางในความมืด

เป็นเงาของหญิงสาว สวมเดรสโกธิกสีดำเข้มและหมวกใบเล็กสีเดียวกัน ผิวพรรณขาวซีดจนคล้ายโปร่งใส เมื่อนำไปรวมกับเส้นผมสีทองอ่อนและดวงตาสีฟ้า บรรยากาศรอบตัวจึงดูไม่เหมือนกับมนุษย์แม้แต่นิดเดียว

ราฟเตอร์·พาวน์เกือบหลุดแหกปากดังลั่น ในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมเช่นนี้ การปรากฏตัวของหญิงสาวไม่ต่างอะไรกับผีสางในเรื่องเล่าสยองขวัญก่อนนอน!

กึก! กึก! กึก!

มันผงะถอยหลังสามก้าวและเกือบสะดุดหินล้มลง

แต่คล้ายกับฉุกคิดบางสิ่งได้อย่างกะทันหัน บาโรเน็ตพาวน์รีบขจัดความกลัวและกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก สีหน้าแววตาเริ่มเจือความหวัง

“ค…คุณคือวิญญาณมารใต้ดินใช่ไหม ต…ต้องเป็นคุณไม่ผิดแน่!”

เซอร์พาวน์ คงมีการเข้าใจผิดกระมัง…

ผู้ไร้หน้า ไคลน์ เดินตามออกจากอุโมงค์และหลบซ่อนในมุมมืดของหอสวดมนต์

เดิมที แผนการของมันและชารอนคือ ปลอมตัวเป็นผีและหลอกให้ราฟเตอร์·พาวน์สติแตกจนไม่กล้าขุดอุโมงค์อีก แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น ท่าทีของขุนนางตกอับผู้นี้ค่อนข้างเหนือความคาดหมาย

ชารอนเงียบงัน ก่อนจะถามตามน้ำ

“เจ้าต้องการอะไร”

ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย ราฟเตอร์·พาวน์ยกโค้งมุมปากอย่างมีเลศนัย

“หลังจากกระทำเรื่องเดิมซ้ำซากมานานหลายพันปี ผมมั่นใจ คุณคงทราบแล้วว่าการเข่นฆ่าทายาทของตระกูลทูดอร์ไม่ช่วยทำลายผนึกปัจจุบัน ดังนั้น มีเพียงการร่วมมือกับผม ทายาทของสายเลือดทูดอร์อันยิ่งใหญ่ คุณจึงจะหลุดพ้นจากพันธนาการกว่าสองพันปีออกมาได้”

ตระกูลทูดอร์ทราบว่าในนั้นมีวิญญาณมาร แต่กลับส่งคนเข้าไปตายเรื่อยๆ เนี่ยนะ…

ไคลน์ขมวดคิ้ว ตามด้วยการชิงกล่าวแทรกชารอน โดยเลียนเสียงของเธอได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้ว

“แล้วทำไมถึงเพิ่งเคลื่อนไหวเอาป่านนี้”

นี่คืออีกหนึ่งพลังสำคัญของผู้ไร้หน้า การเลียนเสียงเป้าหมาย หากเคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเสียงของใคร มันสามารถเลียนแบบได้อย่างไร้จุดตำหนิ

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มไม่สามารถเลียนเสียงเพรียกของมิสเตอร์ประตู หรือเสียงกัดกร่อนจิตจากพระผู้สร้างแท้จริงได้ ขอบเขตพลังจำกัดเฉพาะเสียงมนุษย์ทั่วไปเท่านั้น

ชารอนชำเลืองมองชายหนุ่ม แต่มิได้แสดงออกถึงความไม่พอใจ

ราฟเตอร์·พาวน์ไม่ตระหนักถึงความผิดปรกติ ริมฝีปากขยับกล่าวอย่างมีความหวัง

“เพราะจักรพรรดิมืดเพิ่งจะปรากฏตัว! โชคชะตาได้บอกกับผมว่า ยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ของจักรพรรดิโลหิตก็กำลังจะกลับมาแล้วเช่นกัน!”

เกี่ยวกันด้วยหรือ…? ไคลน์ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด บางที บาโรเน็ตพาวน์อาจเสียสติไปแล้วจริง ไม่ใช่แค่การแสดง

มันใช้เสียงชารอนถามอีกครั้ง

“จักรพรรดิมืด?”

“ฮะฮะ!” ราฟเตอร์·พาวน์ระเบิดเสียงหัวเราะ “ใช่แล้ว! จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดต้องมีบางสิ่งเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิมืดตัวจริงแน่!”

หืม… แล้วทำไมเราถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย…

ไคลน์เหน็บแนม

หลังจากครุ่นคิดสักพัก ชายหนุ่มเตัดสินใจปิดปากเงียบเนื่องจากนึกคำถามเหมาะสมไม่ออก เปิดโอกาสให้เจ้าของเสียงอย่างชารอนเป็นฝ่ายสอบปากคำเอง

แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ชารอนเองก็เงียบเช่นกัน

ฉากตรงหน้าทำให้ราฟเตอร์·พาวน์ยิ่งเกิดความหวัง

“แล้วคำตอบของคุณคือ?”

“ปฏิเสธ” ชารอนตอบห้วน

ราฟเตอร์·พาวน์พยายามข่มความผิดหวังและนึกเรียบเรียงคำพูดโน้มน้าวใหม่

แต่ทันใดนั้น ดวงตาของมันพลันเหม่อลอย ก่อนจะหันหน้าไปทางกำแพงหินใกล้เคียงและวิ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง

บ้าจริง…!

ไคลน์และชารอนตระหนักถึงความผิดปรกติพร้อมกัน แต่ละคนมีวิธีรับมือต่างกันไป คนหนึ่งชักปืนขึ้นมาเล็ง ส่วนอีกคนฉาบหอสวดมนต์อันมืดมิดด้วยแสงสีแดงเจิดจ้า

ราฟเตอร์·พาวน์ไม่เหลียวมองใครทั้งสิ้น จุดประสงค์เดียวของมันคือการวิ่งใส่กำแพงหินและใช้หัวโขกเต็มแรง

ปึก! ปึก! ปึก!

หลังจากโขกสามครั้งด้วยเสียงหนักแน่น บริเวณกึ่งกลางหน้าผากของมันเกิดแผลเหวอะหวะ พร้อมกับการไหลนองของเลือดสดสีแดงฉาน

มันหันหน้ากลับมาอีกครั้ง ดวงตาเริ่มแดงก่ำจนน่ากลัวโดยไม่ทราบสาเหตุ

ราฟเตอร์·พาวน์เลื่อนมือขวาขึ้นและใช้หลังมือปาดคราบเลือดจนชุ่มโชก

ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียเลือดบนหลังมือด้วยสีหน้าเมามาย

“เลือดของพวกทูดอร์ช่างหอมหวาน… แค่ได้กลิ่นก็มีความสุขถึงเพียงนี้ หืม… ข้าสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมได้ด้วยร่างกายของเจ้านี่ แถมยังขยายขอบเขตของผนึกให้ไกลขึ้นอีกเล็กน้อย”

ขณะอยู่ในท่าเล็งปืน ไคลน์ซักถามด้วยน้ำเสียงกึ่งประหลาดใจ

“วิญญาณมารข้างใน?”

ราฟเตอร์·พาวน์ปล่อยให้เลือดสดสีแดงฉานไหลนองใบหน้า ตามด้วยการระเบิดเสียงหัวเราะอันน่าขนลุก

“ฮะฮะ! ถูกต้อง! ในคราวก่อน ข้านึกว่าเจ้าเป็นแค่ไก่อ่อนธรรมดา จึงพยายามเจ้าฝันและหลอกล่อให้ลงมาช่วย หึหึ… แต่กลับผิดคาด แท้จริงแล้วเจ้ากุมความลับไว้มากมาย”

อย่าพูดออกมาเชียว…!

ไคลน์รีบชำเลืองชารอน และพบว่าอีกฝ่ายมิได้แสดงท่าทีผิดปรกติ

“แกต้องการอะไร” ชายหนุ่มถามเถรตรง

วิญญาณมารถอนหายใจ

“ข้าเป็นเพียงคนบริสุทธิ์ผู้ตกเป็นเหยื่อความทะเยอทะยานของอลิสต้า·ทูดอร์ และด้วยขีดกำจัดของศพ ข้าจึงถูกกักขังอยู่ในนั้นมานานกว่าสองพันปีแล้ว ข้าต้องการให้พวกเจ้าช่วยปลดจากพันธนาการอันแสนทรมานและกลายเป็นเพียงวิญญาณเร่ร่อน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์”

เมื่อกล่าวจบ มันใช้ดวงตาแดงก่ำจ้องไปทางชารอน

“เจ้าคงเป็นวิญญาณอาฆาตจากเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์สินะ ลำบากแย่เลย เป้าหมายต่อไปคือขอบเขตของครึ่งเทพ ข้าไม่แน่ใจว่าเจ้ามีสูตรโอสถ ‘หุ่นกระบอก’ แล้วหรือไม่ แต่สามารถหาให้ได้ แถมยังจะช่วยเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมอีกด้วย นี่คือรางวัลตอบแทนหากเจ้ายอมรวมมือ”

ลำดับ 4 ของเส้นทางมนุษย์กลายพันธุ์คือหุ่นกระบอก? ชื่อประหลาดฉิบ…ไคลน์พึมพำ

วิญญาณมารหันมาจ้องชายหนุ่ม

เมื่อกล่าวจบ วิญญาณมารบังคับให้ราฟเตอร์·พาวน์หันฝ่ามือออกมาด้านหน้า พร้อมกับสร้างม่านแสงเพื่อฉายภาพ

บนภาพฉายคือวัตถุคล้ายไพ่ทาโรต์ แต่ลวดลายไม่เหมือนไพ่ทาโรต์ทั่วไป ในตำแหน่งท้ายราชรถซึ่งควรเป็นของกษัตริย์ กลับเป็นภาพนักบวชชายสวมชุดคลุมสีแดงสด

และใบหน้าของนักบวชเหมือนกับ

โรซายล์·กุสตาฟ…ไพ่เย้ยเทพ!

ไคลน์รีบเหลือบมองมุมไพ่ตามสัญชาตญาณ แสงประกายคล้ายดวงดาวตรงมุมเริ่มเรียงตัวกับเป็นข้อความหนึ่งบรรทัด

“เจ้าก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน ถือเป็นวัตถุมูลค่ามหาศาลในเชิงศาสตร์เร้นลับ ด้วยเหตุผลบางประการ เจ้าของเดิมของมัน ถูกดึงดูดให้เข้าไปในอาคารใต้ดินและกลายเป็นศพเคียงข้างทายาทของพวกทูดอร์ หน้าตามันเป็นเช่นนี้ ลำดับ 0 นักบวชสีชาด”

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset