Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 422 : ตัวจริงของเจสัน

ราชันเร้นลับ 422 : ตัวจริงของเจสัน

บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์ ในห้องน้ำ

ไคลน์หยิบกระดาษรูปคนออกจากช่องกระเป๋าลับ สะบัดมันเพื่อเปลี่ยนให้เป็นร่างจำแลงของตน

เพื่อจะตบตาคนอื่น ชายหนุ่มจัดแจงให้ร่างปลอมนั่งบนชักโครกพร้อมกับถือหนังสือพิมพ์ไว้ในมือ จากนั้นก็ซ่อนร่างจริงไว้ในเงามืด เดินถอยหลังทวนเข็มสี่ก้าว ส่งตัวเองเข้าสู่ห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา

พฤติกรรมข้างต้นมหัศจรรย์ยิ่งกว่าการใช้เวทมนตร์ใดๆ ในโลก!

ท่ามกลางพระราชวังโบราณหรูหรา ไคลน์เอนกายพิงเก้าอี้พนักสูง ในมือถือผ้าเช็ดหน้ามายาของเจสัน·บีเลียล

วัตถุชิ้นนี้เป็นเพียงภาพฉาย แต่ก็สามารถใช้ในการทำนายได้ระดับหนึ่ง ขอเพียงไคลน์มีปฏิสัมพันธ์กับมันบนโลกจริงก็พอ

หากยังจำกันได้ สมัยยังอยู่ทิงเก็น ไคลน์เคยใช้เทคนิคดังกล่าวกับตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสุริยันซึ่งถูกบิดเบือน ในขณะนั้น มันยังไม่รู้จักพิธีกรรมอัญเชิญตัวเองเพื่อนำวัตถุจากโลกจริงขึ้นไปอยู่บนมิติสายหมอกด้วยซ้ำ

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การใช้วัตถุจริงทำนายย่อมให้ประสิทธิภาพดีกว่าวัตถุจำลอง เป็นสาเหตุให้ไคลน์พยายามใช้วัตถุจริงมาตลอด แต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไร มันกำลังถูกคุ้มครองโดยหน่วยพิเศษ ไม่สะดวกให้ประกอบพิธีกรรมโฉ่งฉ่างในห้องน้ำ

หากใครมาเห็นไคลน์กำลังจุดเทียนไขในห้องน้ำตอนกลางวันแสก ๆ คงเลี่ยงการตกเป็นเป้าสงสัยไม่ได้แน่

แต่ถ้าการทำนายด้วยวัตถุจำลองไม่ช่วยให้เราได้ผลลัพธ์ ก็คงต้องยอมเสี่ยงนำผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาบนมิติสายหมอก…

ไคลน์พึมพำพลางเสกกระดาษหนังและปากกาหมึกซึมเพื่อเขียนประโยคทำนาย :

“ตำแหน่งปัจจุบันของเจสัน·บีเลียล”

โดยทั่วไป การพึ่งพาผ้าเช็ดหน้าจากพิธีกรรมมักไม่ค่อยได้ผลลัพธ์ตามต้องการสักเท่าไร โอกาสทราบตำแหน่งปัจจุบันของเจสันจึงเรียกได้ว่าริบหรี่ เป็นเพราะผ้าเช็ดหน้าผืนดังกล่าวไม่ใช่สิ่งของในชีวิตประจำวัน จึงมีจำนวนปฏิสัมพันธ์กับเจสันน้อยเกินไป

ยังไม่รวมถึงโอกาสถูกรบกวนจากบุคคลลึกลับ ตัวอย่างเช่น การเผลอไปทำให้ผู้ปกครองแห่งขุมนรกซึ่งเป็นเป้าหมายของพิธีกรรมของเจสัน เกิดความโกรธเคือง

อย่างไรก็ตาม ไคลน์ไม่กังวลการถูกแทรกแซงสักเท่าไร เนื่องจาก ผู้ปกครองแห่งขุมนรกคนนั้นคงเป็นเพียงปีศาจลำดับสูง ไม่น่าจะใช่ร่างจุติของด้านมืดแห่งเอกภพ

ห้วงมิติเหนือสายหมอกแห่งนี้เคยหยุดการแทรกแซงจากทั้งเทพสุริยันเจิดจรัสและพระผู้สร้างแท้จริงมาแล้ว หรือไม่ว่าจะเป็นระดับต่ำกว่าเล็กน้อยอย่างมิสเตอร์ประตู ก็ไม่เคยมีครั้งใดส่งสัญญาณเตือนถึงอันตรายเกินขอบเขต

ในส่วนของปัญหาเรื่อง ‘ผ้าเช็ดหน้าไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเจสัน·บีเลียลมากพอ’ ไคลน์เองก็จนปัญหาจะแก้ไข แม้แต่ห้วงมิติเหนือสายหมอกก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก ต้องสวดภาวนาให้ตนมีโชคเท่านั้น

บางที หากมันได้เป็นผู้วิเศษลำดับสูงเมื่อไร ปัญหาดังกล่าวอาจมีวิธีแก้ไขในอนาคต

แต่ถ้าลองไตร่ตรองให้ดี… ในทางทฤษฎี ผ้าเช็ดหน้าของเจสันอาจนำมาใช้ทำนายได้ เนื่องจากขณะกำลังประกอบพิธีกรรม จิตใจ ร่างกาย และสติคนเราจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ส่งผลให้วัตถุรอบตัวซึมซับ ‘ตัวตน’ เข้าไปอย่างเข้มข้นกว่าปรกติ… ไคลน์ ผู้แตกฉานในศาสตร์เร้นลับพอสมควร พึมพำพลางวิเคราะห์หาโอกาสความสำเร็จ

ถัดมา มันถือกระดาษหนังเขียนประโยคทำนายไว้ในมือข้างหนึ่ง และถือผ้าเช็ดหน้ามายาไว้ในมืออีกข้าง ตามด้วยการเอนหลังพิงเก้าอี้และหลับตาลง

สติถูกเข้าฌานอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากชายหนุ่มขยับพึมพำซ้ำไปมา :

“ตำแหน่งปัจจุบันของเจสัน·บีเลียล”

เมื่อครบเจ็ดหน ไคลน์สะกดจิตตัวเองให้หลับเพื่อย่างกรายเข้าสู่โลกแห่งความฝัน

ท่ามกลางดินแดนสีเทาอันไม่คมชัด ฉากเหตุการณ์กำลังกระจัดกระจายรอบตัวไคลน์ในลักษณะไม่ปะติดปะต่อ

จนกระทั่ง ฉากเหตุการณ์หนึ่งเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนปกคลุมการมองเห็นไคลน์อย่างสมบูรณ์ ชายหนุ่มเริ่มตระหนักว่าจิตของตนกำลังดำดิ่งเข้าไปในดินแดนแห่งใหม่

ภายในความฝัน บรรยากาศรอบตัวค่อนข้างพร่ามัว ตรงหน้าเป็นโต๊ะไม้สีแดงเข้ม ใกล้กันมีร่างของชายคนหนึ่งกำลังยืนมองออกไปนอกมุขหน้าต่าง ด้านนอกเป็นสวนเขียวขจี

ใจกลางส่วนมีเรือนกระจกไว้สำหรับปลูกดอกกุหลาบจำนวนมาก พวกมันกำลังเบ่งบานอย่างน่าอัศจรรย์ท่ามกลางสภาพอากาศอันหนาวเย็นของเดือนธันวาคม

ภาพใบหน้าของบุคคลในฝันกำลังสะท้อนบนกระจกมุขหน้าต่าง อายุราวสามสิบ ส่วนสูงปานกลาง ผมสีน้ำตาลหยักศกเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม

หือ… เราไม่ได้กำลังทำนายถึงเจสัน·บีเลียลหรอกหรือ… ชายคนนี้เป็นใครกัน? แล้วทำไมเราถึงเกิดความคุ้นเคยอย่างเจือจาง…?

แม้ว่าไคลน์กำลังฉงน แต่มันไม่มัวคิดให้เปลืองสมอง ปล่อยจิตล่องลอยไปตามฉากเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไหลลื่น ลักษณะเดียวกับการปล่อยตัวปล่อยใจท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมโลกวิญญาณ

ขณะชายหนุ่มเกิดคำถาม บุรุษในความฝันเริ่มเดินไปตรงมุมห้อง ณ จุดดังกล่าวมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หุ้มด้วยหนัง วางอยู่สองใบ

ชายปริศนานั่งยองลงและจัดการเปิดกระเป๋าใบหนึ่งออก ด้านในเต็มไปด้วยปึกธนบัตรจำนวนมากซึ่งถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านบนกองธนบัตรมีแท่งทองวางทับไว้จำนวนหนึ่ง

ตัวเลขบนธนบัตรระบุชัดเจนว่าพวกมันทั้งหมดมีมูลค่าสิบปอนด์ ด้านแท่งทองก็ส่องแสงแวววาวอย่างไม่น้อยหน้า

ชายปริศนาล้วงหยิบบางสิ่งออกจากช่องลับในกระเป๋า สะบัดมัน และคลี่กางออก

สิ่งนั้นคือหนังมนุษย์สีซีดแผ่นบาง!

หนังมนุษย์ทั้งตัว!

บุรุษปริศนารีบถอดเสื้อผ้าออกและสวมหนังมนุษย์ทับ ภายในระยะเวลาเพียงสิบวินาทีแสนสั้น มันกลายร่างเป็นเจสัน·บีเลียล เจ้าของดวงตาสีฟ้าอมเทา โหนกแก้มใหญ่ และเส้นผมหวีเรียบ!

มาถึงจุดนี้ ฉากความฝันตรงหน้าพลันแตกกระจัดกระจาย จิตไคลน์ถูกส่งกลับห้วงมิติเหนือสายหมอกพร้อมกับลืมตาขึ้น

เข้าใจแล้วว่าทำไมเจสันถึงกล้าลงมืออย่างอุกอาจหลายต่อหลายหน… เพราะในช่วงหลายสิบปีหลัง มันสวมมันหนังมนุษย์และปลอมตัวเป็นคนอื่นมาตลอด! สมกับเป็นปีศาจผู้เยือกเย็นและบ้าบิ่น!

ไคลน์ทำได้เพียงถอนหายใจ

ทั้งไอเซนการ์ด เรา หรือหน่วยพิเศษ ทุกคนต่างมองว่า การทิ้งภาพเหมือนของตัวเองไว้ใจกลางบ้านของเจสัน คือพฤติกรรมตามธรรมชาติและสามารถเข้าใจได้ แม้ว่าสิ่งนั้นอาจกลายเป็นเครื่องทุ่นแรงให้หน่วยพิเศษทำงานได้ง่ายขึ้นในภายหลังก็ตาม…

เพราะโดยทั่วไปแล้ว ทุกคนล้วนทราบดีว่าเจสัน·แพทริคมีรูปพรรณสัณฐานเป็นเช่นไร ทั้งจากปากคำของชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงและพนักงานธนาคาร…

ถึงจะไม่มีภาพถ่ายแม้แต่ใบเดียว แต่ด้วยพลังพิเศษสักชนิด หน่วยพิเศษก็ต้องได้เห็นใบหน้าของคนร้ายเข้าสักวัน ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยเทคนิคการสืบสวนดังกล่าว คุณภาพของรูปจะสูงกว่าภาพถ่ายตามปรกติด้วยซ้ำ…

ดังนั้น ทุกคนจึงเข้าใจตรงกันว่า เจสันไม่มีเหตุผลให้ต้องทำลายภาพวาดสีน้ำมันของตัวเองในห้องนั่งเล่นทิ้งก่อนหลบหนี ทั้งหมดเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล…

แต่ใครจะไปคาดคิดว่านั่นคือ ‘ข้อมูลลวง’ ซึ่งถูกตอกลิ่มไว้ในใจทุกคนอย่างแนบเนียน ทำให้ทุกฝ่ายปักใจเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า เจสัน·แพทริคมีดวงตาสีฟ้า โหนกแก้มใหญ่ และเส้นผมหวีเรียบ!

ถึงเหยี่ยวราตรีจะเข้าไปในบ้านเจสันและลงทุนใช้ 1-42 แต่ในทางทฤษฎีทำนาย การเกาะรอยด้วยรูปลักษณ์ปลอมอาจได้ผลลัพธ์ออกมาไม่ตรงตามความจริง…เหยี่ยวราตรีเจองานยากเสียแล้ว…

ความเจ้าเล่ห์ก็คือ ในการลงมือทั้งสองครั้งของมัน เจสันพยายามปกปิดใบหน้าปลอมอย่างมิดชิด ราวกับเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก…

ไคลน์ตระหนักถึงความน่ากลัวอีกฝ่าย

ชายหนุ่มลูบขมับพลางทบทวนรายละเอียดของฉากในนิมิตฝันอีกครั้ง

สวนในบ้านมีเรือนกระจกหรูหรา…ถือเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น กรุงเบ็คลันด์มีบ้านแบบนี้เพียงไม่กี่หลัง…

แต่คำถามคือ เราจะรายงานให้หน่วยพิเศษทราบได้อย่างไร…หากแจ้งกับจิตแห่งจักรกล เจสันจะสัมผัสถึงอันตรายและรีบปลอมตัวเพื่อเผ่นหนีไปไกล…

แจ้งกับเหยี่ยวราตรีซึ่งมี 1-42 โดยตรง? แล้วต้องทำอย่างไรถ้าบังเอิญพบกับคนรู้จัก…เราไม่อยากกลายเป็นซากขี้เถ้าและถูกโปรยลงแม่น้ำทัสซอคสักหน่อย…ยิ่งไปกว่านั้น นักสืบเชอร์ล็อกไม่ควรรีบรายงานข้อมูลสำคัญ วันนี้เพิ่งเริ่มต้นสืบหาเบาะแสคนร้าย คงจะแปลกเกิดไปสักหน่อยหากสามารถสืบสาวได้ลึกขนาดนี้…

คนร้ายพกพาทรัพย์สินราคาแพงติดตัวเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเงินสด โลหะมีค่า หรืออัญมณี… มูลค่ารวมคงไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นปอนด์แน่นอน…

สมองไคลน์ขบคิดหนักหน่วง จนกระทั่งจิตใจเริ่มสงบลง ไคลน์ตัดสินใจอดทนรออีกสองวัน ค่อยหาวิธีบอกนิมิตความฝันของตนให้เหยี่ยวราตรีทราบ

เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ทำนายต่อ มันส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริง สลายร่างปลอมทิ้ง และกลับมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนชักโครกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เวลาล่วงเลยจนถึงช่วงบ่าย ไคลน์โยนเหรียญเพนนีเพื่อสอบถามว่า การออกจากบ้านในตอนนี้เป็นผลดีหรือไม่

และคำตอบก็คือ การออกจากบ้านในช่วงนี้ยังไม่ใช่สิ่งเหมาะสม

“จะเกิดอันตรายถ้าเราออกไป…?” ไคลน์รีบเดินกลับมานั่งในห้องรับแขก

ผ่านไปราวยี่สิบนาที มันได้ยินเสียงกริ่งดังกังวาน และพบว่าผู้มาเยือนคือไอเซนการ์ด

“มิสเตอร์สแตนธอน มีความคืบหน้าหรือ” น้ำเสียงไคลน์ค่อนข้างโล่งใจ

ไอเซนการ์ดชี้เข้าไปในห้องรับแขก

“คุยกันข้างในเถอะ”

“ตกลง” ไคลน์ขยับหลบ

หลังจากทั้งคู่นั่งลงบนโซฟาสองตัวซึ่งหันหน้าเข้าหากัน ไอเซนการ์ดใช้มือถอดหมวกนายพรานพร้อมกับถอนหายใจยาว

“ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเริ่มลงมือแล้ว”

เมื่อเห็นไคลน์ยังคงเงียบ ไอเซนการ์ดพยักหน้าและเล่าต่อ

“จากบรรดานักสืบผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง มีสองครอบครัวยืนกรานหนักแน่นว่าจะไม่ย้ายหนีไปไหน พวกเขาเชื่อว่าตัวเองจะไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังคงใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยตามปรกติ จนกระทั่งช่วงเที่ยงของวันนี้ ทางตำรวจรายงานว่ามีการพบศพพวกเขาภายในสำนักงานของตัวเอง คนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากภาวะหัวใจล้มเหลว สันนิษฐานว่าเกิดจากความหวาดกลัวสุดขีด ส่วนอีกคนเสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน แต่มีการถ่ายของเสียงออกจากร่างกายเป็นจำนวนมาก พวกเขาดื้อรั้นเกินไป สมกับเป็นสาวกของโบสถ์หัวรุนแรง แต่ข้อดีก็คือ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทูตพิพากษายอมหันมาสนใจกับคดีนี้มากขึ้น และยังเชื่อกันว่า ผู้วิเศษลำดับสูงจากทุกโบสถ์และกองทัพ เริ่มหันมาชายตามองผู้ปลดปล่อยแรงกระหายแล้ว เกือบทุกโบสถ์ได้ยกระดับความสำคัญของภัยคุกคามจากผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย ให้กลายเป็นอันดับหนึ่งของช่วงเวลานี้”

“คุณกำลังจะบอกให้ผมช่วยเก็บความลับเรื่องการเป็นสาวกของโบสถ์ปัญญาความรู้ของคุณ ไว้จากทางการใช่ไหม” ไคลน์ซักถามด้วยสีหน้ากระจ่าง

“เพราะแบบนี้ ผมถึงชอบคุยกับนักสืบด้วยกันเอง อะไรก็ง่ายไปหมด” ไอเซนการ์ดยิ้มรับ

“ตกลง” ไคลน์รับปาก ก่อนจะซักถาม “ทางผมมีเครือข่ายข้อมูลลับแต่ไม่สะดวกจะเปิดเผย ดังนั้น หากผมได้รับข่าวสารสำคัญจากพวกเขา คุณช่วยรายงานกับเหยี่ยวราตรีโดยปิดแหล่งข่าวไว้เป็นความลับได้ไหม”

ในประเด็นว่าทำไมต้องเป็นเหยี่ยวราตรี ไม่ใช่จิตแห่งจักรกล ไคลน์เชื่อว่าด้วยปัญญาของไอเซนการ์ด ตนไม่จำเป็นต้องอธิบาย

ไอเซนการ์ดพยักหน้ารับเล็กน้อย ตามด้วยประโยคคำถาม

“แต่ถ้าคุณนำข้อมูลมาบอกกับผม จะไม่ถือเป็นการกระตุ้นให้เจสันรู้ตัวหรอกหรือ”

“ได้แต่หวังว่า เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจะหาวิธีหลบเลี่ยงพบ… ไม่สิ บางที คุณอาจคิดหาทางออกได้ดีกว่าผม เช่นการใช้แหวนวงนั้นคัดลอกพลังบางอย่าง แทรกแซงไม่ให้เจสันตระหนักถึงอันตรายล่วงหน้า” ไคลน์ตอบอย่างสุขุม

“ตกลง” ไอเซนการ์ดตอบกระชับ

มันก้มหน้าครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะนำไปป์ขึ้นมาสูดกลิ่นยาสูบโดยไม่จุด

“ยังมีอีกหนึ่งเรื่อง พฤติกรรมของผู้ปลดปล่อยแรงกระหายในวันนี้ ถือเป็นการยืนยันทฤษฎีข้อหนึ่งของผมด้วยเช่นกัน ฮะฮะ! คุณเองก็เคยสงสัยในประเด็นนี้มาก่อน”

“หมายถึงเรื่อง เป้าหมายแท้จริงของมันไม่ใช่การแก้แค้นกลุ่มนักสืบ?” ไคลน์เข้าใจความนัยอีกฝ่าย

ไอเซนการ์ดเอนตัวมาด้านหน้าพร้อมกับตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ในเมื่อเจสันใช้พลังของสัตว์เลือดเย็นช่วยให้ความคิดความอ่านสุขุม หมายความว่าทุกการกระทำของมันต้องมีเหตุผลรองรับ จึงไม่มีทางลงมืออย่างเอิกเกริกเพียงเพราะหวังแก้แค้นให้สุนัขแน่ เชอร์ล็อก คุณเองก็น่าจะสังเกตเห็น ตอนนี้หน่วยพิเศษทั้งหมดในเบ็คลันด์กำลังตื่นตัว แม้กระทั่งผู้วิเศษลำดับสูงก็ยังจับตามองผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย… หากเจสันต้องการฆ่าใครสักคน… ผมหมายถึงเป้าหมายแท้จริงของมัน… คงไม่มีช่วงเวลาใดเหมาะสมไปกว่านี้แล้ว”

ไคลน์ก้มหน้าคิดตาม ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นเชิงเห็นพ้อง

“สมเหตุสมผล”

หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นกันสักพัก ไอเซนการ์ดขอตัวไปหาคาสลาน่า ส่วนไคลน์ยังคงโยนเหรียญจนกว่าผลลัพธ์จะอนุญาตให้ออกจากบ้าน

โดยไม่ต้องรอนาน ไม่กี่นาทีถัดมา มันได้รับไฟเขียวให้เดินทางไปยังสโมสรครักซ์

ปัจจุบัน ทั้งไคลน์และไอเซนการ์ดยังมิได้แจ้งความผิดปรกติของเจสันให้หน่วยพิเศษทราบ เพราะกังวลว่าอาจทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทันและหลบหนีไปเสียก่อน

เมื่อถึงสโมสรครักซ์ ไคลน์พบกับศัลยแพทย์คนดังแห่งเบ็คลันด์ อลัน·คริสต์ ณ ห้องรับรองสมาชิก

“ไม่ได้พบกันนาน” ชายหนุ่มยิ้มทักทาย

“ช่วงนี้ผมงานยุ่งมาก” อลันตอบด้วยท่าทีเป็นมิตร แต่สีหน้าและน้ำเสียงค่อนไปทางเย็นชาเนื่องจากติดเป็นนิสัย “นอกจากนั้น ทางแพทย์ระบุว่าภรรยาของผมกำลังตั้งครรภ์

“ผมกำลังจะได้เป็นพ่อคนอีกครั้ง”

“ขอแสดงความยินดีด้วย! ทารกมีอายุกี่เดือนแล้ว?” ไคลน์ถามอย่างเป็นกันเอง

อลันก้มหน้านึก

“พวกเราเพิ่งได้รับการยืนยัน ดังนั้น เธอน่าจะเพิ่งตั้งครรภ์ได้ประมาณหนึ่งเดือน”

“ประมาณหนึ่งเดือน…?” ตาดำไคลน์พลันสั่นเทา มันจ้องเข้าไปในแววตาอลันด้วยสีหน้าสุดประหลาดใจ

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset