Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 395 : ตะกอนพลังเจ้าพนักงาน

ราชันเร้นลับ 395 : ตะกอนพลังเจ้าพนักงาน

จักรพรรดิมืด…?

แฮงแมน ผู้นั่งฟังคำบอกเล่าของจัสติสโดยไม่คิดอะไรในตอนแรก พลันหรี่ตาลงด้วยสีหน้าตกตะลึง

มันเพิ่งมีโอกาสได้ทราบว่า ไพ่บนโต๊ะเบื้องหน้ามิสเตอร์ฟูล คือไพ่เย้ยเทพของเส้นทางจักรพรรดิมืด!

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่าน…?

อัลเจอร์ชำเลืองมองสุภาพบุรุษสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวตามสัญชาตญาณ ก่อนจะรีบก้มศีรษะต่ำเมื่อนึกขึ้นได้

ถ้าเป็นฝีมือผู้รับใช้มิสเตอร์ฟูล เรื่องนี้ไม่มีทางเล็กน้อยแน่… อัลเจอร์ครุ่นคิดพลางรอฟังคำอธิบายเพิ่มเติมจากจัสติส

ฟอร์ส ผู้เคยทราบข่าวดังกล่าวจากซิล ย่อมคาดเดาตื้นลึกหนาบางได้เบื้องต้น จึงหันมาชำเลืองเดอะฟูลด้วยความฉงนเฉกเช่นคนอื่น หญิงสาวอยากทราบว่า สุภาพบุรุษเบื้องหลังม่านสายหมอกสีเทาจะแสดงอากัปกิริยาเช่นไรออกมา

ออเดรย์ หลังจากพบว่าตนอ่านท่าทีตอบสนองจากเดอะฟูลไม่ได้เลย เด็กสาวเว้นวรรคหนึ่งอึดใจก่อนอธิบายต่อ

“เหยื่อในคราวนี้คือมหาเศรษฐีนามคาพิน ข่าวลือหลายแห่งระบุตรงกันว่า คาพินคือนักค้ามนุษย์อันดับหนึ่งของกรุงเบ็คลันด์ จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืดได้แทรกซึมเข้าไปในคฤหาสน์และขโมยชีวิตคาพินไป รวมถึงช่วยชีวิตเด็กหญิงจำนวนมากผู้ตกเป็นเหยื่อการค้าทาสออกจากคุกใต้ดิน ขณะหน่วยพิเศษเข้าไปพบศพ ตามลำตัวคาพินถูกกองสุมด้วยไพ่ทาโรต์ บนใบหน้ามีไพ่ทาโรต์ถูกบรรจงวางไว้สองใบ… จัดจ์เมนต์และดิเอ็มเพอเรอร์”

เด็กสาวมิได้เล่าถึงการขโมยสมบัติภายในตู้นิรภัยเนื่องจากมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ไพ่ถูกโปรยลงบนตัวศพ? นั่นคือสัญลักษณ์การลงมือของชุมนุมทาโรต์?

เดี๋ยวก่อน…! นักค้ามนุษย์?

อัลเจอร์เริ่มวิเคราะห์คำสำคัญ ก่อนจะหันไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวและซักถามอย่างนอบน้อม

“มิสเตอร์ฟูล คาพินเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทาสในเขตอาณานิคมหรือ?”

นี่คือภารกิจซึ่งมันได้รับมาจากโบสถ์วายุสลาตัน และเคยฝากฝังให้ชาวเบ็คลันด์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นจัสติส เมจิกเชียน หรือเดอะเวิร์ล ช่วยจับตามองชายต้องสงสัยนามว่า ‘บาลุน’

จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่ออัลเจอร์ได้ยินคำว่า ‘นักค้ามนุษย์’ มันต้องนำไปเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ชาวเผ่าทวีปใต้และทาสบนเกาะในทะเลโซเนียหายตัวไปเป็นจำนวนมาก

อัลเจอร์เชื่อว่า ต้องเป็นเรื่องสำคัญและมีลับลมคมในระดับนี้เท่านั้น จึงจะดึงดูดความสนใจจากตัวตนอย่างเดอะฟูลได้

อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ตัดประเด็นการเคลื่อนไหวอย่างอิสระของผู้รับใช้เดอะฟูล อีกฝ่ายเป็นถึงบุคคลทรงพลังระดับไม่ต่ำกว่าครึ่งเทพ คงไม่ได้เอาแต่รอให้เทพคอยออกคำสั่งทุกกระเบียดนิ้ว…

อัลเจอร์วิเคราะห์

หืม คาพินเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของทาสในเขตอาณานิคมหรือไม่…?

เมื่อลองคิดทบทวน ไคลน์ประเมินว่าตนยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ทิ้ง เนื่องจากในคฤหาสน์คาพินมีผู้วิเศษมากถึงสี่คน ลำพังเรื่องนี้ก็มากพอจะทำให้เหตุการณ์เบื้องลึกเบื้องหลังไม่ธรรมดา

ตามปรกติแล้ว ต่อให้เป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยและมีเงินเหลือใช้ แต่หากต้องการจ้างผู้วิเศษมารับงานบอดี้การ์ด อย่างมากก็คงจ้างลำดับ 7 หนึ่งคนและลำดับ 8 หรือ 9 อีกสองสามคน แต่ในกรณีของคาพิน มันกลับมีเฮรัส ผู้เมื่อผนวกเข้ากับสมบัติวิเศษถุงมือโลหะ จะมีพลังต่อสู้ทัดเทียมลำดับ 5 เลยทีเดียว…

คำถามของแฮงแมนได้กระตุกให้ไคลน์ฉุกคิดประเด็นใหม่ และสัมผัสได้เลือนรางว่าบางทีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกันจริง

แต่นั่นเป็นเพียงทฤษฎี และยังไม่มีสิ่งใดมาช่วยพิสูจน์ในปัจจุบัน ไคลน์จึงตัดสินใจไม่ตามน้ำแฮงแมน เพียงหัวเราะในลำคอและกล่าว

“ผู้รับใช้ของเราแค่ต้องการสร้างผลงาน”

กะแล้วเชียว! ดวงตาออเดรย์พลันเปล่งปลั่ง

คิดไว้แล้วไม่มีผิด…! นี่คือครั้งแรกอย่างแท้จริง กับการได้ยินเรื่องราวของชุมนุมทาโรต์บนโลกความจริง… ฟอร์สกำลังมีความสุขเจือปนความคาดหวัง

ทางด้านอัลเจอร์กำลังเชื่อมั่น ถ้อยคำเมื่อครู่ของมิสเตอร์ฟูลต้องเป็นการบอกใบ้ทางอ้อมว่า ข้อสงสัยของตนมีโอกาสเป็นความจริงอยู่หลายส่วน

คาพินคงไม่ใช่นักค้ามนุษย์ธรรมดาแน่ ถึงขั้นทำให้ผู้รับใช้ของตัวตนระดับเทพต้องลงมือเองเช่นนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด เหตุการณ์ค้ามนุษย์และเหตุการณ์หายตัวไปของทาส ถือเป็นสองสิ่งซึ่งสอดคล้องกันอย่างลงตัว

โดยไม่รอให้จัสติสเล่าต่อ ไคลน์ใช้นิ้วเคาะโต๊ะทองแดงยาวแผ่วเบาพลางเสริม :

“จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาได้รับตะกอนพลังสองก้อนและต้องการขายออกไปโดยเร็ว เป็นตะกอนพลังของลำดับ 8 เจ้าพนักงาน และลำดับ 7 นักสอบสวน”

เจ้าพนักงาน. นักสอบสวน…?

ทั้งสองเป็นโอสถเส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ ในการควบคุมดูแลของราชวงศ์ออกัสตัสมิใช่หรือ?

มีเพียงเชื้อพระวงศ์ ขุนนางเก่าแก่ และสมาชิกกองทัพระดับสูงเท่านั้น จึงจะมีสูตรโอสถเส้นทางดังกล่าวไว้ในครอบครอง…

หนึ่งในกลุ่มข้างต้นคอยหนุนหลังคาพิน? ไม่สิ ยังตัดราชวงศ์กาสตีญ่าแห่งเฟเนพ็อตไม่ได้เช่นกัน…

อัลเจอร์ขมวดคิ้ว เริ่มตระหนักว่าเรื่องดังกล่าวซับซ้อนกว่าจินตนาการของตนไปไกล

ทางด้านออเดรย์กำลังคิดคล้ายกัน เธอไม่เคยทราบมาก่อนว่า ผู้วิเศษในคฤหาสน์คาพินจะมาจากเส้นทางผู้ตัดสิน

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า หนึ่งในขั้วอำนาจสำคัญของอาณาจักรโลเอ็น ให้ความร่วมมือกับนักค้ามนุษย์อย่างคาพิน… ออเดรย์เงียบงันพักใหญ่ เธอไม่รู้ว่าตนควรแสดงออกเช่นไร

เจ้าพนักงาน?

ฟอร์ส ผู้ทราบว่าเพื่อนรักของตน ซิล กำลังเก็บเงินก้อนใหญ่เพื่อรวบรวมวัตถุดิบหลักของโอสถชนิดดังกล่าว รีบซักถามด้วยสีหน้าสับสน

“อ…เอ่อ มิสเตอร์ฟูล ตะกอนพลังหมายถึงสิ่งใดหรือคะ?”

…ผิดคาดชะมัด ไม่คิดว่าจะถามเรื่องนี้… เธอควรถามว่ามันมีราคาเท่าไรไม่ใช่หรือ?

อา จริงสินะ เมจิกเชี่ยนเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกได้ไม่นาน คงยังไม่ทราบถึงกฎอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษ…

ไคลน์ผงะครู่หนึ่ง ก่อนจะเรียบเรียงคำพูดเพื่ออธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ

ทันใดนั้น ออเดรย์ชิงพูดแทน

“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันขอตอบคำถามข้อนี้แทนได้ไหมคะ? สิ่งแลกเปลี่ยนจะยังตกเป็นสิทธิ์ของท่านเช่นเดิม”

เธอและฟอร์สเป็นเพื่อนกัน เด็กสาวจึงอาสาอธิบายแทน เพราะเกรงว่าเดอะฟูลจะไม่ต้องการพูดเรื่องเดิมซ้ำซาก

“เชิญ” ไคลน์ยิ้มอ่อน

มิสจัสติสคอยเป็นห่วงเป็นใยเราเสมอ… ชายหนุ่มรำพันด้วยความรู้สึกด้านบวก

ฟู่ว… ออเดรย์ถอนหายใจยาว ก่อนจะหันไปทางฟอร์สและอธิบายโดยจงใจไม่ใช่ศัพท์เฉพาะของขุนนาง

“คุณอยากฟังคำตอบใช่ไหม? เช่นนั้นแล้ว คุณต้องการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด?”

ฟอร์สรับพยักหน้ารับ

“อยากฟัง!”

ตามด้วยการหันไปมองสุภาพบุรุษผู้กำลังถูกม่านหมอกสีเทาห้อมล้อม :

“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันสามารถแลกเปลี่ยนด้วยเนื้อหาภายในหนังสือ ‘ประสบการณ์โลกวิญญาณ’ บทถัดไปได้หรือไม่คะ?”

เธอเน้นคำว่า ‘บทถัดไป’ เพราะทราบว่า หากตนคัดลอกบทแรกให้เดอะเวิร์ล เดอะฟูลก็คงได้อ่านไปด้วย ดังนั้น การแลกเปลี่ยนด้วยเนื้อหาบทเดียวกัน จะไม่ถือว่าท่านได้ประโยชน์เพิ่มเติมแต่อย่างใด

ไม่ใช่เพราะเธอสงสัยว่าเดอะฟูลจะแอบอ่าน เพียงแต่หญิงสาวมองว่า พฤติกรรมเช่นนี้สามารถแสดงความจริงใจได้มากกว่า

ตัวตนระดับเทพคงสนใจเพียงทัศนคติและมารยาทพื้นฐาน… ฟอร์สจำได้ว่านิยายหลายเล่มเคยกล่าวถึงเรื่องนี้

ไคลน์เอนกายพลางมอบคำตอบเสียงขรึม

“ตกลง”

“ขอบคุณมาก มิสเตอร์ฟูล” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสโดยไม่ปิดบัง

เธอเชื่อว่าตนกำลังจะได้รับความรู้แสนสำคัญของโลกผู้วิเศษ!

ออเดรย์อมยิ้มมุมปาก

“โลกของผู้วิเศษย่อมมีกฎเหล็ก ขอเน้นย้ำอีกครั้ง สิ่งนี้คือกฎเหล็ก ปริมาณพลังวิเศษในเส้นทางเดียวกันจะมีค่าคงตัวเสมอ ไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่สามารถย้ายจากภาชนะหนึ่งไปสู่ภาชนะหนึ่งได้อย่างอิสระ ฉะนั้น หลังจากผู้วิเศษเสียชีวิต พลังพิเศษของพวกเขาจะแยกออกจากร่างกาย เกิดการควบแน่นและตกผลึกเป็นตะกอนพลัง สิ่งนี้มีค่าเทียบเท่าวัตถุดิบหลักทั้งหมดของโอสถชนิดดังกล่าว… อ๊ะ! จริงสิ มีข้อยกเว้นสำหรับการเสียชีวิตของผู้คลุ้มคลั่ง ตะกอนพลังของพวกเขามักถูกปนเปื้อนด้วยจิตมุ่งร้ายจนไม่สามารถนำมาปรุงเป็นโอสถ ทำได้เพียงเปลี่ยนให้เป็นสมบัติปิดผนึก”

หลังจากผู้วิเศษเสียชีวิต พลังพิเศษของพวกเขาจะตกผลึกกลายเป็นตะกอนพลังซึ่งมีค่าเทียบเท่าวัตถุดิบหลักโอสถ?

ข้อมูลแสนสำคัญช่วยให้ฟอร์สพลันกระจ่างในหลายเรื่อง

กลายเป็นว่า… มรดกตกทอดของมาดามอาริสา แท้จริงแล้วคือตะกอนพลังของเธอ…

กลายเป็นว่า… ในสายตาผู้วิเศษ ผู้วิเศษทุกคนนอกจากตัวเองล้วนเป็นวัตถุดิบหลักโอสถเดินได้… มืดมนชะมัด…

ฟอร์สกำหมัดแน่นเมื่อตระหนักว่าโลกของผู้วิเศษเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและหดหู่

อย่างไรก็ตาม เธอมิได้รู้สึกพะอืดพะอมแม้แต่น้อยเมื่อทราบว่าตนกินตะกอนพลังของมาดามอาริสาเข้าไป ตรงกันข้าม หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยน

นับตั้งแต่สูญเสียมารดา ก่อนจะได้พบเพื่อนสนิทอย่างซิล มาดามอาริสาคือผู้มีพระคุณอันดับหนึ่งของเธออย่างไร้ข้อกังขา สำหรับฟอร์ส การมีตะกอนพลังของอีกฝ่ายอยู่ในร่างกายนั้นเท่ากับว่า เธอและมาดามอาริสาจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

“อย่างนั้นเองหรือ… กฎอนุรักษ์พลังพิเศษในเส้นทางใกล้เคียงและความถาวรของพลังพิเศษ… หมายความว่า ตะกอนพลังจากศพผู้ผู้ตัดสิน จะมีค่าเทียบเท่าวัตถุดิบหลักทั้งสองชนิดของโอสถใช้ไหม?”

ฟอร์สถามย้ำเพื่อให้มั่นใจ

“ถูกต้อง” ออเดรย์ตอบโดยไม่ปิดบัง เธอเองก็อยากให้ซิลได้พัฒนาลำดับพลัง

ฟอร์สลุกขึ้นยืนและก้มศีรษะคำนับสุภาพบุรุษหลังม่านหมอกอย่างนอบน้อม

“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันอยากรบกวนให้ผู้รับใช้ของท่าน ช่วยเก็บตะกอนพลังเจ้าพนักงานไว้ก่อนสักพักจะได้ไหมคะ? ดิฉันต้องการซื้อมันจากใจจริง เพียงแต่สถานภาพการเงินในปัจจุบันยังไม่เอื้ออำนวย คงต้องขอเวลาอีกสักหนึ่งสัปดาห์”

“ไม่มีปัญหา” ไคลน์ตอบเสียงเรียบราวกับมิได้ใส่ใจเรื่องเงินทอง

ฟอร์สถอนหายใจยาวอย่างปลอดโปร่ง :

“เช่นนั้นแล้ว ผู้รับใช้ของท่านต้องการขายในราคาเท่าใด?”

วัตถุดิบหลักโอสถลำดับ 8 จะมีราคาชิ้นละสามร้อยปอนด์… ไคลน์อมยิ้ม

“หกร้อยปอนด์”

เมื่อบอกราคาเสร็จ ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนประเด็นสนทนาโดยทำทีไม่สนใจการค้าขาย

มันมองไปรอบโต๊ะหนึ่งครั้ง ก่อนจะเสกกระดาษหนังขึ้นมาหลายแผ่น ทุกแผ่นปรากฏตรงหน้าสมาชิกทุกคน

“เราจะสอนวิธีอ่านอักษรพิเศษของโรซายล์ให้พวกเจ้าโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน เพื่อให้พวกเจ้ารวบรวมไดอารีของโรซายล์ได้ง่ายขึ้น”

ข้อมูลบนกระดาษคือวิธีการอ่านตัวเลขและวันเดือนปีภาษาจีนกลาง

เหตุผลให้ไคลน์ต้องสอนวิธีอ่านตัวเลขและวันเวลากับทุกคน เพราะมันกังวลว่าสมาชิกชุมนุมอาจนำของ ‘เลียนแบบ’ มาให้ตนอ่านอีกในอนาคต และนั่นค่อนข้างน่าหงุดหงิด

ไดอารีของโรซายล์มักมีวันเดือนปีเขียนกำกับไว้เสมอ ข้อมูลข้างต้นมากพอจะช่วยคัดกรองไดอารีของปลอมได้เกือบทั้งหมด…

ไคลน์หัวเราะอย่างภูมิใจ

ออเดรย์และคนอื่นต่างประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาและเธอไม่คาดคิดว่าเดอะฟูลจะยอมสอนวิธีอ่านไดอารีโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยน ถึงแม้เนื้อหาจะเป็นพื้นฐานของพื้นฐาน แต่การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ถือเป็นก้าวแรกแสนสำคัญ ใครจะรู้ ในอนาคตอาจมีการสอนเพิ่มเติมหนสองหนสามตามมาอีกก็ได้!

หลังจากปล่อยให้แลกเปลี่ยนอีกเล็กน้อย ไคลน์ประกาศกึกก้องด้วยเสียงผ่อนคลาย

“วันนี้พอเท่านี้ก่อน”

“สุดแล้วแต่ท่าน” ออเดรย์ อัลเจอร์ และคนอื่นต่างลุกยืนคำนับพร้อมเพรียง

ร่างมายาของแต่ละคนเริ่มกลายเป็นแสงสีแดงเข้มก่อนจะเลือนรางหายไป พระราชวังโอ่อ่าเหนือสายหมอกสีเทากลับคืนความเงียบสงบอีกครั้ง เหลือทิ้งไว้เพียงไคลน์ ผู้กำลังนั่งบนเก้าอี้พนักสูงของเดอะฟูล

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset