Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 404 : ฝากฝัง

ราชันเร้นลับ 404 : ฝากฝัง

เขตตะวันตก โรงแรมคาร์ลเพนซ่า

ฟอร์สช่วยพยุงลอว์เรนซ์จนถึงห้องและพาชายชราไปนอนบนเตียง

โรงแรมแห่งนี้ค่อนข้างหรูหรา ทั่วห้องยกเว้นห้องน้ำจะมีพรมหนานุ่ม สีเทาสลับเหลืองวางทอดเป็นระยะ บนกำแพงมีภาพวาดสีน้ำมันเลียนแบบงานศิลป์ชื่อดัง

ลอว์เรนซ์หายใจยากลำบาก

“ขอบคุณมาก มิสวอลล์ ได้โปรดอภัยให้กันด้วย ชายแก่คนนี้ลุกขึ้นคำนับไม่ไหว”

“มิสเตอร์ลอว์เรนซ์ อาการของคุณกำลังจะดีขึ้น ในฐานะอดีตแพทย์หญิง ดิฉันสามารถยืนยันได้ว่า อายุขัยของคุณยังไม่จบลงตรงนี้ หลังจากนอนพักผ่อนสักพัก พวกเราจะแวะไปคลินิกหรือไม่ก็โรงพยาบาลกัน”

ฟอร์สกล่าวปลอบใจ · ลอว์เรนซ์ยิ้ม

“ผมรู้จักร่างกายตัวเองดี คุณไม่จำเป็นต้องให้กำลังใจผม ยิ่งไปกว่านั้น ผมมีงานอดิเรกเป็นนักโหราศาสตร์มือสมัครเล่น เคยดูดวงให้ตัวเองและพบว่า ผมมีชะตากรรมต้องตายบนเตียงนอนของโรงแรมในกรุงเบ็คลันด์”

หากไม่นับการปกปิดเรื่องเหนือธรรมชาติ ทุกสิ่งจากปากลอว์เรนซ์ล้วนเป็นความจริงทั้งหมด มันอายุเกือบแปดสิบ ไม่มีกำลังวังชาเหมือนเด็กหนุ่ม ถ้าไม่เพราะมีพลังของโอสถค่อยค้ำจุนร่างกาย ป่านนี้คงถูกฝังอยู่ในสุสานสักแห่งนานแล้ว

เดิมที ลอว์เรนซ์เคยประเมินว่าตนสามารถใช้ชีวิตได้อีกสักสิบปี แต่ใครจะไปคิดว่า ‘นักท่องเที่ยว’ โบทิส จะทำการทรยศตระกูลและเข้าร่วมกับชุมนุมแสงเหนือ โดยในศึกดังกล่าว ลอว์เรนซ์ได้รับบาดเจ็บหนัก แถมยังเสียทายาทของตัวเองไปจนหมด

สิ่งนี้กระทบกระเทือนจิตใจลอว์เรนซ์รุนแรงจนมันเกือบกลับมาไม่ได้

ซ้ำร้าย การค้นหาข่าวคราวพี่น้องร่วมสายเลือดในกรุงเบ็คลันด์ก็ยิ่งทำให้มันหดหู่ เพราะทุกคนได้ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว

เมื่อนำทั้งหมดหมดผนวกเข้าด้วยกัน จิตใจลอว์เรนซ์จึงถูกกัดกร่อนรุนแรง มันเริ่มตระหนักว่า ตนคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

แผนเดิมก็คือ ลอว์เรนซ์จะแวะเยี่ยมหลุมศพของลาโบโร่และอาริสา ต่อด้วยการเดินทางกลับไปประชุมหารือกับอาวุโสคนอื่นของตระกูลเพื่อสะสางเรื่องราว จึงค่อยจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

แต่ด้วยความชรา สุขภาพของลอว์เรนซ์จึงอยู่นอกเหนือการควบคุม

โดยไม่รอท่าทีตอบสนองจากฟอร์ส ชายชราขยับตัวล้วงหยิบสมุดเล่มหนึ่งจากเสื้อโค้ท

ปกแข็งของสมุดมีสีเขียวขี้ม้า มอบความรู้สึกโบราณและน่าเกรงขาม

อักษรบนปกเขียนด้วยภาษาฟุซัคโบราณ :

“ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก”

ลอว์เรนซ์วางสมุดลงบนผ้าห่มตรงหน้าอกพลางถอนหายใจยาว

“มิสวอลล์ หากผมตายไปตรงนี้ รบกวนคุณช่วยนำสมุดไปส่งให้ใครบางคน ณ ท่าเรือพริสต์ได้ไหม?”

“มิสเตอร์ลอว์เรนซ์ คุณจะไม่เป็นอะไร”

ฟอร์สพูดให้อีกฝ่ายรู้สึกดี

ในเวลาเดียวกัน เธอชำเลืองสำรวจสมุดบันทึกและพบว่า มันมีจำนวนหน้าไม่มาก ประกอบด้วยกระดาษสามชนิด ช่วงต้นจะเป็นกระดาษหนังสีเหลือง มีแค่สองถึงสามหน้า ไม่มากไปกว่านี้ ช่วงกลางจะเป็นกระดาษหนังสีน้ำตาล และช่วงท้ายจะเป็นกระดาษสีขาวแบบทั่วไป ไม่มีสิ่งใดพิเศษ

ลอว์เรนซ์ฉีกยิ้มพลางฝืนเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก

“ผมแค่สมมติน่ะ แต่ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง คุณจะช่วยผมได้ไหม มิสวอลล์”

“ท่าเรือพริสต์อยู่ไม่ไกล เรียกว่าการเดินทางยังไม่ได้ หากมีเรื่องเร่งด่วน ดิฉันสามารถไปกลับได้ในเวลาครึ่งวันด้วยรถจักรไอน้ำ”

ฟอร์สพยักหน้ารับ

ลอว์เรนซ์ถอนหายใจยาวอย่างผ่อนคลาย สีหน้าแววตาดีขึ้นจากตอนแรกเล็กน้อย

“หลังจากผมตาย ให้รอสิบนาที จึงค่อยเก็บวัตถุส่องแสงระยิบระยับ และนำไปส่งให้มิสเตอร์โดเรียน·เกรย์ ณ สมาคมชาวประมงแห่งท่าเรือพริสต์พร้อมกับสมุดเล่มนี้ ผมขอยกเงินสดสี่สิบสองปอนด์ในกระเป๋าสตางค์แทนค่าเสียเวลาและคำขอบคุณ ส่วนเสื้อผ้าของผม ได้โปรดให้มันกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกับผม”

“ไม่จำเป็นค่ะ ดิฉันไม่ต้องการสิ่งตอบแทน ไม่สิ… มิสเตอร์ลอว์เรนซ์ คุณจะไม่เป็นอะไร”

ฟอร์สกล่าวจากความรู้สึกก้นบึ้ง

ลอว์เรนซ์ยังคงสั่งเสียต่อไป ราวกับไม่ได้ยินถ้อยคำของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“บางที โดเรียนอาจตอบแทนคุณเพิ่มเติม แต่นั่นขึ้นอยู่กับตัวคุณด้วย… ผมเชื่อใจคุณนะ ดูจากการปฏิบัติตัวต่ออาริสา คุณคือหญิงสาวผู้มีจิตใจงดงาม…”

มันเว้นวรรค ก่อนจะกล่าวกับฟอร์สด้วยแววตากระจ่างชัดผิดวิสัย

“มิสวอลล์ รบกวนนำเหยือกลงไปกรอกน้ำชั้นล่างให้ผมสักหน่อย ไม่แน่ใจว่าพนักงานโรงแรมจะมาเติมให้เมื่อไร”

“ได้ค่ะ” ฟอร์สหยิบเหยือกน้ำและเดินออกจากห้องโดยไม่คิดอะไรมาก

แต่หลังจากเดินไปได้สามก้าว ฟอร์สพลันสังเกตเห็นความผิดปรกติ เหยือกน้ำในมือตนค่อนข้างหนัก และปริมาณน้ำนับว่าไม่น้อย

ขณะเตรียมหันกลับไปถาม สัมผัสวิญญาณของเธอพลันตระหนักถึงความผันผวนของพลังวิญญาณภายในห้อง

นี่มัน…!

ฟอร์สพลันยืนตัวแข็งทื่อ เธอเข้าใจทันทีว่ามิสเตอร์ลอว์เรนซ์คิดจะทำสิ่งใด

เมื่อความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ เจ้าของร่างคงสัมผัสถึงความผิดปรกติได้ดีกว่าใคร ด้วยความกลัวว่าตนจะคลุ้มคลั่งและกลายเป็นสัตว์ประหลาด การปลิดชีพตัวเองจึงถือเป็นวิถีปฏิบัติของมนุษย์คนหนึ่ง

เขาคงอยากตายในฐานะมนุษย์มากกว่า…

คงเป็นมโนธรรมสุดท้ายของผู้วิเศษกระมัง

แน่นอน สามารถมองในอีกมุมหนึ่งได้ว่า หากเขากลายเป็นสัตว์ประหลาด แผนการส่งต่อตะกอนพลังให้คนชื่อโดเรียน·เกรย์ก็จะกลายเป็นหมัน

เมื่อทราบความจริง ฟอร์สยืนรอหน้าห้องพักด้วยแววตาหดหู่ จนกระทั่งครบสิบนาที จึงทำการเปิดประตูเข้าไป

เธอเห็นลอว์เรนซ์ ผู้กำลังนอนสงบนิ่งบนเตียงด้วยใบหน้าแก่ชราลงจากเดิมเล็กน้อย โดยข้างกายมี ‘เพชร’ ขนาดเท่าดวงตามนุษย์

แสงจากหน้าต่างสองเข้ามากระทบกับ ‘เพชร’ จนเกิดประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว นับเป็นภาพอันหาชมได้ยาก

ฟอร์สถอนหายใจยาว รีบตรวจสอบร่างกายของลอว์เรนซ์ และได้ข้อสรุปว่าชายชราเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลว

เขตเชอร์วู้ด บ้านเลขที่ 15 ถนนมินส์

ไคลน์นั่งพักสักครู่หลังจากกลับถึงบ้าน จากนั้นค่อยเข้าห้วงมิติเหนือสายหมอก และทำนายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของวิล·อัสติน

ชายหนุ่มเพ่งจิตสั่งให้นกกระเรียนกระดาษลอยออกจาก ‘กองขยะ’ มาตกบนโต๊ะทองแดงยาวเบื้องหน้าตน ตามด้วยการก็ปลดจี้บุษราคัมออกจากข้อมือ

ไคลน์ถือลูกตุ้มวิญญาณด้วยมือซ้าย และเพ่งสมาธิเข้าฌานเพื่อระลึกความทรงจำขณะยังอยู่ในเขตป่านอกสุสานกรีน

รายละเอียดเล็กน้อยบางอย่างอาจตกหล่นไปจากสมองไคลน์ แต่สัมผัสวิญญาณย่อมไม่พลาดสิ่งสำคัญแน่

เมื่อนำข้อมูลข้างต้นมาประกอบกับการพึ่งพาพลัง ‘ขจัดการรบกวน’ ของห้วงมิติเหนือสายหมอกเทา ไคลน์เชื่อว่าผลการทำนายต้องตนจะออกมาแม่นยำ

หลังจากเตรียมการเบื้องต้นเสร็จ ไคลน์เสกกระดาษหนังออกมาเขียนประโยคทำนาย :

“วิล·อัสตินตายแล้ว”

ถัดมา มันนำนกกระเรียนมาวางทาบบนกระดาษประโยคทำนาย กดมันลงไป และจ่อปลายลูกตุ้มจนเกือบสัมผัสกระดาษ

หลังจากเข้าฌานและดำเนินขั้นตอนการทำนายด้วยลูกตุ้มวิญญาณเสร็จ ชายหนุ่มลืมตาขึ้นและจ้องมองผลลัพธ์

ลูกตุ้มบุษราคัมหมุนทวนเข็มนาฬิกาด้วยความเร็วสูง แถมวงการแกว่งยังกว้างมาก

ผลลัพธ์ออกมาเป็น : ไม่ใช่

วิล·อัสตินยังไม่ตาย!

หืม…

ไคลน์ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ท่าทีคล้ายกับคาดเดาได้บางส่วน

มันครุ่นคิด ก่อนจะเปลี่ยนประโยคทำนาย :

“ศพเด็กชายคนนั้นคือวิล·อัสติน”

สำหรับคราวนี้ ผลลัพธ์ระบุว่า ‘ใช่’

ศพเด็กเป็นของวิล·อัสตินจริง

แนวคิดมากมายพลันผุดขึ้นในสมอง ไคลน์รีบก้มหน้าตรึกตรองก่อนจะเขียนประโยคทำนายใหม่ลงไป :

“ศพของวิล·อัสตินจะคืนชีพ”

หลังจากเพ่งสมาธิทำนาย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมองผลลัพธ์

ลูกตุ้มหมุนทวนเข็มด้วยความเร็วสูง

หมายความว่าศพ ของวิล·อัสตินจะไม่คืนชีพหรือกลับมาเกิดใหม่

คล้ายกับว่า วิล·อัสตินจงใจสละร่างกายและมีชีวิตรอดในบางรูปแบบแทน…

เรื่องนี้เกี่ยวกับอสรพิษปรอทหรือไม่?

ไคลน์พยายามทำนายถามหาเบาะแสของวิล·อัสตินด้วยประโยคทำนายอีกหลายมุมมอง แต่ทั้งหมดก็ล้มเหลว รวมถึงประโยคทำนาย :

“สถานการณ์ปัจจุบันของวิล·อัสติน”

ถัดมา ชายหนุ่มเปลี่ยนไปใช้เทคนิคทำนายนิมิตฝันและเขียนประโยคทำนายลงไปว่า :

“ตำแหน่งปัจจุบันของวิล·อัสติน”

ผลลัพธ์ออกมาคล้ายคลึงของเก่า :

เป็นฉากห้องมืดสนิท มีเสียงน้ำไหล

แต่สำหรับคราวนี้ ไคลน์รู้สึกว่าบรรยากาศแตกต่างออกไปเล็กน้อย

ช่างมันปะไร… เราสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่ยุ่งเรื่องอสรพิษปรอทไปมากกว่านี้…

ไคลน์นำจี้บุษราคัมไปรัดข้อมือตามเดิม และเตรียมตัวกลับสู่โลกความจริง

จากข้อมูลทั้งหมด รวมถึงจากผลการทำนายเมื่อครู่ ไคลน์ผุดทฤษฎีเกี่ยวกับวิล·อัสตินได้หนึ่งข้อ เพียงแต่ยังขาดหลักฐานยืนยัน

มันเชื่อว่า วิล·อัสตินคือหนึ่งในอสรพิษปรอท!

ในฐานะลำดับ 1 อสรพิษปรอทย่อมไม่มีแค่คนเดียว แต่มีมากสุดถึงสามคนพร้อมกัน!

อสรพิษแห่งโชคชะตา ผู้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ ‘ชะตา’ ผู้สามารถระบุตำแหน่งวิญญาณดาราของศัลยแพทย์อลันและบรรจุความฝันเทียมลงไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สิ่งมีชีวิตระดับนี้ต้องมีพลังบันดาลโชคร้ายให้กับเป้าหมาย

และด้วยเหตุผลบางประการ พลังของวิล·อัสตินเริ่มอ่อนแอลงจนถูกอสรพิษปรอทตัวอื่นคุกคามหนักหน่วง การขอความช่วยเหลือจากอลัน จึงเป็นการดิ้นรนเพื่อให้เกิดผลลัพธ์บางประการ

และเดาได้ไม่ยาก ว่าเหตุใดอสรพิษปรอทถึงเกิดความขัดแย้งกันเอง

การไม่มีลำดับ 0 จะทำให้มีลำดับ 1 ได้สูงสุด 3 คนพร้อมกัน แต่ถ้ามีลำดับ 0 เส้นทางดังกล่าวจะไม่มีลำดับ 1 แม้แต่คนเดียว

จากประโยคข้างตน ผนวกกับสูตรโอสถจักรพรรดิมืดในความทรงจำไคลน์ ชายหนุ่มจึงได้ข้อสรุปให้ตัวเอง

หนึ่งในวัตถุดิบหลักของโอสถจักรพรรดิมืดก็คือ : ตะกอนพลัง ‘องค์ชายวิปริต’ สองชิ้น!

องค์ชายวิปริตคือลำดับ 1 ของเส้นทางจักรพรรดิมืด!

สิ่งนี้หมายความตรงตัวว่า ถ้าลำดับ 1 ของเส้นทางต้องการพัฒนาไปเป็นลำดับ 0 มันจะต้องฆ่าลำดับ 1 อีกสองคนเพื่อชิงตะกอนพลัง!

ด้วยความคิดดังกล่าว ไคลน์ยิ่งไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิล·อัสตินมากกว่านี้

หากทฤษฎีของเราถูกต้อง ข้อพิพาทดังกล่าวจะเป็นศึกระหว่างเทพของจริง คงไม่ใช่ฉลาดนักหากนำพาตัวเองเข้าไปอยู่ตรงกึ่งกลางสมรภูมิ…

ไคลน์ห่อหุ้มร่างกายด้วยพลังวิญญาณและส่งตัวเองกลับมายังโลกจริง ปล่อยให้พระราชวังโบราณเหลือเพียงความว่างเปล่า

เขตราชินี ภายในบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีลักษณะไม่โดดเด่นสะดุดตา ชุมนุมลับของมิสเตอร์ A ใกล้จะถูกจัดขึ้นตามกำหนด

ฟอร์สและซิลเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย คอยเดินตามไวเคาต์กายลิน ผู้สวมหน้ากากเหล็ก เข้าไปในห้องโถงหลักและเลือกเก้าอี้นั่งเป็นหลักแหล่ง

ก่อนชุมนุมจะเริ่มขึ้น ไวเคาต์กายลินเขียนความประสงค์ของตนลงบนกระดาษและส่งให้ผู้ช่วย มันภาวนาต่อเทพธิดา ขอให้วันนี้มีคนนำวัตถุดิบตรงตามความต้องการมาเสนอขาย

เฉกเช่นทุกครั้ง ฟอร์สแสดงพฤติกรรมเฉื่อยชา มีการเลื่อนผ้าคลุมหัวลงมาปกปิดใบหน้าเป็นบางคราว

เธอกำลังครุ่นคิดถึงสถานการณ์ของตระกูลอับราฮัมและการตายของมิสเตอร์ลอว์เรนซ์

หญิงสาวทราบดี ‘เพชร’ จากศพชายชราเป็นสิ่งใดไม่ได้นอกจากตะกอนพลังของลอว์เรนซ์ แต่เธอก็ไม่ทราบว่าเป็นของโอสถชนิดใดและลำดับเท่าไร

ฟอร์สพลิกเปิดอ่านเนื้อหาในสมุดบันทึก แต่ด้านในกลับไม่มีสิ่งใดสำคัญเขียนไว้ หากไม่ใช่หน้าเปล่า ก็จะเป็นอักขระซับซ้อนเกินกว่าความเข้าใจของเธอ

ช่างมันเถอะ ไม่สำคัญสักหน่อย เราต้องรักษาสัญญากับเขา… ฟอร์สเตือนสติ

ทันใดนั้น มิสเตอร์ A ผู้นั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวใหญ่และแต่งกายด้วยชุดคลุมหรูหรา พลันเปล่งเสียงอันแหบพร่าไปทั่วห้อง

“ข้ามีภารกิจ จงช่วยข้าตามหาผู้ศรัทธาของเดอะฟูล!”

เห…?

ฟอร์สรู้สึกราวกับถูกค้อนทุบเข้าท้ายทอย

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset