ชีค…? แม้แต่แม่มดบรรพกาลก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อน?
ไคลน์เกือบลืมตัวและยกมือขึ้นมาเท้าคาง
มันเคยตั้งสมมติฐานไว้ว่า การเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิงในลำดับ 7 ของเส้นทางนักลอบสังหาร อาจได้รับอิทธิพลมาจากแม่มดบรรพกาลโดยตรง จึงค่อนข้างประหลาดใจเมื่อได้ทราบจากไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ว่า แม้แต่แม่มดบรรพกาลเองก็เคยเป็นเพศชายมาก่อน
ความจริงข้อนี้ทำให้ไคลน์เห็นภาพชัดเจนในสองประเด็น หนึ่ง แม่มดบรรพกาลมิได้เกิดเป็นเทพเลยในตอนแรก แต่ใช้วิธีดื่มโอสถและไต่ลำดับพลังจนกระทั่งได้เป็นลำดับ 0 สอง การเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิงเกิดจากอิทธิพลของตะกอนพลังเพียงอย่างเดียว
และเมื่อนำกฎความถาวรของพลังพิเศษมาวิเคราะห์ โรซายล์เคยสันนิษฐานไว้ในไดอารีว่า ตะกอนพลังทั้งหมดบนโลกเกิดจากการแบ่งภาคของพระผู้สร้างต้นกำเนิด ส่งผลให้ไม่มีทางเพิ่มจำนวนได้ด้วยประการทั้งปวง และจะไม่มีวันสลายไปเช่นกัน… สมมติว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง สิ่งนี้จะหมายความว่า พระผู้สร้างต้นกำเนิดได้รวมทุกเพศไว้ในร่างเดียว ไม่ว่าจะชาย หญิง หรือไร้เพศ…
และตะกอนพลังของเส้นทางแม่มดแบ่งภาคมาจากส่วนของเพศหญิง? แต่ยังไม่ควรด่วนสรุป หนังสือโบราณอาจเป็นของปลอมได้เช่นกัน…
ข้อมูลไดอารีคราวนี้มีมูลค่ามากทีเดียว…
ไคลน์เสกแผ่นกระดาษให้หายไปจากฝ่ามือพลางวิเคราะห์ข้อมูลในสมอง
“เชิญ” ชายหนุ่มยิ้มและไล่จ้องหน้าทีละคนตั้งแต่จัสติส เดอะซัน แฮงแมน เดอะเวิร์ล และเมจิกเชี่ยน
อัลเจอร์รีบหันขวับไปหาเดอะเวิร์ล
“ตะกอนพลังมนุษย์หมาป่าถูกขายให้กับช่างทำสมบัติวิเศษด้วยราคาหนึ่งพันสองร้อยปอนด์ จากข้อตกลงของพวกเรา ผมจะได้ส่วนแบ่งสองร้อยปอนด์ แล้วก็ ผมหาเส้นผมของนากาทะเลลึกให้คุณได้แล้ว เส้นละหนึ่งร้อยปอนด์ มีเพียงพอจำนวนห้าเส้นตามความต้องการของคุณแน่นอน หากพึงพอใจกับข้อเสนอ ผมจะรีบส่งของให้โดยเร็ว”
ไคลน์ยินดีเสนอส่วนแบ่งการขายสูงถึงสองร้อยปอนด์ให้แฮงแมนเพราะทราบดีว่า เขาต้องเผชิญอันตรายพอสมควรในการหาลูกค้า คงผ่านร้อนผ่านหนาวในเหตุการณ์ยากลำบากยิ่งกว่าแวมไพร์เอ็มลินหลายเท่า
เมื่อฟังจบถึงจุดนี้ ชายหนุ่มหันไปบังคับเดอะเวิร์ลพูด
“ไม่มีปัญหา ขอเพียงคุณรีบส่งเส้นผมนากาทะเลลึกห้าเส้นและเงินอีกห้าร้อยปอนด์มาหาผมโดยเร็ว”
ปัจจุบัน เราขาดเพียงตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ โดยยังมีเงินสดติดตัวอีกราว 1,235 ปอนด์ แน่นอน เท่านี้ไม่เพียงพอจะหาซื้อวัตถุดิบหลักของผู้วิเศษลำดับ 6 ได้อยู่ดี…
หมายความว่า ถ้าเราอดทนรอให้จิตแห่งจักรกลสำรวจสุสานของอามุนด์ไม่ได้ ก็คงต้องหาเงินเพิ่มอีกราวห้าร้อยถึงหนึ่งพันปอนด์ จึงจะเพียงพอสำหรับหาซื้อวัตถุดิบหลักราคาแสนแพง…
ไคลน์ไตร่ตรองว่าตนสามารถนำวัตถุหรือความรู้ประเภทใดมาทำเงินได้บ้าง
แน่นอน ต้องขายให้ลูกค้าผู้มีกำลังซื้อมากพอและเป็นเงินสดเท่านั้น
หลังจากได้ยินทั้งสองเสร็จสิ้นการค้าขาย ออเดรย์ยกมือขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวโดยไม่ปิดบัง
“ดิฉันต้องการซื้อวัตถุดิบจำนวนสามชนิด ประกอบด้วยดวงตามังกรกระจกหนึ่งคู่ เลือดของมันจำนวนห้าสิบมิลลิลิตร และผลของต้นคนชรา”
มิสจัสติสพบสูตรโอสถนักจิตบำบัดแล้ว… ไคลน์คาดเดาได้ทันที และทางด้านแฮงแมนก็มีความคิดแบบเดียวกัน
“…ดิฉันจะช่วยถามอาจารย์ให้”
ฟอร์สมอบคำตอบ
เดอร์ริคพยักหน้ารับ
“ผมเองก็จะช่วยหาอีกแรง มังกรกระจกกัดกร่อนถูกพบตัวได้ไม่ยากนัก เช่นเดียวกันกับต้นคนชรา… เอ่อแล้วก็ เมืองเงินพิสุทธิ์มีตะกอนพลังของนักจิตวิเคราะห์ถูกเก็บไว้ในหอคอย แต่การซื้อขายทำได้ค่อนข้างลำบาก ต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนได้รับอนุญาต”
นักจิตวิเคราะห์คือชื่อโบราณของนักจิตบำบัด
เมื่อห้องเริ่มเงียบ ไคลน์บังคับให้เดอะเวิร์ลเปล่งเสียงแหบพร่าอันเป็นเอกลักษณ์
“ผมจะช่วยมองหาจากชุมนุมอื่น ขณะเดียวกันอย่าลืมช่วยมองมาตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ให้ผมด้วย”
“ตกลงค่ะ” จากนั้น ออเดรย์หันมาจ้องบุรุษบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้ามั่นใจ
“มิสเตอร์แฮงแมน ดิฉันก็จะช่วยตามหาสูตรโอสถผู้รับใช้วายุให้คุณด้วยเช่นกัน”
ปัจจุบัน เด็กสาวได้กลายเป็นสมาชิกสมาคมแปรจิตเต็มตัว ในฐานะองค์กรลับอายุเก่าแก่ พวกมันย่อมไม่บกพร่องในด้านวัตถุดิบหรือสูตรโอสถลำดับต่ำกว่าครึ่งเทพ ออเดรย์จึงมีสิทธิ์ร้องขอสิ่งเหล่านั้นได้โดยต้องจ่ายในราคาสมน้ำสมเนื้อ
ฟอร์สทวนคำเดิม
“ดิฉันจะช่วยถามอาจารย์ให้”
ไคลน์เกิดความอิ่มเอมใจเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เพราะหลังจากผ่านความทุลักทุเลมานานหลายเดือน ชุมนุมทาโรต์ก็เริ่มกลายเป็นองค์กรรากฐานมั่นคงสักที มีช่องทางรวบรวมข้อมูลและสิ่งของสำคัญจากสองแหล่ง หนึ่งคือสมาคมแปรจิต และอีกหนึ่งคือตระกูลอับราฮัม การพัฒนาในอนาคตจะต้องก้าวกระโดดอย่างมากแน่
เดอะเวิร์ลหัวเราะ
“คำตอบของคุณทำให้ผมมีความหวัง แต่อย่าได้ลืมความปลอดภัยของตัวเองเด็ดขาด พยายามทำตัวไม่เป็นจุดเด่นเข้าไว้ จะได้ไม่ถูกผู้ใดสงสัยเคลือบแคลง”
“มิสเตอร์เวิร์ล กำลังอารมณ์ดีหรือ ถึงได้พูดเยอะเป็นพิเศษ” ออเดรย์ยิ้ม
…เราตื่นเต้นมากไป จนลืมว่าเดอะเวิร์ลมีอุปนิสัยเย็นชา… ไคลน์หวังแก้สถานการณ์โดยการบังคับให้เดอะเวิร์ลยิ้มแห้ง
“ชีวิตของทุกคนประเมินค่าเป็นราคามิได้ ผมต้องการให้ชุมนุมแห่งนี้เป็นจุดแลกเปลี่ยนและค้าขายไปอีกแสนนาน ไม่ใช่จากไปทีละคนสองคน และนั่นคือสาเหตุของคำเตือน”
“ขอบคุณค่ะ” ออเดรย์กล่าวจากใจจริง
เดอร์ริคลังเลสักพัก
“ผมเองก็จะช่วยหาด้วย แต่ในช่วงหลัง ผมถูกจัดสรรให้ทำภารกิจลาดตระเวนทั่วไป จึงไม่ค่อยได้พบสิ่งน่าสนใจมากนัก”
ไม่เลว… ไคลน์รำพันพร้อมกับปิดปากเดอะเวิร์ลสนิท
เมื่อบรรยากาศเริ่มกลับมาเงียบ อัลเจอร์มองตรงไปข้างหน้าและซักถามกับจัสติส
“ผมต้องการทราบรายละเอียดของคดีลอบสังหารดยุคนีแกน คุณต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด?”
แล้วทำไมถึงมาถามฉัน? ในฐานะคนของโบสถ์วายุสลาตัน แค่ไปดูรายงานการสืบสวนก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?
ออเดรย์ทำหน้าประหลาดใจในตอนแรก ก่อนจะเริ่มเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย
เขาคงอยากถามว่าองค์กรลับใดอยู่เบื้องหลังผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย แต่การถามมิสเตอร์ฟูลโดยตรงนั้นเป็นเรื่องเสียมารยาท จึงชิงเปิดประเด็นกับเราด้วยคำถามหยั่งเชิง จากนั้นค่อยเบี่ยงเบนคำถามไปยังเป้าหมายในตอนแรก… ทุกคนทราบดีว่าเราคือบุตรสาวของตระกูลขุนนางใหญ่ ย่อมต้องมีข้อมูลตื้นลึกหนาบางของคดีอยู่บ้างแน่… มิสเตอร์แฮงแมนเจ้าเล่ห์จนน่ากลัว…
ออเดรย์กล่าวด้วยมุมปากยกโค้ง
“ไม่จำเป็นต้องตอบแทน นี่เป็นจุดประสงค์ของชุมนุมทาโรต์อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารสำคัญจากถิ่นอาศัยของแต่ละคนโดยไม่คิดเงิน”
ถ้าทำแบบนั้น ชุมนุมทาโรต์ของเราจะยิ่งพัฒนาไปได้ไว!
“ถ้อยคำของคุณทำให้ผมละอายใจ” อัลเจอร์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะนำฝ่ามือวางลงบนหน้าอกและคำนับพอเป็นพิธี
“…”
ไคลน์ เดอะฟูลผู้ถูกม่านหมอกหนาทึบปกคลุมจนแทบมองไม่เห็น เพียงส่งรอยยิ้มให้ทุกคนอย่างเงียบงันเช่นกัน
ออเดรย์เม้มปากและเรียบเรียงคำพูดในสมอง ก่อนจะเริ่มเล่ารายละเอียดอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
“ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายใช้วิธีการพิเศษลอบสังหารดยุคนีแกนจนสำเร็จ หลังจากนั้นยังหนีรอดออกจากจุดเกิดเหตุได้ด้วยพลังกระตุ้นอารมณ์ แต่ต้องแลกมากับอาการบาดเจ็บสาหัส จึงหลบหลบเลี่ยงการจับกุมอย่างชำนาญและหนีลงไปในทางระบายน้ำ เมื่อเหยี่ยวราตรีตามไปพบ ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายก็เสียชีวิตอยู่ก่อนแล้ว มีรายงานว่าจอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดกำลังยืนอยู่ข้างศพคนร้ายในเวลาดังกล่าว แต่เป้าหมายของเขามิใช่การฆ่าปิดปาก หากแต่เป็นการสืบหาเบาะแสของผู้บงการตัวจริงเบื้องหลังผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย”
แล้วสรุปว่าเป็นองค์กรใด?
ขณะแฮงแมนทวีความอยากรู้อยากเห็นจนยากจะห้ามใจ ไคลน์ ผู้กำลังชมเชยในความยอดเยี่ยมของจัสติส พลันหันไปมองเด็กสาวและกล่าวตักเตือนโดยไม่เจาะจง
“ห้ามเอ่ยนามหรือเขียนชื่อขององค์กรดังกล่าวบนโลกความจริงโดยเด็ดขาด”
“ทำไมหรือคะ?” ออเดรย์โพล่งถาม
ไคลน์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้และตอบกลับด้วยเสียงนุ่มละมุน
“การระบุถึงอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเขียนหรือพูด ล้วนทำให้พวกเขาตระหนักถึง”
การระบุถึงอีกฝ่าย ล้วนทำให้พวกเขาตระหนักถึง…! ออเดรย์เงยหน้ามองเดอะฟูลโดยไม่รู้ตัว เธอสัมผัสได้ว่าสุภาพบุรุษหลังม่านหมอกพยายามย้ำเตือนตนด้วยความหวังดี
มิสเตอร์ฟูลกำลังจะสื่อว่า หากไม่ใช่อาณาจักรของท่าน หรือไม่ใช่การสนทนาผ่านวิธีพิเศษของท่าน อีกฝ่ายจะทราบทันทีว่ามีการเอ่ยชื่อของสภานักสิทธิ์สนธยาบนโลกความจริง…? อาจเป็นได้ทั้งพลังพิเศษของใครบางคน หรือไม่ก็พลังจากสมบัติปิดผนึก…
ช่างเป็นองค์กรลึกลับอะไรเช่นนี้! หากมองผิวเผินจะน่ากลัวยิ่งกว่าบรรดาเจ็ดโบสถ์หลักเสียอีก… และท่านเดอะฟูลแห่งชุมนุมทาโรต์ของเราก็กำลังไล่ล่าพวกมัน!
ออเดรย์พลันรู้สึกกระจ่างในหลายด้าน เธอเอนหลังตั้งตรงและขานรับอย่างขึงขัง
“ทราบแล้วค่ะ”
ทุกการระบุถึงจะทำให้อีกฝ่ายตระหนักได้… องค์กรลับอันไม่มีวันถูกเอ่ยชื่อถึงบนโลกภายนอก? แถมเรายังไม่รู้จัก? พวกมันคอยสนับสนุนผู้ปลดปล่อยแรงกระหายมาตั้งแต่แรก? หรือเป็นแค่ภารกิจจ้างฆ่าจากบุคคลภายนอก? โลกของผู้วิเศษระดับสูงช่างเต็มไปด้วยปริศนาและความซับซ้อนมากมาย…
อัลเจอร์พยักหน้ารับเล็กน้อยพลางเกิดความกระสับกระส่าย
ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งอยากรู้จักชื่อขององค์กรดังกล่าว! ต่อให้ต้องจ่ายเงินแลกเปลี่ยนก็ยอม!
ทว่า หลังจากทบทวนตัวเองอย่างระมัดระวัง อัลเจอร์เริ่มมองว่าตนยังไม่จำเป็นต้องทราบข้อมูลดังกล่าวในตอนนี้ จริงอยู่ การมีข้อมูลไว้ย่อมดีกว่าไม่มี และอาจใช้ข้อมูลดังกล่าวสร้างคุณประโยชน์ให้กับตนอย่างใหญ่หลวงในอนาคต แต่ตัวมันผู้ยังเป็นเพียงกัปตันเรือระดับกลางถึงล่างของโบสถ์วายุสลาตัน ย่อมไม่มีแหล่งข่าวมากพอจะสืบสวนหาเบาะแสเพิ่มเติมขององค์กรนั้น
อัลเจอร์ไม่มีทางเลือกนอกจากเพ่งสมาธิอยู่กับการตามหาสูตรโอสถผู้รับใช้วายุไปพร้อมกับเตรียมวัตถุดิบ
ไว้เลื่อนลำดับสำเร็จ เราค่อยหาโอกาสซักถามมิสเตอร์ฟูลในภายหลัง… อัลเจอร์พึมพำ
ฟอร์สเริ่มสับสนหลังจากได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ปลดปล่อยแรงกระหายหรือองค์กรลับซึ่งห้ามระบุชื่อ ข้อมูลทั้งหมดล้วนแตกต่างจากข่าวในหนังสือพิมพ์โดยสิ้นเชิง
นึกแล้วเชียว คดีลอบสังหารท่านดยุคเต็มไปด้วยปริศนาระดับสูง… น่าเสียดายว่าองค์กรลับดังกล่าวมิอาจถูกเอ่ยนามหรือเขียนถึงได้ ไม่อย่างนั้น เราคงนำไปแต่งเป็นผู้ร้ายในนิยายเรื่องใหม่แน่ แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว…
เฮ่อ แต่ในปัจจุบัน เรายังติดค้างไดอารีจักรพรรดิโรซายล์กับท่านจำนวนสิบหน้า แถมยังไม่ได้ซื้อถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณ จึงไม่ควรใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือยแม้แต่เพนนีเดียว… ยิ่งไปกว่านั้น ลำพังความรู้ทั่วไปจากชุมนุมทาโรต์ก็มีมูลค่ามหาศาลกว่าชุมนุมลับของมิสเตอร์ A ราวสิบเท่าเห็นจะได้ ไม่สิ อาจมากกว่านั้นอีก!
ฟอร์สพยายามระงับนิสัยเสียของตน
ในส่วนของเดอร์ริค มันย่อมไม่ทราบอยู่แล้วว่าดยุคนีแกนเป็นใคร จึงไม่คิดแยแสคดีลอบสังหารแม้แต่น้อย
เด็กหนุ่มนั่งฟังทุกคนอย่างตั้งใจจนคล้ายกับเป็นนักเรียนประถมในคาบเรียนของเด็กมัธยมปลาย
เมื่อเรื่องราวเกี่ยวกับสภานักสิทธิ์สนธยาจบลง ฟอร์สมองไปรอบตัวและถามหยั่งเชิง
“มีใครในบรรดาพวกคุณรู้วิธีขจัดตะกอนพลังส่วนเกินออกจากร่างกายไหม?”
……………………