Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1120 : ผู้ไล่ล่าแห่งวังราชา

ฉากสีน้ำเงินเข้มอันไร้ขอบเขตของทะเลที่กระเพื่อมแผ่วเบาคล้ายกับภายในนั้นเต็มไปด้วยชีวิตมากมาย กำลังปรากฏสู่สายตาทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์ ไม่ใช่เพียงการรับรู้จากตำนานในหนังสือหรือถ้อยคำจากคนนอก

แม้ว่าจะอยู่ใกล้มาก แต่รู้สึกราวกับสัมผัสได้

แอนเทียน่าเจ้าของผมสีไวน์แดงยืนมองด้วยท่าทีเหม่อลอย เธอเปิดปากราวกับต้องการกล่าวบางสิ่ง แต่ท้ายที่สุดก็พูดได้เพียง

“ทะเล…”

ทันทีที่กล่าวจบ รอยแยกสีเงินผุดขึ้นกึ่งกลางหน้าผากของเธอ

รอยแยกแตกเป็นทางยาวอย่างรวดเร็ว แบ่งร่างแอนเทียน่าออกเป็นสองซีกซ้ายขวา เลือดสีสว่างและอบอุ่นพรั่งพรูออกจากรอยแตก สาดกระจายเต็มใบหน้าเดอร์ริค

วินาทีถัดมา เส้นแสงสีเงินจำนวนมากส่องออกจากร่างแอนเทียน่า หั่นร่างของหญิงสาวให้กลายเป็นเศษเนื้อ

ใบหน้าที่เปี่ยมความหวังและโหยหา แตกละเอียดราวกับจิ๊กซอว์และโปรยปรายลงบนพื้น

โคลิน·อีเลียดตอบสนองเมื่อสาย เหวี่ยงดาบยาวเล่มหนึ่งในแนวนอน อีกเล่มในแนวเฉียง ราวกับกำลังฟาดฟันศัตรูล่องหน

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

แสงสีเงินส่องประกาย เสียงโลหะกระทบกันดังกึกก้อง แสงแห่งรุ่งอรุณที่ห่อหุ้มร่างกายโคลิน·อีเลียดเริ่มแตกกระจัดกระจายไปทุกทิศ

พร้อมกันนั้น อัศวินมายาด้านหลังคนเลี้ยงแกะโลเฟียร์ ก้าวไปข้างหน้าและแทงดาบยักษ์มายาปักลงบนพื้น

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! รอบตัวชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ บางสิ่งพยายามทำลายบาเรียล่องหน คล้ายกับแมลงที่ดิ้นรนอย่างสิ้นหวังภายในอำพัน

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

แสงสีเงินเส้นใหญ่ บางครั้งก็เส้นบาง ปรากฏขึ้นรอบตัวทุกคนอย่างต่อเนื่อง คล้ายกับบาเรียผู้พิทักษ์ที่กำลังปกป้องทีมสำรวจพร้อมจะพังลงในทุกเมื่อ แต่ทั้งโคลินและโลเฟียร์ก็ยังหาศัตรูไม่พบ

ขณะเดอะฟูล ไคลน์บนมิติหมอกเตรียมช่วยบอกใบ้ เจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์ฉุกคิดบางสิ่งได้และนำดาบทั้งสองเล่มมาไขว้กันด้านหน้า

เคร้ง!

แสงสีเงินเส้นหนาฟาดลงมายังกึ่งกลางดาบทั้งสองเล่ม ส่งผลให้ข้อเท้าของนักล่าปีศาจโคลินจมลึกลงไปในพื้นหิน

มันอาศัยจังหวะดังกล่าวคำราม

“เขตแดนเจิดจรัส!”

ได้ยินคำสั่งของเจ้าเมือง เดอร์ริคไม่ลังเลที่จะนำหนามบนไม้กางเขนแทงใส่นิ้ว

ทันทีที่เลือดไหลซึม แสงสว่างอันเจิดจ้าและบริสุทธิ์แผ่ขยายออกไปทุกทิศจนปกคลุมทุกซอกมุมของที่ว่างระหว่างอาคารสองหลัง

บริเวณดังกล่าวปราศจากเงาโดยสิ้นเชิง ไม่มีที่ให้หลบซ่อน แสงสว่างคือผู้มีอำนาจสูงสุดในละแวกนี้

ร่างกายขนาดมหึมาถูกวาดขึ้นด้านข้างวังราชาคนยักษ์ ‘มัน’ สวมเกราะสีเงินเต็มอัตราศึก สูงเกือบห้าเมตร แต่ด้านหลังเกราะหมวกไม่ใช่จุดแสงสีแดงหรือสีส้ม หากแต่เป็นดวงตาแนวตั้งหนึ่งดวง

นี่คือคนยักษ์ คนยักษ์ที่ยังมีชีวิต

มันทำการโจมตีทั้งที่ทีมสำรวจยังไม่ได้เข้าไปในเขตคุ้มครอง ตีความได้ว่ามันมีสติปัญญา

เกราะแขนของยักษ์ตนนี้แตกต่างจากอัศวินเกราะเงินตนอื่น มันมีลวดลายพิเศษ ตำแหน่งแรกอยู่ด้านขวา สีแดงเลือด ลวดลายวนรอบข้อมือ ตำแหน่งที่สองอยู่ด้านซ้าย เป็นจุดสีดำกระจายตัว

อัศวินยักษ์ยกดาบใหญ่ในมือขึ้นมาชี้ทีมสำรวจ กล่าวด้วยเสียงกึกก้อง

“กล้าดียังไงถึงบุกรุกวังราชาและรบกวนการหลับใหลของท่านลอร์ดซาสเรีย!”

ซาสเรีย? เทวทูตมืด ซาสเรีย? เดอะฟูล ไคลน์บนมิติสายหมอก เกิดความตกตะลึงจนต้องนั่งตัวตรง

อดีตหัตถ์ซ้ายแห่งเทพ ผู้ปกครองอันดับสองของดินแดนทวยเทพ ผู้นำแห่งราชาเทวทูต และหนึ่งในสองผู้นำของกุหลาบไถ่บาป แท้จริงแล้วท่านไม่ได้หายไปกับแม่น้ำสายยาวแห่งประวัติศาสตร์ แต่หลับใหลอยู่ในส่วนลึกของวังราชาคนยักษ์? ทำไมถึงเลือกจะหลับใหล? ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวไคลน์ โดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มชำเลืองไปทางวังที่อัศวินยักษ์คอยคุ้มกัน

อาคารดังกล่าวทั้งสูงและอลังการที่สุดในวังราชาคนยักษ์ คล้ายกับแสงสนธยาก่อตัวกลายเป็นชั้นวัตถุและปกคลุมพื้นผิวเอาไว้ มอบความรู้สึกหม่นหมองอย่างชัดเจนประหนึ่งยามสนธยาใกล้สิ้นสุดลง แทนที่ด้วยค่ำคืนอันเป็นนิรันดร์

ฝั่งหนึ่งเป็นยอดแหลม อีกฝั่งหนึ่งเป็นยอดหอคอย ทางเข้าหลักเป็นบานประตูคู่สีเทาน้ำเงิน สูงกว่าสิบเมตร เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ เครื่องหมาย และลวดลายสมมาตรที่ลึกลับและเป็นระเบียบ

บนบานประตูฝั่งซ้ายสูงจากพื้นสามถึงสี่เมตร มีช่องว่างสีดำขนาดใหญ่ประหนึ่งกำปั้นมนุษย์โตเต็มวัย

ได้เห็นฉากดังกล่าว ไคลน์หวนนึกถึงภาพที่เคยเห็นจากการทำนายฝันเมื่อครั้งอดีต โดยสื่อกลางที่ใช้ทำนายในคราวนั้นคือกุญแจคนยักษ์ซึ่งยืมมาจากพลเรือโทธารน้ำแข็ง เอ็ดวิน่า

นั่นคือกุญแจสำหรับเปิดประตูวังราชาคนยักษ์? ไคลน์เหยียดแขนออกไป พยายามใช้ตาทิพย์เพื่อมองเข้าไปในตัวตึก

น่าเสียดายที่ล้มเหลว กุญแจเหล็กสีดำขนาดเท่าพิณลอยมาตกอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม

ขณะเดียวกัน นักล่าปีศาจโคลินที่เห็นว่าอัศวินยักษ์ยังไม่โจมตีเข้ามา ตัดสินใจเปิดปากพูด

“ท่านคือผู้ไล่ล่าแห่งวังราชา?”

ดาบใหญ่ในมืออัศวินยักษ์มิได้ทำการฟาดฟัน มันชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเสียงทุ้ม

“แม้จะผ่านไปนาน แต่กลับยังมีคนจำจดผู้ไล่ล่าแห่งวังราชาได้…ถูกต้อง ข้าคือหัวหน้าผู้ไล่ล่าทั้งปวง ผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอน ในภายหลังคอยติดตามรับใช้ท่านลอร์ดซาสเรีย…ในอดีตเคยล่ามังกรที่แข็งแกร่ง เอลฟ์ ปีศาจ หมาป่าอสูร และฟีนิกซ์…ในวันนี้ พวกเจ้าได้รับเกียรติให้ตายภายใต้คมดาบของข้า”

ผู้พิฆาตแสงรายนี้มิได้ลดท่าทีคุกคามลง ร่างกายเอนไปด้านหลังเล็กน้อย สองมือจับดาบยาวแน่นกระชับ จากนั้นก็ปรี่เข้าหาทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์ด้วยบรรยากาศประหนึ่งอุกกาบาตทางเรียบ

เนื่องด้วยอำนาจแห่งไม้กางเขนเจิดจรัส มันมิอาจซ่อนตัวได้อีกต่อไป

ขณะที่ทีมสำรวจคำนวณว่าดาบใหญ่ของอัศวินยักษ์จะพุ่งมาถึงในอีกหนึ่งวินาที เมิร์สกอร์กอนชะงักฝีเท้าพร้อมกับสับดาบลงล่วงหน้า

โคลิน·อีเลียดซึ่งมิได้อยู่ในวงแหวนบาเรียของโลเฟียร์เหมือนคนอื่น เมื่อสัมผัสถึงภัยคุกคาม มันรีบกระโดดไปด้านข้างโดยไม่ลังเล

บึ้ม!

ในจุดที่มันเคยยืน เส้นแสงสีเงินอันแหลมคมปรากฏขึ้นพร้อมกับทำลายทุกสิ่งจากภายในสู่ภายนอก

เป็นการโจมตีที่แปลกประหลาด คล้ายกับเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า

ขณะเดียวกัน ร่างกายโคลิน·อีเลียดซึ่งกำลังย่อตัวลงบนพื้นเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง เสื้อผ้าฉีกขาดเนื่องจากกล้ามเนื้อที่ขยายใหญ่

เพียงพริบตา นักล่าปีศาจแปลงร่างกลายเป็นคนยักษ์ตัวสีเทาอมน้ำเงิน สูงสี่เมตร กึ่งกลางหน้าผากมีรอยแยกสีเข้ม ทุกส่วนของร่างกายแผ่กลิ่นอายความน่าเกรงขามและความลึกลับอันไร้จุดสิ้นสุด รวมถึงพลังวิญญาณที่แปลกประหลาด

หากผู้วิเศษลำดับต่ำกว่าสี่ได้เห็นฉากนี้ จิตใจจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก สมองปวดแปลบประหนึ่งถูกเหล็กเสียบกวน ร่างวิญญาณถูกกัดกร่อนและปนเปื้อน หากมิอาจทนต่อความเจ็บปวด ชะตากรรมคือภาวะคลุ้มคลั่งและเสียสติ หรือเลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือตายคาที่

ร่างสัตว์ในตำนานที่ไม่สมบูรณ์ของครึ่งเทพ

เดิมที โคลิน·อีเลียดไม่ต้องการใช้ร่างสัตว์ในตำนาน เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของแสงสนธยา แต่ปัจจุบัน มันพบว่าหากเป็นภายในเขตแดนเจิดจรัส อิทธิพลด้านความเสื่อมโทรมจะบรรเทาลงมาก

สองมือถือดาบยาวสองเล่มที่ขยายใหญ่ขึ้นจากผลของแสงรุ่งอรุณ โคลินต่อสู้อย่างดุเดือดกับผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนภายในเขตแดนที่แสงสว่างเป็นใหญ่เหนือเงา

เคร้ง เคร้ง!

ดาบสามเล่มของคนยักษ์สองตนปะทะกันและแยกจากอยู่หลายยก แม้โคลิน·อีเลียดจะตกเป็นรอง แต่ยังสามารถต้านทานการโจมตีจากหัวหน้าผู้ไล่ล่าแห่งวังราชา

ในบางครั้งที่มันสัมผัสถึงอันตราย โคลินไม่ลังเลที่ม้วนตัวกลิ้งเพื่อเปลี่ยนทิศทาง

โดยหลังจากนั้นเพียงอึดใจเดียว จุดที่มันเคยยืนจะถูกฟันด้วยเส้นแสงสีเงินและเกิดเป็นความพินาศจากภายใน

เดอร์ริคปิดตาสนิท แต่ก็ยังรักษาเขตแดนเจิดจรัสโดยไม่สนใจเลือดที่ไหลรินจากปลายนิ้ว ส่วนฮาอิมและอัศวินรุ่งอรุณอีกหนึ่งคนเองก็ไม่กล้าลืมตาขึ้น ทำได้เพียงคอยช่วยเหลือคนเลี้ยงแกะ โลเฟียร์ พาทีมสำรวจเคลื่อนตัวทีละนิดไปทางวังใกล้ ๆ โดยไม่ออกจากบาเรียคุ้มครอง

หากไม่มีความช่วยเหลือจากวิญญาณมารอัศวินเกราะเงิน ทุกคนคงถูกสับเป็นเศษเนื้อท่ามกลาง ‘พายุแสง’ ที่พัดกวาดไปทั่วสนามรบ

ลำพังผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนเพียงคนเดียว ทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับชนิดที่มิอาจตอบโต้กลับไป

สมแล้วที่เป็นหัวหน้าผู้ไล่ล่าแห่งวังราชา คงแข็งแกร่งที่สุดหากไม่นับเทพรับใช้…เมื่อเทียบกับนักล่าปีศาจ อัศวินสีเงินมีพลังพิเศษที่หลากหลายและน่ากลัวกว่ามาก…เดอะฟูล ไคลน์ บนมิติหมอกเสกคทาเทพสมุทรมาถือและเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างไม่ประมาท

มันค้นพบจุดแข็งของผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนอย่างรวดเร็ว

ประการแรก พลังป้องกันตัวในรูปแบบชุดเกราะสีเงินเต็มอัตราศึก ประการที่สอง สามารถซ่อนตัวจากแสงสว่างและปกปิดจิตสังหาร ประการที่สาม ‘ดาบรุ่งอรุณ’ ที่ควบแน่นเป็นเวลานานจนสามารถใช้งานได้แทนดาบจริง คมกริบ แถมยังมีพลังชำระล้าง ประการที่สี่ สามารถสร้าง ‘เส้นดาบสีเงิน’ ซึ่งโจมตีระยะไกล ข้ามสิ่งกีดขวางได้เกือบทุกชนิด โจมตีใส่เป้าหมายได้โดยไม่ต้องเคลื่อนที่ แถมการก่อตัวของ ‘เส้นดาบสีเงิน’ ก็ยังแทบจะไร้ร่องรอย ยากจะคาดเดาล่วงหน้า…

สรุปโดยสั้น อัศวินสีเงินคือนักบุญที่แข็งแกร่งอย่างมากในการประจันหน้า หากไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองเงินพิสุทธิ์มีประสบการณ์สูง สัญชาตญาณเฉียบแหลม และชำนาญการควบคุมร่างสัตว์ในตำนาน เขาคงตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติไปแล้ว เนื่องด้วยอีกฝ่ายเป็นผู้วิเศษเส้นทางเดียวกันที่มีลำดับสูงกว่า…ถ้าเปลี่ยนเป็นเราคงโดนตัดหัวไปนานแล้ว แต่แน่นอน เราจะไม่ดวลกับผู้ไล่ล่าแห่งวังราชาซึ่งหน้า…

พิจารณาจากสถานการณ์ เนื่องจากวิญญาณมารต้องคอยปกป้องโลเฟียร์ หมดสิทธิ์เข้าไปช่วยต่อสู้แน่นอน…ทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะแม้แต่น้อย…พวกเขากำลังล่าถอยอย่างใจเย็น ชาญฉลาดมาก…ถ้าเห็นท่าไม่ดี เดอะฟูลคงต้องส่งสายฟ้าลงไปสนับสนุน…แต่พระผู้สร้างแท้จริงอาจเฝ้ามองฉากนี้อยู่…‘พายุสายฟ้า’ ของเราไม่รุนแรงพอที่จะปิดฉากเมิร์สกอร์กอนในพริบตา…ท่ามกลางกระแสความคิดที่พรั่งพรู ไคลน์พลันตระหนักถึงความผิดปรกติ

นั่นก็คือ เหตุใดเมิร์สกอร์กอนซึ่งไม่ใช่เทวทูต ถึงมีอายุยืนยาวนับตั้งแต่ปลายยุคสมัยที่สองจวบจนปัจจุบัน? ชายคนนั้นไม่ใช่แม่มด แวมไพร์ หรืออมรณาสักหน่อย!

และเมื่อพิจารณาจากความมีสติและพลังที่ใช้ในการต่อสู้ ตะกอนพลังของเมิร์สกอร์กอนมิได้ถูกผสานเข้ากับเส้นทางอื่น

               …………………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset