หลังจากเดินผ่านประตูมายา ทริสซี่พรางตัวเงียบงันกระโดดจากหน้าผาตรงทางเข้า ร่อนลงไปในหุบเหวที่มืดมิดจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง
ที่นั่นคือสุสานลับของจักรพรรดิโลหิตทูดอร์
ระหว่างกำลังร่อนลง ร่างของทริสซี่เบาราวกับขนนก น้ำหนักของเธอแทบไม่หลงเหลือ แต่ความเร็วกลับไม่ลดลง
ไม่มีเวรยามคนใดตระหนักถึงการลอบเข้ามาของเธอ
ขณะทริสซี่กำลังย่างกรายเข้าใกล้เป้าหมาย เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ห้ามซ่อนตัวที่นี่”
ร่างของทริสซี่ถูกเผยทันทีโดยมิอาจขัดขืน เธอพบชายคนหนึ่งกำลังลอยอยู่เหนือสุสานซึ่งเด่นตระหง่านท่ามกลางก้นหุบเหวอันมืดมิด
ชายคนดังกล่าวมีโครงหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผมสีขาว หนวดม้วนเหนือริมฝีปาก คิ้วดกหนา ดวงตาค่อนข้างโต
แต่งกายในชุดสูทสุภาพ สวมผ้าคลุมผืนใหญ่ หัวรองเท้ายาวผิดปกติ รสนิยมค่อนข้างล้าสมัย ไม่ใช่ใครนอกจากครึ่งเทพผู้สนับสนุนจอร์จที่สาม เจ้าชายโกรฟ
นักล่าแห่งกลียุคลำดับสาม รายนี้สวมมงกุฎหนามเหนือศีรษะ ละอองแสงที่มารวมตัวกันรอบมงกุฎถักสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นทะเล
สมบัติปิดผนึก ศูนย์-สามหก
…
ปลายแม่น้ำทัสซอค ขณะไคลน์พาหุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนผ่านบานประตูมายา นิมิตภาพหนึ่งผุดขึ้นในความคิด
วิหารสีดำตั้งเด่นตระหง่านเบื้องหน้า ประตูบานมหึมากำลังเปิดกว้าง ด้านในมีชายแต่งกายด้วยกางเกงเอี๊ยมและหมวกทรงสูง สตรีผู้แต่งกายในเดรสแขนฟูฟ่อง และสตรีผู้สวมเดรสปักลวดลายดอกไม้
พวกมันทั้งหมดลอยอยู่กลางอากาศ ไม่มีใครขยับเขยื้อน
“ก๊า!” “ก๊า!” “ก๊า!”
อีกาดำบินวนรอบยอดแหลมของวิหาร ส่งเสียงร้องที่ช่วยให้ใจสั่น
ทั้งที่ยังมิได้คาดเดาสิ่งใด แต่ไคลน์กลับรู้สึกประหนึ่งตกลงไปในรอยแยกธารน้ำแข็ง ร่างกายเย็นเยียบ เส้นขนลุกตั้งชัน
ความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ทั้งหมดล้วนเรียกชื่อเดียวกัน
ซาราธ!
ในพริบตาสัญชาตญาณของไคลน์สั่งให้เปลี่ยนตำแหน่งกับหุ่นเชิดที่เตรียมไว้ด้านนอก พยายามหนีออกจาก ‘วิหาร’ ตรงหน้าให้เร็วที่สุด
เห็นได้ชัดว่ามันกำลังเผชิญกับ ‘ปาฏิหาริย์’ เพราะหลังจากผ่านบานประตูมายา แทนที่จะได้เข้าไปในสุสานลับของจอร์จที่สาม แต่มันกลับถูกส่งมายังสถานที่ซึ่งยากจะอธิบาย
วินาทีถัดมาชายหนุ่มพบว่าด้ายวิญญาณที่เชื่อมต่อกับหุ่นเชิดด้านนอกถูกตัดขาด ร่างหลักลอยสูงไปยังด้านในของวิหารสีดำสนิท
หากปราศจากนิมิตลางสังหรณ์ที่สูงกว่าระดับของตัวเองซึ่งช่วยให้ตระหนักถึงอันตรายล่วงหน้า ทุกสิ่งคงสายเกินกว่าจะตอบสนอง และไคลน์คงกลายเป็นหนึ่งในคอลเลกชั่นหุ่นเชิดเรียบร้อยแล้ว
โดยไม่มัวคิดมาก ไคลน์รีบควบคุมด้านวิญญาณ เรียกพวกมันทั้งหมดกลับมาและเชื่อมต่อเข้ากับตัวเองเป็น ‘วงกลม’ ทีละเส้น
ผลลัพธ์ช่วยให้มันรอดพ้นวิกฤติได้ชั่วคราว แต่ก็ต้องสูญเสียหุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนไปในเสี้ยววินาที
ลำคอของหุ่นเชิดทั้งสองกระตุกรุนแรง จากนั้นก็ถูก ‘มือล่องหน’ กระชากขึ้นไปแขวนไว้ด้านในวิหารที่มียอดแหลม
หลังจากรวมกลุ่มกับกองซากศพ พวกมันโยกเอนแผ่วเบาท่ามกลางสายลม เปล่งเสียงที่แตกต่างแต่เป็นคำพูดเดียวกัน
“ยินดีต้อนรับกลับ…”
…
ณ จัตุรัสรำลึก ร่างจินตนาการของกษัตริย์จอร์จที่สามยังคงมอบสุนทรพจน์
“…เราจะลดคุณสมบัติขั้นต่ำในการเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังจะมอบอำนาจเพิ่มเติมให้กับสภาสามัญ…”
แม้ผู้คนจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่า เหตุใดสุนทรพจน์ถึงมีพัฒนาการในทิศทางนี้ แต่ก็เนื้อหาก็ฟังดูไม่เลว
นี่คือร่างกฎหมายที่ยื่นโดยสภาขุนนาง…แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายให้ประชาชนฟัง…คล้ายกับเป็นการเน้นย้ำว่า พระองค์จะดำเนินตามนโยบายดังกล่าวในอนาคต…ออเดรย์ค่อนข้างฉงน มิอาจหาเหตุผลมารองรับ
ณ โบราณสถานหมายเลขหนึ่งแถบชานเมืองกรุงเบ็คลันด์ ภายในสุสานลับที่มืดมิดและสง่างาม
จอร์จที่สามตัวจริงซึ่งสวมมงกุฎสีดำเรียบร้อย เริ่มดื่มโอสถ
ร่างกายของมันแปรสภาพกลายเป็น ‘เงาดำแห่งระเบียบ’ และขยายออกไปในลักษณะที่น่าอัศจรรย์ สุสานทั้งเก้าแห่งเปรียบดังเกาะท่ามกลางมหาสมุทรที่ว่างเปล่า เป็นส่วนหนึ่งของ ‘กฎ’ ทั้งมวล ประชาชนซึ่งพากันตะโกนว่า ‘จักรพรรดิจอร์จที่สาม’ อย่างพร้อมเพรียงเปรียบดังประภาคารจำนวนมากที่เป็น ‘หลักยึดเหนี่ยว’ ให้กับผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลเอ็น ไบลัมตะวันออก และหมู่เกาะรอสต์ ทั้งหมดช่วยให้จอร์จที่สามหลุดพ้นจากโลกความจริงและกลายเป็นส่วนหนึ่งของ ‘เงาดำแห่งระเบียบ’
ระหว่างนี้ สติของจอร์จที่สามผันผวนอย่างมิอาจควบคุม ประหนึ่งกำลังถูกฉีกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ซาราธแห่งลัทธิเร้นลับติดต่อหาเราและเสนอตัวช่วยเหลือ…
เจ้านั่นบอกว่ามองเห็นความคิดของเกอร์มันสแปร์โรว์ผ่านคดีคาพิน ผ่านเหตุการณ์ลอบสังหารสตรีแห่งโรคภัย ผ่านเหตุการณ์ปิดปากกัปตันคลั่ง ผ่านการหายตัวไปของโจนาสโคลเกอร์ และอีกมากผลการทำนายของมันระบุว่า มันควรร่วมมือกับเราเพื่อช่วยเฝ้าสุสาน…รอให้เกอร์มันสแปร์โรว์เป็นฝ่ายเข้ามาหาด้วยตัวเองจากอิทธิพลของกฎการดึงดูด…
เจ้านั่นยังบอกด้วยว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการกำจัดครึ่งเทพเส้นทางนักทำนายที่เก่งกาจ คือความอดทนและสมาธิ…
ทำตัวเหมือนกับพวกนักต้มตุ๋นไม่มีผิด…
แถมยังพา ‘เทพหายนะ’ เซียอา มาช่วยอีกแรง…
เราใช้พลังของตัวเองในการทำพันธสัญญากับพวกมัน…
ผนวกกับการมีผู้ช่วยที่เราเชิญมาจากสภานักสิทธิ์สนธยา รวมถึงโกรฟที่ถือครองสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ แม้ว่าครึ่งเทพส่วนใหญ่ของกองทัพและราชวงศ์จะถูกส่งไปรบในแนวหน้าหรือไม่ก็ปกป้องเบ็คลันด์ แต่เราก็ไม่ต้องกังวลว่าพิธีกรรมจะถูกขัดขวาง เว้นเสียแต่เทพแท้จริงจะเสด็จเยือน…
และนั่นก็เป็นไปไม่ได้…เดิมที เราคิดจะใช้โอกาสนี้เพื่อจับ ‘ศัตรู’ ที่คิดขัดขวาง แต่ท้ายที่สุด โอกาสมันเหมาะสมแก่การเลื่อนลำดับ…
หึหึ…แม้แต่โกรฟก็ยังไม่รู้ไพ่ตายของเรา…เจ้านั่นไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้…
อีกเพียงไม่ถึงสองนาที เราจะกลายเป็นเทพผู้มีชีวิตนิรันดร์ จักรพรรดิมืดผู้ปกครองความจริง…
…
“ก๊า!” “ก๊า!” “ก๊า!”
ท่ามกลางโลกอันมืดมิดที่มีเสียงอีกาดังกังวาน ศพซึ่งถูกแขวนอยู่ใต้ยอดแหลมสีดำ ร่อนลงมาพร้อมกับพุ่งตัวผ่านบานประตูหลัก
ทุกสายตาจดจ้องไคลน์ที่อยู่ด้านนอก
แทบจะในเวลาเดียวกัน ร่างหนึ่งถูกวาดขึ้นอย่างเชื่องช้ากลางอากาศ
ไคลน์ไม่สนใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร ขณะอยู่ในสถานะพิเศษของด้ายวิญญาณ ชายหนุ่มรีบดีดนิ้ว
เปาะ!
เปลวไฟสีแดงลุกไหม้ออกจากกระเป๋าสตางค์ทันที เพียงไม่นานก็ลุกท่วมร่างกาย
เปลวไฟดับลงในเวลาไม่นาน แต่ไคลน์ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม มิอาจกระโจนออกไปด้านนอก
มันรีบกระตุ้นยุบพองหิวโหยต่อทันทีและพยายามใช้เทเลพอร์ตโดยปราศจากอาการลนลาน
ร่างไคลน์กลายเป็นโปร่งใส แต่ก็โผล่กลับมาอีกครั้งโดยที่มิอาจเคลื่อนย้ายตัวเองไปไหน
ประหนึ่งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดกลายเป็นจุดเดียวกันอย่างน่าประหลาด
ในเวลาเดียวกันร่างที่ปรากฏตัวกลางอากาศถูกวาดจนเสร็จ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา ผมยาวสีเกาลัด ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ไม่ใช่ใครนอกจากโรซายล์กุสตาฟในสมัยเป็นมหาจักรพรรดิ
มันมองต่ำมาทางไคลน์ สัญลักษณ์มากมายผุดขึ้นในดวงตา
จิตไคลน์บวมพองทันที อัดแน่นไปด้วยความรู้ปริมาณมหาศาลที่ทั้งมีประโยชน์และไม่มี
เพียงพริบตาชายหนุ่มรู้สึกว่าศีรษะของตนกำลังจะระเบิด ความคิดยุ่งเหยิงโดยสมบูรณ์ ไม่แม้แต่จะขยับปลายนิ้ว
อาศัยสัญชาตญาณไคลน์ถ่ายเทความรู้เหล่านั้นเข้าไปในหนอนวิญญาณจำนวนมหาศาล
ผลลัพธ์ช่วยให้ไคลน์สามารถควบคุมร่างกายได้อีกครั้ง มือขวารีบจับคว้าบางสิ่งจากอากาศตรงหน้า
แขนของมันยวบลงกะทันหัน ไคลน์รีบชักกลับและดึงหางสีเงินสว่างซึ่งปราศจากเกล็ดออกมา ขณะเดียวกัน หุ่นเชิดจากด้านในวิหารกำลังพุ่งผ่านกรอบประตูและเตรียมโจมตี นอกจากนั้นยังมีอีกสองร่างใหม่ถูกวาดขึ้นกลางอากาศ
ในวินาทีที่ไคลน์ปล่อยมือขวา งูยักษ์ได้ปรากฏกายท่ามกลางดินแดนอันมืดมิด
ดวงตามีสีแดงสด สายตาเย็นชา บนร่างกายเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ ‘กงล้อ’ ที่แตกต่างกันจำนวนมาก
อสรพิษแห่งชะตา!
ไคลน์มิได้อัญเชิญตัวตนดังกล่าวจากช่องว่างประวัติศาสตร์ แต่เป็นวิลอัสตินที่ใช้ยันต์วันวานอีกครั้งและปรากฏตัวจากการเผาไหม้นกกระเรียนกระดาษในกระเป๋าสตางค์
การใช้ ‘กระโจนเพลิง’ เมื่อครู่ แท้จริงแล้วเป็นการขอความช่วยเหลือจากอสรพิษแห่งชะตา
และเหตุผลที่ต้องทำท่าทาง ‘ดึงออกมา’ ก็เพื่อปกปิดความจริงจากเทวทูตฝั่งตรงข้าม ไม่ให้อีกฝ่ายทราบตำแหน่งของอสรพิษแห่งชะตาและสร้างความเดือดร้อนแก่ครอบครัวนายแพทย์อลัน
สถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมือนกับการกำจัดร่างโคลนอามุนด์ในคราวก่อน ไคลน์ไม่มั่นใจว่าจะขจัดภัยอันตรายได้ทั้งหมด จึงปรึกษากับวิลล่วงหน้าเพื่อหารือทางออกที่ดีที่สุด
โชคดีที่แผนการของวิลอัสติน ช่วยปิดบังแก่นแท้ของ ‘การอัญเชิญ’ เมื่อครู่อย่างมิดชิด
ทันใดนั้น อสรพิษปรอทขนาดมหึมาอ้าปากงับหางตัวเอง กลายเป็นกงล้อที่ดูลึกลับและน่าอัศจรรย์
สองร่างลึกลับปรากฏขึ้นสองฝั่งซ้ายขวาของภาพฉายของโรซายล์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ร่างหนึ่งคือราชินีเงื่อนงำ แบร์นาแดตซึ่งตัวจริงกำลังต่อกรกับเทวทูตลำดับหนึ่ง ‘หัตถ์ประกาศ’ วิลเลียมออกัสตัสที่หนึ่งอย่างดุเดือด ส่วนอีกร่างหนึ่งมีปีกเปล่งแสงบริสุทธิ์สยายจากแผ่นหลัง บรรยากาศยืนยันได้ชัดเจนว่าเป็นเทวทูต!
เพียงพริบตา ร่างของเทวทูตที่เพิ่งปรากฏกายทั้งสองเลือนหายอย่างรวดเร็ว ส่วนหุ่นเชิดที่พยายามโจมตีไคลน์ ถูกส่งกลับไปแขวนไว้ใต้ยอดแหลมของวิหารสีดำอีกครั้ง
หุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนถูกไคลน์พาออกจากบานประตูมายาด้านหลัง หลบหนีออกจากโลกที่มีเสียงอีกาดังกังวานและโผล่ที่ปลายแม่น้ำทัสซอคอีกครั้ง
อสรพิษแห่งชะตา เริ่มต้นใหม่!
อสรพิษยักษ์ไร้เกล็ดเลือนหายไป ส่วนไคลน์ไม่ลังเลที่จะใช้เทเลพอร์ตส่งตัวเองผ่านโลกวิญญาณไปโผล่ที่สุสานลับอีกแห่งหนึ่ง มันใช้เลือดที่ยังเหลือวาดสัญลักษณ์และทำการเปิดประตูมายา
ในคราวนี้ มันเข้าไปด้านในจนกระทั่งพบสุสานลับที่มืดมิดและหม่นหมอง จากนั้นก็อัญเชิญคทาเทพสมุทร เสกพายุสายฟ้าอันน่าสะพรึงหนแล้วหนเล่าเพื่อทำลายเป้าหมายให้สิ้นซาก
ถัดมาไคลน์หันหลังกลับและจากไป
ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างราบรื่นราวกับความฝัน
ใช่แล้วความฝันอันแสนหวาน
ไคลน์ซึ่งตื่นตัวตลอดเวลาในความฝัน ตระหนักว่านับตั้งแต่ที่ตนย่างกรายเข้าไปในซากโบราณสถาน มันตกอยู่ในความฝันที่ใครบางคนสร้างขึ้น!
……………………..